“เฟยซื่อ ที่นี่ก็ต้องเ้าลำบากแล้ว” กล่าวจบ ซูเต๋อเหยียนไม่สนใจฐานะอัครมหาเสนาบดีของตน ปีนหน้าต่างไล่ตามไป
ที่ควรไปต่างไปแล้ว ซูเฟยซื่อจึงเอ่ยปากอย่างเ็า “ซางจื่อ ออกมาเถิด”
“คุณหนูมีญาณรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า ได้ให้บ่าวรอฟังคำสั่งอยู่ที่นี่แต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ทันการ แต่ตอนนี้ซูจิ้งเซียงได้ทำลายแผนการของท่านแล้ว ท่านวางแผนจะจัดการอย่างไรเ้าคะ?” ซางจื่อเดินออกมาจากมุมมืด ขมวดคิ้วแน่น
“ก่อนอื่นเ้าไปบอกซูจิ้งเซียงเกี่ยวกับเื่ในวันนี้ ให้นางสารภาพว่ายาปลุกกำหนัดเป็นางที่วางเอง จากนั้นเมื่อถึงเวลาเ้าจงไปตำหนักซีอ๋องรอบหนึ่ง เพื่อบอกเขาให้รีบมาทันที” ซูเฟยซื่อกล่าวเสร็จ รังสีสังหารในดวงตาพลันลุกโชน “ถือโอกาสบอกซูจิ้งเซียง หากไม่อยากตายก็เชื่อฟังดีๆ มิฉะนั้นข้าจะให้นางฟกช้ำยิ่งกว่านี้”
“เ้าค่ะ” รู้ความรุนแรงของเื่นี้ ซางจื่อไม่กล้าล่าช้าสักนาทีเดียว
ซางจื่อไปปุ๊บ พลันเรือนเปลี่ยวก็เหลือเพียงซูเฟยซื่อกับนางแซ่หลี่
ซูเฟยซื่อมองนางแซ่หลี่ที่ยังจ่อมจมอยู่ในโลกของตนเอง มุมปากหยักขึ้นเบาๆ “ครั้งนี้ก็นับว่าข้ามอบค่าอาหารเครื่องเคียงแก่เ้ากับซูจิ้งโหยว วางใจเถิด เื่ไม่ได้จบง่ายๆ เช่นนี้แน่ ละครสนุกยังอยู่ข้างหลัง”
“เ้าให้ข้าสารภาพว่าวางยาปลุกกำหนัดเล่นงานแม่ใหญ่หรือ?” ทันทีที่ซางจื่อถ่ายทอดวาจามาถึง ซูจิ้งเซียงรีบวิ่งถลาไปที่เรือนเปลี่ยวเพื่อสอบถามซูเฟยซื่อ
ซูเฟยซื่อกลับเลิกคิ้วอย่างเ็า “เป็เ้าแส่หาเื่เอง ข้าบอกเ้าแล้วว่าอย่าใช้ยาปลุกกำหนัดเด็ดขาด ซูเต๋อเหยียนเป็คนแบบไหน เ้าคิดว่าแค่กลอุบายตื้นๆ เช่นนี้ เขาจะมองไม่ออกเชียวหรือ?”
คาดไม่ถึงว่า ซูเฟยซื่อจะเรียกชื่อของซูเต๋อเหยียนตรงๆ ต่อหน้านาง ทำเอาซูจิ้งเซียงอดตกตะลึงไม่ได้
ความกล้าหาญนี้ น้ำเสียงนี้ เป็สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปไม่ควรมีทั้งสิ้น
นางยิ่งมายิ่งไม่เข้าใจซูเฟยซื่อแล้ว สตรีที่ยืนอยู่ต่อหน้านาง ใช่น้องสามที่ถูกรังแกั้แ่วัยเด็กจนเติบใหญ่จริงหรือ?
