ชิวอวี่กับพรรคพวกใช้เวลาเกือบทั้งคืน ในการขุดศพขึ้นมาและจุดไฟเผาต้นไม้ คนส่วนใหญ่เหนื่อยสายตัวแทบขาด เมื่อกลับหมู่บ้านก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกหวาดผวา
การตายของเหล่าเด็กช่างน่าหวาดกลัว เช่นเดียวกับต้นฮว๋ายใหญ่ที่ดูราวกับมีชีวิตนั่น ยามพวกเขามองบรรดาอาหารอันเย็นชืดในบ้านก็เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าจุดฝังหมุดหยินถูกทำลายไปแล้ว กระนั้นยังอดขนลุกไม่ได้อยู่ดี
ชิวอวี่เองรู้สึกยากจะอธิบาย
ดวงจันทร์บนท้องฟ้านั้นดูแปลกประหลาดเสมือนว่าถูกแต่งแต้มด้วยสีเืจางๆ
“คืนนี้ระวังตัวกันด้วยล่ะ!” เสียงทุ้มต่ำของชิวอวี่สั่งการ ทุกคนผลัดกันเข้าเวรและพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน
ชิงอีขึ้นไปอยู่บนรถม้าอีกครั้ง ส่วนนางกำนัลทั้งสองคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก
ชิวอวี่นอนไม่หลับจึงมายืนเฝ้าดูรถม้าข้างหลงเฟิง โดยสายตามองซากของต้นฮว๋ายขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง
“ท่านสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เซ่อเจิ้งอ๋องั้แ่เหนือจรดใต้มานานหลายปี ท่านเคยเห็นเื่เช่นนี้บ้างหรือไม่?”
สีหน้าหลิงเฟิงเคร่งขึ้นเล็กน้อย “ในสนามรบจะไปมีสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไรกัน วันนี้เป็ครั้งแรกที่พบเจอเื่เช่นนี้"
ชิวอวี่กำหมัดและขบกรามแน่น “ไอ้สารเลว!”
ตอนเห็นศพเด็กน้อยเ่าั้ เขารู้สึกเืขึ้นหน้าและทนแทบไม่ไหวที่จะจับไอ้พวกชั่วที่อยู่เื้ัเื่นี้มาสับเป็ชิ้นๆ!
หลิงเฟิงพ่นลมหายใจก่อนจะกัดฟันพูดว่า “วางใจเถิด ต่อให้องค์ชายรัชทายาทจะไม่สนพระทัยเื่นี้ อย่างไรเสียท่านอ๋องก็ต้องสอบสวนเื่นี้อย่างถี่ถ้วนแน่นอน”
ชิวอวี่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป
เกิดแรงสั่นะเืใต้เท้าของพวกเขา ท่ามกลางแสงจันทร์กองหินถูกยกลอยจากพื้นและดูเหมือนว่าบางสิ่งที่อยู่ใต้พื้นนั่นกำลังพุ่งตรงมาหา
“อ๊าก”
จู่ๆ เสียงกรีดร้องจากภายในบ้านก็ดังขึ้น
“แย่แล้ว!” สีหน้าของชิวอวี่และหลิงเฟิงเปลี่ยนไปทันควัน “ปกป้ององค์หญิง”
สิ้นเสียงนั้น รากไม้หนาประมาณเจ็ดหรือแปดรากแตกแผ่ขยายใต้พื้นดินก่อนจะผงาดขึ้นมาโบกสะบัดกลางอากาศราวกับั โดยหนึ่งในรากเ่าั้มีท่อนของแขนมนุษย์ข้างหนึ่งคาอยู่
ดวงตาของชิวอวี่แดงก่ำ ชัดเจนว่านั่นเป็แขนลูกน้องของเขาที่ถูกฆ่าตาย!
เหล่าองครักษ์วิ่งพรวดออกจากบ้านทีละคนและต่างมายืนอยู่รอบรถม้าด้วยความหวาดกลัว
“ต้นฮว๋ายต้นนี้มีชีวิต! มัน้ากินคน! พี่สามถูกมันกินไปแล้ว!”
