เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ประมุขตำหนักโยวิยึดเอามีดบินปี้ลั่วเก้าเล่มของิอวี่ไป ตอนนั้นเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะชิงมันกลับมา
แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ิอวี่ได้ฝึกเพลงกระบี่หวงฉวน กำลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว!
อีกทั้งในสามวันที่ผ่านมาิอวี่ก็ต่อสู้กับอสูรอยู่ต่อตลอด เขาฝึกเพลงกระบี่หวงฉวนจนชำนาญคล่องมือมากแล้ว กระบวนท่าของเขาดุดันและน่ากลัวมากขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น ร่างกายของิอวี่ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมา หยกโบราณดูดพลังงานและเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ร่ายกายของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมมาก!
ดังนั้น ด้วยความสามารถของิอวี่ในตอนนี้ หากเผชิญหน้ากับประมุขตำหนักโยวิ เขามีกำลังสู้ได้อย่างแน่นอน!
ในเวลานี้เอง มีเสียงดังขึ้นมาจากแดนไกลอีกครั้ง มันเป็เสียงร้องคำรามที่รุนแรงมาก ิอวี่ประเมินว่าน่าจะมีการต่อสู้อยู่ แล้วมันก็เข้าสู่่ตัดสินสุดท้ายแล้วด้วย
จะต้องไปดูให้รู้ก่อนที่การต่อสู้นี้จะจบลง
ิอวี่คิดแบบนี้แล้วก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาวิ่งผ่านูเาอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดพัก เพื่อไปตามต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เอง หยกโบราณของิอวี่ก็ปรากฏแสงสีขาวออกมา จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในหัวของเขาว่า “นี่ เ้าคิดจะไปแบบนี้น่ะหรือ?”
ิอวี่อึ้งไป เสียงนี้นี่มันของเฮยจีไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ิอวี่ไม่เห็นเฮยจีออกมาจากหยกโบราณ เขาได้ยินแต่เสียงของนางเท่านั้น
“ทำไมเ้าถึง ... ”
ิอวี่ยังพูดไม่ทันจบ เฮยจีก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ข้ารู้ว่าเ้าจะถามอะไร หลังจากที่พลังของเ้าแข็งแกร่งขึ้น พลังิญญาของข้าก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย เมื่อพลังิญญาของข้าเต็มเปี่ยม ข้าก็จะตื่น ต่อให้ไม่แปลงเป็ร่างิญญาก็สามารถพูดคุยกับเ้าได้”
หลังจากที่พลังิญญาของเฮยจีแข็งแกร่งขึ้น ก็สามารถรับรู้เื่ราวทุกอย่างจากโลกภายนอกได้ แต่นางไม่มีวิธีสื่อสารกับิอวี่เท่านั้นเอง
แต่ว่าตอนนี้ เฮยจีสามารถสื่อสารผ่านพลังจิตของิอวี่ได้แล้ว และคำพูดพวกนี้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน คนอื่นไม่รับรู้
“อย่างนี้นี่เอง”
ิอวี่ตั้งสติแล้วก็พูดอย่างสงสัยว่า “ว่าแต่ที่เ้าพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร? ข้าคิดว่าจะไปที่นั่นเลย ตรงนั้นมีการต่อสู้อยู่ ข้าจะต้องไปดูให้รู้ จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
ิอวี่เองก็ไม่ได้โง่ หากบุ่มบ่ามเข้าไปก็จะกลายเป็เหมือนนกที่พุ่งบิน ทำให้เหล่าอสูรจับจ้อง เกรงว่าเขาคงต้องมีอันตรายมากแน่นอน
ดังนั้น เขาจะไปแอบดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ
แต่เฮยจีกลับเตือนสติว่า “ถูกต้อง แต่การต่อสู้ในดินแดนอสูรว่านโซ่ว ผู้กล้าที่กำลังต่อสู้อยู่นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งมากแน่ พลังการรับรู้ก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน ต่อให้เ้าหลบไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีทางหลบพ้น ต้องโดนจับได้แน่นอน”
พอได้ยินเฮยจีพูดแบบนี้ ิอวี่ก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างไรดี ข้าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดก็ไม่ควรไหม หากการต่อสู้จบลง ด้วยระยะจากตรงนี้ คิดว่าถึงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“อิอิ .... ”
เฮยจียิ้มแล้วพูดว่า “ข้าคิดถึงประเด็นนี้เอาไว้แล้ว วางใจเถอะ ข้ามีลายเส้นอักขระอำพรางอยู่ เพียงแค่ครั้งนี้ข้าจะร่ายมันเอาไว้บนตัวของเ้า เพราะมันมีผลกับมนุษย์โดยตรงดังนั้นพลังที่ใช้ไปนั้นไม่น้อย และระยะเวลาของมันก็ไม่นานนัก เต็มที่ก็ปิดลมปราณให้เ้าได้แค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น”
ระหว่างที่พูดก็มีแสงพุ่งออกมาจากหยกโบราณ ลายเส้นอักขระสีม่วงล้อมตัวิอวี่เอาไว้และประทับเข้ากับตัวของเขา ผ่านไปไม่กี่อึดใจสีของมันก็เริ่มจางลงราวกับว่าลายเส้นพวกนั้นมันไม่เคยมีอยู่
แต่ิอวี่กลับรู้สึกว่า บนผิวของเขานั้นมันเหมือนมีเส้นใยบางๆ อยู่ ลมปราณของเขาถูกปิดกั้นออกจากโลกภายนอก!
