“สัตว์ปีศาจน้อย ไข่ที่อยู่ในคลังเก็บของแลกได้เท่าไร?”
“ตามความ้าของคุณ ไข่ไก่ที่เหลือแปดพันใบแลกกับลูกไก่ ส่วนไก่ที่เหลือกับไข่เอาไปแลกเป็เขตเพาะเลี้ยงเพิ่ม ตอนนี้มีทั้งหมดสิบไร่แล้วครับ”
หลิวเต้าเซียงคิดดูแล้วจึงเอ่ย “เช่นนั้นก็ตามนี้ไปก่อน พื้นที่สิบไร่เป็เขตเพาะเลี้ยง”
“เซียงเซียง พื้นที่สิบไร่ไม่อาจเลี้ยงไก่ได้ห้าพันตัว เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างนัก ความหนาแน่นอาจจะทำให้ไก่ป่วยได้ ต่อไปเลี้ยงได้แค่ไร่ละสามร้อยตัวครับ!”
“ไม่ได้ก็ไม่ได้ ต่อไปหากวางไข่ ก็ขอแลกข้าวโพด ข้าวร่วนและรำข้าวก่อน รอจบปีนี้ไป ปีหน้าเราค่อยขยายเขตเพาะเลี้ยงของนายทางนั้นให้ดี”
แบบนี้ก็ดี สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบรับอย่างมีความสุข
ขณะนั้นหลิวชิวเซียงกําลังตรวจสอบลูกไก่และพูดคุยไปพลาง “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าไปดื่มน้ำในห้องครัว เห็นท่านปู่มาพอดีและได้นั่งคุยเื่นี้กับท่านพ่อตรงข้างบันไดหิน”
เื่การช่วยหลิวต้าฟู่เพาะปลูกที่ดินไม่กี่ไร่นั้น สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงไม่มีความเห็น เพียงแค่ไม่ชอบหน้าคนที่บ้านเก่าก็เท่านั้น
“ไปก็ดี! ทางที่ดีไม่ต้องกลับมาอีก!” หลิวเต้าเซียงดีใจอย่างมาก “ท่านพี่ เมื่อท่านปู่ท่านย่าไปแล้ว เราก็ไปรับท่านยายมาพักเถิด”
หลิวชิวเซียงยิ้มเบาๆ “ท่านพ่อท่านแม่ต้องเห็นชอบแน่นอน ข้าว่าน้องรอง เ้าคงอยากให้ท่านยายทำของกินให้อีกแล้วสิ!”
“ไม่ใช่สักหน่อย เรารีบนับเถิด อาศัย่ที่ยังเช้าอยู่ ข้าจะลากลาไปรับลูกไก่มาอีก”
ทันทีที่ลาตัวนี้มาถึงบ้านเมื่อวาน หลิวเต้าเซียงก็รีบไปหาหญ้าอ่อนมาสานสัมพันธ์กับมัน
หากมีของกินไว้ล่อ ย่อมได้ผลเสมอ
ลาตัวนี้จำหลิวเต้าเซียงได้แล้ว แม้แต่หลิวซานกุ้ยที่นำมันกลับมาก็ยังต้องยืนข้างหลัง
หลิวเต้าเซียงจูงลาไปด้านหน้า เห็นมารดาไม่รู้ไปหาเมล็ดพันธุ์ผักมาจากไหน นางจึงถามเื่ที่ปู่กับย่าจะไปตัวเมืองเมื่อใด
จางกุ้ยฮัวคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนได้ยินพ่อสามีบอกว่าเป็เช้าวันรุ่งขึ้น
หลิวเต้าเซียงมีความสุข “นางไม่เอ่ยปากขอยืมลาหรือ?”
