การเสาะหากระดูกิญญาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งใน่บ่ายของวันนี้ คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างเดินทางกันไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง แม้ว่าระหว่างทางจะพบเจอสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย แต่เพราะกลิ่นอายของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงที่หวังฮุ่ยปลดปล่อยออกมาในระยะสองลี้ย่อมไม่ต่างไปจากคำเตือนให้เหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำจงหลบหลีกไปเสีย เมื่อเป็เช่นนี้แล้วจึงถือว่าการเสาะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจึงเป็ไปอย่างราบรื่นยิ่ง
ก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาล้านปีของอสรพิษเหมันต์า นอกจากกระดูกิญญาชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็ทักษะิญญายุทธ์ที่สามให้แก่เขาแล้ว ยังคงมีเงื่อนไขสำคัญคือการเสาะหากระดูกิญญาจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษดูดซับประสานเข้ากับร่างกายเพื่อให้กระดูกิญญาชิ้นแรกนี้มีความสมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะตามที่ควรจะเป็
หนิงอ้ายตั้งใจดูดซับกระดูกิญญาให้กับิญญายุทธ์ที่สองอันเป็ปราณธาตุน้ำนี้เสียก่อน สำหรับิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟรวมไปถึงิญญายุทธ์ที่สามเขาไม่จำเป็ต้องสังหารสัตว์อสูรเป็จำนวนมากเพื่อเติมเต็มให้กระดูกิญญาของทั้งสามิญญายุทธ์ในตอนนี้ เพราะนอกจากกระดูกิญญาล้านปีจะช่วยพัฒนาอายุของกระดูกให้เพิ่มขึ้นตามระดับพลังแล้ว ในการดูดซับกระดูกิญญาในแต่ละครั้งทั้งสามิญญายุทธ์ต่างมีการประสานเข้าด้วยกันกับความสามารถที่ได้รับมาโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดทั้งสิ้น
มากไปกว่านั้นิญญายุทธ์ของผู้ฝึกตนล้วนมีขีดจำกัดที่ไม่สามารถดูดซับกระดูกิญญาของสัตว์อสูรจากทุกเผ่าพันธ์ได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วผู้ฝึกตนจะต้องเลือกดูดซับกระดูกิญญาที่เหมาะสมและสนับสนุนิญญายุทธ์ต้นกำเนิดของตนเท่านั้น เพราะหากพลั้งเผลอดูดซับกระดูกิญญาที่เป็อริกับิญญายุทธ์แล้วคงยากที่จะคาดเดาได้ถึงผลเสียที่เกิดขึ้น ในทางกลับกันหากผู้ฝึกตนได้ทำการดูดซับกระดูกิญญาที่มีพลังตบะน้อยกว่าระดับพลังิญญาของตนก็จะไม่เกิดผลประโยชน์ใดทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเสาะหากระดูกิญญาที่เหมาะสมนั่นเอง
สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปสามารถกระดูกิญญาได้สูงสุดเจ็ดชิ้นส่วนและมีทักษะิญญาเจ็ดรูปแบบเช่นกัน แต่กับหนิงอ้ายที่ได้รับความพิเศษพิศดารจากกระดูกิญญาล้านปีจึงส่งผลให้เด็กหนุ่มสามารถมีได้มากถึงยี่สิบเอ็ดชิ้นส่วน และสามารถทักษะิญญายุทธ์ได้สูงสุดหกสิบสามรูปแบบเลยทีเดียว แน่นอนว่าชื่อเสียงของหนิงอ้ายในอีกหลายสิบปีหลังจากนี้ เขาได้ถูกขนามนามว่าเป็ผู้ฝึกตนที่กระดูกิญญาและทักษะิญญายุทธ์มากที่สุดไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้...
