กู้เฟิงเลิกคิ้ว ฉีกแขนเสื้อของตนผูกแขนเวินรื่อโอวเอาไว้โดยไม่พูดจาให้มากความ
ระยะทางไม่ได้ไกลนัก ใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองนาทีก็ถึง แต่ด้วยสภาพของพวกเขาทำให้ไม่มีแท็กซี่คันไหนกล้ารับ ดังนั้นทั้งสามคนจึงต้องเดินกันไป คุยกันไป
"ไม่เบาเลยนี่ พ่ออัศวินพิทักษ์สาวงาม!" ในขณะที่กู้เฟิงพูดแซวเวินรื่อโอว ก็ไม่วายเหลือบมองเย่ถานแวบหนึ่ง เห็นว่าเย่ถานกำลังหาหลุมฝังกลบหัวตัวเองอยู่
เวินรื่อโอวยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น "แล้วนายล่ะเป็อะไร? สาวงามที่ช่วยเหลืออัศวินงั้นเหรอ?" เขาแซวกู้เฟิงกลับบ้าง
กู้เฟิงพึมพำเสียงเบา "อย่างฉันไม่เหมาะกับคำว่าสาวงามหรอก อย่างมากก็แค่คนผ่านทางที่ช่วยไม่ให้อัศวินพิการไปซะก่อน"
เวินรื่อโอวยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน "คนผ่านทางอะไรกัน? ฉันชื่อเวินรื่อโอว" เขาพูดพร้อมกับยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับาเ็ออกไป
"ทำไมไม่เรียกว่าเวินโหรวไปซะล่ะ" ก่อนที่กู้เฟิงตอบอะไร เย่ถานกลับพึมพำเบาๆ
กู้เฟิงยกมุมปากขึ้น มองไปทางเย่ถานด้วยรอยยิ้ม "ถ้างั้นสาวงามชื่ออะไรล่ะ" แต่กลับเมินฝ่ามือที่ยื่นมาของเวินรื่อโอว หันไปอีกด้าน
เย่ถานกัดฟัน เขาไม่กล้าและเกรงใจที่จะไม่ตอบคำถามของ 'ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต' "เฉิงเย่ถาน" พูดจบก็ยื่นมือตนออกไป ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"กู้เฟิง" กู้เฟิงตบมือคนทั้งสองให้สิ้นเื่ ไม่สนใจจะเลียนแบบการจับมือของเด็กน้อยที่ทำตัวแก่แดด และไม่แตะประเด็นเื่ 'สาวงาม' กับเย่ถานอีก
"บ้านนายอยู่ไกลแค่ไหน?" กู้เฟิงถามเวินรื่อโอว
เวินรื่อโอวเหยียดแขนชี้ออกไป "ตึกนั้นแหละ ถึงแล้ว"
"พวกเราเข้าไปในบ้านแบบนี้จะดีเหรอ?" ก่อนจะเข้าไป เฉิงเย่ถานเพิ่งจะรู้ตัวว่ามันเสียมารยาทที่จะไปเยี่ยมบ้านของคนอื่นั้แ่ครั้งแรกที่เจอหน้า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาไม่มีของฝากติดมือมาเลยสักชิ้น มิหนำซ้ำยังเอาฝุ่นและคราบเืจากการต่อสู้มาฝากอีกต่างหาก ถ้าครอบครัวของเวินรื่อโอวเห็นเข้า...
