ไม่ดูไม่รู้ แต่พอดูก็เล่นเอาสะดุ้ง
หัวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่าคนใหม่ไม่ได้ท่าทางกำยำใหญ่โตอย่างที่คิด กลับกัน ท่าทางเขาดูยังหนุ่มยังแน่น ราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี ใบหน้าหล่อเหลา คมกริบเหมือนถูกเหลามา ตาชั้นเดียวดูเฉี่ยวทำให้ใบหน้าเขาแลดูสวยหวาน หัวจรดเท้าช่างอ่อนหวาน
รู้ว่าพวกเขากำลังจะออกจากเมืองอู๋เฟิง ชายหน้าสวยเมื่อได้รับข่าวจากลูกน้องก็รีบปรี่มาที่นี่ ขวางพวกเขาที่ประตูได้ทันการพอดี
สายตาชายหน้าสวยมองข้ามโหยวเสี่ยวโม่ไปที่หลิงเซียว พลันขมวดคิ้ว ใยเขาจึงมองพลังชายคนนี้ไม่ออก หน้านิ่งเงียบลง คนที่ทำให้เขาดูพลังไม่ได้ นอกจากว่าพลังชั้นเหมือนกัน ไม่ก็สูงกว่า หรือไม่บนตัวเขาอาจมีของบางอย่างที่ซ่อนพลังได้
ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีราคา ความคิดของชายหน้าสวยออกจะเอนเอียงไปข้อหลังมากกว่า ชายคนนี้ดูจากภายนอกยังหนุ่มนัก หากมีพลังสูงกว่าชั้นดวงดาราถือว่าเป็ยอดคนทีเดียว แต่หากว่าเป็ยอดฝีมือเขาก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง
ชายหน้าสวยไตร่ตรองเช่นนี้ ก็ยิ่งแน่ใจว่าพลังเขาคงไม่เหนือกว่าชั้นจันทรา รีบเก็บสายตาหวั่นกลัว “ริอาจฆ่าลูกน้องของควั่งเทียนหลิง ช่างกล้านัก วันนี้หากปล่อยพวกเ้าไปจากเมืองอู๋เฟิง ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันเล่า”
“งั้นเ้า้าอะไร” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยด้วยความลำบากใจ หากครั้งหน้าพบเจอเื่แบบนี้ เขาขอจ่ายค่าผ่านทางดีกว่า
“มอบอาวุธ เงินทอง เคล็ดวิชา ยาเซียนตันบนตัวพวกเ้าออกมาให้หมด แล้วตัดแขนขาอย่างละข้างทิ้ง ข้าจะไตร่ตรองปล่อยพวกเ้าไป” ชายหน้าสวยหน้านิ่งเฉย แต่ั์ตาสีดำนั้นแฝงด้วยความโเี้
โหยวเสี่ยวโม่พูดไม่ออก คนนี้เหี้ยมโหดนัก ขอเงินทองของนอกกายไม่ว่า ยังจะขอแขนขาไว้อีก ใช่ว่าจะต้มกินได้ซะเมื่อไร…
หลิงเซียวคร้านจะตอแยด้วย พลันแผ่พลังแข็งแกร่งที่ใช้ไล่พวกสามเ้าอำนาจหนีไปนั้นออกมา พริบตาเดียว ก็มีพลังแผ่ออกมาจากร่างเขา ขณะเดียวกันก็พุ่งกระจายไปยังพวกพ้องของชายหน้าสวย
เนื่องจากอยู่ตรงหน้าสุด พลังนั้นผ่านหน้าเขาไป เทียบกับพลังที่เขาใช้ในทุ่งหญ้ากว้างแล้วพลังทำลายรุนแรงกว่าเยอะ ภายใต้ความกดดันจากพลังนี้ ชายหน้าสวยหายใจถี่ พลันหวั่นผวาอย่างเห็นได้ชัด พลังปราณในร่างกายแทบไม่กระดิก อีกทั้งยังไหลเวียนติดขัด
นี่ นี่มันพลังของจอมยุทธชั้นอรุณ ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!
