ฉับพลันนั้นร่างของมู่เฟิงก็หลุดเข้าไปในดินแดนประหลาดแห่งหนึ่ง ดินแดนแห่งนี้มีสีแดงฉานราวกับสีของเื บรรยากาศโดยรอบก็ดูรกร้างวังเวง นอกจากนี้เบื้องบนยังมีกองทัพอยู่สองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
กลุ่มคนเ่าั้บินลอยตัวเหนือน่านฟ้า พวกเขาดูราวกับเทพาบน์ชั้นเก้า ในวินาทีที่พวกเขาตวัดดาบ พลังของมันก็ปะทุออกไปไกลถึงพันจั้ง* เรียกได้ว่าอานุภาพสะท้านฟ้าะเืดินเลยทีเดียว
(* 1 จั้ง เท่ากับ 33.3 เมตร)
กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็กองทัพขนาดใหญ่ โดยที่ฝั่งหนึ่งเป็ทัพของผู้ที่มีปีกสีขาวพิสุทธิ์แผ่สยายอยู่กลางหลัง รูปลักษณ์ของพวกเขาดูโดดเด่นและสง่างาม ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของพวกเขายังมีประกายแสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างออกมา
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เป็ทัพของผู้ที่มีปีกสีแดงราวกับโลหิต พวกเขามีรูม่านตาสีชาดและมีเขี้ยวอยู่ตรงมุมปาก นอกจากนี้ร่างกายของพวกเขายังถูกโอบล้อมไว้ด้วยรังสีอำมหิตสีแดงฉาน
กองทัพทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากรบอันสั่นะเืั้แ่ผืนฟ้าจรดลงมาจนถึงผืนดินกันอย่างยิ่งใหญ่ แต่ละฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมากเสียจนราวกับจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินให้กลับด้านเลยทีเดียว การต่อสู้ในตอนนี้ดุเดือดเสียจนไม่อาจแยกเดือนแยกตะวันออกได้
มีสตรีหน้าตางดงามในชุดเกราะผู้หนึ่ง ปีกสีแดงโลหิตด้านหลังของนางแผ่สยายออกก่อนที่นางจะกระโจนเข้าสู่สนามรบ ผมสีแดงเืยาวไสวพลิ้วไปตามแรงลม ั์ตาทอประกายสุกสกาว ผิวขาวเนียนราวหิมะ องค์ประกอบบนใบหน้าทั้งห้าส่วนนั้นงดงามดั่งภาพวาดที่จิตรกรบรรจงรังสรรค์ เพียงมือขาวกวัดแกว่งดาบสีโรหิต ฉับพลันปราณดาบก็ได้กวาดออกไปสังหารศัตรูหลายร้อยคนในชั่วพริบตา
สตรีผู้นี้สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งในกองทัพของฝ่ายศัตรูได้เป็อย่างดี ชายผู้นั้นได้ปลดปล่อยเปลวเพลิงสีขาวออกมาโจมตีกลับอย่างเหี้ยมโหด การต่อสู้ระหว่างพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือดแทบจะะเืขึ้นไปถึง์ชั้นฟ้า กระทั่งห้วงมิติบนอากาศยังฉีกขาดปรากฏเป็รอยแยกสีดำออกมา
ท้ายที่สุดสตรีผู้นั้นก็ได้พ่ายแพ้ลงภายในหนึ่งกระบวนท่า นางถูกฝ่ามือของเขาตบจนร่างปลิวหายเข้าไปในรอยแยกของห้วงมิติ โดยไม่หลงเหลือร่องรอยใดให้เห็นอีกแม้แต่น้อย
มู่เฟิง้าที่จะเฝ้าดูสถานการณ์ต่อ แต่เขากลับปวดหัวขึ้นมากะทันหัน พร้อมกันนั้นภาพทั้งหมดตรงหน้าก็สลายหายไป จากนั้นก็มีข้อมูลจำนวนมากปรากฏขึ้นในหัวของเขาแทน
"เคล็ดวิชาชูร่าแห่งา! พิสูจน์หนทางด้วยการสังหาร หลอมรวมพลังฟ้าดินบ่มเพาะพลังสู่จุดสูงสุด ทำลายล้างโลกหล้าเพียงพลิกฝ่ามือ ทุกสรรพสิ่งต้องยอมจำนน..."
ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของมู่เฟิง ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจจนพูดไม่ออก
มู่เฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน รูปแบบการฝึกฝนพลังปราณรูปแบบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในห้วงความทรงจำของเขา และหนึ่งในนั้นก็ทำให้เขารู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เพราะมันคือวิธีการรักษาและช่วยฟื้นฟูอาการาเ็ รวมถึงวิธีการฟื้นคืนของเส้นลมปราณ
เพียงแต่เส้นลมปราณที่กำเนิดขึ้นมาใหม่นี้จะไม่ถูกเรียกว่าเส้นลมปราณอีกต่อไป แต่จะกลายเป็เส้นโลหิติญญาแทน โดยเส้นโลหิติญญานั้นจะแข็งแกร่งกว่าเส้นลมปราณทั่วไป สามารถบรรจุพลังปราณได้มากกว่าเดิมหลายเท่า และความเร็วในการบ่มเพาะพลังปราณก็ยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
"เหตุใดในหัวของข้าจึงมีวิธีการฝึกของเคล็ดวิชาชูร่าแห่งาปรากฏขึ้นมาได้ แล้วสนามรบแห่งนั้นคือสถานที่ใดกันแน่ บนโลกแห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งแบบนั้นดำรงอยู่ด้วยหรือ? แล้วยังมีสตรีผู้นั้นอีก นางเป็ใครกันนะ?"
มู่เฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพึมพำกับตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ดูลึกลับและแปลกประหลาดมากเกินไป แต่ทั้งหมดล้วนเป็เื่ที่เกิดขึ้นจริง เด็กหนุ่มพยายามครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างหนัก ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างจำนนเพราะไม่สามารถคิดอะไรออก เวลานี้เศษเสี้ยวของพลังจิติญญากำลังจมลงสู่เส้นลมปราณภายในร่างของเขา
ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับทงม่ายจะยังไม่มีพลังจิติญญาภายในร่างกาย เนื่องจากเป็ระดับที่เพิ่งจะทะลวงผ่านเส้นลมปราณ แต่ก่อนหน้านี้มู่เฟิงได้ฝึกพลังจนกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่แล้ว ดังนั้นแม้วรยุทธ์ของเขาจะถูกทำลาย แต่พลังจิติญญาในระดับจื่อฝู่ของเขายังคงอยู่
เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็ได้พบว่าเส้นลมปราณทั้งสิบสองจุดที่ถูกทำลายไปนั้น เวลานี้มันได้ฟื้นคืนกลับมาถึงสามจุดแล้ว ทั้งยังเปลี่ยนเป็สีแดงเื ภายในเส้นลมปราณปรุโปร่งไร้ซึ่งสิ่งอุดตัน นอกจากนี้ยังมีพลังปราณอีกสายซึ่งมีความบริสุทธิ์เป็อย่างมาก และมันไม่ใช่พลังปราณที่ได้มาจากการฝึกเคล็ดวิชาเถี่ยเซวี่ยตานซินของตระกูลมู่
กล่าวได้ว่าพลังปราณของเขาในเวลานี้เป็พลังปราณของผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถทะลวงผ่านเส้นลมปราณได้ถึงสามจุดแล้ว!
