หลินหวั่นชิวกินอิ่มแล้ว ทั้งยังเรอแบบไม่สุภาพแม้แต่น้อย พ่อครัวทำอาหารอร่อยมากจริงๆ อีกทั้งนี่ก็เป็ครั้งแรกที่นางมาร้านอาหารั้แ่มาอยู่โลกนี้ ด้วยเหตุนี้จึงอดใจไม่อยู่ กินอย่างเต็มที่
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเหลืออีกเยอะอยู่ดี
จานใบใหญ่เหลือข้าวอย่างน้อยสองในสามส่วน
แกงลูกชิ้นก็เหลืออีกครึ่งค่อนชาม
เจียงหงหย่วนมองนางด้วยความรังเกียจ “มีปัญญาเพียงเท่านี้! กินน้อยราวกับแมวมิหนำซ้ำเ้ายังจะเรออีก...”
หลินหวั่นชิวแสดงสีหน้าว่าไม่อยากคุยกับเขา
เขาดึงจานของหลินหวั่นชิวมาไว้ตรงหน้าตัวเองแล้วตักกิน
ในใจพึงพอใจมาก เขารู้อยู่แล้วว่าภรรยาตัวน้อยกินไม่หมด!
ดังนั้น การกินอาหารที่เหลือต่อจากนางเท่ากับการได้จูบนาง!
ฮิฮิฮิ…
ในใจยิ้มกว้างเยี่ยงดอกไม้บาน
ความเร็วในการกินข้าวนั้นเร็วขึ้นเช่นกัน ประหนึ่งถูกพายุหอบเอาไป
ปริมาณอาหารที่เขากินเข้าไปทำให้นางใจนตาค้างปากค้าง!
เจียงหงหย่วนกินอาหารที่นางกินเหลือจนหมด กวาดกับข้าวทั้งหมดบนโต๊ะจนเกลี้ยง หมั่นโถวหม้อใหญ่ (สิบลูก) ถูกเขากินหมดเช่นกัน จานทุกใบถูกเจียงหงหย่วนใช้หมั่นโถวเช็ดจนสะอาด
หลินหวั่นชิวมองจานชามที่สะอาดเกลี้ยงแล้วรู้สึกว่าจานชามนี้คงไม่ต้องล้างอีก สามารถเอาไปใช้ต่อได้เลย
กินได้เยอะขนาดนี้…เช่นนั้นปกติตอนอยู่บ้านต้องไม่อิ่มเป็แน่!
หลินหวั่นชิวอดรู้สึกสงสารไม่ได้ บุรุษที่แบกรับภาระครอบครัวผู้นี้ไม่ได้กินอิ่มมานานเพราะต้องวิ่งเข้าป่าลึกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว!
นางตัดสินใจแล้วว่าต่อไปนี้จะทำอาหารให้มากขึ้นอีก ไม่ว่าอย่างไรต้องให้บุรุษผู้นี้กินอิ่ม
“ตอนนี้พวกเราพอจะมีเงินแล้ว ข้าอยากสร้างบ้านใหม่ได้หรือไม่?” เจียงหงหย่วนเช็ดปากหลังกินอาหารตรงหน้าเสร็จแล้วถามหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว บ้านที่อยู่ตอนนี้ทั้งเล็กทั้งซอมซ่อ “ทำเป็บ้านอิฐได้หรือไม่? แล้วก็ทำห้องน้ำใหม่ด้วย...” หลินหวั่นชิวเสนอความเห็นของตัวเอง นางไม่กังวลเื่เงิน ต่อให้เงินที่เจียงหงหย่วนให้มาจะไม่พอ นางยังมีเงินส่วนของตัวเองอยู่ อีกทั้งยังหาเงินเพิ่มได้เรื่อยๆ
“บ้านอิฐหรือ…” เจียงหงหย่วนลังเลไปครู่หนึ่ง เขาแอบชำเลืองตามองหลินหวั่นชิว เห็นนางทำหน้าประหม่าจึงชิงพูดขึ้นก่อนที่นางจะพูดสิ่งใดต่อว่า “ถ้าเ้าชอบบ้านอิฐเช่นนั้นทำบ้านอิฐ!”
เขากัดฟันพูดเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่มาก ทว่าแววตามีประกายเ้าเล่ห์
ขณะที่หลินหวั่นชิวถอนหายใจอย่างโล่งอกก็รู้สึกตื้นตันใจไปด้วย เจียงหงหย่วนไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง แต่ถามความเห็นนางก่อน ยอมกัดฟันตอบตกลงต่อข้อเรียกร้องที่ฟังดูเกินเลยของนาง
อย่างไรเสียที่บ้านยังมีเด็กอีกสองคน คนหนึ่งต้องกินยา อีกคนต้องเรียนหนังสือ ตอนนี้ในมือมีเงินแค่ไม่กี่ร้อยตำลึง จะใช้จ่ายมั่วๆ ไม่ได้
“ท่านไม่ต้องกังวลเื่เงิน ข้าจะร่วมกันรับผิดชอบกับท่าน” หลินหวั่นชิวพูด นางจะสร้างบ้านให้อยู่สบาย หากนางยอมช่วยออกเงินด้วย เจียงหงหย่วนน่าจะยอมให้นางช่วยตัดสินใจบ้าง
“เหตุใดกัน คิดว่าข้าไม่มีปัญญาเลี้ยงเ้าหรือ? เก็บเงินไว้เถิด ข้าเลี้ยงลูกเลี้ยงภรรยาได้!”
เจียงหงหย่วนได้ยินหลินหวั่นชิวพูดเช่นนั้นก็ไม่พอใจ เมื่อครู่เขาแสร้งทำเป็ตัดสินใจลำบากเพื่อให้นางซาบซึ้งใจ ไม่ใช่เพราะไม่มีปัญญาเื่เงิน
เขามีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากแค่หาเงินยังไม่มีปัญญา เช่นนั้นสู้ตายไปเสียดีกว่า!
หลินหวั่นชิวไม่พูดสิ่งใดอีก ศักดิ์ศรีของบุรุษเหล็กกล้าผู้นี้สำคัญกว่าเงินเสียอีก
“เอาเงินที่ขายของได้วันนี้ไปสร้างบ้านกับทำเครื่องเรือน เงินที่พวกเราจะใช้สร้างบ้านในหมู่บ้านมีไม่มาก เ้าตัดสินใจตามที่เห็นสมควรแล้วกัน”
นั่นมันเงินตั้งสามร้อยกว่าตำลึงเชียวนะ!
หลินหวั่นชิวมองเจียงหงหย่วนอึ้งๆ “เยอะเกินไปแล้วกระมัง” เงินสามร้อยตำลึงเพียงพอให้ซื้อที่ดินดีๆ ได้ตั้งยี่สิบไร่เลยนะ
“จะสร้างบ้านทั้งทีก็ทำให้ดีไปเลย วันหน้าพวกเรายังต้องมีลูกอีก พอมีลูกเยอะก็ไม่พออยู่ เ้าไม่ต้องกังวลเื่เงิน สามีของเ้าจะหามาเอง ประเดี๋ยวพวกเราแวะไปที่ว่าการอำเภอ ซื้อที่ไร่ให้เรียบร้อย”
“ได้” หลินหวั่นชิวตอบตกลง บุรุษผู้นี้ค่อนข้างดื้อรั้น เถียงต่อไปล้วนแล้วมีแต่นางที่ต้องแพ้
นางท้อใจเล็กน้อย อยู่กับบุรุษผู้นี้ ไม่ว่าจะพลังต่อสู้หรือฝีปากนางล้วนสู้เขาไม่ได้สักอย่าง นางช่างไม่เอาไหนเสียจริง
แต่ความท้อใจนี้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว จะได้สร้างบ้านใหม่แล้ว ได้อยู่บ้านที่ตัวเองถูกใจเสียที นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
หลินหวั่นชิวไม่เห็นประกายดีใจในแววตาเจียงหงหย่วนหลังจากที่นางตอบตกลง เมื่อครู่ภรรยาตัวน้อยไม่ได้คัดค้านที่เขาบอกว่าจะมีลูกหลายคน!
ทั้งคู่นั่งพักกันชั่วครู่ เจียงหงหย่วนเรียกให้พนักงานคิดเงิน
“เจียงต้าเกอ ทั้งหมดหนึ่งตำลึงสองเฉียนขอรับ!”