กู้เฟิงไม่ได้คิดมากเหมือนกับเย่ถาน เขามองว่าเวินรื่อโอวไม่ใช่คนโง่ การที่พาพวกเขาเข้าไปในบ้านได้ แสดงว่าไม่มีปัญหา ทว่าเขาเพียงเฝ้าดู ไม่ทักท้วงอะไร
เวินรื่อโอวไม่ว่าอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับเย่ถาน ก่อนจะหยิบกุญแจขึ้นมาเปิดประตูเป็การตอบคำถาม
เมื่อประตูห้องเปิดออก ทุกอย่างก็กระจ่าง ถึงจะบอกว่าเป็ 'บ้าน' แต่ที่จริงเป็แค่อะพาร์ตเมนต์ห้องเดี่ยว ถึงเฟอร์นิเจอร์จะดูประณีต สวยงาม แต่ก็เหมือนกับห้องตัวอย่าง ไม่มีกลิ่นอายของความเป็บ้านเลยสักนิด
"นายอยู่คนเดียวเหรอ?" เวินรื่อโอวเปิดไฟ หลังจากที่ทุกคนเดินเข้ามาแล้ว กู้เฟิงก็ทิ้งตัวลงเอกขเนกบนโซฟาห้องนั่งเล่น โดยไม่มีความเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น
"ใช่ พ่อฉันซื้อฉันอะพาร์ตเมนต์ใกล้โรงเรียนไว้ให้ เวลาไปโรงเรียนจะได้ไม่ลำบากน่ะ" ถึงจะบอกว่าใกล้โรงเรียน แต่ก็ต้องใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการเดินไป
มิน่าเวลาไปเรียนหรือเลิกเรียน จึงไม่เคยเห็นรถของตระกูลเวินมารอรับหน้าโรงเรียนที่เป็เหมือนโชว์รูมรถเลยสักครั้ง ก่อนหน้านี้ก็พอรู้มาบ้างว่าตระกูลเวินไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะร่ำรวยระดับนี้ อะพาร์ตเมนต์ไฮเอนด์ย่านโรงเรียน แถมยังมีสองห้องนอน แบบนี้เขาเรียกว่ารวยแบบซุ่มหรือเปล่า? เฉิงเย่ถานเดินเข้ามา กวาดตามองคร่าวๆ เขาพอจะรู้รูปแบบผังห้องอะพาร์ตเมนต์อยู่แล้ว ใครใช้ให้แบบอะพาร์ตเมนต์เหมือนกับบ้านของเขาล่ะ เพียงแต่บ้านของเขาเป็สี่ห้องนอน ซึ่งวันนี้จะเป็วันสุดท้ายได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว
"รีบๆ ๆไปจัดการแผลสักทีเถอะ!" เย่ถานเร่งเร้า ไม่ใช่ว่าสงสารอะไรเวินรื่อโอวหรอก แต่เขาเพิ่งนึกได้ว่าทิ้งน้องสาวนอนอยู่ที่บ้านตามลำพัง จึงอยากรีบจัดการเื่ให้เสร็จๆ แล้วกลับไปสักที
เวินรื่อโอวและกู้เฟิงหันไปมองเย่ถานเป็ตาเดียว แต่ไม่ตอบกลับอะไร จากนั้นเวินรื่อโอวจึงหยิบกล่องยาออกมา กู้เฟิงเองก็เข้าไปล้างมือในห้องน้ำ
"แบบนี้ยังเรียกว่ากล่องยาสามัญอีกเหรอ? อีกนิดเดียวจะกลายเป็กล่องปฐมพยาบาลมืออาชีพแล้วนะ!" กู้เฟิงเปิดกล่องยาที่เวินรื่อโอวนำมาให้ รู้สึกทึ่งไปเล็กน้อย
"ฉันยังไม่ได้บอกเหรอว่าครอบครัวของฉันเปิดโรงพยาบาล?" เวินรื่อโอวกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ
"ตอนนี้บอกแล้ว" กู้เฟิงเม้มริมฝีปาก และเริ่มปฐมพยาบาลแผลบนแขนของเวินรื่อโอว
"นายตั้งใจจะเป็หมอในอนาคตงั้นเหรอ?" พอได้เห็นการปฐมพยาบาลาแอย่างชำนิชำนาญและรวดเร็วของกู้เฟิง คนที่ต้องใกลับกลายเป็เวินรื่อโอว
"ฉันไม่มีความคิดยิ่งใหญ่แบบนั้นหรอก ก็แค่คนงานที่มีทักษะนิดหน่อย นอกจากการผ่าตัดแล้ว พวกาแนิดๆ หน่อยๆ ฉันน่ะพอจัดการได้ หรือจะให้ฉันเย็บแผลให้นายสักเข็มสองเข็มไหมล่ะ?"