“ฟื้นคืนกลับมาแล้ว เส้นลมปราณของข้าฟื้นคืนกลับมาแล้ว”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นยืนพรวดพราดด้วยความรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง ราวกับว่าเขามองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ในเมื่อมีแสงสว่างแม้จะเพียงริบหรี่ แต่นั่นก็หมายความว่าเขายังมีความหวังหลงเหลืออยู่
"ฮ่าๆ ๆ... ข้าว่าแล้ว ์ย่อมไม่มีวันทอดทิ้งข้า ์ไม่ได้ทอดทิ้งตระกูลมู่ หากสามารถฟื้นคืนวรยุทธ์กลับมาได้อีกครั้ง ข้าย่อมมีโอกาสล้างแค้น มีคุณสมบัติมากพอที่จะแต่งงานกับว่านเอ๋อร์ ท่านพ่อ ท่านเห็นหรือไม่ ์ไม่ได้ทอดทิ้งมู่เฟิงผู้นี้"
มู่เฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ถึงอย่างไรเขาก็เป็เพียงเด็กหนุ่มที่ยังเยาว์วัย เมื่อต้องผ่านประสบการณ์พลิกผันทั้งร้ายและดี เวลานี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขราวกับว่าตนเป็เพียงเด็กน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น
มู่เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเริ่มโคจรพลังปราณภายในเส้นลมปราณอีกครั้ง ฉับพลันนั้นกำปั้นของเขาได้ปรากฏประกายแสงสีขาวออกมา
“หมัดทะลวงลมปราณ!”
มู่เฟิงต่อยหมัดลงบนลำต้นของต้นสับปะรดกลางลานบ้านที่มีความหนาเท่ากับคนสองคนโอบ
เปรี้ยง!
เสียงกระทบดังสนั่นขึ้น พื้นผิวของต้นสับปะรดอันแข็งกระด้างได้ปรากฏรอยหมัดเท่าชามขนาดใหญ่ฝังลึกอยู่บนลำต้น พร้อมกับใบของมันที่ร่วงหล่นลงมา
มู่เฟิงมองผลลัพธ์ของพลังหมัดนี้ด้วยความประหลาดใจ
ทุกครั้งที่สามารถทะลวงผ่านเส้นลมปราณได้หนึ่งจุด ความแข็งแกร่งของพลังปราณจะเพิ่มมากขึ้น โดยพละกำลังของเส้นลมปราณหนึ่งจุดสามารถเทียบได้กับน้ำหนักของแรงสองร้อยจิน*
(* 1 จิน เท่ากับ 0.5 กิโลกรัม/200 จิน เท่ากับ 100 กิโลกรัม)
ในเมื่อตอนนี้เขาสามารถทะลวงเส้นลมปราณได้สามจุด ฉะนั้นเขาจะสามารถะเิแรงออกมาได้ราวหกร้อยจิน*
(* 600 จิน เท่ากับ 300 กิโลกรัม)
แต่เห็นได้ชัดว่าอานุภาพจากพลังหมัดของเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แรงต่อยเมื่อครู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าการทะลวงผ่านเส้นลมปราณมาแล้วห้าจุดเลยสักนิด มันด้อยกว่าพลังที่ได้จากการทะลวงผ่านเส้นลมปราณหกจุดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
“เป็พลังปราณที่บริสุทธิ์มาก กระทั่งข้าใช้หมัดทะลวงลมปราณซึ่งเป็การโจมตีที่แย่ที่สุดยังได้ผลลัพธ์ขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็วิชายุทธ์มันจะทรงพลังมากเพียงใดกันนะ?”
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง เวลานี้เขามีทั้งความรู้สึกดีใจและประหลาดใจปะปนกันเต็มไปหมด แต่เด็กหนุ่มก็เข้าใจได้ว่าทำไมพลังปราณใหม่นี้ถึงมีความบริสุทธิ์และมีอานุภาพมากกว่าพลังปราณที่เขาเคยฝึกมาก่อนหน้านี้มากนัก เนื่องจากเส้นลมปราณของเขาในตอนนี้ได้ขยายกว้างมากกว่าเส้นลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ดังนั้นเมื่อเขาะเิพลังออกมามันจึงแข็งแกร่งกว่าของคนธรรมดาหลายเท่านัก
"เคล็ดวิชาชูร่าแห่งาเป็เคล็ดวิชาระดับใดกัน? หรือจะเป็เคล็ดวิชาระดับนิลกาฬในตำนานที่เล่าขานกันมา?"
