ชายชุดดำกว่าร้อยคนแหวกทางให้ทหารจากศาลที่กำลังพุ่งเข้ามาและหนึ่งในนั้นก็มีโกวหน้าเืที่เป็หัวหน้าองครักษ์นั่นเองเขาดูหยิ่งผยองไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้โง่เมื่อเห็นขบวนที่ใหญ่โตขนาดนี้ก็พอจะรู้ว่าอันเจิงยิ่งใหญ่เพียงใดในใจจึงรู้สึกหวั่นเกรงอยู่ไม่น้อย แต่ที่นี่คือเมืองฟางกู้และพื้นที่ในเมืองนี้ก็อยู่ในความดูแลของหน่วยฟางกู้ เขาเป็ถึงหัวหน้าองครักษ์ฉะนั้นอันเจิงก็ไม่มีอะไรที่น่าเกรงกลัวเลยสำหรับเขา
โดยปกติแล้วสำนักที่มาจากต่างแดนก็ต้องให้ความเคารพคนในศาลเป็เื่ธรรมดาดังนั้นหากเป็สำนักที่มาจากต่างถิ่นแล้ว โกวจ่านหลีจะไม่มีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น
โกวจ่านหลีอายุราวสามสิบกว่าปี ด้วยอายุเพียงเท่านี้สามารถเป็ถึงหัวหน้าองครักษ์ก็คงต้องมีความสามารถอยู่ไม่น้อย
เขามองสำรวจอันเจิงหัวจรดเท้าจากนั้นก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “ก่อนอื่นเจอข้าแล้วไม่ทำความเคารพก็ถือว่ามีความผิดแล้ว นี่อะไร ข้ายืนอยู่แต่เ้ากลับนั่งช่างใจกล้ายิ่งนัก”
อันเจิงก็มองสำรวจโกวจ่านหลีหัวจรดเท้าเช่นกันจากนั้นจึงพูดขึ้น “เ้าควรทำความเคารพข้าถึงจะถูก”
หึ! โกวจ่านหลีเปล่งเสียงออกมาเล็กน้อย“เ้ากินหญ้าจนโตหรืออย่างไร?”
อันเจิงหัวเราะจากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ตราประจำตัวที่แขวนอยู่บนเอวตัวเอง
“ยาเจียง?”
หลังจากโกวจ่านหลีเห็นตราประจำตัวของอันเจิงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาชะงักไปครู่หนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าอันเจิงจะเป็คนของหน่วยทหารหากดูจากตรานั่นแล้ว ต้องเป็ทหารจากชายแดนอย่างแน่นอน
อันเจิงพูดเสียงเบา“หน่วยฟางกู้มีทั้งหมดห้าระดับ และศาลมีทั้งหมดเจ็ดระดับข้าเป็ยาเจียงควบคุมทหารอยู่แถบชายแดนแคว้นเยี่ยน ถือว่าอยู่ในระดับหกหากผู้ว่าการในศาลของพวกเ้ามา ข้าต้องทำความเคารพต่อท่าน แต่หากเป็เ้าเ้าต่างหากที่ต้องทำความเคารพข้า”
โกวจ่านหลีรู้สึกว่าเื่ในวันนี้เป็เื่ที่น่าแปลกสิ้นดีฝ่ายตรงข้ามอายุยังน้อยมาก เป็ไปไม่ได้ที่จะมีตำแหน่งเป็ถึงยาเจียงระดับหกนอกเสียจากเขาเกิดมาในชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเกิดมาจึงได้รับความเคารพจากผู้คนแต่ตำแหน่งที่ติดตัวมาแต่เกิดกับตำแหน่งทางราชการก็มีการแบ่งแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสองเื่นี้ไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย
“ตราประจำตัวนี่เป็ของปลอมใช่หรือไม่”