“คุณชาย้ากระดูกิญญาจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุใดขอรับ?” หวังฮุ่ยเอ่ยถามขึ้น
“เดิมทีข้าตั้งใจว่ากระดูกิญญาแรกที่ข้าจะดูดซับเป็อสูรเต่าัวารีที่มีความสามารถป้องกันอันแข็งแกร่ง เพราะบทเวทย์ที่ข้าถือครองอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็บทเวทย์โจมตีทั้งสิ้น แม้จะมีบทเวทย์ป้องกันที่ถูกปรับขึ้นเป็ระดับเทวะก็จริง แต่หากข้ามีทักษะิญญายุทธ์ที่มีความสามารถป้องกันอันโดดเด่นได้คงดีไม่น้อย…” หนิงอ้ายตอบกลับไป
“อสูรเต่าัวารีเป็สัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุน้ำ มีถิ่นอาศัยอยู่ตรงบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าชั้นใน อีกทั้งยังเป็สัตว์อสูรระดับสูงที่หาได้ยากยิ่ง ในตอนนี้ข้าว่ายังไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัก แล้วคุณชายยังมีทักษะความสามารถใดอยู่ในใจอีกหรือไม่?”
“ความจริงแล้วจากที่ผู้าุโซีซวนได้แนะนำั้แ่แรก ข้าสมควรเสาะหากระดูกิญญาของสัตว์อสูรที่มีปราณธาตุพิษ เพื่อให้กระดูกิญญาแรกของข้าสมบูรณ์มากที่สุด…”
“เช่นนั้นเป็อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชดีหรือไม่ขอรับ? จะได้ช่วยให้พิษไร้ลักษณ์ของคุณชายแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย” หวังฮุ่ยแนะนำไป
“เช่นนั้นข้ารบกวนท่านลุงฮุ่ยด้วยขอรับ…” หนิงอ้ายตอบกลับพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย
คณะเดินทางทั้งสี่คนของหนิงอ้ายยังคงเดินทางต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่หวังฮุ่ยทราบข้อมูลว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชอาศัยอยู่ซึ่งเป็เขตรอยต่อเขตป่าชั้นในกับป่าชั้นกลาง พวกเขาได้ลัดเลาะไปตามแนวป่าไม้ที่ดูว่าจะมีความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้น โดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นคาวพิษอ่อน ๆ ล่องลอยมาตามลม ดังนั้นหวังฮุ่ยไม่รอช้าแจ้งเตือนให้ทุกคนรับโคจรพลังลมปราณในร่างกายเพื่อต่อต้านการแทรกซึมของพิษนี้ในทันที
“ผู้าุโพอรู้หรือไม่ขอรับว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชเป็สัตว์อสูรระดับใดกัน?” ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“จากข้อมูลที่เคยได้รับมาหลายปี ฟังว่าเป็สัตว์อสูรนภาขั้นสูงที่มีอายุตบะประมาณสองพันปีเห็นจะได้ขอรับ...” หวังฮุ่ยเองก็ไม่ได้แน่ใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าใน่สิบปีมานี้อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน
"พิษของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชมีพิษที่มีความรุนแรงเป็อย่างมาก ไม่เพียงแต่จะทำให้อัมพาตเท่านั้นยังยังทำลายประสาทััอีกด้วย ถือได้ว่าเป็อีกหนึ่งสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษอันดับต้น ๆ อีกทั้งความรวดเร็วในการโจมตีไม่อาจดูเบาได้เช่นกัน เปลือกแข็งที่ห่อหุ้มร่างกายมีความแข็งแกร่งเป็อย่างมาก มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่เป็จุดอ่อนสำคัญ..."