มู่เฟิงคาดเดากับตัวเองในใจ กระทั่งเคล็ดวิชาเถี่ยเซวี่ยตานซินซึ่งเป็เคล็ดวิชาสูงสุดของตระกูลมู่ยังอยู่ในระดับธาตุทองขั้นสูงเท่านั้น ฉะนั้นเคล็ดวิชาที่มีอานุภาพเหนือกว่าเคล็ดวิชาเถี่ยเซวี่ยตายซินย่อมต้องเป็เคล็ดวิชาระดับนิลกาฬที่สูงกว่าหนึ่งระดับ ส่วนเคล็ดวิชาระดับโลกาและเคล็ดวิชาระดับ์เป็สิ่งที่เขาไม่กล้าคำนึงถึง เพราะอาณาจักรหนานหลิงไม่มีทางหาซื้อเคล็ดวิชาทั้งสองระดับนั้นมาได้อย่างแน่นอน และมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
"แต่เคล็ดวิชานี้ให้ความรู้สึกถึงการเข่นฆ่าและการนองเื เหมือนว่าหาก้ารักษาเส้นลมปราณ จำต้องสังหารใครสักคนเพื่อดูดซับกลิ่นอายโลหิตมาหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูเส้นลมปราณที่ถูกทำลายไป น่าเสียดายที่เวลานี้ข้าไม่ได้อยู่ในสนามรบ ไม่อย่างนั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีข้าก็คงสามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณทั้งสิบสองจุดให้กลับคืนมาได้แน่ แต่ก่อนจะฟื้นคืนเส้นลมปราณ หวังว่าเคล็ดวิชานี้คงไม่ใช่อะไรที่ชั่วร้ายหรอกนะ”
คิ้วคมดุจกระบี่ของมู่เฟิงขมวดเป็ปม ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้ยินเื่เคล็ดวิชาที่ต้องดูดซับกลิ่นอายโลหิตเพื่อบ่มเพาะพลังปราณมาก่อน
“ช่างเถอะ ตราบใดที่มันสามารถช่วยให้ข้าล้างแค้นและฟื้นฟูวรยุทธ์กลับมาได้ ต่อให้มันเป็เคล็ดวิชาที่ชั่วร้ายข้าก็จะฝึก เคล็ดวิชาไม่สามารถแบ่งแยกดีชั่ว มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถแบ่งแยกความดีความชั่วได้”
มู่เฟิงยกยิ้มและเลิกสนใจเื่นี้ในที่สุด แม้เด็กหนุ่มจะเพิ่งมีอายุได้เพียงสิบห้าปี แต่มือคู่นี้ของเขาได้ปลิดชีวิตผู้คนในสนามรบมามากมาย เมื่อเข้าร่วมศึกาการสังหารเป็สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ขอเพียงไม่ได้สังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจก็นับว่าเพียงพอแล้ว
มู่เฟิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะเหม่อมองออกไปไกล แสงตะวันใน่สารทฤดูเป็สีแดงราวกับโลหิต มันส่องกระทบลงบนใบหน้าคมคายของเด็กหนุ่ม
ขณะที่กำลังเหม่อมองนั้น เขาก็กำหมัดก่อนจะเหยียดมือขึ้นสุดแขน เวลานี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มได้เผยให้เห็นรอยยิ้มออกมาบ้างแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถอะ เฟิ่งเอ๋อร์จะไม่มีวันตกต่ำ รวมถึงตระกูลมู่ก็จะไม่มีวันตกต่ำเช่นกัน ลูกผู้ชายตระกูลมู่ไม่ใช่คนขี้ขลาด ย่อมยอมหักแต่ไม่ยอมงอ”
เมื่อเคล็ดวิชาชูร่าแห่งาได้ปรากฏขึ้น มันราวกับเป็แสงตะวันที่ส่องผ่านเข้ามาในหัวใจของเด็กหนุ่ม จากนี้เขาจะไม่จมปักอยู่กับความสิ้นหวังอีกต่อไปแล้ว
มู่เฟิงหันหลัง เตรียมจะกลับเข้าไปในลานพักของตน แต่ทันใดนั้นเอง
ปัง...!
ฉับพลันนั้นประตูตรงลานบ้านของเขาได้ถูกเปิดออก พร้อมกับมีกลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญพากันบุกรุกเข้ามา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้