อาหารมื้อเดียวหนึ่งตำลึงสองเฉียน นี่ขนาดลดราคาให้สองส่วนแล้วนะ มิน่าเล่าถึงไม่มีชาวบ้านธรรมดามากิน
“ภรรยาจ๋า ช่วยจ่ายเงินด้วยเถิด” เจียงหงหย่วนพูดอย่างวางมาด หลินหวั่นชิวหยิบเงินออกจากกระเป๋าเงิน
พนักงานรับเงินเสร็จก็ถอยออกไป ไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง ทอนเหรียญทองแดงให้หลินหวั่นชิวหลายพวง
เจียงหงหย่วนขอเงินจากหลินหวั่นชิวไว้พกติดตัวจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงพานางไปที่ที่ว่าการอำเภอ
“หย่วนเกอ พวกเราควรไปหาหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่หรือหาก้าซื้อที่ดิน?” ในสมองหลินหวั่นชิวมีความทรงจำของเ้าของร่างเดิม พอจะมีความรู้เกี่ยวกับเื่นี้ หากบ้านใดจะสร้างบ้านในหมู่บ้านต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อกำหนดขอบเขตที่ดิน แต่นางไม่แน่ใจนักว่ารายละเอียดเป็อย่างไร
เจียงหงหย่วนยิ้มเยาะ “พวกเราผูกความแค้นกับสวีฝูไปเสียแล้ว หากไปซื้อที่ดินกับเขาต้องโดนบ่ายเบี่ยง ขึ้นราคาสูงหรือไม่ก็มอบที่ดินที่แย่มากให้พวกเราเป็แน่ อย่างไรก็เสียเงินอยู่แล้ว ข้าไม่อยากเสียให้ตาแก่นั่น!”
หลินหวั่นชิวคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าใช่ สวีฝูไม่ใช่คนดี
ทั้งคู่มาถึงที่ว่าการอำเภอ เจียงหงหย่วนยังไม่ทันพูดสิ่งใดก็แอบยัดเงินก้อนหนึ่งให้เ้าหน้าที่เฝ้าประตู
เ้าหน้าที่เห็นเขาหน้าตาน่ากลัวแต่รู้งานก็ยิ้มให้ “พวกเ้ามาทำกระไร?”
เจียงหงหย่วนรีบตอบ “ข้าน้อยมาหาท่านจู่ปู้[1]เพื่อซื้อที่ดินขอรับ”
เ้าหน้าที่ลองชั่งเงินดูแล้วรู้สึกว่ามากพอ ได้เกือบหนึ่งตำลึงก็ดีใจ เต็มใจอำนวยความสะดวกเช่นกัน
“พวกเ้าโชคดีมาก ตอนนี้ท่านจู่ปู้ไม่ยุ่งอยู่พอดี ตามข้ามาเถิด”
เจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวตามเ้าหน้าที่คนนั้นเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เดินมาถึงห้องๆ หนึ่งก็บอกให้พวกเขารออยู่ด้านนอก เขาจะเข้าไปช่วยรายงานให้
ไม่นานก็กลับออกมาเรียกทั้งคู่เข้าไป
เจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวเข้าไปในห้อง เห็นชายร่างผอมซูบอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปีนั่งเขียนกระไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ
เขาไม่พูดสิ่งใด เจียงหงหย่วนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวางมาด
เขาเดินไปยืนหน้าโต๊ะ ก้มตัวลงบนพื้นทำท่าเหมือนคำนับและวางเงินห้าตำลึงที่กำไว้ในมือนานแล้วลงบนโต๊ะจู่ปู้ “ใต้เท้า ท่านทำเงินหล่นขอรับ”
หลินหวั่นชิวอดมุมปากกระตุกไม่ได้ บุรุษผู้นี้ดูซื่อๆ ตรงไปตรงมา ทว่าภายในใจคดเคี้ยวจนคาดไม่ถึง ขนาดติดสินบนยังทำได้แบบไม่ทิ้งร่องรอย…
ยิ่งไปกว่านั้นยังให้มากถึงห้าตำลึง ใจกว้างเสียจริง!
อัจฉริยะชัดๆ!
เชิงอรรถ
[1] จู่ปู้(主簿) ตำแหน่งเ้าหน้าที่ดูแลเอกสารและประทับตราต่างๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้