บทที่ 182 ิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์
“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง—”
เสียงที่รุนแรงและน่ากลัวดังขึ้น ก่อนจะพบการเปลี่ยนแปลงของพัดขนนกัน้ำแข็งของเสวี่ยหานเฟย
ขนพัดเ่าั้มีประกายแสงสีฟ้าสดใส จากนั้นก็กลายเป็หนามน้ำแข็งทีละซี่ แหลมคมอย่างยิ่ง
ในขณะนี้ พัดขนนกัน้ำแข็งไม่เหลือความอ่อนโยนอยู่อีก รูปร่างของมันเปลี่ยนไปเหมือนกับัน้ำแข็งที่ขยายกรงเล็บและเขี้ยวฟัน เผยให้เห็นขอบคมที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร แหลมคมและเ็า
“เ้ากล้าทำหน้าข้าเป็แผล คุณชายเช่นข้าย่อมตอบแทนเ้าร้อยเท่า!”
เสวี่ยหานเฟยะโ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันแสนหนักอึ้ง เขาเร็วมาก ในขณะเคลื่อนที่ก็โบกพัดขนนกไปด้วย ทำให้เกิดถนนน้ำแข็งขึ้นบนพื้น เศษน้ำแข็งฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า และคล้ายจะเกิดหนามแหลมขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ไม่กล้าประมาท ตั้งสติทันที คิดหันหลังกลับเพื่อหลบหลีก แต่แท่งน้ำแข็งที่แตกร้าวกลับกลายเป็หนามซี่แหลม! ราวกับัน้ำแข็งมีชีวิตที่พ้นออกมาจากพื้นดิน ไล่ตามฉู่อวิ๋นอย่างต่อเนื่อง!
“หือ?! ช่างเป็ทักษะการต่อสู้ที่แปลกประหลาดจริงๆ!”
กระแสน้ำแข็งที่พุ่งขึ้นมาเสียงดัง “ปัง” นั้นรุนแรงมากและกำลังจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรู ฉู่อวิ๋นย่อตัวลง ใช้พลังปราณฟาดฟันไปข้างหน้า ฟันรัศมีพลังปราณไฟหยางออกไปหลายครั้งให้ปะทะกับน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามา!
“ปัง ปัง ปัง—”
กระบี่หลี่หั่วปะทะกับกระแสน้ำแข็ง เกิดเสียงดังกึกก้องจนบาดแก้วหู
“แกร๊ก... แกร๊ก...”
ทันใดนั้น ความร้อนของกระบี่พลังปราณไฟหยางก็น่าอัศจรรย์ขึ้นกว่าเดิม มันทำลายกระแสน้ำแข็งออกเป็ชิ้นๆ หมดทุกซี่!
บนเวที เศษน้ำแข็งปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า พร้อมด้วยจุดแสงสีฟ้าที่ส่องสว่าง แลดูงดงามมาก
“ดูเหมือนว่าก้อนน้ำแข็งของเ้าจะยังอ่อนไปหน่อยนะ!” ฉู่อวิ๋นเหวี่ยงกระบี่แผดเผาเศษน้ำแข็งที่ปกคลุมรอบกระบี่หลี่หั่วออกจนหมด ทำให้เกิดคลื่นไฟจำนวนมาก
“เช่นนั้นหรือ?!”
เสวี่ยหานเฟยหัวเราะอย่างเยือกเย็นและรีบวิ่งออกไปจนมองไม่ทัน เขาเคลื่อนมาอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋นในพริบตา ฉู่อวิ๋นใและรีบตั้งรับทันที
นี่คือความเร็วที่แท้จริงของเสวี่ยหานเฟย ความเร็วของนักรบระดับเจ็ดขั้นมหาสมุทร!
“ไปตายซะ!”
พัดหนามน้ำแข็งของเสวี่ยหานเฟยเปล่งแสงเ็าจนเกือบจะทิ่มตาของฉู่อวิ๋น ช่างน่าหวาดกลัวมากจนผู้ชมหลายคนถึงกับกลั้นหายใจ!
