ูเี่อันนิ่งอึ้งไปราวกับคนโง่
นี่พวกเธอกำลังคุยกันเื่ที่ถังอวี้หลันต้องอยู่ตัวคนเดียวแล้วทำไมลู่เป๋าเหยียนถึงเข้าใจว่าเธออยากจะนอนห้องเดียวกับเขาไปได้เนี่ยแถมยังพูดเหมือนเธอคาดหวังเื่นี้มานานแล้วด้วย
เธอไม่เคยคิดเื่นี้เลยสักหน่อย!
เธอแค่เป็ห่วงว่าถังอวี้หลันเองก็อายุมากแล้วกลัวว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเหงาต่างหากล่ะ!
ลู่เป๋าเหยียนยังคงยิ้ม
“ถ้าลองเอาเื่นี้ไปบอกแม่ดูแม่อาจจะยอมย้ายมาพักกับพวกเราระยะหนึ่งก็ได้นะ”
ูเี่อันผลักเขาออกห่าง
“งะงั้นให้แม่อยู่ที่นี่แหละ เอ่อ...นายอย่าคิดมากไปฉันไม่เคยอยากจะนอนห้องเดียวกับนายสักหน่อย!”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วพลางทำหน้าไม่อยากเชื่อ
ูเี่อันหน้าแดง “โอ๊ยฉันี้เีจะพูดแล้ว”
ว่าแล้วเธอก้มหน้าวิ่งกลับที่ห้องรับแขก
ลู่เป๋าเหยียนมองแผ่นหลังบางของเธอพลางยิ้มอย่างสนุกสนาน
ไม่อยากอย่างนั้นเหรอ?
แต่เื่นี้ คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอหรอกนะ..
เมื่อกลับมาที่ห้องรับแขกถังอวี้หลันก็กำลังยกปลาราดพริกออกมาพอดีนึกถึงเื่ที่ถังอวี้หลันคงเห็นเธอกับลู่เป๋าเหยียนกอดกันเมื่อครูู่เี่อันก็หน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอาย
“เจี่ยนอัน หนูเป็อะไรไป”ถังอวี้หลันถาม
“ไม่มีอะไรคะหนูไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
พูดจบเธอก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามาในบ้าน ถังอวี้หลันจึงตำหนิเขา
“ลูกอย่าไปแกล้งน้องแบบนั้นสิหน้าน้องแดงก่ำไปหมดแล้วเนี่ย”
ลู่เป๋าเหยียนรับปลาราดพริกจากถังอวี้หลันมาถือก่อนยิ้มตอบ
“แม่ครับเธอแค่หน้าบางไปหน่อยเท่านั้น”
“รู้แบบนั้นแล้วยังจะแกล้งน้องอีก”
ถังอวี้หลันส่ายหน้ายิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
ลู่เป๋าเหยียนเดินไปหาูเี่อันตอนนี้เธอกำลังล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็น แต่ต่อให้ล้างมากแค่ไหนก็ไม่อาจลบเลือนรอยแดงที่อยู่บนใบหน้าเธอได้
เมื่อูเี่อันเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังยืนอยู่ด้านหลังตนผ่านกระจกเงาเธอนึกเสียใจที่ตนลืมปิดประตู ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อที่จะปิดมันแต่ลู่เป๋าเหยียนกลับใช้มือดันเอาไว้ก่อน
“ออกมากินข้าวได้แล้ว”เขาหยิบทิชชู่เช็ดหน้าส่งให้เธอ
ูเี่อันรับมันมา“นายไปก่อนเถอะ ฉันกำลังล้างหน้า”
ลู่เป๋าเหยียนดึงเธอเข้ามาใกล้ก่อนจะจับหน้าเธอพลางสำรวจ
“สะอาดดีแล้ว”
ถังอวี้หลันที่กำลังถือหม้อซุปออกมาจากห้องครัวพอดีจึงได้เห็นภาพอันแสนชิดใกล้ของลูกๆ เธออดยิ้มกับมันไม่ได้ ส่วนูเี่อันตอนนี้เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าเริ่มพุ่งสูงอีกครั้งจึงปัดมือลู่เป๋าเหยียนออก แต่เขากลับจับมือเธอไว้แน่นก่อนจะลากเธอให้เดินไปห้องอาหาร
ถังอวี้หลันแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นเื่เมื่อครู่
“เอาล่ะกินข้าวกันเถอะจ้ะ”
หลังกินข้าวเสร็จถังอวี้หลันเห็นว่ายังไม่ดึกมาก จึงอยากจะนั่งคุยกับพวกลูกๆ ต่ออีกหน่อยูเี่อันดูดีใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับพูดขึ้นว่า
“ไว้พรุ่งนี้พวกเราจะมาหาอีกครับแม่วันนี้ผมคงต้องพาเจี่ยอันกลับไปลองชุดก่อน”
“ชุดราตรีที่จะใส่ไปวันงานเลี้ยงครบรอบใช่ไหม”ถังอวี้หลันได้ยินดังนั้นก็เปลี่ยนใจ และบอกใหู้เี่อันรีบกลับบ้าน
“งั้นรีบไปลองเถอะเจี่ยนอัน ถ้ามีจุดไหนที่หนูไม่ชอบหรือไม่พอใจอย่าได้เกรงใจนะให้พวกเขาเอาไปแก้ใหม่ได้เลย หนูจะต้องสวมชุดที่เหมาะสมและสวยที่สุดเพราะหนูคือนางเอกของงาน อย่ายอมแพ้พวกแขกคนอื่น หรือดาราสาวพวกนั้นล่ะ!”
