เล่มที่ 7 บทที่ 201 ดิ้นรน
และในเวลานี้เอง หลินเฟยก็เก็บปราณกระบี่ทั้งสี่กลับคืน และปล่อยให้ดินิถู่ค่อยๆหลอมมีดบินฮั่วอู๋ต่อ นี่เป็ขั้นตอนหนึ่งที่ต้องใช้เวลาพอสมควร บางทีอาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปี หรือนานจนถึงสามปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม มนต์สะกดของมีดบินฮั่วอู๋จะค่อยๆสลายไป สุดท้ายก็จะกลายเป็อักขระให้กล่องกระบี่เจิงหนิงกลืนกินเข้าไป เช่นนั้นแล้วกล่องกระบี่เจิงหนิงก็จะมีมนต์สะกดเพิ่มขึ้น และพัฒนาเป็ศาสตราวุธในที่สุด…
และที่ต่างจากเดิมก็คือ…
ก่อนหน้านี้เอง มีดบินฮั่วอู๋ได้เผาทำลายมนต์สะกดตัวเองไป เพื่อหนีออกจากค่ายกลแปดอสูรหลิงเป่า ทำให้กล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่พัฒนาเป็ขั้นหยางฝู
แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน…
เพราะตอนนี้ทำได้แค่รอเวลาค่อยๆหลอมเท่านั้น
อีกอย่างต่อให้หลอมจนได้อักขระออกมา กระบี่เจิงหนิงก็ไม่สามารถกลืนกินได้ทันที มันจะต้องผ่านการกลั่นกรองจากดินิถู่เสียก่อน เพราะหลังจากผ่านดินิถู่แล้ว ตราประทับของเ้าของคนก่อนที่อยู่ในอักขระจะถูกชำระไป จึงจะกลายเป็อักขระที่บริสุทธิ์สามารถกลืนกินได้…
ดังนั้นสำหรับหลินเฟยแล้ว งานนี้จึงถือว่าเป็งานที่ใช้ต้องเวลาจริงๆ บางทีปีถึงสองปีก็ใช่ว่าจะสำเร็จ…
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเฟยก็ไม่รีบร้อน
ครั้งนี้ฝ่าทั้งเคราะห์อัสนีและไฟติดกันเร็วเกินไปหน่อย
เคราะห์อัสนียังพอไหว เพราะตอนขั้นย่างหยวนหลินเฟยสะสมพลังไว้มาก จนถึงกับสะบั้นอัสนีเก้าสายรวดได้
แต่เคราะห์ไฟกลับแตกต่างออกไป เพราะเพิ่งจะฝ่าเคราะห์อัสนีได้ไม่ถึงเดือน แต่ที่ฝืนฝ่าเคราะห์ก็เพราะมีอสุรกายกุ่ยหวังกดดันอยู่
แม้จะปล่อยให้เปลวไฟในใจเผาชำระจิติญญาได้โดยสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเร็วเกินไปอยู่ดี แค่นี้ก็อันตรายมากแล้ว หากฝืนฝ่าเคราะห์น้ำไปอีก จะต้องเกิดเื่ใหญ่เป็แน่…
พอดีเลย…
มีดบินฮั่วอู๋ต้องใช้เวลาหลอมอย่างน้อยสองปี…
ดังนั้นสองปีหลังจากนี้ เมื่อหลอมเอามนต์สะกดทั้งหมดของมีดบินฮั่วอู๋ออกมาได้ กล่องกระบี่เจิงหนิงก็จะพัฒนาเป็ศาสตราวุธ ถึงตอนนั้นค่อยฝ่าเคราะห์น้ำเอาดีกว่า แบบนี้สิ จึงถือว่าสมบูรณ์แบบ…
ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะกลัว…
แต่วิถีการบำเพ็ญย่อมเป็เช่นนี้อยู่แล้ว
