“อย่านะ”
“เข้าไปคว้านางไว้สิ เร็วเข้า”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ ลูกของเ้ายังไม่ตาย หากเขาหายดีขึ้นมาล่ะ? หากถึงตอนนั้นเขาได้รู้ว่ามารดาไม่อยู่แล้ว จะเป็เช่นไร?”
......
ชาวบ้านวิ่งเข้าไปจับสตรีนางนั้นกดไว้กับพื้น แล้วพูดโน้มน้าวอย่างใจเย็น
ผู้คนที่้าจะช่วยเดินผ่านเวินซีไปยังสตรีผู้นั้น ส่วนถันถั่นวิ่งเหยาะไปด้วยความรีบร้อน เอ่ยปลอบโยนนางร่วมกับกลุ่มคน
“เขาไม่รอดแล้ว” สตรีที่เป็มารดายังคงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง
“ช่วยเขามิได้แล้ว เขาจะไร้ลมหายใจอยู่แล้ว”
“เขายังเล็กนัก เมื่อวานข้าเพิ่งจะสัญญากับเขาว่าจะพาไปสำนักศึกษา แต่ก็สายไปแล้ว”
“หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ข้าจะซื้อชานมที่เขาชอบดื่มให้เยอะๆ สายไปแล้ว ทุกอย่างสายไปแล้ว”
“เมื่อวานเขายังะโโลดเต้นตรงหน้าข้าอยู่เลย”
......
สตรีผู้นั้นเอ่ยอย่างสิ้นหวังด้วยน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ นางพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมและไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เวินซีเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปดูเด็กที่อยู่ข้างๆ
เด็กน้อยน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเอ้อเอ้อร์ แต่ร่างกายของเขาบวมเป่งจนมองรูปร่างที่แท้จริงไม่ออก ทั้งยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวจนกลบสีผิวจนหมด
เวินซีนั่งยองๆ ตรงหน้าเด็กและกำลังจะยื่นมือออกไป พลันสังเกตเห็นร่างของเขามีเืไหลออกมาไม่หยุด เืนั้นเป็สีดำราวกับน้ำหมึกออกมาตามร่างกายและหยดลงบนพื้น
เวินซีชักมือกลับเพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางมองเืด้วยแววตาเ็า
เืที่มีสีดำมักจะเป็เพราะได้รับพิษ
แต่พิษอันใดจะทำให้มีอาการเช่นนี้? ผู้ใดกันที่จะวางยาเด็กเล็กได้? สตรีนางหนึ่งกับเด็กหนึ่งคน ไม่น่าจะเป็ศัตรูกับผู้ใด
พิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ดูเหมือนจะมิใช่พิษที่มาจากในเมือง? หรือว่าจะมาจากเมืองหลวง?
เวินซีเก็บความคิดนั้นเอาไว้แล้วหันไปดูเด็กน้อย ก่อนจะพบว่าเขามีอาการชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก นางจึงเอามือจับชีพจรของเขาทันที
สตรีที่กำลังโวยวายเมื่อได้เห็นลูกของตนชักกระตุกก็เงียบเสียงลง พลันเผยแววตาดุร้าย ใช้แรงทั้งหมดสลัดผู้คนที่กดตัวนางไว้ และพุ่งเข้าไปหาเวินซี
“เ้าเป็ผู้ใดกัน ข้าขอเตือนให้อยู่ห่างจากลูกข้า มิเช่นนั้นข้าจะเอาเื่เ้าจนถึงที่สุดแน่”
เวินซีไม่ทันได้ตอบโต้ใดๆ ก็ถูกนางผลักลงกับพื้น
นางรีบไปอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน แล้วหันไปมองเวินซีด้วยความระแวดระวัง
“คุณหนูเวินซี มิเป็อันใดนะเ้าคะ?” ถันถั่นเห็นว่าเวินซีถูกผลักลงพื้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปและรีบเข้าไปคุกเข่าช่วยพยุงนางขึ้นมา
“ข้ามิเป็อันใด” เวินซีส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วมองไปที่สตรีผู้นั้น
ทั้งสองสบตากัน สตรีผู้ที่เป็มารดาของเด็กตื่นตัวมาก อุ้มลูกแล้วก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ
“พอได้แล้ว หยุดก่อเื่ที่นี่ได้แล้ว พวกเ้ามามุงกันอยู่ที่นี่ จะให้ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาไปอยู่ที่ใดกัน?”