“จะไม่ขอได้อย่างไร? เพียงแต่เราไม่ยอม! นั่นซื้อด้วยสินเ้าสาวของแม่ อีกอย่างลาก็ต้องเอาไว้ใช้ตอนพรวนดิน”
หลิวเต้าเซียงเงียบไป จางกุ้ยฮัวพูดเพียงประโยคเดียว หลิวต้าฟู่ต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน คราวที่แล้วที่หลิวฉีซื่อโดนทุบตีอย่างหนักจึงไม่กล้ารังแกครอบครัวนี้อย่างโจ่งแจ้ง
“ไม่ต้องไปสนใจนาง ดูสิว่าจะอวดดีไปได้ถึงไหน” หลิวเต้าเซียงเอ่ย
“คำพูดเช่นนี้ เด็กอย่างเ้าไม่ควรพูด หากคนอื่นได้ยินจะหาว่าเ้าอกตัญญู” แม้ว่าในใจของจางกุ้ยฮัวจะเห็นด้วยกับคำพูดของนาง แต่ก็ต้องสั่งสอนนางไว้ด้วย
หลิวเต้าเซียงแลบลิ้นแล้วขานรับกับมารดา จากนั้นก็จูงลาออกจากบ้านไป
ที่บอกว่านางจะไปตระเวนรับลูกไก่ที่หมู่บ้านอื่น อันที่จริงนางไปขนออกมาจากห้วงมิติ แน่นอนว่าต้องไปรับลูกไก่จากคนอื่นผสมกันมาบ้าง
จริงปลอมผสมปนเป สุดท้ายก็กลายเป็เื่จริง!
เมื่อหลิวเต้าเซียงกลับมาทานอาหารค่ำ จางกุ้ยฮัวก็รู้ถึงแผนการของสองพี่น้อง จึงอาศัยจังหวะที่ทานข้าวเสนอเื่นี้กับหลิวซานกุ้ย
ั้แ่หลิวซานกุ้ยออกมาจากบ้านหลังเก่า เขารู้สึกว่าภาระความกดดันที่เคยอยู่บนบ่านั้นเบาสบายมากขึ้น
เมื่อคิดว่าตนเองได้แต่งงานกับภรรยามาหลายปี แต่จางกุ้ยฮัวไม่เคยมีโอกาสได้พาแม่ยายมาพักค้างคืนที่บ้านแม้แต่หนเดียว จึงรู้สึกละอายใจอย่างหนัก
“ก่อนหน้านี้ข้าไร้ความสามารถ หากข้ามีจุดยืนที่แข็งแรงกว่านี้ และแยกแยะได้ดีกว่านี้ คงไม่ทำให้พวกเ้าแม่ลูกต้องลำบากไปด้วย หากไปรับแม่ยายมาพักก็ให้อยู่นานหลายวันหน่อย แม่ข้าก็ไปตัวเมืองพอดี”
หากไม่มีหลิวฉีซื่ออยู่ เชื่อว่าเฉินซื่อคงจะมีความสุขมาก
จางกุ้ยฮัวมีความสุขมากจึงมีสีหน้ายิ้มแย้ม “ดี เราซื้อที่ไว้แล้ว บ้านก็เช่าไว้แล้ว เหลือเพียงขนย้ายข้าวของ แต่ก็ไม่มีเวลาว่างเสียที ข้าคิดว่า หรือเราจ้างคนให้ช่วยซ่อมแซมบ้านหลังนั้นใหม่ เมื่อทุกอย่างแห้งดีแล้ว แม่ข้าจะได้ย้ายเข้าไปพัก”
“เ้ามีความคิดที่ดี เมื่อท่านแม่มา เราก็ซื้ออาหารดีๆ ไว้เยอะหน่อย เมื่อมีลาแล้ว งานในนาก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ข้าคุยกับอาจารย์กัวแล้วว่าขอไปเรียนที่บ้านเขาแค่่เช้า ส่วน่บ่ายจะกลับมาทำงานไร่นา”
“จะไม่เป็ไรหรือ? อาจารย์กัวบอกว่าปีนี้เ้าต้องไปสอบถงเซิงมิใช่หรือ?” จางกุ้ยฮัวกลัวว่าจะกระทบกับการเรียนของเขา
เมื่อมีความหวังก็มีความคาดหวัง!