“ค่ะแม่”ูเี่อันพยักหน้า “หนูไม่มีวันแพ้พวกเธอแน่นอนค่ะ!”
สำนักงานของโซเฟียสาขาเมือง A ตั้งอยู่บนถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ตะวันตกตัวตึกถูกสร้างจากอิฐสีแดง ทำให้ดูเหมือนบ้านคนมีฐานะมากกว่าสำนักงาน
เมื่อูเี่อันลงจากรถสองสาวที่ไปวัดตัวเธอที่บ้านก็เดินเข้ามาหา
“เชิญด้านในเลยค่ะคุณลู่คุณนายลู่”
ที่นี่ไม่เหมือนออฟฟิศทั่วไปบรรยากาศดูดีมีระดับคล้ายกับนิทรรศการศิลปะเสียมากกว่าแค่คิดว่าชุดราตรีของเธอถูกตัดเย็บจากที่นีู่เี่อันก็ไม่เห็นความจำเป็ที่จะต้องให้พวกเขาแก้ชุดอีกต่อไป
สองสาวหิ้วชุดราตรีสีขาวออกมาแบบชุดทีู่เี่อันเห็นเมื่อเช้าในตอนนี้ได้ถูกตัดเย็บออกมาเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณนายลู่ค่ะนี่คือผลงานที่พวกเรานับสิบคนช่วยกันเร่งทำขึ้นมาค่ะ คุณลองสวมดูสิคะหากมีจุดไหนที่ไม่พอใจ เชิญบอกได้เลยค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะแก้ให้้าให้พวกเราช่วยเปลี่ยนชุดด้วยไหมคะ”
“ไม่เป็ไรค่ะเดี๋ยวฉันเปลี่ยนเอง” ูเี่อันรับชุดมา “ห้องลองอยู่ตรงไหนคะ”
หญิงสาวหนึ่งในนั้นชี้บอกทางใหู้เี่อันเธอส่งกระเป๋าสะพายของตนให้กับลู่เป๋าเหยียน ก่อนจะเดินเข้าห้องลองไป
ชุดราตรีดีไซน์หน้าสั้นหลังยาวโดยชายกระโปรงด้านหลังยาวเลียดพื้น ดีไซน์ที่ดูเผินๆ เหมือนจะเรียบง่ายแต่แท้จริงแล้วมีรายละเอียดที่ซับซ้อนจึงใส่ค่อนข้างยาก ูเี่อันปลุกปล้ำกับมันอยู่นานกว่าจะเปลี่ยนเสร็จเธอมองตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องตะลึงไป
ที่เขาว่ากันว่าคนเราไม่พึ่งหน้าตา ก็ต้องพึ่งการแต่งกายนี่ท่าจะจริง
เธอเม้มปากอย่างเรียกความมั่นใจก่อนจะเดินออกไปและถามคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาอย่างตื่นเต้น
“นายคิดว่าเป็ไง”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนตอบ
“สวยมาก”
เธอหันกลับไปมองกระจกที่อยู่ด้านหลังก่อนจะยิ้มออกมา
ลู่เป๋าเหยียนลุกขึ้นก่อนจะช่วยจัดผมของเธอที่ยุ่งเหยิงจากการเปลี่ยนชุดเมื่อครู่
“มีตรงไหนที่ไม่ชอบหรือว่าไม่พอดีตัวหรือเปล่า”
“ไม่มีที่ไม่ชอบนะ”พูดจบเธอก็ทำหน้ามึนเล็กน้อย “แล้วแบบนี้ เรียกว่าพอดีตัวหรือยัง?”