“ตอนนี้เ้าไปได้อย่างวางใจแล้ว เพียงแต่เ้าต้องหลบไปยังบริเวณที่พวกเขามองไม่เห็นนะ อย่าให้เจอตัวเด็ดขาด เว้นแต่เ้าจะเจอผู้กล้าขอบเขตอมฤต” เฮยจีเตือน
“วางใจเถอะ ที่นี่ไม่มีผู้กล้าขอบเขตอมฤต”
ขอบเขตดินแดนอสูรว่านโซ่วมีการตั้งค่าไม่ให้ผู้กล้าขอบเขตอมฤตเข้ามา เห็นได้ชัดว่า ภายในเวลาครึ่งชั่วยามจะไม่มีใครเจอตัวเขาแน่
เมื่อมีลายเส้นอักขระอำพรางของเฮยจี ิอวี่ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลอะไร เขารีบมุ่งหน้าไปตามต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะผ่านเทือกเขาหลวนหมอหลิงมาแล้วิอวี่ก็ยังได้ยินเสียงคำรามอีก แต่จากเสียงพบเขาว่ามันไม่ใช่เสียงดังมากแบบธรรมดา
ตอนนี้ิอวี่วิ่งมาได้ประมาณยี่สิบลี้ เขาประเมินว่าหากคิดอยากจะไปถึงต้นเสียง ต้องวิ่งอีกประมาณสามสิบลี้จึงจะไปถึงได้
นั่นก็หมายความว่า เสียงคำรามที่ิอวี่ได้ยินนั้นลอยมาไกลประมาณห้าสิบลี้ได้ นึกภาพออกเลยว่าเสียงนั้นมันดังมากแค่ไหน และแข็งแกร่งมากแค่ไหน!
ยิ่งวิ่งตรงไปข้างหน้ามากแค่ไหน เสียงที่ิอวี่ได้ยินก็ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เสียงมันดังมากและเหมือนมีการเคลื่อนไหวจากต้นเสียงอยู่อย่างไม่ขาดสาย ราวกับว่าเพราะการต่อสู้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ิอวี่ก็มาถึงบริเวณูเาต้นเสียง
เสียงปะทะและเสียงคำรามที่ดังอย่างต่อเนื่อง ได้ยินแล้วทำให้ใจสั่นมาก ทั่วทั้งพื้นทีู่เาล้วนแต่สั่นสะท้าน!
ิอวี่เลือกต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านใบค่อนข้างหนาแน่นแล้วหลบอยู่ตรงนั้น เขาเปิดััแห่งิญญาแล้วมองไกลออกไปก็ได้เห็นภาพการต่อสู้
สิ่งแรกที่ิอวี่เห็นนั่นก็คืออสูรขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง!
มันเป็สิงโตที่มีความสูงสี่เมตร ความยาวเกือบยี่สิบเมตร มีดวงตาสีเหลืองทอง กำลังอ้าปากแยกเขี้ยว ที่คอมีขนฟูสีทองหนามาก ร่างกายของมันกำยำ ขาทั้งสี่ข้างมีลายกล้ามเนื้อที่น่ากลัว มันมีกรงเล็บเหล็กสีทอง แผ่พลังความเย็นะเืออกมา มีหางที่ค่อนข้างยาวและมีขนสีทองตรงปลาย
สิ่งที่พิเศษกว่านั้นก็คือ บนิัของเ้าสิงโตตัวนี้มีเปลวเพลิงสีแดงอมทอง เมื่อบวกกับร่างกายที่กำยำแล้ว มันเหมือนาาราชสีห์ที่กำลังอาบแสงสีทองอยู่!
สิงโตนั้นส่งเสียงขู่อยู่อย่างต่อเนื่อง เสียงคำรามของมันมีอานุภาพและความน่ากลัวอย่างมาก!