โกวจ่านหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หลายปีนี้ ข้าเจอมิจฉาชีพอย่างเ้ามามาก จากที่ข้าดู อายุเ้าน่าจะยังไม่ถึงสิบแปดปียังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้ามาเป็ทหารด้วยซ้ำ แล้วจะเป็ไปได้อย่างไรที่เ้าจะอยู่ในตำแหน่งยาเจียงระดับหก”
อันเจิงยิ้มเล็กน้อย “เ้าพูดไม่มีผิดอายุข้ายังไม่ถึงเกณฑ์เป็ทหาร แต่ตราประจำตัวนี้เป็ของจริงทหารชายแดนของแคว้นเยี่ยนมีความเป็อยู่ที่ลำบาก ข้ามอบเงินหกแสนตำลึงช่วยให้เหล่าทหารได้กินดีอยู่ดีมากขึ้นฉะนั้นพวกเขาจึงมอบตรานี้ให้เป็การตอบแทนน้ำใจข้า แต่ถึงกระนั้นเ้าก็อย่าได้กังวลนักเลย ตำแหน่งยาเจียงของข้านี้ไม่มีอำนาจใด ๆ หรอก”
ความรู้สึกแรกของโกวจ่านหลีก็คือ...เื่ในวันนี้ไม่ควรทำให้ใหญ่โตจนเกินไปเด็กหนุ่มคนนี้ราวกับมีเื้ัที่ใหญ่โตอยู่พอสมควร ตนเองไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยนเป็อันขาดและความรู้สึกที่สองของเขาก็คือ...เรียกค่าเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงเพียงพอแล้วไม่แน่วันใดวันหนึ่ง เด็กคนนี้อาจส่งผลกระทบถึงตำแหน่งเขาได้
“ไม่ว่าเ้าจะเป็ใครก็ตามแต่เ้าทำร้ายคนของข้าจนได้รับาเ็”
โกวจ่านหลีมองอันเจิงพลางพูดขึ้น“ตามกฎของต้าเยี่ยนแล้ว ต้องขึ้นไปตัดสินในชั้นศาลหรือไม่ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วยเงิน แต่ข้าเห็นแก่ที่เ้ามาจากต่างถิ่นก็คงลำบากไม่น้อย ฉะนั้นข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้งชดใช้ค่าเสียหายแล้วเื่จะได้จบ”
“ชดใช้เท่าไหร่?”
โกวจ่านหลีชูขึ้นหนึ่งนิ้ว“หนึ่งหมื่นตำลึง”
อันเจิงพยักหน้า “ยุติธรรมดี”
เขาหยิบเงินออกมาจากแขนเสื้อจากนั้นก็นับจำนวนเงินหนึ่งหมื่นตำลึงแล้วยื่นให้โกวจ่านหลี“นี่คือค่าเสียหายของเ้า”
อันเจิงนั่งอยู่ โกวจ่านหลีจึงจำเป็ต้องโน้มตัวลงไปรับ
เมื่อโกวจ่านหลีตรวจสอบจำนวนเงินจนแน่ใจแล้ว อันเจิงจึงพูดขึ้น“เ้าพอใจรึยัง?”
หึ! โกวจ่านหลีเปล่งเสียงออกมา“เห็นแก่เ้าที่เพิ่งกระทำความผิดเป็ครั้งแรก ข้าจะไม่เอาเื่ก็ได้”
อันเจิงหัวเราะแล้วพูด “เ้าพอใจก็ดีแล้วเช่นนั้นตอนนี้เรามาคุยเื่ที่ข้าไม่พอใจกันดีกว่า เ้าเป็ถึงพนักงานในศาล ยังไม่มีพยานหลักฐานก็มาขู่เข็ญเรียกเงินจากข้าถึงหนึ่งหมื่นตำลึงตามกฎหมายแคว้นเยี่ยน การกระทำความผิดโดยการขู่เข็ญเงินผู้อื่นเป็คดีใหญ่จำนวนเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้มากพอให้อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของเ้าต้องเข้าไปอยู่ในคุกแล้วล่ะข้าทำให้เ้าพอใจแล้ว แต่เ้ายังไม่ได้ทำให้ข้าพอใจเลยสักนิด”