ชายหน้าสวยหน้าซีดเผือดทันใด เขามีเพียงพลังชั้นดวงดาราสามดาว สู้กับชั้นอรุณมีแต่ตายอย่างเดียว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมสองคนนี้ถึงไม่รีบออกจากที่นี่ เพราะรู้สึกวางใจ หากเขามีพลังถึงเพียงนี้ คงไม่ถูกตามฆ่าเช่นนี้
ขณะนั้นชายหน้าสวยรู้สึกเสียใจทีหลัง
“ตอนนี้ยังต้องให้พวกข้าเอาอาวุธ เคล็ดวิชา เงินทอง ยาเซียนตันและแขนขาอย่างละข้างออกมาอีกมั้ย?” โหยวเสี่ยวโม่แอบขำแล้วเอ่ย พลันกระแอมเบาๆ
“ไม่ๆๆ…ไม่ต้องแล้ว ข้าสมควรตาย ขอร้องท่านทั้งสองไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ!” ชายหน้าสวยรีบเปลี่ยนท่าทีเป็อ่อนแอปวกเปียก อ้อนวอนอย่างใจเสาะ ในจังหวะชีวิตนั้นการมีเกียรติไม่สำคัญอีกต่อไป ส่วนพวกลูกน้องด้านหลัง ยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“ปล่อยเ้าไปก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงแต่…” โหยวเสี่ยวโม่จ้องเขาหน้ายิ้มแย้ม
“เพียงแต่อะไร ขอแค่เ้าพูดออกมา ข้าต้องช่วยอย่างสุดความสามารถแน่” ชายหน้าสวยเอ่ยพลัน นี่เกี่ยวข้องกับความเป็ตาย พูดส่งๆ ไม่ได้ เขานั้นรักตัวกลัวตาย ไม่งั้นคงไม่หนีมาหลบซ่อนที่เมืองเล็กๆ นี่หรอก
โหยวเสี่ยวโม่ขำแล้วเอ่ย “เอาอาวุธ เคล็ดวิชา เงินทอง ยาเซียนตันกับหญ้าเซียนของเ้าออกมาให้หมด เท่านี้ข้าอาจจะฝืนปล่อยพวกเ้าไปก็ได้”
ชายหน้าสวย “…”
หลิงเซียวกระตุกคิ้ว “ไม่ยินยอม?”
ชายหน้าสวยหน้าซีดกว่าเดิม เอ่ยคร่ำครวญ “ข้าให้ ข้าให้ก็ได้…”
พูดจบ เขาปลดถุงเก็บของตรงเอวออกมา ยื่นให้โหยวเสี่ยวโม่ตัวสั่นเทิ้ม ในใจเืไหลซก นี่เป็ของรักที่เขาเก็บมาหลายสิบปี สมบัติทั้งหมดอยู่ในนี้ หากถูกเอาไปตอนนี้ เขาจะกลายเป็ไอ้ยาจกทันที ก็นึกเสียใจ หากรู้ว่าผลลัพธ์เป็เช่นนี้แต่แรก เขาจะไม่มีทางทำอะไรโง่เขลาแบบนี้แน่
โหยวเสี่ยวโม่หัวเราะรับถุงนั่นมา ไม่เปิดออกดูแล้วรีบเก็บเข้าถุงตัวเอง จากนั้นเอ่ยต่อ “เห็นแก่ความจริงใจของเ้า หนนี้ข้าจะปล่อยเ้าไป แต่จำไว้ให้ดี อย่าได้เหิมเกริมทำเื่เก็บค่าผ่านทางเช่นนี้อีก ไม่งั้นละก็…”
“ไม่กล้าแล้ว ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีก…”
เขาไม่ทันพูดจบ ชายหน้าสวยก็รีบออกตัว ครั้งเดียวก็เล่นเอาสมบัติทั้งหมดสูญสิ้น หากมีครั้งที่สอง ชื่อเขาคงกลับด้านเขียนได้เลย
“ดีมาก” โหยวเสี่ยวโม่หัวเราะจนไม่เห็นลูกตา ไม่เคยเห็นใครประมาณตนดีขนาดนี้มาก่อน
ชายหน้าสวยขมขื่นหนัก คำพูดนี้เขาพึ่งพูดกับคนที่แก๊งมา คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับกรรมตามสนองกับเขาเสียเอง กรรมตามทันจริงๆ!