"ซี้ด ... "
ิอวี่สูดหายใจเข้าลึกมาก ั้แ่เขาเจออสูรมา สิงโตั์ตัวนี้น่าจะดุร้ายและแข็งแกร่งมากที่สุดเลย!
ในความเป็จริงแล้ว สิงโตั์ตัวนี้มีชื่อว่าสิงโตเพลิงจินเหยียน มันไม่ใช่แค่มีนิสัยดิบและเถื่อนอย่างสิงโตเท่านั้น แต่บนตัวของมันยังมีความน่าเกรงขามที่ดุดันอย่างมากด้วย แค่เสียงที่ดังเข้าหูมาก็ทรงพลังอย่างมากแล้ว คนทั่วไปที่ได้ยินถึงกับกระอักเืตายได้เลย!
สิงโตเพลิงจินเหยียนเป็อสูรที่ทรงพลังมากในดินแดนอสูรว่านโซ่ว มันเป็อสูรระดับเก้า อีกทั้งยังเป็อสูรระดับเก้าขั้นสูงสุดด้วย!
ถูกต้อง สิงโตเพลิงจินเหยียนก็คืออสูรระดับสิบ!
ความดุร้ายระดับสิบเดิมก็อยู่ในจุดที่กำลังจะทะลวงระดับ มันมีพลังและความกระหายอย่างมาก ส่วนมากจะมีนิสัยที่ค่อนข้างดุร้าย แล้วสิงโตเพลิงจินเหยียนเดิมก็เป็สัตว์ที่นิสัยเหี้ยมโหดอยู่แล้ว เมื่ออยู่ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้มันยิ่งกระหายในพลังอย่างมาก ทำให้นิสัยของมันก็ยิ่งคลั่งกว่าเดิม!
“ใครกันนะที่ไปแหย่เ้าอสูรระดับสิบนี่?”
ิอวี่เบนสายตาออกจากสิงโตเพลิงจินเหยียน จากนั้นก็เห็นเงาสีดำกำลังหลบหลีกเ้าสิงโตเพลิงจินเหยียนนั้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่ผิดจากที่ิอวี่คิด เงาดำที่ว่านั่นก็คือประมุขตำหนักโยวิ ถึงแม้เขาจะมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับผนึกขั้วสูงสุด แต่เมื่อเจอสายพันธุ์ที่มีพร์แข็งแกร่งอย่างขั้นที่เก้าระดับผนึกขั้ว ก็ยังต้องทำการป้องกันตัวอย่างต่อเนื่อง
ด้านข้างของประมุขตำหนักโยวิยังมีคนอีกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ชายคนนั้นเป็ชายวัยกลางคน ผมยาวไปถึงแผ่นหลัง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม สวมชุดสีขาว ให้ความรู้สึกสบายและอิสระ
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างก็เป็หญิงวัยกลางคน สวมชุดกระโปรงสีขาว มีฟันเรียงสวย หน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ทำให้คนรู้สึกหลงใหล
ชายคนนั้นมีชื่อว่าเจิ้งหยวนจง ติดตารางอันดับผู้กล้าอันดับที่สามสิบห้า ส่วนผู้หญิงมีชื่อว่าหลินเสวียเอ๋อร์ ติดตารางอันดับผู้กล้าอันดับที่สามสิบหก ตามเจิ้งหยวนจงอยู่แค่อันดับเดียว
ทั้งสองคนมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับผนึกขั้ว ทั้งคู่มีพลังสูสีกันมาก มีพลังเทียบเท่าราชสีห์เจ็ดพันสามร้อยตัว!
เจิ้งหยวนจงกับหลินเสวียเอ๋อร์เป็คู่รักกัน ทั้งสองคนยังไม่ได้เปิดสำนักเป็ของตัวเอง ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด ท่องไปทั่วราชวงศ์ต้าิ
เพราะพวกเขาสองคนมีความอิสระ ทำให้ทุกคนอิจฉาอย่างมาก ดังนั้นคนถึงเรียกพวกเขาว่าเซียนคู่รัก
ถึงแม้เจิ้งหยวนจงกับหลินเสวียนเอ๋อร์จะไม่ได้ติดอันดับที่สูงมากนัก แต่พวกเขาฝึกเพลงกระบี่อย่างเข้าใจในกันและกันมาก เวลาที่พวกเขาใช้กระบี่ถึงได้มีอานุภาพที่น่าทึ่ง เข้ากันได้เป็อย่างดี!
หากพวกเขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันแล้ว ผู้กล้าที่ติดในยี่สิบอันดับแรกยังประมาทพวกเขาไม่ได้เลยเหมือนกัน!
