สีหน้าของซุนเฟยพลันเปลี่ยนไป
เขาะโขึ้นไปตรงจุดสูงสุดบนเนินเขา มองไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นธงสีเงินนับไม่ถ้วนเรียงแถวเป็แนวยาว ธงโบกสะบัดตามแรงลมราวกับมีัสีเงินตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวกลางอากาศ พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเริ่มสั่นะเื จากนั้นอัศวินเกราะเงินจำนวนมากก็ควบม้าทะยานมาราวกับเป็กองทัพ์มุ่งตรงมาทางเมืองแซมบอร์ดราวกับกระแสน้ำ
“ดูจากลักษณะแล้ว น่าจะเป็กองทัพอัศวินขนาดใหญ่ที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่าหกร้อยคนขึ้นไป...ไม่รู้ว่าจะเป็กำลังเสริมของราชอาณาจักรเซนิทที่บรู๊คกล่าวถึงหรือว่าเป็กำลังเสริมที่ชายหน้ากากเงินเรียกมา?”
ซุนเฟยครุ่นคิด
เมื่อเหล่าอัศวินเกราะเงินจำนวนหนึ่งควบม้าเข้ามาก็ได้เห็นกองทัพทหารเกราะดำที่แตกพ่าย พวกเขาตัดคอพวกมันไม่หยุด ท่ามกลางเสียงแตรที่ดังกึกก้องขึ้นมาพวกเขาก็เริ่มสังหารไม่ว่าจะแขวนคอ ใช้เกือกม้าเหล็กเหยียบพวกมันอย่างไร้ความปรานี เืเนื้อกระเด็นไปทั่ว ประกายแสงเย็นะเืสะท้อนบนใบดาบและหอก เหมือนพยัคฆ์ร้ายกระโจนเข้าไปในฝูงแกะ เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น กองทัพทหารเกราะดำนับหลายพันนายไม่ทันได้ตั้งตัวต่อสู้ก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น
“โอ้...เยี่ยมไปเลย ดูเหมือนจะเป็กำลังเสริมของาาอาณาจักรเซนิทนะ”
ซุนเฟยก็รู้สึกโล่งอก
เขาครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะะโลงจากเนินไป เดินกลับไปในเต็นท์ของชายชุดคลุมสีดำลึกลับและพบร่องรอยการดิ้นรนขัดขืนบนพื้น เห็นได้ชัดว่านักเวทสี่ดาวคงจะฟื้นแล้วและพยายามจะแก้เชือกที่มัดออก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องยกประโยชน์ให้กับการมัดเชือกแบบ SM นะเนี่ย นักเวทชุดคลุมสีดำผู้โชคร้ายตอนนี้ระบมตูดไปหมด เืไหลลงบนพื้นไม่หยุด คงเป็เพราะตอนที่ดิ้นรนแกะเชือก มันคงะเืไปที่ไม้ หลังจากนั้นไม้ก็เลยทิ่มตูดเข้าไปลึกกว่าเดิม ทำให้นักเวทผู้โชคร้ายสลบไปอีกรอบ
ซุนเฟยยกร่างของนักเวทย์เกราะดำที่กำลังสลบเดินออกมาจากเต็นท์จนมาถึงเต็นท์กลางค่ายที่ถูกซุนเฟยผ่าเป็สองส่วน ก่อนจะโยนร่างชายชุดคลุมสีดำไปบนศพของชายหน้ากากาเงินจากนั้นก็ใช้ ‘มีดสั้นพายุ’ ตัดผ้าเต็นท์ของชายหน้ากากเงินแล้วจัดการนำผ้าที่ตัดมาห่อหนึ่งคนหนึ่งศพไว้ด้วยกัน มัดให้เป็พัสดุขนาดใหญ่แล้ววางไว้ข้างกายตนเอง
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซุนเฟยก็ยืนอยู่ที่เดิมและมองดูสถานการณ์
ตอนนี้เหล่าอัศวินเกราะเงินยังคงควบม้าไปมาเพื่อสังหารทหารเกราะดำที่เหลืออยู่ไม่มาก ไม่นานก็มีเหล่าอัศวินยี่สิบกว่าคนกำลังพุ่งมาด้านนี้
ซุนเฟยอยากจะถามบางอย่างกับพวกเขา แต่หลังจากที่เหล่าอัศวินพวกนี้เห็นตนก็ควบม้าเข้ามาโดยที่ไม่ชะลอเลยสักนิด ทั้งยังหัวเราะพลางกระตุ้นม้าศึกที่ขี่อยู่ จากนั้นก็พุ่งเข้ามาแล้วะโกู่ร้องอย่างฮึกเหิม ยกหอกยาวในมือขึ้น แสงอาทิตย์สะท้อนใบหอกจะเกิดประกายแสงเยียบเย็น ้าของทวนยังคงมีรอยเืสดๆ ของทหารเกราะดำหล่นลงพื้น ดูท่า เป้าหมายต่อไปของเขาคงจะเป็ซุนเฟยอย่างแน่นอน
“เวรเอ๊ย หรือไอ้พวกโง่นั่นคิดว่าข้าเป็ทหารของกองทัพทหารเกราะดำ?”