“หุบปาก!” เสียงทุ้มต่ำของชิวอวี่ตะคอก “จุดไฟ จุดไฟให้สว่าง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเราจะฆ่าไอ้ซากไม้เน่าๆ นี่ไม่ได้”
ทุกคนจุดไฟมาต่อสู้กับรากไม้ ซึ่งพวกมันกลัวไฟจึงหลีกหนี ชิวอวี่และหลิงเฟิงตวัดดาบอย่างคล่องแคล่วจนน้ำยางสีแดงกระเซ็นไปทั่วไม่ต่างจากเืจริงๆ
“อ๊าก” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อชิวอวี่หันหน้าไปก็พบน้ำยางกระเด็นใส่หน้าคนของเขาที่อยู่ด้านหลังเต็มๆ ไม่นานนักใบหน้าของพวกเขาก็เน่าเปื่อย
มันสมควรตาย! เพียงชั่วพริบตาที่เขาเสียสมาธิ รากไม้ก็มาอยู่ตรงหน้าเขา
แย่แล้ว!
แง้ว
ทันใดนั้น เสียงขู่คำรามของแมวดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี รากไม้ที่เคยคึกคะนองประดุจัพลันพากันหยุดนิ่ง ชิวอวี่จึงใช้โอกาสนี้โต้กลับ
“องค์หญิงเพคะ?!” เสียงอุทานของหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง
พอชิวอวี่หันไปก็เห็นชิงอีเยื้องกรายลงมาจากรถม้า แสงนวลของจันทราของฉากหลังถูกตัดด้วยชุดสีแดงสดช่างดูโดดเด่นยิ่งกว่าสายโลหิตของรากไม้ที่แตกฉานซ่านเซ็นไปทั่วลานกว้าง
ชิวอวี่ยุ่งอยู่! หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่ยังมีหน้าออกมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก! อยากตายจริงๆ หรือไร? เขาหันไปคว้าตัวชิงอี แต่กลับมีแสงสว่างวาบใส่หน้า เขาคว้าได้เพียงอากาศธาตุ
รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าชิงอีถูกห้อมล้อมด้วยรากไม้เสียแล้ว
ชิวอวี่ที่รู้สึกหน้ามืด ทั้งหลิงเฟิงและนางกำลังทั้งสองรีบถลาออกไป เสียงของพวกนางก็ดังก้อง “องค์หญิง ระวัง”
เหล่ารากไม้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยพุ่งตรงมาที่ชิงอี
่เวลาแห่งความเป็และความตาย ชิงอีกลับย่อตัวลงพร้อมกับใช้มือควานลงไปในดินร่วนซุยอย่างใจเย็น
จบเห่!
สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวของทุกคนคือนางต้องตายแน่ๆ!
ปลายแหลมของรากไม้ตรงดิ่งมาที่หลังของชิงอี แต่ก็หยุดกึกราวกับว่ามีลมตัดผ่านทำให้รากเ่าั้แหลกสลายเป็ผุยผงและปลิวหายไปกับสายลม
ชิงอีค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมหมุนบางสิ่งด้วยสองนิ้วโดยใบหน้าอันงดงามระบายด้วยรอยยิ้มเหี้ยม
ฮ่า ฮ่า จับเ้าได้แล้ว...
เ้าพวกชั้นต่ำ
...
“อุก”
ณ อาราม วั่งจีกระอักเืออกมา ส่วนแววตาฉายชัดถึงความอัศจรรย์ใจ
ไม่คาดว่าหุ่นเชิดของเขาจะแหลกสลายด้วยน้ำมือของคู่ต่อสู้!
มันเป็ใครกันแน่? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำลายจุดฝังหมุดหยินที่เขาและศิษย์พี่สร้างมันขึ้นมาด้วยเืเนื้อและจิติญญา ตอนนี้แม้กระทั่งหุ่นเชิดที่เขาส่งไปก็ยังถูกทำลาย!
สมควรตายนัก!