ก็เหมือนอย่างประมุขตำหนักโยวิในเวลานี้ เขาเองก็ติดอันดับสิบเอ็ดบนตารางอันดับนักรบ การจะรับมือเจิ้งหยวนจงกับหลินเสวียนเอ๋อร์เพียงคนใดคนหนึ่งเขายังมีความมั่นใจที่จะชนะได้ แต่หากพวกเขาสองคนร่วมมือกัน ต่อให้เป็ประมุขตำหนักโยวิก็ยังต้องแอบกลัว
เดิมที ประมุขตำหนักโยวิเข้ามาถึงที่นี่เพื่อตามหาิอวี่แต่ก็ไม่พบ กลับไปเจอโสมพันปีโดยบังเอิญ ตอนที่เขาคิดที่จะเอามันมา เจิ้งหยวนจงกับหลินเสวียนเอ๋อร์ก็มาตรงนี้พอดี ทั้งสามคนก็เลยต่อสู้กัน
แต่ว่าผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็สู้กันจนไปเจอกับสิงโตเพลิงจินเหยียนที่เป็เ้าพื้นที่ตรงนี้และทำให้มันโกรธขึ้นมา!
เดิมทีประมุขตำหนักโยวิและเจิ้งหยวนจงกับหลินเสวียนเอ๋อร์ไม่ถูกกัน ดังนั้นเริ่มแรกพวกเขาจึงไม่ได้ร่วมมือกัน ต่างคนต่างหาทางเอง
แต่พวกเขาก็ฉลาดมากพอที่จะไม่แยกกันหนี เพราะหากสิงโตเพลิงจินเหยียนเลือกที่จะล่าทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่มีจุดจบที่ดีแน่ แต่หากพวกเขายังอยู่รวมกัน สิงโตเพลิงจินเหยียนก็หาทางโจมตีไม่ได้ดีนัก
ดังนั้น พวกเขาสามคนก็เลยวิ่งย้อนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ประมาณครึ่งวันได้
แต่จนถึงตอนนี้ พวกเขาสามคนถึงได้เข้าใจแล้วว่าการวิ่งหนีไม่ใช่วิธีที่ดีเลย พวกเขาต้องร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะสามารถสังหารสิงโตเพลิงจินเหยียนได้!
ิอวี่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เป็ภาพประมุขตำหนักโยวิ เจิ้งหยวนจง และหลินเสวียเอ๋อร์กำลังร่วมกันฆ่าสิงโตเพลิงจินเหยียนอยู่!
“ตาแก่ หากเ้าไม่ลงมือเต็มกำลัง ถ้าเราแพ้ เ้าเองก็อย่าได้คิดจะรอดไปได้เลย!” เจิ้งหยวนจงยกกระบี่ขึ้นมาและฟันมันออกไป การโจมตีของสิงโตเพลิงจินเหยียนถูกคลี่คลายลงแล้วกระเด็นถอยหลังไป เขารู้สึกเ็ปบริเวณหน้าอก เขามองไปที่ประมุขตำหนักโยวิแล้วพูดด้วยความโมโห
ส่วนหลินเสวียเอ๋อร์ก็ตวัดกระบี่ไม่หยุดเพื่อร่วมมือกับเจิ้งหยวนจงยับยั้งการโจมตีของสิงโตเพลิงจินเหยียน
ประมุขตำหนักโยวิแทบจะวิ่งหลบอย่างเดียว เขาโจมตีน้อยมากและแทบจะไม่ได้สนใจเจิ้งหยวนจงเลย
ประมุขตำหนักโยวิฉลาดมาก ตอนนี้สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็คือ หากอีกเดี๋ยวเขาออกกำลังเต็มที่ก็จะรู้ผลลัพธ์ว่าเป็อย่างไร
าเ็สองฝ่าย? มันเป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว สิงโตเพลิงจินเหยียนแข็งแกร่งมาก ค่าตอบแทนที่จ่ายไปอาจไม่ได้ชัยชนะ แต่หาก ... สามารถเอาชนะสิงโตเพลิงจินเหยียนได้จริง เขาจะสามารถชิงเอาหัวใจสิงโตเพลิงจินเหยียนมาไว้ในมือได้?
หัวใจอสูรระดับสิบ ประมุขตำหนักโยวิไม่มีเหตุผลที่จะไม่คลั่ง!
ส่วนเจิ้งหยวนจงเองก็ไม่ได้โง่ ประมุขตำหนักโยวิคิดอะไรอยู่ทำไมเขาจะไม่รู้? เขาหรี่ตาลงแล้วก็เกิดความคิด หากถึงเวลาต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย ต่อให้เขาจะาเ็สาหัสก็ไม่มีทางยอมให้ประมุขตำหนักโยวิสมหวังแน่นอน!
หัวใจของสิงโตเพลิงจินเหยียนจะต้องเป็ของข้ากับเสวียเอ๋อร์เท่านั้น!