หลิวซานกุ้ยไม่สนใจ “ข้าได้ยินอาจารย์กัวพูดว่า บางคนในโรงเรียนที่ศึกษามาตลอดชีวิตก็เป็ได้แค่ถงเซิง ข้าก็แค่ดีกว่าพวกเขาหน่อยตรงที่ความจำดี เวลาเล่าเรียนก็สบายกว่า จึงมีเวลามาดูแลที่บ้านได้ด้วย”
สิ่งที่หลิวซานกุ้ยพูดถึงเื่ความจำดี ก็คือการที่อ่านแล้วไม่ลืม
จางกุ้ยฮัวไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ เมื่อเห็นว่าเขาแน่วแน่กับความคิดนี้จึงไม่พูดอะไรมาก
ในตอนเช้าตรู่ หมู่บ้านที่เงียบสงบมีเสียงสุนัขเห่าหอนดังขึ้น ถนนหนทางที่ราบเรียบก็มีแสงสีขาวคลุ้งไปทั่ว ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้หนึ่งกำลังบังคับเกวียนวัวที่บรรทุกคนหลายคนไปที่ตำบล
ไม่มีใครสนใจเื่นี้ บางคนรู้ว่าหลิวฉีซื่อจะไปตัวเมืองในจังหวัด แต่ก็ไม่มีใครมีเวลาว่างมากพอจะใส่ใจ เพราะเอาแต่ง่วนอยู่กับการดูแลที่นาของตนเอง
สุดท้ายหลิวซานกุ้ยก็ยังไม่ได้ไปที่โรงเรียน ก่อนที่หลิวต้าฟู่จะเดินทางก็ได้ไหว้วานให้เขาช่วยดูแลจัดการที่นาให้ดี
คราวนี้การลงปุ๋ย ดำนาและนำท่อน้ำลงในนาก็เป็งานที่หลิวซานกุ้ยต้องรับไว้คนเดียว
ส่วนจางกุ้ยฮัวเองก็ไม่ค่อยว่าง ่นี้นางไปมาหาสู่หลายบ้านเพื่อขอยืมพันธุ์ลูกหมูสี่สิบถึงห้าสิบตัวกลับมา ซึ่งยังห่างไกลจากจำนวนสองร้อยตัวที่ตั้งเป้าไว้
วันนี้หลิวซานกุ้ย้าใช้ลาเพื่อเพาะปลูกที่ดิน หลิวเต้าเซียงจึงไม่ได้ออกไปตระเวนรับลูกไก่
่ต้นยามเซินบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็เวลาราวบ่ายสาม หวงเสียวหู่นำข่าวมาให้นางที่บ้าน
ตอนที่เขามา หลิวชิวเซียงกำลังจับสะดึงและเย็บปักดอกไม้อย่างจริงจังอยู่ตรงขั้นบันไดหิน
น้ำใสกำเนิดดอกบัวที่งดงาม ธรรมชาติรังสรรค์ภาพแกะสลัก
หวงเสียวหู่บรรยายออกมาได้เพียงเท่านี้ จากนั้นก็หงุดหงิดตนเองที่ไม่เล่าเรียนให้มากกว่านี้ รู้จักแต่เที่ยวเล่นเสเพลไปวันๆ ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ซึ้งถึงตอนที่ต้องใช้ขึ้นมา
หลิวชิวเซียงรู้สึกว่ามีคนเข้ามาจึงเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตดำขลับคู่สวยมองมา นางส่งยิ้มเบาๆ และเอ่ย “พี่หูจื่อ รีบเข้ามานั่งเร็ว ข้าจะรินน้ำชาให้เ้า”
“ไม่ๆ ไม่ต้อง!” หวงเสี่ยวหูนานๆ ทีจะทำท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
หลิวชิวเซียงไม่ทันสังเกตเห็นว่าใบหูของเขามีสีแดงระเรื่อ!