อันเจิงกวักมือ “ส่งคนไปที่หน่วยทหารนำของชิ้นนี้ไปด้วย แล้วรายงานว่าคนของสำนักวรยุทธ์ของหน่วยทหารถูกคนของศาลขู่เข็ญเงิน”
ลูกน้องของอันเจิงนำของกลางแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
โกวจ่านหลีชะงักไปชั่วครู่ “เ้า...เ้าหมายความว่าอย่างไร”
“พูดคุยด้วยเหตุผลอย่างไรเล่า”
โกวจ่านหลีเป็ผู้มีประสบการณ์โชกโชนในแถบเจียงหู แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเสียใจเป็อย่างมากที่เข้ามายุ่งเื่ในวันนี้เขาทำตัวเป็ใหญ่ในเมืองฟางกู้มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้จึงไม่เคยคำนึงถึงเื่อื่น ๆมากมาย เดิมทีเขารู้สึกว่าตัวเองสามารถรับมือกับคนที่มาจากต่างถิ่นได้อย่างสบายแต่ตอนนี้ เขาผู้นี้ไม่ได้มีเพียงตำแหน่งยาเจียง แต่เหมือนยังเป็คนของสำนักวรยุทธ์ของหน่วยทหารอีกด้วย...และสิ่งที่โกวจ่านหลีไม่อยากยุ่งด้วยมากที่สุดก็คือคนของหน่วยทหาร
ถึงแม้ศาลจะอยู่ในความดูแลของหน่วยฟางกู้ แต่อย่างไรเขาก็เป็เพียงคนของศาลแห่งหนึ่งเท่านั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในสายตาของหน่วยฟางกู้แม้แต่น้อยในเมืองนี้มีศาลมากมายราวกับขนแมว และเมื่อศาลเจอกับคนที่อยู่ระดับสูงกว่า ก็เป็ธรรมดาที่พวกเขาต้องก้มหัวยอมแต่โดยดียิ่งไปกว่านั้นใต้หล้านี้คนที่ไม่ฟังเหตุผลและเข้าข้างพวกของตัวเองที่สุดก็คือหน่วยทหารหากพวกทหารไม่ยอมขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่ทั้งนั้น
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”
โกวจ่านหลีหัวเราะพลางพูด“เงินพวกนี้เป็ค่าเสียหายที่เ้าทำร้ายคนของข้า แต่ข้าเป็คนในศาลในนามตัวแทนของศาลเมืองฟางกู้ขอต้อนรับเ้า เงินพวกนี้ถือว่าข้าเลี้ยงต้อนรับพวกเ้าก็แล้วกัน”เขายื่นเงินออกมาให้อันเจิง ทว่าอันเจิงไม่แม้แต่จะมองเลยด้วยซ้ำ
อันเจิงหัวเราะเล็กน้อย “ความจริงแล้วเื่นี้ง่ายนิดเดียวข้ามาจากแถบชายแดน พวกเ้าต้าฟางจาชัวเลยคิดว่าจะหลอกพวกข้าได้ง่าย ๆ ถึงได้รีดไถข้าไปสามหมื่นตำลึง”
โกวจ่านหลีพูดแทรกขึ้น “แค่สามหมื่นตำลึงเท่านั้นให้พวกเขาคืนเ้าเสียก็สิ้นเื่ ไม่เห็นต้องทำเป็เื่ใหญ่เลย”
เขาส่งสายตาไปหาโจวว่านเชียนจากนั้นโจวว่านเชียนที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งคนกลับไปเอาเงินมาทันทีจุดเกิดเหตุนี้ไม่ได้ห่างจากต้าฟางจาชัวมากนัก จึงสามารถนำเงินมาถึงอย่างรวดเร็วโกวจ่านหลียื่นเงินคืนให้อันเจิง “หากไม่เกิดเื่ก็ไม่รู้จักกันอีกหน่อยเราอยู่ในเมืองฟางกู้ด้วยกันแล้ว ต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน”