ซุนเฟยหัวเราะไม่ออก ใครจะรู้ว่าพวกอัศวินที่สวมชุดเกราะหรูหราที่ควบมาอยู่หน้าสุดจะไม่ยอมพูดจาปราศรัยกันสักนิด ทั้งยังจะสังหารตนเองอีก ซุนเฟยพลันแสยะยิ้ม เมื่อม้าศึกวิ่งเข้ามาก็เบี่ยงกายแย่งหอกจากมือของอัศวินคนนั้น ประกายแสงวูบวาบ หอกอัศวินที่ยาวกว่าสองเมตรกรีดอากาศจนเกิดเสียงแหลมขึ้นมา
ตึง!
สายตาซุนเฟยประกายเ็าวูบหนึ่ง
เหวี่ยง ‘โล่ตราิญญาคชสาร’ มือซ้ายฟาดไปที่อัศวินบนหลังม้า อัศวินคนนั้นถูกฟาดจนลอยขึ้นกลางอากาศ ซุนเฟยคาดว่าพลังของอัศวินที่ตัวเองแย่งหอกมาน่าจะยังไม่ถึงระดับหนึ่งดาว ระดับการโจมตีนี้ สำหรับซุนเฟยที่ยังอยู่ในโหมดคนเถื่อนเลเวล 12 แล้ว มันไม่ถือว่าเป็ภัยคุกคามเลยสักนิด
“เ้า...กล้าต่อต้านข้า ข้าจะบดขยี้เ้า!”
อัศวินชุดเกราะหรูหราคาดไม่ถึงว่าจะถูก ‘ทหารทัพแตก’ ที่มีเืท่วมร่างตรงหน้าใช้โล่ฟาดเบาๆ จนกระเด็นแบบนี้ หลังจากได้สติเขาก็รู้สึกว่า ความน่าเกรงขามของตัวเองกำลังถูกเหยียบย่ำ จึงโกรธขึ้นมาพลางชักดาบข้างเอวออกมาดัง ‘ชิ้ง’ ยกดาบชี้ไปด้านหน้า เหล่าอัศวินสิบกว่าคนด้านหลังได้ยินเสียงก็พากันเอาเท้าเหล็กกระทุ้งม้าศึกแรงๆ และเพิ่มความเร็วขึ้นทันที เสียงร้องของม้าดังขึ้นขณะที่พุ่งเข้ามาทางซุนเฟย
เห็นได้ชัดว่า้าจัดการกับ ‘ทหารทัพแตก’ คนนี้
“เดี๋ยวๆๆ...หยุดก่อน ข้าเป็คนของเมืองแซมบอร์ด ไม่ใช่ฝ่ายศัตรู!”
ซุนเฟยจำใจะโอธิบายออกไป
ใครจะรู้ว่าหลังจากที่อัศวินชุดเกราะหรูหราที่อยู่ด้านหน้าสุดได้ยินซุนเฟยพูดแบบนั้น ไม่เพียงไม่ลดความเร็วของม้า กลับกันยิ่งกู่ร้องออกมาแล้วเร่งความเร็วม้าศึกให้พุ่งชน เหล่าอัศวินที่อยู่ด้านหลังเขาก็ทำเช่นเดียวกัน ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มขบขำและตื่นเต้นมองมาที่ซุนเฟย ระหว่างคนตายและคนโง่ มันไม่มีอะไรแตกต่างกันสักนิด
“เวรเอ๊ย แบบนี่ไม่ใช่แล้ว...มารดามันเถอะ พวกสารเลวนี่จงใจจะฆ่าข้า”
ในใจของซุนเฟยพลันโมโห เมื่อพบความผิดปกติ เขาเห็นรอยยิ้มขบขำและตื่นเต้นของอัศวินบนหลังม้า เขาก็รู้แล้วว่าพูดไปก็เสียเวลาเปล่า ก่อนจะหัวเราะอย่างเ็า ซุนเฟยดึง ‘โล่ตราิญญาคชสาร’ มาไว้ที่แขน จากนั้นก็ตั้งท่ารอเหล่าอัศวินที่กำลังพุ่งเข้ามา
“ไอ้พวกลูกหมา เดี๋ยวจะรู้ว่าใครเป็ใคร!” เขาถูกกระตุ้นให้โกรธมาขึ้น
ไม่ช้า ทั้งคนและม้าก็พุ่งเข้ามา ทั้งสองฝ่ายต่างชนกันอย่างแรง
ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง!
