“อันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่งั้นหรือ?”
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของฉินเยียนหรานกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด นี่ทำให้ฉินเยียนหรานนิ่งอึ้ง ชายผู้นี้ยังคงสง่าผ่าเผยราวกับว่าไม่มีใครในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่ทำให้เขาสนใจได้
ครู่ต่อมาเยาตานประกายงดงามปรากฏในมือของเย่เฟิง พร้อมปราณอสูรแผ่ออกมา และในนั้นยังอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง
“รับไปสิ!”
เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มและส่งเยาตานไปให้ฉินเยียนหราน ฉินเยียนหรานมองตากะพริบปริบ ๆ ก่อนจะรับเยาตานนั้นมา ตอนนี้นาง้าเยาตานเพื่อเป็ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง และเป้าหมายของนางก็คือทำคะแนนดี ๆ ในงานประลองยุทธ์ของสำนักยุทธ์ที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“รับของของข้าไปแล้วก็ทำหน้าที่เป็ผู้หญิงของข้าให้ดี ๆ ละ เข้าใจไหม?” เย่เฟิงเห็นฉินเยียนหรานรับของไปก็ระบายยิ้ม ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
“เ้ามันไร้ยางอาย ถ้าพูดมาขนาดนี้ ข้าไม่เอาเยาตานนี่ก็ได้!”
ฉินเยียนหรานกล่าวอย่างฉุนเฉียว ถึงปากจะพูดไปเช่นนั้น แต่มือก็เก็บเยาตานไว้ในแหวนมิติแล้ว
“ในเมื่อเก็บไปแล้ว ก็อย่ามาเสียใจทีหลังนะ” เย่เฟิงยิ้มกริ่ม จนฉินเยียนหรานหยุดชะงักไปพักหนึ่ง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็มองมาที่เย่เฟิงด้วยสายตากราดเกรี้ยว คิดในใจว่า “หมอนี่จะตายอยู่รอมร่อ แต่ยังเกี้ยวพาราสีไม่เลิก!”
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้ที่เย่เฟิงเกี้ยวพาราสีคือฉินเยียนหรานในดวงใจของพวกเขา จึงทำให้พวกเขาอิจฉาริษยาเย่เฟิงยิ่งนัก แต่หลังจากเห็นพลังของเย่เฟิง พวกเขาก็ไม่กล้ายั่วยุอีก
“เ้า...”
ฉินเยียนหรานถึงกับหมดคำพูด สีหน้าแดงเป็ลูกมะเขือเทศ ไม่รู้ว่าเขินหรือโกรธกันแน่
“โฮก!”
ตอนนั้นเองมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกึกก้อง จากนั้นเห็นกรงเล็บของสัตว์อสูริญญาระดับสองตนหนึ่งพุ่งเข้าหาฉินเยียนหราน กรงเล็บนี้เปี่ยมด้วยพลังมหาศาลและ้าฉีกกระชากทุกสิ่ง
“ระวัง!”
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมแสงดาวรายล้อมร่าง ก่อนมือข้างหน้าจะคว้าจับร่างฉินเยียนหราน ทำให้ฉินเยียนหรานอุทานอย่างใ
กรงเล็บของสัตว์อสูริญญาระดับสองตนนั้นจึงโจมตีอากาศธาตุ แต่ขณะนั้นมีรังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งทะลวงอากาศ ก่อนจะเห็นเืสาดกระเซ็น ผู้คนพบว่าที่ลำคอของสัตว์อสูริญญาระดับสองตนนั้นปรากฏรูโหว่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป าแนี้คือตัวคร่าชีวิตของมัน
“ตุบ!”
หลังจากถูกรังสีหอกของเย่เฟิงแทงทะลุลำคอ ร่างใหญ่ั์ของสัตว์อสูริญญาระดับสองตนนั้นก็ล้มลงไป ก่อนจะสลายหายเป็เถ้าธุลี
“ระวังหน่อยสิ!” เย่เฟิงมองสาวสวยในอ้อมกอดพร้อมกระซิบข้างหู
“อืม”
ฉินเยียนหรานถูกเย่เฟิงกอดอยู่ในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดสิ่งใด แต่ใบหน้างดงามนั้นเผยสีแดงระเรื่อ จากนั้นนางขัดขืนเบา ๆ ก่อนเย่เฟิงจะคลายมือพลางยิ้มกริ่ม
ขณะนั้นที่ไหนสักแห่ง มีสามเงาร่างเดินมาทางด้านนี้ เป็คนรุ่นเยาว์ที่ดูไม่ธรรมดา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็คนที่เย่เฟิงรู้จัก จงเทาอันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่หลังจากผ่านไปไม่นาน
แน่นอนว่าจงเทาเห็นเย่เฟิงแล้วเช่นกัน แววตาเผยประกายเยือกเย็น ที่แดนลับของวังเทพโอสถ เย่เฟิงมอบความอัปยศอดสูให้กับเขา เขาจงเทาจำได้ไม่ลืม
“จงเทา ลู่เจียง เซี่ยโหวิ สามคนนี้รวมกลุ่มกันเพื่อออกล่าสัตว์อสูร ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามขั้นรวมชี่มากันแล้ว!” เมื่อผู้คนเห็นสามคนนั้นต่างก็ประหลาดใจ
ผู้มาใหม่ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์แห่งรายนามขั้นรวมชี่ มีพร์และพลังยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็ผู้มากฝีมือที่หาได้ยากในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไม่ว่าไปไหนก็จะกลายเป็จุดสนใจของเหล่าผู้คน
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ลู่เจียงผู้นี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของลู่เฉินที่ถูกเย่เฟิงทำร้าย บัดนี้ลู่เจียงมาที่นี่พอดี ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
“ลู่เฉิน ใครเป็คนทำเ้าถึงได้มีสภาพเช่นนี้?”