“เธอเป็คนใส่ไม่ใช่เหรอ”
ูเี่อันกระแอมก่อนตอบ
“ฉันเป็คนซื้อเสื้อผ้าไม่บ่อยหน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยดูให้”
ูเี่อันยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกลู่เป๋าเหยียนดันเข้าห้องลองไปซะแล้ว
เธอกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจแค่จะดูว่าชุดพอดีตัวหรือเปล่า เขาต้องเข้ามาในนี้ด้วยเหรอ?
ลู่เป๋าเหยียนทำท่าราวกับมืออาชีพเขามองเธอั้แ่ปลายชายกระโปรง และค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจนกระทั่งสายตามาหยุดลงที่บริเวณเอวของเธอ
ตอนนี้เองทีู่เี่อันเริ่มรู้สึกไม่เข้าท่าในห้องลองเสื้อที่มิดชิดแบบนี้ ลู่เป๋าเหยียนกำลังช่วยดูว่าชุดพอดีกับตัวเธอไหมฟังดูแล้ว...แปลกๆ อย่างไรชอบกล
“ลู่เป๋าเหยียน นาย...”
เธอกำลังจะบอกให้เขาออกไปแต่ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็จับเอวเธอ
“ตรงนี้รู้สึกอึดอัดหรือเปล่า”
เขาจับเธอแค่เบาๆไม่ได้มีอะไรเกินเลย แต่ทำไมเธอกลับรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้นเธออยากจะเบี่ยงตัวหนีออกมา แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟัง ขนาดพูดยังพูดไม่ค่อยรู้เื่
“ฉะ ฉัน...”
ลู่เป๋าเหยียนจ้องหน้าเธอ
“ฉันถามเธอว่า่เอวรู้สึกแน่นไปหรือเปล่าอ้ำอึ้งอะไร”
ูเี่อันกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบ
“ไม่แน่น กำลังดีเลย”
“โอเค”เสียงทุ้มต่ำราวกับมีเวทมนตร์ของเขาดังขึ้น “ไหนยกมือขึ้นหน่อย”
“...”
“เจี่ยนอัน?”
ร่างกายของูเี่อันยังคงนิ่งเกร็งเสียงทุ้มของเขาดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในสมองเธอ จนเธอชักอยากจะร้องไห้
“จะให้ยกแบบไหน”
ลู่เป๋าเหยียนอดยิ้มขำไม่ได้เขาจับข้อมือเธอให้เธอยกแขนขึ้น
“รู้สึกแน่นตรงไหนหรือเปล่าอึดอัดไหม”
“ไม่นะ”ูเี่อันส่ายหน้าก่อนจะถอยหลังไปเล็กน้อย
“ลู่เป๋าเหยียน นะ...นายอยู่ใกล้ฉันแบบนี้ฉะ ฉัน...คิดอะไรไม่ค่อยออก”
เดิมทีลู่เป๋าเหยียนกำลังคิดจะปล่อยมือเธอ
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
เขาจงใจขยับเข้ามาใกล้ั์ตาสีนิลของเขาเปี่ยมไปด้วยความเ้าเล่ห์
“ทำไมเวลาฉันอยู่ใกล้เธอเธอถึงคิดอะไรไม่ออกล่ะ หืม?”
ูเี่อันกัดฟันพูด“ถ้าฉันรู้ว่าเพราะอะไร แล้วจะเป็แบบนี้เหรอ...”