เสียงดังสนั่นขึ้นราวกับกำลังชนเข้ากับกำแพงเมืองที่ไม่อาจทำลายได้ ในดวงตาของเหล่าอัศวินปรากฏร่องรอยความไม่อยากจะเชื่อ ร่างของพวกเขากระเด็นตกจากหลังม้า ลอยไปกลางอากาศแล้วร่วงลงพื้นอย่างแรง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะตัวหัวหน้าที่สวมชุดเกราะหรูหรานั่น มันร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรงแล้วกลิ้งไปกับพื้น ชุดเกราะที่หรูหราเลอะไปด้วยฝุ่นและเื หมวกเกราะไม่รู้ว่าลอยไปตกที่ไหน ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาก็กลายเป็สกปรกราวกับขอทานที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายปี
ม้าศึกทั้งสิบกว่าตัวต่างหงายหลังบนพื้น พยายามที่จะพลิกตัว
ซุนเฟยหันร่างกลับมา เขายังคงอยู่ที่เดิมและไม่กล่าวอะไรเลยสักคำ เขาหัวเราะอย่างเ็า ขณะที่มองเหล่าอัศวินพยายามลุกขึ้นจากพื้น ดวงตาฉายแววดูถูกแสดงท่าทางประหนึ่งเทพผู้สูงส่ง ตอนนี้เขาเหมือนพญาักำลังจ้องมองสุนัขที่กล้ายั่วยุตนเอง ทำให้อัศวินหลายนายอยากจะกระอักเืออกมา
“เ้า...” หัวหน้าอัศวินชี้หน้าซุนเฟยอย่างโมโห “เ้ามันบ้า กล้าลงมือกับอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทที่สูงส่งงั้นหรือ? ฮึ้ย เ้าต้องตาย...ข้าจะฆ่าเ้า!” น้ำเสียงของมันก้าวร้าวดุดัน แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสักคนที่กล้าพุ่งเข้าไป เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งแสดงอำนาจด้วยการไสม้าศึกวิ่งเข้าชนจนทำให้พวกเขาต้องกระเด็นออกมา นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
ซุนเฟยไม่พูดอะไร
“เ้านี่มันสมองหมาหรือเปล่า เป็เ้าที่ไม่ถามผิดถูกอะไรก็ใช้หอกมาแทงข้าก่อน แล้วยังะโร้องเรียกพวกมาเหยียบข้าให้เละ...ทั้งๆ ที่ข้าก็ไม่ได้ตอบโต้กลับ หรือว่าจะให้ข้าว่านอนสอนง่าย ยืนอยู่เฉยๆ ให้เ้าฆ่าเหรอ...การที่เ้าจะฆ่าข้าถือว่าเป็เื่ที่สมเหตุสมผล ส่วนการที่ข้าผลักเ้าเป็เื่ที่ไร้เหตุผลงั้นเหรอ?”
การแสดงออกและกิริยามารยาทอันต่ำช้าของฝ่ายตรงข้ามทำให้ซุนเฟยหมดความสนใจต่อกำลังเสริมของราชอาณาจักรเซนิท เขายกม้วนผ้าที่ห่อศพของชายหน้ากากเงินและนักเวทสี่ดาวขึ้นมาแล้วเดินไปทางเมืองแซมบอร์ดโดยไม่พูดไม่จา
“เ้ากล้าไปเหรอ เ้าเป็เพียงสวะชั้นต่ำ...”
หัวหน้าอัศวินเกราะหรูหราแม้ว่าจะยังใกลัว แต่ก็ยังคงปากดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอยกลับไป เริ่มมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง ยกนิ้วชี้ะโด่าไล่หลังซุนเฟยไป
ซุนเฟยหยุดเดินก่อนจะหมุนตัวกลับมา ดวงตาประกายเ็าเหมือนน้ำแข็ง
“เ้าลองพูดอีกทีสิ ข้าจะได้ฆ่าเ้า!”