ลู่เจียงกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบลู่เฉินนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น แววตาของเขาพลันชะงักนิ่ง จากนั้นเพลิงโทสะปะทุออกจากร่างเขา
“เป็เขา!”
ลู่เฉินชี้นิ้วไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาเคียดแค้น ตอนนี้พี่ชายของเขามาแล้ว เขาจะทำให้เย่เฟิงต้องตายทั้งเป็!
จากนั้นลู่เจียงหันมองตามที่ลู่เฉินชี้ ก่อนจะเห็นเย่เฟิง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางก่นด่าน้องชายตนในใจว่าไร้ประโยชน์ แม้แต่ผู้ที่เพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ก็ยังจัดการไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรลู่เฉินก็เป็น้องชายแท้ ๆ ของเขา เมื่อถูกคนอื่นรังแก เขาลู่เจียงจะนิ่งเฉยได้อย่างไร
“พี่ลู่ เด็กคนนี้เหิมเกริมนัก บังอาจทำร้ายน้องชายเ้า ข้าว่าเ้าสั่งสอนเขาหน่อยก็ดี!” จงเทาที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ลืมที่จะยุยงปลุกปั่น
“มันแน่อยู่แล้ว” ลู่เจียงพยักหน้าพร้อมดวงตาฉายแววจิตสังหารเย็นะเื จากนั้นเห็นเขาเดินไปหาเย่เฟิง
จงเทาเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นเหลือบมองเซี่ยโหวิข้าง ๆ ก่อนทั้งสองจะเดินตามหลังลู่เจียงไป
“ลู่เจียงมาแล้ว ข้าว่าเ้าออกไปก่อนจะดีกว่า พวกเขาคงไม่ทำอะไรข้า”
ฉินเยียนหรานเห็นลู่เจียงเดินดุ่ม ๆ มาก็เตือนเย่เฟิงทันที เหมือนไม่อยากเห็นเย่เฟิงกับลู่เจียงทะเลาะกัน ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่ ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 4 ทั่วไปจะเทียบเคียงได้
“ไม่เป็ไร!”
เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเองก็อยากเห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่อย่างลู่เจียงจะแน่สักแค่ไหน
แต่เมื่อฉินเยียนหรานเห็นท่าทีของเย่เฟิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี นางรู้ว่านี่เป็นิสัยของเย่เฟิง
“เ้าเป็คนทำร้ายน้องข้าใช่หรือไม่?”
เพียงเวลาไม่กี่อึดใจ ลู่เจียงก็เดินมาถึงด้านหน้าเย่เฟิง จากนั้นกวาดตามองเย่เฟิงด้วยท่าทีเยือกเย็น ก่อนจะเอ่ยถามเช่นนั้น
“เขาต่างหากที่อยากฆ่าข้าก่อน” เย่เฟิงตอบกลับ
“เขาทำร้ายเ้าก่อน?”
ลู่เจียงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เ้าไม่รู้หรือว่าเขาเป็น้องชายของข้าลู่เจียง แล้วเ้าก็ยังกล้าทำร้ายเขาเนี่ยนะ?”
น้ำเสียงของลู่เจียงหยิ่งผยอง วางมาดของผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่
“ไม่รู้” เย่เฟิงกล่าว
“ในเมื่อไม่รู้ เช่นนั้นถือว่าวันนี้เ้าได้รู้แล้ว เ้าจงตัดแขนตนเพื่อชดใช้ให้กับความเ็ปของน้องชายข้าเสีย เ้ายินดีหรือไม่?”
ลู่เจียงกล่าวพลางเหยียดยิ้มอย่างเ็า ราวกับว่าการที่เขาให้เย่เฟิงตัดแขนตนเป็พระคุณอันใหญ่หลวง
“ให้ข้าตัดแขนเนี่ยนะ เ้าสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 4 อันดับที่ 7 ในรายนามขั้นรวมชี่ เศษสวะแบบนี้มีสิทธิ์พูดกับข้าด้วยหรือ? ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าหนังหน้าเ้ามันด้านมากแค่ไหน!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นพร้อมเผยสีหน้าดูแคลน