เพื่อหนีจากการข่มขู่ของเขาูเี่อันจึงขยับถอยหลังอีกครั้ง ทว่าไม่มีที่ให้เธอหนีอีกแล้วหลังของเธอชนกับกำแพงห้องลองเสื้อเป็ที่เรียบร้อย
ลู่เป๋าเหยียนจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้ยกขึ้นเหนือศีรษะและกดมันแนบชิดกับกำแพง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“แล้วแบบนี้ล่ะเริ่มคิดออกบ้างหรือยัง”
เขาตั้งใจแกล้งเธอแน่ๆูเี่อันรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิร่างกายของเขาห้องลองเสื้อที่กว้างขวาง ดูคับแคบในชั่วพริบตา จนเธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ
พวงแก้มของเธอเริ่มเป็สีแดงระเรื่อลมหายใจเริ่มถี่ขึ้น ใบหน้างามของเธอยามนี้ดูหวาดกลัวราวกับปีศาจน้อยผู้แข็งแกร่งได้กลายร่างเป็กระต่ายน้อยหลงทางที่กำลังรอคอยความช่วยเหลืออย่างไรอย่างนั้น
แววตาของลู่เป๋าเหยียนเริ่มแปรเปลี่ยนเสียงของเขาในตอนนี้ติดจะแหบต่ำปนเซ็กซี่
“เจี่ยนอันเธอรู้ตัวหรือเปล่า เวลาเธอเป็แบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันอยากแกล้งเธอ”
เธอทำหน้ามึนตามคาดลู่เป๋าเหยียนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปเขาก้มหน้าลงมาเรียวปากงามในทันที
ณห้องลองเสื้อที่มีเพียงกำแพงหนึ่งชั้นขวางกั้นระหว่างพื้นที่ภายนอกที่มีผู้คนเดินไปเดินมาแต่พวกเธอกลับ...
“อื้อ...”
ูเี่อันอยากจะดื้นแต่ลู่เป๋าเหยียนกำลังล็อกมือเธอไว้
“อย่าดิ้นข้างนอกมีคนอยู่ เธออยากให้พวกเขาเข้าใจผิดหรือยังไง”
“...”
ูเี่อันยอมรับว่าเธอใจึงนิ่งไว้ตามที่เขาบอก แต่ทำแบบนี้แล้วคนอื่นจะไม่เข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?
เธอยังไม่ทันได้แย้งออกไปจู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ขบกัดริมฝีปากเธอเบาๆ
ััที่ไม่หนักไม่เบาทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งไปทั่วร่างในที่สุดเธอก็เข้าใจว่า อาการชาไปทั้งตัวจนไร้เรี่ยวแรง มันรู้สึกอย่างไร
เมื่อลู่เป๋าเหยียนลิ้มรสเรียวปากงามจนพอใจเขาก็เริ่มอยากรุกล้ำเข้าไปให้มากขึ้นเธอเผลอเปิดริมฝีปากให้เขาเข้ามาหาความหวานโดยไม่รู้ตัว
ูเี่อันอยากจะร้องประท้วงออกไปแต่ก็นึกไปถึงคำเตือนของเขาเมื่อครู่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพวกเธอกำลังแอบทำเื่ไม่ดีกันอยู่คิดแล้วพวงแก้มใสก็เริ่มแดงก่ำกว่าเดิม
ลู่เป๋าเหยียนปล่อยมือเธอก่อนจะรั้งเอวบางให้เข้าสู่อ้อมกอดของเขาพลางจูบอย่างดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนโลกใบนี้จะมีคนที่สามารถทำให้เขาสูญเสียการควบคุมได้ถึงขนาดนี้
“เจี่ยนอัน...”
เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าูเี่อันเริ่มรู้สึกได้ว่าชายที่กำลังกอดจูบเธอตรงหน้าเหมือนจะ...รู้สึกพิเศษกับเธอ
ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆ...
จู่ๆ ูเี่อันก็จับเสื้อเขาไว้แน่น
ถ้าเป็อย่างที่เธอคิดจริงๆไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน เธอจะยอมตามใจเขาทุกอย่าง
ในตอนนั้นเองเสียงรูดซิปก็ดังขึ้น ความเย็นวาบเข้ามาััผิวเนียนของเธอ...
และในขณะเดียวกันก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านนอก
“สวัสดีค่ะคุณหานชุดราตรีของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ จะลองสวมดูเลยไหมคะ”
ูเี่อันได้สติทันทีเธอจับมือของเขาที่กำลังรูดซิปชุดของเธอพลางหันไปมองกระจกที่กำลังสะท้อนภาพอันแสนใกล้ชิดของพวกเธอทั้งสองคนด้วยแววตาตื่นตระหนก
