ฉันออกกำลังกายก่อนนอนในขณะเดียวกันก็คุยกับโยตะไปด้วย น้ำดื่มที่เขารินให้เมื่อตอนเย็นยังคงวางอยู่บนโต๊ะแถมยังช่วยให้ฉันคลายเหนื่อยได้เล็กน้อย
หลังจากทาครีมเสร็จฉันก็เริ่มกินยาปรับประจำเดือน เดิมทีฉันก็ไม่อยากให้ประจำเดือนมารบกวนตารางงานอยู่แล้ว
แม้จะเป็เหตุผลที่ทำให้ฉันมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกันได้อย่างสบายใจ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดถึงเื่นี้กับโยตะเพราะรู้สึกว่ามันไม่จำเป็
ถึงอย่างไรการปล่อยในจะได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งสองฝ่าย มีเหตุผลอะไร? ทำไมถึงทำได้? ส่วนเื่นั้นไม่ใช่เื่ที่สำคัญอะไรและไม่จำเป็ต้องบอกให้อีกฝ่ายรับรู้
บางทีโยตะอาจเข้าใจความคิดของฉัน หรือบางทีเขาอาจไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเื่นี้เลย แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถามมากความหรือถามคำถามที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ
หรือบางทีทั้งสองฝ่ายอาจจะอยากรักษาพื้นที่ไว้เพื่อความเป็ส่วนตัว ซึ่งโยตะก็ให้เกียรติฉันมากถึงได้ให้ฉันเลือกว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเขาต่อไปไหม?
“โยตะ ฉันเสร็จแล้ว”
“งั้นนอนเถอะ”
หลังจากแน่ใจว่ากิจวัตรทุกอย่างที่ต้องทำในวันนี้เสร็จหมดแล้ว ฉันก็กอดตุ๊กตาที่เอามาด้วยพลางเอ่ยเรียกโยตะ
ส่วนเขาก็ปิดโคมไฟตั้งโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ทยอยปิดไฟนอกห้องนอนทีละดวงรวมถึงห้องว่างที่ปกติเขาไม่ค่อยได้ใช้
หลังจากที่ฉันวางตุ๊กตาไว้บนเตียง ฉันก็มุดหัวเข้าไปในผ้าห่มของโยตะ
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้นอนบนเตียงของเขาและฉันก็ทำมาแล้วหลายท่วงท่าบนเตียงนี้ แต่การได้ค้างคืนที่นี่ก็ยังทำให้ฉันตื่นเต้นเล็กน้อยอยู่ดี
“ทำไมจู่ ๆ นายถึงอยากนอนกับฉัน? แล้วทำไมถึงส่งเป็ข้อความหาฉันด้วยล่ะ?”
“ใช่เหรอ?”
เขาเปิดโคมไฟเล็กๆ บนโต๊ะกาแฟไว้ แล้วตามหลังฉันเข้ามานอนในผ้าห่ม
เขาจงใจทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ แต่การแสดงออกบนใบหน้าเรียบนิ่งของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกขำนิดหน่อย
ไหนๆ เื่ก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันก็ไม่อยากตามเอาความกับเขาหรอก
เพียงแต่ว่าความสงสัยในใจฉันท้ายที่สุดก็ต้องคลี่คลาย
ข้อสงสัยที่อยากถามเขามาตลอดจึงได้เอ่ยออกมาในเวลานี้
“โยตะ...”
“เธอทำอะไร?”
ฉันมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วกระโจนขึ้นไปบนหน้าท้องของโยตะ
จากนั้นก็อาศัยตอนที่โยตะยังงุนงงอยู่ดึงผ้าห่มออก ทำให้ใบหน้าของฉันโผล่ออกมาจากด้านในผ้านวม
เหมือนฉากหนังสยองขวัญที่ฉันเพิ่งดูไปเมื่อ่เย็น ฉากที่ตัวประกอบหญิงในเื่ยกผ้าห่มขึ้นแล้วเห็นผีผู้หญิงจากนั้นเธอก็ถูกจับตัวไป
“เฮ้ย…”
“โยตะนายคงไม่ได้... ความจริงแล้วนายกลัวที่ดูหนังผีใช่ไหม?”
โยตะแสดงสีหน้าคล้ายกับว่าถูกทำให้กลัวออกมา แม้เขาจะตำหนิการกระทำของฉันก็ไม่ทันแล้ว
ฉันรู้ว่าตัวเองทำให้เขากลัว จึงรีบเข้าไปกอดเขาไว้แน่น พยายามทำให้เขารู้สึกสบายใจ
“ที่เรียกฉันมานอนด้วยก็เพราะเื่นี้ใช่ไหม?”