"ขอบใจ แต่ไม่ต้องก็ได้" เห็นความกระตือรือร้นอยากลองของกู้เฟิง เวินรื่อโอวรีบปฏิเสธทันควัน
"เรียบร้อย" หลังจากทำความสะอาดและพันแผลเสร็จ กู้เฟิงก็ตบผ้าพันแผลที่แขนเวินรื่อโอวสองรอบ
เวินรื่อโอวหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดพราย แต่ไม่กล้ายืนยันว่ากู้เฟิงจงใจหรือไม่
"วันนี้ต้องขอบใจนายมากเลยนะ" ถึงอย่างนั้นเวินรื่อโอวก็ยังตอบโต้กู้เฟิงด้วยรอยยิ้ม "แต่ดันทำให้นายเสียงานไปซะได้ ไม่รู้จะชดใช้ให้นายยังไงดี"
"คนที่ต้องชดใช้น่าจะเป็นายมากกว่ามั้ง?" กู้เฟิงเลิกคิ้ว สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองไปทางเย่ถานที่พยายามทำตัวล่องหนสุดฤทธิ์
"ฉัน..." ชดใช้? ชดใช้ยังไง? ชดใช้ด้วยร่างกายงั้นเหรอ? คิดมาถึงตรงนี้ เย่ถานก็เหงื่อตกทันที "ดึกแล้ว... ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะ" ตอนนี้แผลเวินรื่อโอวก็รักษาดีแล้ว เขาน่าจะกลับได้แล้วสินะ?
"ดึกแล้ว ฉันเองก็กลับด้วยดีกว่า" คราวนี้กู้เฟิงไม่ได้จงใจขัดเย่ถาน
"ฉันไปส่งพวกนายเอง" เวินรื่อโอวลุกพรวดพราด เข้าขั้นรีบร้อนด้วยซ้ำ
"พักผ่อนเถอะ พ่ออัศวินใจกล้า พวกเรารู้ทางแล้ว" กู้เฟิงโบกมือแล้วเดินนำหน้าไปที่ประตู
เย่ถานรีบตามหลังกู้เฟิงไป
"ฉันจะติดต่อพวกนายยังไง?" พอเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะจากไป เวินรื่อโอวรีบเอ่ยถามอย่างรีบร้อน แม้แต่คิ้วยังขมวดมุ่น
กู้เฟิงหันหน้ากลับไปเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างไม่คาดคิด ก็แค่เจอกันโดยบังเอิญ จะยึดติดอะไรขนาดนั้น? "ถ้ามีวาสนาคงได้เจอกันอีก!"