โหยวเสี่ยวโม่ที่ได้ลองเป็โจรบ้างมีความสุขแทบบ้า แล้วออกจากเมืองตามแผนเดิมพร้อมกับถุงเก็บของของชายหน้าสวย เวลาใกล้พลบค่ำ พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเล็กอีกที่นึง เล็กกว่าเมืองอู๋เฟิงแต่บรรยากาศดี ไม่มีการเข่นฆ่าใดๆ
ทั้งสองหาโรงเตี๊ยมชั้นกลางทั่วไปเพื่อเข้าพัก เมื่อทานข้าวเย็นเรียบร้อย โหยวเสี่ยวโม่นั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบถุงเก็บของของชายหน้าสวยออกมา จากนั้นเริ่มนับของกำนัลจากชัยชนะ
ชายหน้าสวยดูจากหน้าตาเพียงแค่ยี่สิบกว่าปี แต่อายุจริงนั้นไม่ได้น้อยเช่นนั้น หากเขาอายุเพียงยี่สิบกว่าจริงแล้วฝึกถึงชั้นดวงดาราได้ เขาคงเป็ยอดคน และไม่มีทางไร้ชื่อเสียง คงถูกสำนักใหญ่รับเข้านานแล้ว ไม่ถึงขั้นถูกตามฆ่าเช่นนี้ ดังนั้นอายุจริงของเขามากกว่าที่เห็นภายนอก อย่างน้อยก็ร้อยกว่าปีเห็นจะได้
โหยวเสี่ยวโม่เทของทุกอย่างออกมานอกจากเงิน นับคร่าวๆ เงินทองที่เขามีนั้นแค่สองแสน ถือว่าน้อย แต่เขาก็ย้ายเงินพวกนั้นเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นตรวจดูของที่เหลือบนเตียง
ชายหน้าสวยเป็นักฝึกตน ดังนั้นในถุงเก็บของส่วนใหญ่จะเป็พวกอาวุธมากกว่า มีหญ้าเซียนขั้นต่ำไม่กี่ต้น โหยวเสี่ยวโม่ไม่อยากสิ้นเปลืองจึงโยนเข้าห้วงมิติตรงอกเขา ส่วนยาเซียนตันนั้นมีหลายขวดแต่มีไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็ขั้นสามและสี่ มีเพียงเม็ดเดียวที่เป็ชั้นห้า มีผลกับผู้มีพลังชั้นจันทรา คิดว่าชายกำยำที่ถูกหลิงเซียวตบตายคาที่ที่เมืองอู๋เฟิงก็คงบรรลุขั้นพลังเพราะมียานี่ช่วย
โหยวเสี่ยวโม่เทยาเม็ดนั้นออกมาแล้วดม คุณภาพไม่ได้บริสุทธิ์มาก สิ่งแปลกปลอมเยอะ เป็ยาคุณภาพระดับล่าง กำลังจะเก็บ จู่ๆ ก็นึกถึงหลิงเซียว แอบชำเลืองมองไป เห็นเขานั่งจิบชาอยู่ กลอกตาลงต่ำแล้วเอ่ยหวังเอาใจ “ศิษย์พี่หลิง ยาเซียนตันพวกนี้ท่าน้าหรือไม่?”
หลิงเซียวหันมาทางเขา ยิ้มเบาๆ “อยากใช้ยาเซียนตันลวงข้ารึ?”