“ออกไปให้หมด อย่าได้ขวางทางผู้อื่น”
หมอผู้เฒ่าออกมาดูสถานการณ์เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่โถงหน้า เมื่อเห็นผู้คนรวมตัวกันอยู่ เขาก็ะโไล่
ผู้คนต่างจ้องมองเขาแล้วถอยออกไป ไม่นานนักภายในโถงใหญ่ก็เหลือเพียงเวินซี ถันถั่น สตรีผู้นั้นและหมอผู้เฒ่าอีกไม่กี่คน
หมอผู้เฒ่าเหลือบมองเด็กในอ้อมแขนของสตรีที่เป็มารดาก็ถอนหายใจ ก่อนจะมองไปที่เวินซี “พวกเ้ามาหาหมอใช่หรือไม่? เชิญด้านใน”
หมอผู้เฒ่าหันกายเดินกลับเข้าไปในเรือน ในขณะที่เวินซีอยากจะเอ่ยปากอธิบาย ทันใดนั้นสตรีนางนั้นก็ร้องไห้เสียงดังจนเสียดหู
“หานห้าน เ้าเป็อันใดไป อย่าทำให้แม่ใสิ”
“หานห้าน? อย่าเป็เช่นนี้สิ แม่กลัว”
......
สตรีผู้นั้นยังคงพูดพร่ำ เด็กน้อยในอ้อมอกของนางที่เดิมทีตัวบวมเป่ง บัดนี้ได้ซูบลง แลดูเหี่ยวแห้งราวกับเศษไม้
เืของเขายังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งผู้เป็มารดาเช็ดออก ก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น ทำเอาร่างกายของนางเต็มไปด้วยเื
“ลูกแม่...” นางร้องไห้เสียงดัง
เสียงร้องที่น่าหดหู่นี้ทำเอาผู้คนที่อยู่หน้าประตูกระวนกระวายใจไปตามๆ กัน ในขณะนั้นคนที่สำนักหมอหลวงออกมารวมตัวกัน ต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
น่าจะสายไปแล้ว
แววตาของเวินซีนั้นเ็า นางนั่งยองลง มองหน้าสตรีผู้นั้นแล้วเอ่ย “ให้ข้าลองดู ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยเขาได้”
สตรีผู้นั้นมองกลับมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และหันไปมองหมออีกหลายคน นางไม่ตอบสนองใดๆ
เวินซีพลันเอื้อมมือไปอุ้มเด็กออกมา แล้ววางเขาลงบนพื้น
จากนั้นก็เอามือจับชีพจรของเด็ก
ชีพจรของเขาอ่อนแอจนแทบจะััมิได้ อุณหภูมิร่างกายก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ เวินซีหยิบเข็มเงินออกมา ปักลงบนร่างของเด็กน้อยโดยไม่ลังเล
นางสงสัยว่าเขาจะถูกวางยาพิษ จึงตั้งใจทำให้เขาขับเืที่เป็พิษออกมา
เืนั้นค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำเป็สีแดงเข้ม และในที่สุดก็เป็สีแดงสด
ชีพจรเริ่มเต้นแรงขึ้น เวินซีมีสีหน้าดีใจพลันใช้วิธีการของตนในการขับพิษออก
“อาจารย์หลิน ท่านจะให้นางก่อเื่ไปเช่นนี้หรือ?”
“ใช่น่ะสิ เด็กน้อยเป็เช่นนี้แล้ว จะรักษาได้เช่นไร ท่านดูคราบเืบนพื้นสิ นางกำลังทรมานเด็กชัดๆ”
“อาจารย์หลิน เราไม่รู้ที่มาของสตรีนางนี้ ไม่แน่ว่านางจะทำร้ายเด็กก็ได้นะขอรับ”
......