“ซูเฟยซื่อ ที่แท้เ้าเป็ใครกันแน่?” ซูจิ้งเซียงค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างระมัดระวัง ความหวาดกลัวสะท้อนอยู่บนใบหน้า ไม่อาจปกปิดซูเฟยซื่อได้แม้แต่น้อย
“พี่รองถูกผีอำหรือ? เ้าเรียกชื่อข้าออกมาแท้ๆ แล้วเ้าคิดว่าข้าเป็ใครเล่า?” ซูเฟยซื่อไขว้มือถามพลาง น้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความอำมหิตลึกๆ
“นี่...” คราวนี้แม้แต่ซูจิ้งเซียงก็สับสน
คนตรงหน้าเป็ซูเฟยซื่อน้องสาวของนางจริงๆ แต่ท่าทีที่แสดงออกกลับไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยสักนิด
“แทนที่พี่รองจะมัวแต่สงสัยในตัวข้า จะดีกว่าไหมหากท่านลองคิดถึงอนาคตของตนเอง เื่นี้เ้าต้องสารภาพ ถ้าไม่สารภาพ ข้าก็มีวิธีการที่สามารถให้เ้าสารภาพ เ้าหลบไม่พ้นหรอก”
นางเคยชี้ทางที่ดีให้ซูจิ้งเซียงเดิน ในเมื่อคนไม่เดิน แต่ดันเล่นลูกไม้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษนางแล้ว
วาจารอบนี้ของซูเฟยซื่อราวกับแส้ที่ฟาดลงบนร่างซูจิ้งเซียงครั้งแล้วครั้งเล่า นางร้อนใจจนแทบบ้า “ซูเฟยซื่อ นี่เ้าคิดทำร้ายข้าให้ตาย ั้แ่แรกเ้าก็ไม่ได้คิดจะช่วยข้า ร่วมมืออะไร พระชายาซีอ๋องอะไร ล้วนเป็เหยื่อล่อให้ข้าติดกับดัก”
ได้ยินวาจานี้ของซูจิ้งเซียง ประกายดุร้ายในดวงตาของซูเฟยซื่อทอวาบขึ้นวูบหนึ่ง บีบคอนางอย่างรุนแรงทันที กล่าวทีละอักษรอย่างเยือกเย็น “แล้วอย่างไรเล่า? หากมิใช่เห็นแก่หน้าแม่น้ารองละก็ ฆ่าเ้าให้ตายยังดีกว่าหลอกใช้เป็เครื่องมือมากกว่าเป็ไหนๆ ข้าอยากจะบีบคอเ้าให้ตายเสียตอนนี้ จวนเสนาบดีเกิดเื่ขึ้น หากเื่เกิดจากบุตรสาวอนุที่อนาคตถูกทำลายเช่นเ้าแล้ว ต่อให้ไต่สวนถึงบนศีรษะข้าก็ไม่เป็อย่างไรด้วย”
“จะ... เ้าปล่อยข้า ข้ายังไม่คิดอยากตาย ข้า... ก็ได้ ให้ข้าสารภาพว่ายาปลุกกำหนัดเป็ข้าวาง เพียงแต่เื่ที่เ้ารับปากข้ายังนับไหม?” ซูจิ้งเซียงใไม่น้อย ดิ้นรนสักครู่แล้วพบว่ามิอาจดิ้นหลุดจากมือของซูเฟยซื่ออย่างสิ้นเชิง ได้แต่ตอบตกลง
ถึงอย่างไรเื่ก็มาถึงตอนนี้ ถ้าซูเฟยซื่อปฏิเสธที่จะช่วยนาง ถ้าเช่นนั้นนางก็ไม่มีเบี้ยเล่นอีกต่อไป ดังนั้นนางต้องยึดหญ้าช่วยชีวิตต้นนี้ไว้แน่นอน
“เ้าวางใจ ข้าได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เ้าเพียงไปเรียกคนรับใช้ในตำหนักมา ข้า้าให้ทุกคนรู้ว่านางแซ่หลี่คบชู้กับผู้ชายในเรือนเปลี่ยว”
เมื่อสร้างหลักฐานเื่นางแซ่หลี่ถูกคนวางยาปลุกกำหนัดแล้ว แต่สิ่งที่นางต้องทำต่อก็คือ ให้คนรู้เื่นี้มากยิ่งขึ้น
ปากต่อปากเล่าขาน หนึ่งเป็สิบ สิบเป็ร้อย ผู้คนต่างชอบฟังเื่สนุกที่ไม่ใช่เื่ของตนเอง
ดังนั้นเื่นี้เล่าขานต่อจนถึงสุดท้ายต้องเป็นางแซ่หลี่ทนความเหงาไม่ไหวยั่วยวนผู้ชาย
ซูเต๋อเหยียนรู้ทั้งรู้ว่านางแซ่หลี่ถูกคนวางแผนเล่นงาน แต่หยุดยั้งคำนินทาเ่าั้ไว้ไม่ได้
ความรักระหว่างสองคนนี้ถือว่าถูกทำลายลงจนหมดสิ้น
มีแม่ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ หากซูจิ้งโหยวยังคงละโมบอยากได้ตำแหน่งฮองเฮา เช่นนั้นนางจะยังมีสิทธิ์หวังได้อีกหรือ มีครอบครัวเป็มลทิน มีสิทธิ์อะไรจะเป็ฮองเฮา
ซูจิ้งเซียงมองแววตาเต็มไปด้วยรังสีสังหารอำมหิตของซูเฟยซื่อ อดไม่ได้ที่จะใจนตัวสั่นเทิ้ม
เป็น้องสาวนางจริงๆ หรือ? ทำไมรู้สึกน่าสยองขวัญกว่าผี!