ผู้บำเพ็ญทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเส้นทางการบำเพ็ญก็คือวิธีสวนหลักฟ้าดิน และการกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ต้องมีความกล้าเท่านั้น ทุกก้าวจะต้องระมัดระวังเป็อย่างมากอีกด้วย เมื่อชาติที่แล้วหลินเฟยได้พบผู้บำเพ็ญที่มีพร์ไม่น้อยเลย ที่สามารถฝ่าเคราะห์ห้าด่านได้ในคืนเดียวแบบหวงซี แต่สุดท้ายกลับมีไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถบรรลุขั้นฟ่าเซินได้
ในทางกลับกัน คนที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่น แต่มีรากฐานมั่นคงและค่อยๆบำเพ็ญทีละขั้นกลับเป็ผู้ชนะในตอนท้ายแทน…
นอกจากนี้เคราะห์น้ำเป็เคราะห์ที่สำคัญที่สุดของขั้นมิ่งหุน…
เคราะห์อัสนีชำระกาย เคราะห์ไฟชำระจิติญญา ดังนั้นหากไม่มีเคราะห์น้ำเป็ตัวผสานละก็ ต่อให้ผ่านการชำระทั้งจิติญญาและร่างกายก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี…
แสงดาวทั้งสี่บนท้องฟ้าสาดส่องลงมาราวกับม่านน้ำ คอยชำระพลังของัดำที่ถูกพันธนาการไม่หยุด ทำให้เกล็ดจำนวนมากหลุดร่อนออกมา…
“ไม่รู้ว่าอสุรกายกุ่ยหวังนั่นจะมีอายุถึงสามปีหรือไม่…” หลินเฟยมองมนต์สะกดที่ถูกชำระไปทีละน้อยของมีดบินฮั่วอู๋ด้วยรอยยิ้ม…
ทว่ารอยยิ้มนั้นยังไม่ทันจางหาย จู่ๆห้วงมิติดินิถู่ก็สั่นไหวขึ้นมาเสียก่อน
“หื้อ?”
หลิยเฟยมองตามแรงสั่นะเื สุดท้ายก็พบว่าตอนที่เกล็ดัสามแผ่นหลุดลอกออกมา ได้เกิดกระแทกเข้ากับโซ่ตรวนสีดำจนสั่นะเื…
เดิมก็ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไร เพราะเกล็ดัเกิดจากมนต์สะกดของมีดบินฮั่วอู๋ เมื่อกระทบกับโซ่ตรวนจึงทำให้ห้วงมิติดินิถู่สั่นะเื และเพราะมีดบินฮั่วอู๋มีจิติญญาแน่วแน่ ผนวกเข้ากับเกล็ดสามแผ่น มันจึงหลุดออกพร้อมกัน ทำให้เกิดพลังรุนแรง เมื่อกระแทกเข้ากับโซ่ตรวนเข้า โซ่ตรวนก็แตกสลาย เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา
แม้เกล็ดทั้งสามจะถูกดินิถู่ดูดกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่โซ่ตรวนแตกออก เ้าัดำก็ลืมตาขึ้นทันที กระแสโเี้เข้มข้นแพร่กระจายโดยพลัน ควันดำมากมายปรากฏขึ้นรอบตัว เพียงครู่เดียวเ้าัร้ายก็คำรามกึกก้อง จนห้วงมิติดินิถู่ถึงกับสั่นะเืขึ้นมาอีกครั้ง…
จากนั้นเ้าัก็พ่นเปลวไฟสีดำออกมา กระทั่งเผาทำลายโซ่ตรวนที่เหลือจนหมด ทันใดนั้นโซ่ตรวนที่เกิดจากห้วงมิติดินิถู่ก็ไม่อาจกดข่มเ้าัร้ายได้อีกต่อไป อสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิถึงกับสำแดงกายออกมา และกดข่มัร้ายอย่างเอาเป็เอาตาย ทั่วทั้งห้วงมิติดินิถู่สั่นะเื ทำให้เปลวไฟสีดำสาดกระจายไปทั่ว เสียงัคำรามก็ดังออกมาเป็ระยะ…
“ขนาดนี้แล้วยังจะคิดหนีอีกหรือ?” หลินเฟยเห็นดังนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา เมื่อสิ้นเสียง เขาก็บงการให้ดาวอัปมงคลทั้งสี่ซึ่งลอยอยู่เหนือหัวเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ก่อนจะกลายเป็ลำแสงมากมายราวกับดาวตก พุ่งทะลุร่างัดำจนพรุน และตอกตรึงมันเอาไว้อย่างแ่า…