โหยวเสี่ยวโม่เก็บขวดยาเข้าถุงเก็บของ “ไม่…”
อันที่จริงเขาคิดเช่นนี้จริง เพราะหลักๆ คือยาที่เขาหลอมส่วนใหญ่ไปอยู่ในท้องหลิงเซียวหมด ดังนั้นจึงเกิดความคิดที่ว่าจะให้ยาพวกนี้กับเขาแทน
เมื่อตรวจนับยาเซียนตันกับหญ้าเซียนเรียบร้อย โหยวเสี่ยวโม่ก็คลี่คัมภีร์หลายม้วนออก มีเพียงเล่มเดียวที่เป็คัมภีร์วิชายุทธ์ชั้นกลาง นอกนั้นเป็ชั้นล่างหมด พวกนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา จึงโยนพวกมันเข้าห้วงมิติ ตอนนี้เขาไม่ค่อยได้ใช้ถุงเก็บของนัก ได้ของอะไรมาจะเก็บเข้าห้วงมิติ เพราะมันปลอดภัยกว่า ถุงเก็บของนั้นถูกแย่งไปได้ทุกเมื่อ ไม่ปลอดภัย
ถัดมาเป็พวกอาวุธกับหนังสัตว์ปีศาจต่างๆ สิ่งที่นักฝึกตนก็ควรมีนั้น เขามีครบหมด เมื่อเขาเก็บของทั้งหมดเข้าห้วงมิติแล้ว บนเตียงก็เหลือเพียงของสิ่งหนึ่ง
โหยวเสี่ยวโม่ดูของนั่นแล้วก็เอะใจ มือหนึ่งถือมันขึ้นมา แหวกออกดู กลับเป็แผนที่หนังแพะหนึ่งในสี่ส่วน หรือว่า…นี่จะเป็แผนที่สมบัติลับ?
โหยวเสี่ยวโม่ตาสว่างพลัน รีบคลานหมอบกับเตียงแล้วศึกษาแผนที่อย่างละเอียด ้านั้นเป็แผนที่เส้นทาง แต่ดูไม่ค่อยออกเพราะมีเพียงส่วนเดียว
ตอนนี้เอง เหนือหัวก็มีเงาคนมาบดบังแสงจากในห้อง
โหยวเสี่ยวโม่เงยหน้าเห็นหลิงเซียว ชะงักชั่วครู่แล้วยื่นแผนที่หนังแพะให้เขา หน้าตาตื่นเต้นพลันเอ่ยอย่างคาดหวัง “ศิษย์พี่หลิง ท่านดูนี่สิ นี่เหมือนกับแผนที่สมบัติลับรึเปล่า?”
หลิงเซียวยื่นมือรับแผนที่มา ้าเห็นได้ชัดว่าเป็แผนที่จริง พลันโยนแผนที่คืนใส่มือเขา ถอดรองเท้าขึ้นเตียง น้ำเสียงดูแคลน “แผนที่มีแค่หนึ่งในสี่ส่วน ทำไมเ้าถึงแน่ใจว่ามันคือแผนที่สมบัติลับ ไม่แน่ อาจเป็แผนที่ธรรมดาทั่วไปก็ได้ อีกอย่างถึงจะเป็แผนที่สมบัติลับ เ้ามีแค่ใบเดียว อีกสามใบที่เหลือเ้าจะไปหาเองรึไง?”
โหยวเสี่ยวโม่เม้มปาก ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาพูด
อันที่จริงเขาก็คิดแบบนี้ แต่ไม่ได้คิดจะไปหาแผนที่สมบัติลับอย่างจริงจัง แต่เขาก็คิดว่าเื่นี้ไม่สมเหตุสมผล หากเป็แผนที่สมบัติลับจริง ก็คงไม่ตกมาถึงมือนักเลงแบบนี้
“พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางต่อ รีบนอนเถอะ” หลิงเซียวคว้าเอวเขาแล้วกอดเข้าอ้อมอกอุ่น จากนั้นห่มผ้าห่ม
ผ้าห่มที่พึ่งห่มได้ครู่เดียวก็ถูกโหยวเสี่ยวโม่ถีบออก จากนั้นได้ยินเสียงสะดุ้งเอ่ยขึ้น “นอนก็นอน แล้วทำไมท่านต้องถอดเสื้อข้าด้วย…”
“เอ่อ ข้าชอบ…ที่เ้านอนเปลือย”
“…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้