การโจมตีครั้งนี้รวดเร็วมาก การเคลื่อนไหวก็ซับซ้อนและน่ากลัว แม้ฉู่อวิ๋นจะยกกระบี่ขึ้นป้องกันได้ แต่มันก็สายเกินไป
ทุกคนอ้าปากค้าง ซิวหลัวหน้าผีคนนี้จะตาบอดหรือเปล่า? มันต้านทานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ทว่า ในขณะนี้ เมื่อเสวี่ยหานเฟยยิ้ม หนามอันแหลมคมของพัดขนนกก็เกือบจะทิ่มแทงดวงตาของฉู่อวิ๋น
“ถอยไป!!”
“ปัง!”
ใน่เวลาวิกฤติ ฉู่อวิ๋นก็รีบใช้ขอบเขติญญาทันที เกราะโปร่งแสงขนาดเล็กหลุดออกมาจากหว่างคิ้วของเขา มันมีลักษณะโปร่งใสที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีรังสีแสงไหลออกมา
“วิ้ง วิ้ง วิ้ง——”
ในชั่วพริบตา จุดแสงเล็กๆ นี้ก็เต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์แสนวิเศษ จากนั้นก็ป้องกันหนามน้ำแข็ง ปล่อยให้มันแข็งตัวอยู่กลางอากาศ
มีเพียงเสียงดัง “ปัง” ตามมา เสวี่ยหานเฟยถูกกระแทกออกไปมากกว่าสิบก้าว เขาหยัดเท้าลงบนพื้นอย่างแรงเพื่อรักษาร่างกายให้มั่นคง
“ฮ่าๆ ข้าลืมไปเลยว่าเ้าเป็นักพรติญญา!” คุณชายชุยเสวี่ยพูดอย่างเหน็บแนมพลางโบกพัดขนนกและส่งเศษน้ำแข็งปลิวไป
อันที่จริง เขาไม่พอใจมากที่เมื่อครู่เขาเกือบโจมตีอีกคนได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะถูกผลักออกไปด้วยขอบเขติญญา ดังนั้นดวงตาของเขาจึงเ็าลงเรื่อยๆ
“ฟู่ว... โชคดีที่ข้าสกัดได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงโดนแทงจนตาบอด…”
“การฝึกฝนของชายคนนี้สมแล้วที่จะไปถึงระดับปราณมหาสมุทร แข็งแกร่งมาก!”
ฉู่อวิ๋นแอบหนักใจ ใจของเขากำลังเต้นระรัว แสงรอบตัวเขาพลิ้วไหว ชวนฝัน และสวยงาม
เขารู้ว่าเสวี่ยหานเฟยนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะขอบเขติญญา เขาคงถูกปรามไปนานแล้ว โอกาสตั้งรับคงไม่มี ท้ายที่สุด นี่คือความแตกต่างในพลังยุทธ์!
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะต่อสู้ข้ามระดับมาได้ แต่จะจัดการกับระดับหกขั้นมหาสมุทรยังยาก นับประสาอะไรกับระดับเจ็ด?
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? น่าตื่นเต้นมาก...”