วินาทีต่อมา เขาก็ขยับตัวจะเข้ามาฆ่าจริงๆ ทีแรกเห็นว่าเป็กองกำลังเสริมของราชอาณาจักรเซนิท เขาจึงพยายามไม่คิดเล็กคิดน้อยกับอัศวินไม่รู้จักที่ตายพวกนี้ ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะยังทำตัวน่ารำคาญอยู่อีก ระหว่างที่พูดซุนเฟยก็ขยับ ‘มีดสั้นพายุ’ ในมือไปด้วย แค่ไอ้คนไม่รู้ที่ตายนั่นอ้าปากด่าอีกประโยคเดียว เขาจะพุ่งเข้าไปฆ่ามันแน่
ชั่วพริบตา รังสีฆ่าฟันก็แผ่ออกมาจากร่างซุนเฟยอย่างบ้าคลั่ง
รังสีสังหารนี้ไม่ว่าจะเป็โลก Diablo หรือโลกจริง ไม่รู้ว่ามีมอนสเตอร์และเหล่าทหารเกราะดำจำนวนมากเท่าไรที่ต้องตกตายอยู่ใต้ขวานของซุนเฟย วันนี้ซุนเฟยเดินย่ำศพข้าศึกมามากราวกับทะเลเืูเากระดูก หากจะบอกว่าเขาเป็ฆาตกรก็คงไม่เกินจริงเลย รังสีฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาแทบจะรวมตัวกันแล้วกลายเป็รูปสัตว์ร้ายกระโจนออกมาขย้ำพวกเขา
อัศวินสิบกว่าคนก็ปิดปากสนิทอย่างหวาดกลัวทันที
หัวหน้าอัศวินที่ปากดีก็กลายเป็ใบ้ไปทันที หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออกมาท่วมหน้า ดวงตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาอย่างเ็านั่นทำให้เขารู้สึกราวกับว่าความตายกำลังคุกคามตัวเองอยู่ ตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในโรงน้ำแข็ง นั่นต้องไม่ใช่คำขู่แน่ๆ เขาไม่สงสัยเลยว่า หากเขาอ้าปากพูดอีกครั้งจะต้องกลายเป็ศพทันทีอย่างแน่นอน
“ถุย! ไอ้พวกลูกหมา นึกว่าจะแน่!”
ซุนเฟยด่าอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะยกห่อผ้าขนาดใหญ่ไว้ในมือแล้วเดินไปทางเมืองแซมบอร์ด ฉากที่ตนเองแกล้งตายก่อนหน้านี้คิดว่าทุกคนบนกำแพงจะต้องเห็นแน่ๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเสียใจมากขนาดไหน โดยเฉพาะแองเจล่า บรู๊คและทุกคน เกรงว่าคงวุ่นวายอยู่แน่นอน ซุนเฟยต้องรีบกลับไปรายงานว่าตนเองปลอดภัยดี
สุดท้ายเมื่อเดินมาถึงสะพานที่แตกหัก เขาก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังร้องไห้เหมือนเป็บ้า วิ่งออกมาจากเมือง วิ่งล้มลุกคุกคลานมาทางแม่น้ำจูลี่อย่างบ้าคลั่ง บางส่วนก็พากันมายืนที่ขอบสะพานที่แตกหักเพื่อคิดหาวิธีจะข้ามไป
ในใจของซุนเฟยพลันรู้สึกอบอุ่น เขาใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อนะโขึ้นไปในอากาศเหมือนนกขนาดใหญ่ที่กำลังกางปีกบิน ตรงขอบสะพานที่หักยาวถึงสิบหกสิบเจ็ดเมตร ขายังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว ในมือกำห่อผ้าขนาดใหญ่แน่น เพียง ‘ะโ’ อีกครั้งก็ข้ามขอบสะพานที่หักตกลงมาท่ามกลางฝูงชนที่อออยู่ตรงสะพาน
“เป็องค์าาอเล็กซานเดอร์...” บางคนโห่ร้องออกมาอย่างยินดี
“ฮ่าๆๆ ข้าช่างตีเหล็กเฒ่าแฮร์รี่รู้มาแต่แรกแล้วว่า ท่านจะต้องมีชีวิตอยู่แน่ๆ ฮ่าๆๆ ไอ้พวกตูดหมาพวกนั้นมันจะทำร้ายท่านได้อย่างไร!” ชายชราผมขาวท่าทางอ่อนแอเมื่อเห็นซุนเฟย เขาก็พลันน้ำตานองหน้าทันที
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ ท่าน...ดี เยี่ยมไปเลย! โอ้พระเ้า...ขอบคุณพระเ้าที่ปกป้องาาของพวกข้า!” ประชาชนหลายคนที่ในมือกำอาวุธาแน่นต่างพากันคุกเข่าแล้วโขกหัวกับพื้น พวกเขารู้สึกขอบคุณพระเ้าที่ทำให้องค์าาของพวกเขามีชีวิตรอดกลับมา
เพียร์ซ ดร็อกบาและเหล่าชายฉกรรจ์คนอื่นๆ หลังจากที่มัวแต่ตกตะลึงก็โยนเชือกในมือที่จะใช้ข้ามฝั่งทิ้งอย่างดีใจ พวกเขาวิ่งเข้ามาเกาะขาของซุนเฟยแล้วร้องไห้ออกมา ชายฉกรรจ์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่น่าเกรงขาม ในยามที่ถูกข้าศึกแทงกระบี่หอกเสียบทะลุร่างก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิด แต่ตอนนี้พวกเขาต่างพากันร้องไห้เหมือนเด็ก
------------------------