คนรับใช้หลายคนไม่เข้าใจสิ่งที่เวินซีกำลังทำอยู่ และเอาแต่พูดเพียงเพราะเห็นคราบเืบนพื้นเท่านั้น พวกเขา้าจะขับไล่นางออกไป
“เ้าน่ะสิไม่มีที่มา คุณหนูเวินซีกำลังช่วยชีวิตเขา เ้าไม่รู้อันใดก็หุบปากไป อาจารย์หลินยังไม่พูดอันใดเลยนี่!” ถันถั่นที่ยืนอยู่ข้างเวินซีตลอดได้ยินเสียงของพวกคนรับใช้ จึงตอกกลับไป
“เ้า...” คนรับใช้จ้องมองกลับมา
นางกลอกตาให้คนพวกนั้นพลันมองดูเวินซีปักเข็มเงินให้เด็กน้อยต่อ
สตรีผู้ที่เป็มารดาของเด็กมองดูสถานการณ์อย่างทำอันใดไม่ถูก นางเฝ้าดูเวินซีตาไม่กะพริบ
“แค่ก...แค่กแค่ก...แค่ก” ในที่สุดเด็กน้อยก็มีการเคลื่อนไหว เขาเริ่มกลับมาหายใจอย่างเป็ปกติ
หลังจากที่เวินซีมั่นใจว่าเขาปลอดภัยดีแล้ว นางก็ดึงเข็มเงิน และถอยไปอยู่ข้างๆ
สตรีที่เป็มารดาอุ้มเด็กน้อยไว้แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น เมื่อตั้งสติได้จึงคุกเข่าลงเบื้องหน้าของเวินซี โขกหัวลงกับพื้นเป็การขอบคุณ
“ขอบคุณ ขอบคุณเ้ามากที่ช่วยลูกของข้า ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เด็กน้อยปลอดภัยก็ดีแล้ว” เวินซียิ้มบางๆ แล้วพยุงนางให้ลุกขึ้น
“เยี่ยมมาก!” ผู้คนที่ประตูพากันปรบมืออย่างกึกก้อง
คนรับใช้ภายในสำนักหมอหลวงมองดูผู้คนที่ปรบมือให้เวินซีด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
เมื่อครู่พวกเขาเป็คนบอกเองว่าไม่มีทางรักษาได้ แต่ยามนี้อาการของเด็กคนนั้นดีขึ้นแล้ว จึงเป็การตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
คนรับใช้มองดูเวินซีด้วยสายตาเกลียดชัง
“ไปทำความสะอาดพื้นเสีย” หมอผู้เฒ่าเอ่ยสั่ง พวกเขาจึงพยักหน้าและถอยออกไป
“คุณหนูชื่ออันใดหรือขอรับ? สนใจจะเข้าร่วมสำนักหมอหลวงของเราหรือไม่? ด้วยความสามารถของคุณหนู จะต้องเป็หมออันดับหนึ่งของที่นี่เป็แน่”
หมอผู้เฒ่าเดินเข้ามาหาเวินซีด้วยสีหน้าชื่นชม เขาประสานมือทักทายนาง
“ข้าแซ่เวิน เรียกข้าเวินซีเถิดเ้าค่ะ เื่สำนักหมอหลวงข้าไม่ขอเข้าร่วมล่ะเ้าค่ะ ข้าไม่มีฝีมืออันใดหรอก ที่รักษาเขาได้เป็เพียงโชคช่วยก็เท่านั้น” เวินซีตอบกลับอย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินนางปฏิเสธ หมอผู้เฒ่าก็เอ่ยด้วยความรู้สึกเสียดาย “คุณหนูไม่คิดจะพิจารณาหน่อยหรือ?”
“ไม่ล่ะเ้าค่ะ ขอบคุณที่เชิญเ้าค่ะ” เวินซีตอบอย่างหนักแน่น
“เช่นนั้นข้าจะไปส่งคุณหนูก็แล้วกัน”
“เ้าค่ะ”
เวินซีและหมอผู้เฒ่ากำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงขวดกระเบื้องเคลือบตกแตกที่พื้น
พวกเขาทั้งสองหันกลับไปมอง ก็เห็นคนรับใช้หยิบขวดกระเบื้องขึ้นมาจากคราบเืด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“เหตุใดถึงนำขวดยาใส่กระเป๋าตลอด บอกกี่คราแล้วว่ามันจะตกตอนที่เ้าก้ม!” หมอผู้เฒ่าขึ้นเสียงดุอย่างไม่พอใจ
“ขอรับ ขอรับ ข้าทราบแล้วขอรับ จะไม่ทำผิดอีกแล้ว” คนรับใช้ผู้นั้นพยักหน้า ก่อนจะหยิบขวดกระเบื้องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเองที่เศษกระเบื้องได้บาดนิ้ว เขาขมวดคิ้ว เอามือเช็ดเืบนเสื้อผ้าอย่างไม่ใส่ใจและเดินออกไป