“ดูเหมือนว่าพลังยุทธ์ของซิวหลัวหน้าผีจะไม่ดีเท่าคุณชายชุยเสวี่ยนะ? เขาถูกปรามแล้วนี่”
บางคนเงยหน้าและหรี่ตามอง เพราะมองเห็นสถานการณ์การต่อสู้ได้ไม่ชัดเจน แต่เพราะเห็นว่าเสวี่ยหานเฟยกำลังเอาจริง พวกเขาจึงเห็นว่าฉู่อวิ๋นนิ่งเฉยและกำลังถูกควบคุม
“อืม ปฏิกิริยาของซิวหลัวหน้าผีฉับไว รู้จักใช้ขอบเขติญญามาป้องกันตัว” ผู้าุโที่มีสายตาแหลมคมบางคนพยักหน้าและค่อนข้างพอใจกับวิธีรับมือของฉู่อวิ๋น
“หืม? มีบางอย่างผิดปกติ ข้าเคยเห็นซิวหลัวหน้าผีต่อสู้ที่ลานประลองยุทธ์มาก่อน แสงศักดิ์สิทธิ์ของเกราะโปร่งแสงน่าจะยอดเยี่ยมกว่านี้สิ” บางคนเริ่มสงสัยและค่อนข้างงุนงง
จากนั้นคนที่เป็แขกประจำของลานประลองก็เริ่มพูดต่อว่า “ใช่แล้ว อีกอย่างขอบเขติญญาสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ แต่ทำไมเกราะโปร่งแสงของซิวหลัวหน้าผีถึงได้มืดมนนักเล่า?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ผู้มีความรู้หลายคนก็เริ่มสงสัย ก่อนจะพบว่าเกราะโปร่งแสงที่ฉู่อวิ๋นปล่อยออกมานั้นเพียงปกคลุมรอบกายเท่านั้น พวกเขาจึงรู้สึกแปลกใจ
“หรือว่าเขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดในการประลอง?” จู่ๆ บางคนก็คิดว่าฉู่อวิ๋นกำลังซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้
“อะไรนะ?! คุณชายชุยเสวี่ยเริ่มเอาจริงแล้ว แต่เด็กหนุ่มคนนี้ยังมัวเล่นอยู่อีกหรือ?”
“อ๊ะ ต้องรู้นะว่าเสวี่ยหานเฟยคนนี้เอาชนะนักรบระดับเก้าขั้นมหาสมุทรมาได้ไม่น้อยเชียวนะ เต็มที่ก็อยู่ที่ระดับเจ็ดขั้นมหาสมุทร ความแข็งแกร่งยังห่างกันหลายชั้น” บางคนคาดเดาด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้น ทุกคนก็ตัวสั่นและแอบพยักหน้า โดยเชื่อว่าเ้าหนุ่มหน้าผีคนนี้ต้องเล่นแง่กับเสวี่ยหานเฟยแน่!
“นี่ก็มั่นใจเกินไปแล้ว คนเขากำลังแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา แต่ตนเองกลับเพิ่งปล่อยของเล็กๆ อย่างขอบเขติญญาออกมาเนี่ยนะ?”
“นี่เยาะเย้ยกันหรือ? เ้าหาว่าคุณชายชุยเสวี่ยไร้ความสามารถหรือ?”
"ช่างเป็คนที่กล้าหาญจริงๆ! ยอดเยี่ยมจริงๆ!"
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนพูดคุยส่งเสียงดังและมองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยความชื่นชม ทำให้เขาพูดไม่ออก
อันที่จริง การที่เขาปล่อยขอบเขติญญาออกมาเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาเพิ่งฝึกได้ไม่กี่วัน กลับโดนเข้าใจผิดว่ายังใช้พลังได้ไม่เต็มที่ไปแล้วหรือ?
ไร้เดียงสาเหลือเกิน
“เชอะ!” เสวี่ยหานเฟยแค่นเสียงอย่างเ็า สีหน้าของเขาเริ่มไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ยินคำพูดมากมายจากผู้ชมที่บอกว่าเขาไม่เก่ง และกำลังถูกซิวหลัวหน้าผีปั่นหัว
ในที่สุด คุณชายชุยเสวี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง คิ้วขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น
“ชอบเขติญญาหรือ? ทรงพลังมากใช่ไหม? ดูแคลนข้าใช่ไหม?!” เขามองฉู่อวิ๋นด้วยสีหน้าดุร้าย และน้ำเสียงก็มืดมนที่สุด
“ตอนนี้ ข้าจะทำลายเกราะโปร่งแสงของเ้าให้ทุกคนได้ดูเป็ขวัญตา!”