เวินรื่อโอวกลับเดินตรงเข้ามา ใช้ตัวแทรกขวางประตูเอาไว้ ถึงจะดูอ่อนโยนและยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่ถ้าอีกฝ่ายให้คำตอบไม่ตรงใจเขา เขาก็ไม่ยอมให้ไป "การได้พบกันก็ถือเป็วาสนา ฉันเองก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายกับเขาสักเท่าไหร่ อุตส่าห์ได้เจอกับพวกนายที่ผ่านความลำบากมาด้วยกัน ทำไมต้องปฏิเสธกันด้วยล่ะ"
กู้เฟิงพบว่าถึงแม้เวินรื่อโอวจะคุยกับตน แต่สายตากลับเหลือบมองเฉิงเย่ถานเป็ระยะๆ ดังนั้นเขาจึงมองเวินรื่อโอวและเฉิงเย่ถานสลับกันไปมาด้วยความสนใจ ทว่าสายตาของเย่ถานกลับหลุกหลิก ร้อนรน ราวกับว่าอยากรีบออกไปจากที่นี่เต็มที ไม่ยอมมองมาทางเวินรื่อโอวเลยสักครั้ง
"ฉันไม่มีโทรศัพท์" กู้เฟิงส่ายหน้าและตอบช้าๆ
"ฉันก็ไม่มี" เฉิงเย่ถานรีบตอบตาม
เวินรื่อโอวไม่สามารถซักไซ้ได้ว่าทำไมบ้านของพวกเขาถึงไม่มีโทรศัพท์ หรือคำพูดของพวกเขาจริงหรือไม่ จึงได้แต่หาทางออกอื่นในสถานการณ์เร่งรีบ "พวกนายอุตส่าห์มาส่งฉัน ไหนจะช่วยทำแผลให้อีก แถมกู้เฟิงยังต้องตกงานเพราะเื่วันนี้ด้วย ถ้างั้นมันก็สมควรที่เราจะเลี้ยงข้าวกู้เฟิงสักมื้อไม่ใช่เหรอ เย่ถาน?"
"หา? อ้อ! ชะ...ใช่แล้ว" เย่ถานไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เวินรื่อโอวก็ดึงเขาไปเป็พวกเดียวกัน แล้วปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือเศษเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มันแทบจะยาไส้เขากับน้องสาวได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ แม้แต่ค่าเช้าห้องที่ถูกที่สุดก็ยังไม่พอจ่าย พรุ่งนี้เขาต้องย้ายออกจากบ้านแล้ว ยังไม่มีที่อยู่ใหม่เลยด้วยซ้ำ จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงข้าวกู้เฟิงล่ะ?
อันที่จริงเื่ทั้งหมดเกิดขึ้นฉับพลันมากๆ ั้แ่บริษัทล้มละลาย ไปจนถึงการตายของพ่อ แม่ งานศพ จนถึงธนาคารเข้ามายึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูลเฉิง ทั้งหมดเกิดภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาไม่มีเวลาไปหางาน หรือไม่มีเวลาจะจัดการเื่ลาออกหรือพักการเรียนด้วยซ้ำ
พอเห็นว่าเย่ถานตอบด้วยน้ำเสียงพึมพำแล้วก็เริ่มทำสีหน้าสับสน เวินรื่อโอวจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่เรียกสติเย่ถานอีกครั้ง "งั้นก็ตกลงกันตามนี้นะ อีกสามวันเป็วันหยุดสุดสัปดาห์พอดี พวกนายมาหาฉันที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงข้าวฝีมือฉันให้พวกนายเอง ถ้าอยากดื่ม ดื่มในบ้านได้เลยไม่ต้องกลัว"
ใครเขาตกลงกับนาย? กู้เฟิงกลอกตา แต่เื่ที่เวินรื่อโอวทำอาหารเป็ ดูเหนือความคาดหมายและน่าสงสัยนิดหน่อย "นายทำอาหารเป็ด้วยเหรอ?"