อันเจิงรับเงินมานับ “ข้าคงไม่ต้องพึ่งเ้าหรอก...อีกอย่างสำหรับข้าเงินสามหมื่นตำลึงนี้ไม่ได้มีความหมายมากเท่าไหร่นัก ชีวิตข้าขาดทุกอย่างเว้นเสียอย่างเดียวก็คือเงิน”
เขานำเงินยื่นให้ตู้โซ่วโซ่ว“นำเงินสามหมื่นตำลึงนี้ไปจัดเตรียมอาหารเย็นให้กับทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ให้พวกเขากินอาหารและเหล้าที่ดีที่สุด หากใช้ไม่หมดก็ให้ทุกคนห่อกลับบ้าน ใช้จนกว่าเงินสามหมื่นตำลึงนี้จะหมด”
“ได้เลย ข้าชอบเงินกับเหล้าที่สุด”
หลังจากเขาพูดจบทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเฮขึ้นทันที
โกวจ่านหลีงุนงง “เ้าหมายความว่าอย่างไร”
อันเจิงยักไหล่“บทสรุปของเื่นี้ง่ายมาก ตอนนี้เ้าก็ขอโทษข้าเสีย แล้วชดเชยค่าเสียหายข้าด้วยเงินสิบเท่าจากนั้นก็ปิดกิจการต้าฟางจาชัวของเ้าเสีย อ้อ!...ข้ายังขาดบ้าน เช่นนั้นก็ยกต้าฟางจาชัวให้ข้าด้วย”
โกวจ่านหลีหน้าซีดเผือดทันที“เ้าอย่ารังแกคนจนเกินไปนะ ในเมื่อเ้าอยู่ที่นี่การมีเื่กับข้าก็คงไม่ดีต่อเ้ามากนัก”
อันเจิงมองตาของโกวจ่านหลีแล้วพูด“เ้าชอบรังแกคน ข้าก็ชอบรังแกคน แต่ข้าชอบรังแกคนที่รังแกคนอื่นสำหรับคนอย่างเ้า หากไม่ถอนรากถอนโคนก็คงต้องมีคนเดือดร้อนมากกว่านี้”
สีหน้าของโกวจ่านหลีดูแย่มาก “เช่นนั้นไปคุยในศาลเอาละกัน”
อันเจิงชี้ตราประจำตัวของตน “ถึงแม้ว่าตำแหน่งยาเจียงระดับหกของข้าจะได้มาจากการตอบแทนน้ำใจเท่านั้นแต่อย่างไรมันก็คือตำแหน่งของข้า หากอยากให้ข้าไปขึ้นศาลเ้าก็ต้องเชิญหน่วยทหารมาด้วย อีกอย่างเ้าคงคิดว่าตัวเองมีหน่วยฟางกู้คอยให้ท้ายอยู่อย่างนั้นสิ?ข้าจะบอกให้นะ นับั้แ่วินาทีที่ข้านั่งบนเก้าอี้นี้คนที่ให้ท้ายเ้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
โกวจ่านหลีพูดด้วยความโมโห“เ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยหรือไม่ เ้าเป็แค่คนต่างถิ่น คิดว่าตัวเองมีอำนาจค้ำฟ้าหรืออย่างไร”
“ข้าไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็พอจัดการกับคนระดับเ้าได้อยู่แล้ว”
โกวจ่านหลีรู้สึกสับสนอยากจะะเิความโมโหออกมาทว่าเขาก็กลัวเช่นกัน อันเจิงอาจมีเื้ัที่ใหญ่โตก็ได้ เขาเคยเจอปัญหามากมายแต่กลับไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้มาก่อนเลย
ขณะเดียวกันมีเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ เป็ผู้าุโท่านหนึ่งที่ดูมีสง่าราศี ทันทีที่โกวจ่านหลีเห็นผู้าุโท่านนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปจากนั้นเขาก็รีบทำความเคารพ “ผู้าุโจาง แค่เื่เล็กน้อยท่านไม่จำเป็ต้องมาถึงที่นี่เลยข้าจัดการได้ไม่ต้องห่วง...”