และเจิงหนิงซึ่งเป็หมอกควันดำที่ลอยอยู่เหนือหัวก็ถูกเ้าัดำทำให้เกิดโทสะ มันจึงคำรามเสียงดัง และพริบตาถัดมาหมอกควันดำที่เต็มไปด้วยไอโเี้ก็แปรปรวนขึ้น ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็กรงเล็บขนาดั์ตะปบลงมา กรงเล็บอันแหลมคมนั้นฟาดลงมายังหัวของัดำอย่างรุนแรง โดยกรงเล็บที่เต็มไปด้วยไอโเี้กดหัวัดำไว้กับพื้น ไม่ว่าเ้าัจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหนีรอดไปได้…
ลำตัวของมันก็ถูกตอกตรึงเอาไว้ ส่วนหัวก็ถูกกดกับไว้พื้น แต่ถึงอย่างนั้นเ้าัก็ยังดิ้นไม่หยุด หลินเฟยเห็นดังนั้นก็รู้ว่ามีดบินฮั่วอู๋เองก็ไม่ยอมแตกดับไปง่ายๆ จึงปลดปล่อยปราณกระบี่ไท่อี๋และซีรื่อออกมา จากนั้นลำแสงสีทองและสีแดงก็ปรากฏขึ้น มันสะกดัดำที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็เอาตายเอาไว้ ขณะเดียวกันหลินเฟยก็โคจรเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูอีกครั้ง…
จะว่าไปก็แปลก…
เดิมทีเ้าัดำยังคงดิ้นไม่หยุด ทว่าเสี้ยววินาทีที่เริ่มโคจรเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถู เ้าัร้ายก็โหยหวนด้วยความหวาดกลัว และนี่ก็คือความร้ายกาจของเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถู ซึ่งเป็ยอดวิชาหลอมอาวุธา นอกจากสามารถสร้างยอดศาสตราวุธที่มีพลังสะท้านฟ้าดินได้แล้ว ยังเป็ศัตรูตัวฉกาจของเหล่าอาวุธทุกชนิดอีกด้วย…
เพียงแค่เริ่มโคจรเคล็ดวิชา มีดบินฮั่วอู๋ก็รู้ตัวทันทีว่าหายนะกำลังมาเยือนแล้ว…
หลินเฟยใช้ปราณกระบี่ทั้งสองสายสะกดัดำเอาไว้ เคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูก็ค่อยๆหลอมไอิญญาบนตัวมีดออกมาทีละน้อย ครู่เดียวก็เห็นเงาสีดำอันเลือนรางค่อยๆถูกลอกออกมา ทุกครั้งที่เงาดำหลุดออกมา เ้าัก็อับแสงลงเื่ๆ จนกระทั่งตอนท้าย เงาดำอันเลือนรางก็ถูกลอกโดยสมบูรณ์ เ้าัดำก็ร่วงกระแทกพื้นลงราวกับกำลังสิ้นใจ…
ส่วนเงาดำที่ถูกลอกออกมา ก็กลายเป็มีดบินสีดำขนาดหนึ่งชุ่น กำลังเข้าต้านเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูอย่างไม่ยอมแพ้ หวังจะหนีกลับเข้าร่างเ้าัอีกครั้ง…
แต่มีหรือที่หลินเฟยจะยอมง่ายๆ?
เพียงครู่เดียวเขาก็ปลดปล่อยปราณกระบี่ทงโยวออกมาสะบั้นเงาสายนั้นอย่างรุนแรง…
และพริบตาถัดมาก็มีเสียงโหยหวนดังขึ้นในห้วงมิติดินิถู่ เงาดำสายนั้นถูกสะบั้นจนแตกสลายทันที และกลายเป็สะเก็ดไฟดวงน้อยดุจหิ่งห้อย ล่องลอยไปทั่ว…
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------