"ดูถูกฉันหรือไง?" เวินรื่อโอวสะอึกกับคำพูดของกู้เฟิง
"ดูถูกแขนนายต่างหาก" กู้เฟิงชี้ไปที่แผลบนแขนของเวินรื่อโอว
"อีกสามวันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ" สุดท้ายเวินรื่อโอวก็เดินไปส่งเย่ถานและกู้เฟิงจนถึงหน้าลิฟต์ ก่อนจากกันก็ยังไม่ลืมกำชับว่า "ต้องมานะ อย่าปล่อยให้ฉันเหนื่อยฟรีล่ะ"
"แน่นอน ข้าวกลางวันฟรี ไม่กินก็เสียของแย่" กู้เฟิงยิ้มเ้าเล่ห์ ตอนที่ประตูลิฟต์ปิดลง เขาวางแขนบนไหล่เย่ถานแล้วโบกมือให้กับเวินรื่อโอว
…
สามวันต่อมา เช้าตรู่วันอาทิตย์ ดวงตะวันสดใส เวินรื่อโอวยุ่งแต่เช้า สายตาเหลือบเห็นนาฬิกาบนผนังบอกเวลาสิบเอ็ดโมง แต่ก็ยังไม่มีใครมาเคาะประตูสักคน เวินรื่อโอวนำอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ซึ่งประกอบด้วยเมนูผัดแปดจาน ซุปหนึ่งอย่าง และอาหารจานเย็นอีกสี่จาน ซุปเป็น้ำซุปกระดูกที่เสิร์ฟในหม้อร้อน เบียร์หนึ่งลัง ไวน์แดงหนึ่งขวด มีแม้กระทั่งวิสกี้หนึ่งขวด เมื่ออาหารขึ้นโต๊ะ เวินรื่อโอวหันไปมองนาฬิกาอีกครั้ง ตอนนี้สิบเอ็ดโมงสามสิบสองนาที
เวินรื่อโอวไม่สูบบุหรี่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่รอ แต่ไม่ว่าเขาจะมีความอดทนสูงแค่ไหนก็ยังอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้ ทีแรกเขาเดินออกไปมองผ่านระเบียงห้อง และเหลือบมองนาฬิกาเป็พักๆ หลังๆ เขากลับมานั่งเหม่อมองอาหารที่โต๊ะ
ดังนั้นเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นครั้งแรก เขาจึงไม่ได้ตอบสนอง แถมยังคิดว่าตัวเองหูแว่วไปเอง เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นเป็ครั้งที่สอง เวินรื่อโอวก็กระโจนไปที่ประตูใหญ่ทันที
พอเปิดประตูใหญ่ เวินรื่อโอวก็สตั๊นไปชั่วขณะ
"ฉันพาคนมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ไม่รังเกียจใช่ไหม?" ด้านนอกประตู คือเย่ถานที่ส่งยิ้มเคอะเขิน
"ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย" ถึงปากเวินรื่อโอวจะบอกว่าไม่รังเกียจ ร่างกายยังตอบสนองโดยการเปิดประตูให้ แต่สายตายังคงจับจ้องเด็กหญิงตัวน้อยที่เดินตามเฉิงเย่ถานต้อยๆ อย่างว่างเปล่า
"นี่น้องสาวฉันเอง เฉิงเย่เย่" เย่ถานพาน้องสาวเดินเข้าประตู "เย่จื่อ นี่เวินรื่อโอว ต้องเรียกเขาว่าพี่เวินนะ"
"พี่เวิน" เฉิงเย่เย่เรียกเขาอย่างว่าง่าย
เวินรื่อโอวได้แต่นำเหล้าบนโต๊ะไปซ่อนอย่างกระอักกระอ่วน หลีกเลี่ยงการทำตัวเป็แบบอย่างไม่ดีให้กับเด็กจะดีกว่ามั้ง? "ทำไมนายมาสายนักล่ะ?"
"เอ่อ...กูเฟิงล่ะ? ทำไมไม่เห็นเขาเลย?" เย่ถานดูเหมือนจะไม่อยากตอบคำถามนี้ จึงยกกู้เฟิงขึ้นมาเบี่ยงประเด็น
"เขายังมาไม่ถึงอีกเหรอ?" เวินรื่อโอวมองนาฬิกา พบว่ามันใกล้จะบ่ายโมงเต็มทีแล้ว "เขาคงไม่คิดว่าเป็กลางคืนใช่ไหม?" ขณะที่พูด เขาก็พบว่าสายตาของน้องเฉิงตัวน้อยจับจ้องไปที่อาหารบนโต๊ะแล้ว "มาๆๆ พวกเรากินกันก่อนเถอะ" เวินรื่อโอวเห็นดังนั้นก็รีบต้อนรับขับสู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้