ผู้าุโที่เคยคุยอย่างสนิทสนมกับเขาวันนี้กลับไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่าผู้าุโท่านนี้กลับเร่งฝีเท้าเดินไปยังอันเจิง“ข้าจางอี้ฟู เป็ผู้ดูแลโรงจวี้ฉ่างแห่งต้าเยี่ยน ได้ยินมาว่าเ้าสำนักอันจะมาที่นี่แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาเร็วขนาดนี้เลยไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ขอท่านอย่าได้ถือสา”
อันเจิงลุกขึ้นแล้วยกมือคารวะ “ผู้าุโเกรงใจไปแล้วพอดีพวกข้าเร่งเดินทางกันมา จึงมาถึงเร็วกว่ากำหนดสองวัน”
จางอี้ฟูพูด “ท่านเพิ่งมาถึงที่นี่แต่กลับต้องมาเจอเื่วุ่นวายแบบนี้ข้ารู้สึกขายหน้ายิ่งนัก ก่อนข้าจะเดินทางมาได้ซื้อบ้านเตรียมให้เ้าสำนักอันใช้เป็ที่พักผ่อนแล้วหากต่อไปท่านพบบ้านที่ดีกว่าค่อยย้ายก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมาก”
อันเจิงไม่ได้ปฏิเสธเขารับโฉนดที่ดินจากจางอี้ฟู จากนั้นก็ยกมือขึ้นคารวะ “ฝากท่านทักทายนายตัวใหญ่ด้วยก็แล้วกันเอาไว้วันหลังข้าจะไปเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง”
จางอี้ฟูรีบพยักหน้าจากนั้นก็พูดคุยกับอันเจิงเล็กน้อยแล้วจากไป
สีหน้าของโกวจ่านหลีกลายเป็ขาวซีดมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองเจอเื่ใหญ่เข้าแล้ว หากเป็ที่อื่นคงไม่มีใครรู้แต่ในเมืองฟางกู้นี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าโรงจวี้ฉ่างเปิดขึ้นโดยหน่วยทหารแห่งต้าเยี่ยนเล่ากันว่า เ้าของโรงจวี้ฉ่างเป็ถึงหน่วยทหารที่อยู่ในระดับสูงสุด หาก่บ้านเมืองรุ่งโรจน์ทุกคนจะเน้นเื่ศิลปะแต่หากบ้านเมืองวุ่นวายก็จะเน้นเื่วรยุทธ์และตอนนี้หน่วยทหารก็มีอำนาจมากที่สุด
โกวจ่านหลีขยับตัวไปด้านหน้าจากนั้นก็ก้มตัวทำความเคารพ“ข้ากับผู้าุโในโรงจวี้ฉ่างก็สนิทสนมกันพอสมควรในเมื่อพวกเราต่างก็เป็พวกเดียวกันจะทำร้ายกันเองทำไม เอาอย่างนี้ดีกว่าคืนนี้ข้าเป็เ้ามือเลี้ยงข้าวเองและเชิญผู้าุโจางไปด้วย เื่นี้คุยกันนิด ๆหน่อย ๆ ก็จบแล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตที่แก้ไม่ได้สักหน่อย”
อันเจิงหัวเราะ“เ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว เ้าไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลยสักนิดฉะนั้นไม่มีเื่อะไรที่แก้ไขได้อีกแล้ว”
โกวจ่านหลียืนทำตัวไม่ถูกไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดทั้งนั้น
ตอนนี้เขากำลังคิดวิธีจัดการเื่นี้หากสามารถเชิญใครมาช่วยแก้ไขเื่นี้ได้ เขายินดีทำทั้งนั้น ต่อให้ต้องใช้เงินแลกมาก็ตามขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ตอนนี้ทุกคนที่ยืนดูกันอยู่ต่างเดินแยกย้ายกันไปหมด
“อันเจิงตำแหน่งยาเจียงที่มาจากชายแดนอยู่ไหน?” มีเสียงะโดังขึ้น
อันเจิงหันไปแล้วยกมือขึ้นคารวะ“ข้าน้อยเอง”
ชายสวมชุดทหารขี่ม้าเข้ามาแล้วลงจากหลังม้า“ที่แท้เป็เ้าเองรึ...ข้ารอเ้ามานานมากแล้ว ข้าชื่อหวังไคไท่มาจากแถบชายแดนเหมือนกัน ได้ยินมาว่าเ้ามอบเงินหลายแสนตำลึงให้เหล่าทหารได้มีอาหารการกินและความเป็อยู่ที่ดีขึ้นข้าขอขอบคุณเ้าแทนพี่น้องชาวทหารด้วย”
ชายผู้นี้ร่างสูงใหญ่และบึกบึนมีท่าทางการเดินที่สง่างาม เขาไว้หนวดเครา โครงหน้าเหลี่ยมและมีดวงตาที่ทรงอำนาจ
“ได้ยินมาว่าเ้าถูกรังแก?”