“หยุดพล่ามได้แล้ว”
“แหะๆ จริงๆ เลย ถ้านายกลัวก็บอกแต่แรกสิ ฉันคงไม่บังคับให้นายดูด้วยหรอกน่า”
ฉันเข้าใจว่าเขาเป็พวกอวดเก่ง แต่เพื่อรักษาหน้าของตัวเองไว้เขาถึงกับยืนกรานที่จะดูหนังให้จบทั้งเื่
ระหว่างนั้นก็ยังยอมทำตามคำพูดออดอ้อนของฉันทั้งหมดอีก เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่าเขาคนนีช่างน่ารักเกินไปจริงๆ
“โยตะไม่กล้าพูดเพราะกลัวฉันจะหัวเราะเยาะเหรอ?”
“หยุดถามได้แล้ว”
“โอเค ฉันไม่ถามแล้ว แค่อยากบอกนายว่าฉันก็กลัวเหมือนกัน... เพราะงั้นฉันไม่หัวเราะเยาะนายหรอก”
เวลานี้ฉันรู้ว่าตัวเองต้องพูดโกหกนิดหน่อย
แต่นี่ถือเป็การปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันมอบให้โยตะ เพื่อทำให้เขาสบายใจจากความรู้สึกกลัวมากขึ้น
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือฉันเป็บุคคลสาธารณะซึ่งนับว่าเป็ผู้ใหญ่แล้ว ต่างจากโยตะที่ยังถือว่าเป็เด็กอยู่
และการไว้หน้าเด็กก็เป็สัญญาณของการโตเป็ผู้ใหญ่เช่นกัน
“จริงๆ แล้วฉันก็กลัวจนนอนไม่หลับ ยังดีที่โยตะให้ฉันมานอนด้วย”
ฉันขยับตัวเข้าไปนอนบนแขนของโยตะ ขดตัวเล็กน้อยแล้วหันไปมองเขา
ฉันแสดงท่าทีออดอ้อนเพราะอยากทำให้เขารู้สึกว่าฉันเองก็กลัว
“ในทางกลับกันฉันอยากขอบคุณโยตะนะ มีคนนอนเป็เพื่อนแบบนี้… คืนนี้ฉันคงจะนอนหลับสบายแน่เลย”
“ใช่เหรอ?”
“อืม เพราะงั้นโยตะจะนอนกอดฉันก็ได้นะ”
หลังจากได้ยินคำอนุญาต โยตะก็โน้มตัวมากอดฉันไว้
อ้อมแขนกว้างใหญ่ของเขาโอบรอบตัวฉันทันที กลิ่นหอมอ่อนๆ หลังอาบน้ำที่ลอยกระทบจมูกของฉันช่วยกระตุ้นให้รู้สึกง่วงนอนอย่างมาก
“โยตะ... พรุ่งนี้ต้องตื่นกี่โมง?”
“แปดโมง”
“อ่า... เจ็ดโมงฉันก็ต้องตื่นแล้ว... คงต้องออกจากบ้าน… เร็วกว่านายนะ”
คำพูดของฉันกลายเป็เสียงพึมพำและฉันยังมีสติอยู่ถึงแค่ตอนนี้เท่านั้น
ถึงแม้ในภายหลังจะยังรู้สึกถึงการพลิกตัวอยู่บ้าง รวมถึงตอนที่โยตะเปลี่ยนท่ากอด ทว่าก็เป็เพียงความทรงจำที่เลือนลาง
เดิมทีฉันคิดว่าโยตะตอนก่อนเข้านอนน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว
จนกระทั่งฉันตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้า พอได้เห็นใบหน้าของเขาที่กำลังหลับอยู่นั้น มันเหมือนกับว่าหัวใจของฉันกำลังถูกโจมตีอย่างหนัก
ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็อ้าปากค้างเล็กน้อย เพราะใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ตินี้ตรงสเปคของฉันมาก
ฉันกลั้นความรู้สึกอยากจะจูบเขาเอาไว้ ค่อยๆ คลานออกจากผ้าห่มแล้วบิดี้เีเต็มแรง
“ไอ๊หยา นอนหลับสบายจริงๆ”
ฉันประหลาดใจที่ตัวเองนอนหลับได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ พอมองย้อนกลับไปอีกครั้งก็พบว่าที่ต้นแขนของโยตะมีรอยเส้นผมของฉันทิ้งไว้มากมาย
ถึงแม้คำขอครั้งนี้ของโยตะจะดูไม่มีเหตุผล แต่ฉันก็ไม่ได้เสียเปรียบสักเท่าไร
ในท้ายที่สุดฉันก็จูบแ่เบาที่หน้าผากของเขาให้เป็รางวัล แล้วกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
แม้ฉันจะนึกขึ้นได้ในภายหลังว่าลืมตุ๊กตาไว้ที่บ้านของโยตะ ทว่าเย็นนี้ค่อยกลับไปเอาก็ได้
ตราบใดที่ใช้ข้ออ้างนี้ ฉันมั่นใจว่าถึงแม้จะดึกแค่ไหนโยตะก็จะเปิดประตูให้ฉันเข้าไปแน่นอน
ส่วนที่ว่าฉันจะลืมโดยตั้งใจหรือบังเอิญ… นั่นก็คงเป็เหตุผลที่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะเอาตุ๊กตาไปที่บ้านของโยตะล่ะมั้ง?