“คือว่า น้องชิวเซียง ลุงรองพาทั้งครอบครัวกลับมา กำลังนั่งเกวียนวัวกลับมา”
หลิวชิวเซียงตอบว่า “อืม ใกล้เทศกาลเชงเม้งแล้ว ครอบครัวลุงรองข้าสมควรกลับมาแล้ว เพียงแต่เหตุใดหนนี้จึงกลับมาเร็วนัก ยังห่างจากเทศกาลเชงเม้งตั้งครึ่งเดือนไม่ใช่หรือ? แต่ก่อนเขาแทบจะมาถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารในวันเชงเม้งด้วยซ้ำ”
“เฮ้อ เ้าอย่าคิดเองสิ ข้าว่าน้องชิวเซียง เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงวิ่งหน้าตั้งมาบอกข่าวกับเ้า ครอบครัวลุงรองของเ้าย้ายกลับมาจากตำบลแล้ว”
“อะไรนะ?” ปฏิกิริยาแรกของหลิวชิวเซียงคือ ของดีของครอบครัวต้องรีบเก็บซ่อนไว้ให้ดี
“ครอบครัวลุงรองของข้าจะย้ายกลับมาจริงหรือ?” นางถามอีกครั้ง
“ข้าเห็นด้วยตาของข้าเอง เขาใช้เกวียนวัวสามลำลากของกลับมา! ลังข้าวของประมาณเจ็ดแปดใบ ตอนที่ผ่านหน้าบ้านข้า ยังบอกกับท่านปู่ข้าว่า ต่อไปจะกลับมาอยู่อาศัยที่บ้าน บอกว่ารู้สึกว่าปู่ย่าชราแล้ว จึงอยากมาดูแลใกล้ชิดเพื่อตอบแทนคุณ เฮอะ พูดออกมาใครจะเชื่อ ใครเล่าไม่รู้ว่าลุงรองเ้าเป็คน...”
หวงเสียวหู่โบกมือปัด ราวกับอยากไล่แมลงวันที่ก่อกวนอยู่
“จริงหรือ? พี่หูจื่อ เ้านั่งพักก่อน ข้าจะไปตามหาท่านแม่กับน้องรอง ช่วยข้าดูน้องสามที”
หลิวชิวเซียงและหวงเสียวหู่ก็สนิทสนมกัน เวลาใช้งานเขาจึงไม่ได้ปรานีแต่อย่างใด
“โอ้ ข้ารู้แล้ว เ้ารีบไปเถิด ปู่กับย่าเ้าไม่อยู่ที่บ้าน ข้าเดาว่าครอบครัวลุงรองเ้าคงจะมาก่อเื่วุ่นวายที่บ้านเ้าแน่”
หวงเสียวหู่เป็ห่วงจริงๆ ปู่ของเขาเคยบอกว่า คนอย่างหลิวเหรินกุ้ยนั้นปากหวานปานน้ำผึ้ง แต่แท้จริงเป็คนสองหน้า พร้อมจะเชือดเฉือนคน
หลิวชิวเซียงเจอหลิวเต้าเซียงอยู่ที่เล้าไก่ด้านหลัง เทียบกับการถือเข็มเย็บปัก นางชอบดูไก่เติบโตทุกวันมากกว่า ในสายตาของนางสิ่งที่วิ่งไปมาบนพื้นไม่ใช่ลูกไก่ แต่เป็เงิน ทั้งยังกองเต็มูเาด้วย
“น้องรอง รีบกลับเข้าบ้านกับข้าเร็ว ครอบครัวลุงรองกลับมาแล้ว ท่านปู่ท่านย่าไม่อยู่บ้าน ไม่แน่ว่าเดี๋ยวก็คงมาที่บ้านเราแน่นอน”
หลิวเต้าเซียงลุกขึ้นยืนทันที “เขายังมีหน้ามาอีกหรือ ไม่ยอมรับครอบครัวฝั่งเราแล้วไม่ใช่หรือ? งานเลี้ยงบ้านใหม่ เื่ใหญ่เช่นนี้ เขามาด้วยหรือ? ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดใดๆ พ่อแม่เราก็บอกไม่ใช่หรือว่า ครอบครัวเขาอาจจะโมโหอยู่ลับหลังก็ได้!”
จากนั้นหลิวเต้าเซียงก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ “ท่านพี่ คราวที่แล้วที่ท่านปู่มา ได้ฝากกุญแจบ้านเก่าไว้ให้หรือไม่ ท่านย่าจะวางใจทิ้งไว้ในบ้านหรือ?”