วั่งจีตัวสั่นระริกแล้วคว้าถ้วยชาบนโต๊ะมาเขวี้ยงลงพื้น จนเกิดเสียงแตกดังเพล้ง
“พระอาจารย์วั่งจี ท่านเป็อะไรหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างนอก วั่งจีก็ปรับสีหน้ารวมถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็อ่อนโยนและดูไร้พิษภัยทันที “ข้าไม่เป็ไร แค่เผลอไปโดนถ้วยชา ท่านองครักษ์ฉู่ไม่ต้องเป็กังวลไป”
“ในเมื่อท่านไม่เป็อะไร เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว”
เมื่อวั่งจีได้ยินว่าฝีเท้านั้นไกลออกไปแล้วจึงระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอกพร้อมกับสีหน้าที่กลับมาชั่วร้ายอีกครั้ง เื่นี้มีบางอย่างผิดปกติ เหตุใดเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องมาถึงหมู่บ้านผีฝั่งนั้นจึงเกิดเื่ขึ้นกันล่ะ?
วั่งจีกัดฟันและหยิบนกกระเรียนกระดาษออกมาประสานอิน
“รีบไปแจ้งศิษย์พี่ เมื่อฟ้าสางให้เขาเพิ่มการป้องกัน”
เมื่อเสียงของเขาสิ้นสุดลง นกกระเรียนกระดาษก็กระพือปีกบินออกไปนอกหน้าต่าง
ฉู่สือปิดประตูและวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เขาเห็นเซียวเจวี๋ยเอามือไพล่หลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างจึงเทชาหนึ่งถ้วยแล้วนำไปให้
“ท่านอ๋อง สำนักจีเหรินจายแห่งนี้แปลกไปหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่กระหม่อมลงไปตรวจสอบในสำนักทั้งหมด รวมพระอาจารย์วั่งจีแล้วทั้งหมดมีแค่สามคนเท่านั้น ทั้งไม่ได้ยินข่าวว่ามีพระอาจารย์วั่งจีอยู่ในวัดตงหวามาก่อน อีกอย่างเขาไม่ได้โกนผม เช่นนี้จะเรียกว่าเป็การออกบวชได้เยี่ยงไร?”
เซียวเจวี๋ยหยิบถ้วยน้ำชาจากมือฉู่สือมาจรดริมฝีปาก เขาเหลือบมองควันในถ้วยชาจึงเป่าเบาๆ “จริงอยู่ที่มีบางอย่างผิดปกติ พุทธศาสนาเป็สิ่งที่สะอาดและไม่ควรจะมีสิ่งสกปรก”
สกปรก? ฉู่สือไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร ในสำนักจีเหรินจายแห่งนี้ก็ดูสะอาดสะอ้านอยู่นี่นา?
“ยังไม่มีข่าวคราวจากหลิงเฟิงอีกหรือ?”
ฉู่สือส่ายหน้า “อินทรีขาวถูกส่งไปนานแล้ว ทว่า ยังไม่มีคำตอบจากหลิงเฟิง เป็ไปได้หรือไม่ว่าทางฝั่งวังหลวงจะทนรอไม่ไหว องค์หญิงใหญ่...”
เซียวเจวี๋ยส่ายหน้าพลางหลับตาลงแล้วพึมพำว่า “รอดูเถอะ”
เ้าแมวจรจัดตัวนั้นดูไม่น่าจะอายุสั้น
...
แสงสีทองสาดส่องผ่านเส้นขอบฟ้าไล่ไปทีละชั้นราวกับกำลังชะล้างอนธการในห้วงนิศากาลให้หมดสิ้น
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ยืนอยู่บนดินแดนรกร้างและกำลังจ้องซากกำแพงที่พังยับเยินรอบกายอย่างตกตะลึงและหวาดผวา
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน สภาพบ้านผันแปรเป็หลังคาแตก รั้วเต็มไปด้วยหยักไย่ราวกับหมู่บ้านร้างที่ไม่มีใครพบเจอมาเป็เวลานาน
ตอนที่มาถึง่ค่ำเมื่อวาน หมู่บ้านที่พวกเขาเห็นมีลักษณะเช่นนี้เสียที่ไหน?
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปนั่นคือต้นฮว๋ายขนาดใหญ่ที่ไหม้เกรียม รวมน้ำยางสีแดงและคราบเืบนพื้นที่ตอกย้ำถึงการสู้รบอันดุเดือดเมื่อคืน
“ที่นี่...คือหมู่บ้านผีจริงๆ สินะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