ทันใดนั้น ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยก็เป็ประกาย มองเห็นไอความเย็นรวมตัวกันและลอยขึ้นมาวนรอบตัวเขา ทำให้ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าสดใส
“วับ วับ วับ-”
ทันใดนั้น เงาขนาดกลางก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเสวี่ยหานเฟย
นั่นคือเงาิญญายุทธ์
เงาที่เปิดเผยอย่างสมบูรณ์ของิญญายุทธ์
“หืม!? ในที่สุดก็ยอมใช้ิญญายุทธ์แล้วหรือ?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นสงบนิ่ง ไม่กล้าประมาท เขาสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเสวี่ยหานเฟยอย่างระมัดระวัง
เขารู้ว่าตงฟางสยงพ่ายแพ้ไปเพราะิญญายุทธ์ของคุณชายชุยเสวี่ยผู้นี้แหละ
"ปัง!"
ลมหนาวพัดโชยโดยมีเสวี่ยหานเฟยเป็ศูนย์กลาง พัดกระหน่ำไปทุกทิศทุกทาง เกล็ดน้ำแข็งจำนวนหนึ่งล้อมรอบเวที แสงสีฟ้าเรืองรองหมุนวนด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
จู่ๆ อุณหภูมิบนเวทีก็เย็นลง พื้นกลายเป็น้ำแข็งอีกครั้ง แม้แต่ทั่วทั้งจัตุรัสศาลเ้าก็เย็นลงมาก! ทำให้ผู้คนตัวสั่น หายใจออกมาเป็ควันสีขาว
“หนาวจังเลย... ฟู่ว...”
“นี่คือิญญายุทธ์แบบไหนกัน?! แค่เปิดใช้งานพร์ิญญายุทธ์ก็สามารถทำให้เกิดเื่แปลกประหลาดเช่นนี้ได้เลยหรือ?”
หลายคนสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกถึงความเย็นะเืที่มาเยือนร่าง ราวกับว่ามีพลังอันหนาวเหน็บที่ทำให้จัตุรัสศาลเ้าขนาดใหญ่กลายเป็น้ำแข็งจนทั่ว
ต้องรู้ว่า หากไม่นับฝูงชนนอกจัตุรัส โดยรวมแล้วในลานจัตุรัสนี้มีคนอยู่นับหมื่น ซึ่งล้วนเป็นักรบที่มีร่างกายแข็งแรง แต่กลับรู้สึกหนาว?
ใครๆ ย่อมจินตนาการได้ว่า การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เกิดจากิญญายุทธ์ ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งลานก็มืดครึ้มและหนาวเย็น แม้แต่ภาพตรงหน้านั้นก็พร่ามัวคล้ายลวงตา
“นี่คือิญญายุทธ์แบบไหนกัน? จะเกินจริงเกินไปแล้ว!” ฉู่อวิ๋นมีพลังปราณไฟหยางอยู่ในร่างกาย เขาไม่ได้รับผลกระทบจากพลังปราณน้ำแข็ง แต่ก็ต้องใเมื่อเห็นทุกคนในกลุ่มผู้ชมขยับเข้ามารวมตัวกันท่ามกลางความเหน็บหนาว
เขาหรี่ตาและเงยหน้าขึ้น มองเห็นเงาด้านหลังเสวี่ยหานเฟย มันเป็หินน้ำแข็งที่มีแสงสีฟ้าสดใส มีเส้นลึกลับนับไม่ถ้วนบนพื้นผิวหิน เปล่งประกายราวกับมีชีวิต
“เป็ยังไงบ้าง? ิญญายุทธ์โดยกำเนิดของข้า งามหรือไม่?” เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของฉู่อวิ๋น เสวี่ยหานเฟยก็เยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“ก็แค่หินก้อนหนึ่ง ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?” ฉู่อวิ๋นดูแคลนและมองเขาอย่างเ็า
“ก้อนหิน?! ฮ่าๆ ช่างเป็คนที่มีความรู้ตื้นเขินจริงๆ!” เสวี่ยหานเฟยหัวเราะ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง “ในเมื่อเ้าโง่เขลา คุณชายเช่นข้าก็จะไม่สนใจเ้าอีก!”