เมื่อซูเต๋อเหยียนกลับมา เรือนเปลี่ยวได้วุ่นวายเละเป็กองหนึ่ง
คนรับใช้เกือบทั้งหมดในจวนอัครมหาเสนาบดีถูกเรียกมาดูความโกลาหล แต่ซูเฟยซื่อซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องร่ำไห้อย่างน่าสังเวช
เมื่อเห็นซูเต๋อเหยียนก็รีบก้าวมาข้างหน้า “ท่านพ่อ เฟยซื่อได้สั่งให้คนพาแม่ใหญ่กลับไปแล้ว เพียงแต่... พี่รองได้เรียกทุกคนเข้ามา เื่นี้ไม่เป็ความลับอีกต่อไปแล้วเ้าค่ะ”
“เซียงเอ๋อร์?” ซูเต๋อเหยียนอึ้งไปทันที
จับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ นั่นทำให้เขาปวดศีรษะมากพอแล้ว ไม่คิดว่าลูกสาวโง่ก็ยังหาคนมาดูคึกคัก
นี่คิดให้เขาโกรธตายเลยหรือ?
ซูเฟยซื่อยิ้มเ็า ส่งสายตาคราหนึ่งให้ซูจิ้งเซียงที่ปะปนอยู่ในฝูงชน
ซูจิ้งเซียงรีบแสร้งยืนขึ้นอย่างใจเย็น “ท่านพ่อ เรียกข้าหรือเ้าคะ?”
ซูเต๋อเหยียนได้ยินเสียงจึงหันศีรษะไป ในใจมีลางสังหรณ์ลึกๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกว่าวันนี้บุตรสาวคนนี้แตกต่างไปจากปกติ
แต่เพราะเหล่าคนรับใช้ในจวนมาออกันอยู่ที่นี่ เขาจึงมิอาจอาละวาด และทำได้เพียงสงบใจแล้วจัดการเื่เฉพาะหน้าก่อน “เื่ในวันนี้มีข้อสงสัยมากมาย ในฐานะที่ทุกคนเป็ส่วนหนึ่งของจวนอัครมหาเสนาบดี ก็ควรปกป้องหน้าตาของจวนอย่างเต็มที่ ถ้าข้าได้ยินเสียงลืออะไรข้างนอก พวกเ้าทั้งหมดก็ไม่ต้องทำงานในจวนอัครมหาเสนาบดีต่อไป”
“มีข้อสงสัยมากมาย? มีข้อสงสัยอะไรท่านพ่อลองพูดออกมาเถิด ให้ลูกช่วยแก้ปัญหาให้ท่านนะเ้าคะ” เป็ครั้งแรกที่ซูจิ้งเซียงพูดแบบนี้กับซูเต๋อเหยียน แผ่นหลังนางผุดเหงื่อเย็นออกมาชั้นหนึ่งตั้งนานแล้ว
แต่สองตาของซูเฟยซื่อกำลังจับจ้อง ถ้านางแสดงได้ไม่ดี จุดจบต้องยิ่งน่าสังเวชแน่นอน
คิ้วของซูเต๋อเหยียนขมวดย่นอย่างดุดัน “เซียงเอ๋อร์ วาจานี้ของเ้าหมายถึงอะไร!”
“แล้วท่านพ่อคิดว่าวาจานี้จะหมายถึงอะไรได้?” ซูจิ้งเซียงจงใจอ้อมค้อมปฏิเสธที่จะอธิบาย
คนรับใช้ของจวนอัครมหาเสนาบดีต่างมองตากันเลิ่กลั่ก วาจาของซูเต๋อเหยียนเมื่อครู่ ประกอบกับบรรยากาศระหว่างพ่อลูกที่หนักอึ้ง ใครๆ ก็กังวลว่าจะพลอยติดร่างแหจนปลาตายทั้งบ่อ ไม่นานผู้คนต่างก็หาเหตุผลแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน
ก็เป็ซูเฟยซื่อที่เพิ่งกำชับซูจิ้งเซียงไปว่า ก่อนที่คนรับใช้ยังไม่แยกย้ายห้ามพูดเด็ดขาดว่าเป็นางวางยาปลุกกำหนัด
ก็เพื่อให้คนรับใช้รู้เพียงด้านเดียว นั่นจึงจะสามารถบรรลุผลที่ดีที่สุด