“เอ ข้าก็ไม่รู้ ข้าไม่เคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยถึง อีกอย่างเราต้องรีบเก็บของดีไว้ก่อน ตอนที่พี่จูเอ๋อร์มา จะอยากได้ของของเราอีก”
หลิวชิวเซียงยังมีภาพจำที่ร้ายลึกของหลิวจูเอ๋อร์อยู่ในหัวเป็อย่างดี
หลิวเต้าเซียงพยักหน้า แล้วหันไปะโบอกมารดาที่กําลังยุ่งอยู่กับเล้าหมูว่า ลุงและครอบครัวได้ย้ายกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว
นางได้ยินเพียงเสียงเคร้งคร้างในคอกหมู เป็เพราะถาดอาหารในมือของจางกุ้ยฮัวหล่นลงพื้น
ขณะนั้นจางกุ้ยฮัวปรากฏตัวออกมาจากเล้าหมูพร้อมกับความคิดที่เหลือเชื่อ “ลูกรัก เ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่าครอบครัวของลุงรองย้ายกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว”
หลิวเต้าเซียงตอบขณะที่เดินออกจากเล้าไก่ แล้วพูดอย่างรวดเร็วอีกว่าตนเองต้องรีบกลับไปเก็บซ่อนของดีๆ ในบ้านให้เรียบร้อย
เมื่อจางกุ้ยฮัวได้ยินเช่นนี้ นางก็ไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจลูกหมูต่อ จึงเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วตรงดิ่งเข้ามาในบ้านอย่างรีบร้อน
นางจำได้ว่าบุตรสาวคนรองหยิบผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดออกมาสองสามเมตรและบอกให้นางทำชุดฤดูใบไม้ผลิให้สองพี่น้อง
บุตรสาวใคร ใครก็รัก
หลิวซุนซื่อเป็คนที่เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ แต่ก็รักใคร่ลูกๆ ของตนเองอย่างมาก หากนางได้เห็นผ้าเ่าั้ ต้องเอ่ยปากขออย่างแน่นอน
จางกุ้ยฮัวจะเต็มใจให้ได้อย่างไร บุตรสาวของนางเองก็ต้องแต่งตัวเช่นกัน
หลังจากที่สามแม่ลูกวุ่นวายกันยกใหญ่ ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าของตรงหน้าถูกจัดเก็บเรียบร้อยดีแล้ว หลิวชิวเซียงก็เพิ่งนึกได้ว่าตนเองได้ทิ้งหวงเสียวหู่ไว้ด้านนอกคนเดียว
นางดึงหลิวเต้าเซียงและพูดอย่างประจบประแจง “น้องรอง ข้ารู้ว่าเ้าดีที่สุด เ้าช่วยข้าคิดหาวิธีหน่อยสิ!”
หลิวเต้าเซียงมองนางอย่างระแวดระวัง ทุกครั้งที่หลิวชิวเซียงไม่สามารถจัดการกับบางอย่างได้ก็มักจะพูดแบบนี้
“ท่านพี่ บอกมาตามตรงเถิด ขืนยังอ้อมค้อมอีก อีกเดี๋ยวครอบครัวลุงรองคงมาถึงบ้านพอดี”
“เฮ้อ น่าเบื่อจริง ข้าก็แค่อยากแกล้งเ้าเล่น” ถัดจากนั้นหลิวชิวเซียงก็ทำแววตาน่าสงสาร กะพริบตาปริบๆ และเอ่ย “ข้าลืมพี่หูจื่อที่มาส่งข่าวไว้ด้านนอก เขาต้องโกรธแน่นอน”
หลิวเต้าเซียงฟังแล้วพยักหน้าอย่างแรง แย่แล้วสิ พี่สาวกำลังจะมีเคราะห์แล้ว แม้ว่าปกติหวงเสียวหู่จะเป็คนโผงผาง แต่บางทีก็ชอบคิดเล็กคิดน้อย โดยเฉพาะกับพี่สาวของนาง
-----