“นี่คือิญญายุทธ์ระดับแปด ิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์! จำไว้เสียสิ ฮ่าๆ”
“ิญญายุทธ์ระดับแปด?!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ใจนเผยท่าทีประหลาดใจออกมา
ต้องรู้ว่าทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก ผู้ที่มีิญญายุทธ์ระดับเจ็ดนับว่าเป็อัจฉริยะแล้ว และอนาคตเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด
แต่ตอนนี้ เสวี่ยหานเฟยกลับมีิญญายุทธ์ระดับแปด?! นี่เป็สิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะความสามารถของมันจะสูงมาก!
“ก็ไม่น่าแปลกที่สามารถทำให้เกิดเื่แปลกๆ อย่างอุณหภูมิลดฮวบลงเช่นนี้ได้! ที่แท้... เป็ิญญายุทธ์ระดับแปด”
ไม่ว่าก่อนหน้าฉู่อวิ๋นจะมั่นใจแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะความสามารถของิญญายุทธ์ระดับแปดนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน! เห็นได้จากตงฟางสยงที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือใครก็ยังพ่ายแพ้มาแล้ว
“ิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มจากตระกูลเสวี่ยคนนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! ิญญายุทธ์ของเขาคือิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ?!” ดวงตาของผู้าุโบางคนสั่นไหว พวกเขาพูดออกมาหลังได้ยินความจริงบางอย่าง
“ว่ากันว่าิญญายุทธ์นี้มีพลังปราณน้ำแข็งจำนวนมหาศาล สามารถแช่แข็งทุกสิ่งในโลกได้ ไม่เว้นแม้แต่ิญญา! ถึงกระทั่งสามารถทำลายิญญายุทธ์ของศัตรูได้เลย!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! ตามตำรับตำรา ิญญายุทธ์นี้ไม่ปรากฏในราชวงศ์เซี่ยตะวันออกมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่คิดว่าคุณชายชุยเสวี่ยจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้”
“ไม่แปลกใจเลยที่โลหิตแห่งความบ้าคลั่งของตงฟางสยงจะไม่ได้ผล เพราะต่อหน้าอากาศเยือกแข็งอันน่าสะพรึงกลัวของิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ มันจะถูกปรามเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้เืเดือดเพียงใดก็จะเย็นลงทันที!”
หลังจากรู้เหตุผล ทุกคนต่างก็พูดคุยกันไม่หยุดด้วยความตกตะลึง หายใจเข้าออกรวบรวมสติกันอยู่นาน แต่สีหน้าก็ยังคงประหลาดใจอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าหลายคนยังไม่เชื่อว่าที่นี่มีิญญายุทธ์ระดับแปดจริงๆ !
ในเวลานี้ เมื่อเขาได้ยินคำชมของทุกคน สีหน้าของเสวี่ยหานเฟยก็เปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือ เขารู้สึกภูมิใจยิ่งขึ้น
เขาจ้องมองที่ฉู่อวิ๋นและพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็อย่างไร? ผู้ที่ถูกเรียกว่าทายาทของตระกูลฝึกฝนอันศักดิ์สิทธิ์ ิญญายุทธ์ของเ้าคืออะไรหรือ? แสดงให้ข้าเห็นหน่อยสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็พูดเยาะว่า “แสดงให้เ้าเห็นหรือ? เกรงว่าเ้าจะกลัวขึ้นมาน่ะสิ”
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็ิญญายุทธ์ระดับแปด แต่ตัวฉู่อวิ๋นเองก็วัตถุิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน ิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์!
เขาจะไปกลัวทำไม? ก็ใช้ไฟหยางเผาน้ำแข็งเสียสิ!