หวังไคไท่กวาดตามองโกวจ่านหลีแวบหนึ่ง“ใครกล้ารังแกคนของหน่วยทหาร? อันเจิงคือยาเจียงระดับหกแห่งต้าเยี่ยนเชียวนะและเป็ถึงลูกศิษย์ที่ข้าเลือกเข้าสำนักวรยุทธ์ด้วยตัวเอง ใครกันที่กล้าหาเื่หน่วยทหารของข้า?”
โกวจ่านหลีคุกเข่าลงทันที “ท่านแม่ทัพข้าน้อย...เข้าใจผิด ทั้งหมดนี้เป็เพียงเื่เข้าใจผิดทั้งนั้น”
หึ!หวังไคไท่เปล่งเสียงที่เย็นะเืออกมา “ลากไอ้พวกระยำนี้กลับไปที่หน่วยทหาร หากหน่วยฟางกู้อยากได้ตัวคืนก็ให้มาหาที่หน่วยทหารเอาเอง!”
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ชะงักไปตาม ๆ กันพวกเขาต่างสงสัยว่าอันเจิงคือใครกันแน่? ยาเจียงระดับหกหรือลูกศิษย์คนสำคัญแห่งสำนักวรยุทธ์ของหน่วยทหาร สำคัญถึงขนาดผู้ดูแลโรงจวี้ฉ่างยังต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองทั้งยังเป็เ้าสำนักวรยุทธ์เบิก์อะไรนั่นอีก...โกวจ่านหลีไม่ได้เตะโดนก้อนหินทว่าราวกับเตะโดนูเาใหญ่ด้วยซ้ำ
หวังไคไท่นิสัยตรงไปตรงมาเขาหมุนตัวแล้วกอดไหล่อันเจิง “เราทหารด้วยกันคนอื่นไม่มีใครรู้ถึงความลำบากของทหารหรอก ไปกัน กลับหน่วยทหารกับข้า”
อันเจิงยิ้มเล็กน้อย“เอาไว้วันหลังได้หรือไม่ พวกข้าเดินทางมากันกลุ่มใหญ่และยังไม่ได้เข้าที่พักเลยในนี้ยังมีผู้หญิงอีกด้วย...”
หวังไคไท่หัวเราะเสียงดัง “ได้ ๆ ๆงั้นเ้าก็รีบหน่อยละกัน”
ในรถม้า ชวีหลิวซีมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก“อันเจิงกำลังทำอะไรกันแน่? ไหนบอกจะไม่เผยตัวตนที่แท้จริงนี่ยังไม่ทันถึงก็เผยตัวตนออกมาหมดแล้ว?”
กู่เชียนเยว่เงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดขึ้น“หรือเขาอาจคิดว่าอย่างไรเสียก็ปิดไม่มิด เลยชิงเผยตัวตนออกมาก่อน?ข้าก็ไม่เข้าใจความคิดของอันเจิงเหมือนกัน”
อันเจิงมองไปยังโกวจ่านหลีที่คุกเข่าด้วยสีหน้าไม่สำนึกผิด เขานั่งยอง ๆแล้วกดเสียงต่ำลง “เ้ารู้หรือไม่ว่าคนชั่วกลัวอะไร”
โกวจ่านหลีส่ายหน้าด้วยสัญชาตญาณ
อันเจิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“คนชั่วมักจะกลัวคนที่ชั่วกว่า ข้าจะบอกความลับบางอย่างกับเ้า...ไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนคนชั่วก็มักจะซวยทุกทีสำหรับที่นี่เ้าเป็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่เ้าจบเห่แล้ว”
อันเจิงลุกขึ้นยืนจากนั้นก็กอดไหล่ของตู้โซ่วโซ่วเอาไว้“การเปิดตัวสำนักวรยุทธ์เบิก์ของเราที่เมืองฟางกู้เป็อย่างไร ยิ่งใหญ่มากหรือไม่?”
“ยิ่งใหญ่มาก แต่เ้าไม่กลัวรึต้นไม้ใหญ่มักจะถูกพายุพัดล้มเสมอ”
อันเจิงส่ายหัว “ไม่กลัว ต้นไม้ใหญ่สิดี”
อันเจิงหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้