“เข้าใจแล้วขอรับ…” ลู่ซีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ
สิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจากเริ่มเข้าสู่อาณาเขตของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช นั่นคือจำนวนของโครงกระดูกขนาดต่าง ๆ มากมายที่เรียงรายกระตัดกระจายไปทั่ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็ของสัตว์อสูรด้วยกันเอง แต่โครงกระดูกของมนุษย์ก็มีให้พบเห็น
“อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชแม้จะขึ้นชื่อในเื่ของความร้ายกาจของพิษ ทว่าดวงตาทั้งสองของมันไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้ ฟังดูแล้วอาจจะเป็ข้อด้อยหรือสิ่งจำกัดแต่หาใช่เป็อย่างนั้น เพราะประสาทััการรับรู้ที่ตื่นขึ้นตามสายโลหิตรวมไปถึงความว่องไวอันเด็ดขาดของส่วนหางที่มีเหล็กใน จึงไม่ใช่เื่ยากที่จะมีผู้พลาดท่าได้อย่างง่ายดาย!!” หวังฮุ่ยอธิบายให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
“ประสาทััทั้งห้ายอดเยี่ยมอย่างนั้นรึ?” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเ้าเล่ห์ ก่อนที่จะหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้แทงเข้าที่นิ้วมือและควบคุมหยดโลหิตเหล่านี้ด้วยปราณธาตุน้ำด้วยความเชี่ยวชาญ
การกระทำของหนิงอ้ายได้สร้างความใเล็กน้อยกับทุกคนในที่นี้ แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะกลิ่นคาวเืโดยเฉพาะจากผู้ฝึกตนที่มีปราณธาตุน้ำย่อมมีความพิเศษไม่ธรรมดามากกว่าผู้ฝึกตนปราณธาตุอื่น
กรี๊ช!
เสียงของฝีเท้าขนาดใหญ่ที่ไม่อาจระบุจำนวนได้ก่อให้เกิดแรงสั่นะเืไปทั่วทั้งบริเวณนี้ เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นเข้าใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว
“มันมาแล้ว!” หวังฮุ่ยร้องดังขึ้นก่อนที่จะชักกระบี่ประจำตัวของตนออกมา
พรึบ!
ตู้ม!
อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวใหญ่ได้ปรากฎตัวขึ้นในระยะห่างไปไม่ถึงหนึ่งลี้ รูปลักษณ์ภายนอกของสัตว์อสูรนี้ไม่ต่างไปจากแมงป่องทั่วไปเพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่โตผิดปกติ ผิวโดยรอบตัวเป็สีเขียวดำที่สะท้อนแสงระยิบระยับ ลวดลายตามลำตัวเป็สีแดงที่สามารถคาดเดาได้ถึงความรุนแรงของพิษว่าร้ายแรงมากเพียงใด ส่วนขาที่โผล่พ้นจากส่วนข้างของลำตัวนั้นเรียวยาวและมีแหลมคมเป็อย่างมาก ส่วนหางที่มีเหล็กในพิษนั้นเป็สีเขียวเข้มอีกทั้งยังส่ายไปมาชวนน่าหวาดเสียวยิ่ง
“ไม่คาดคิดว่าแท้ที่จริงแล้วจะเป็ถึงสัตว์อสูรอายุสามพันปีด้วยระยะเวลาไม่ถึงสิบปี แต่กลับถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติปานนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะได้พบเจอวาสนา์จนสามารถเพิ่มพลังตบะก็เป็ไปได้...”
“สัตว์อสูรมายาขั้นต่ำเช่นนี้ไม่ต่างไปจากผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาเสียด้วยซ้ำ คุณชายกับลู่ซีโปรดระวังตัวด้วย!!” หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย เพราะสัตว์อสูรย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับเทียบเคียงกันหลายเท่า
“รบกวนพวกท่านช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของมัน แล้วข้าจะหาโอกาสใช้อาวุธลับโจมตีจากระยะไกลขอรับ!”
“ขอรับคุณชาย!!” เสียงของหวังฮุ่ย ลู่ซี และองครักษ์ชุดดำดังขึ้นรับคำของหนิงอ้าย ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าโจมตีในทันที
“ศาสตร์ลับกายาผสานอสูร ิญญายุทธ์จอมราชันย์หมาป่าเดียวดาย รวมร่าง!” สิ้นเสียงของหวังฮุ่ย ร่างกายของชายวัยกลางคนได้มีรูปร่างคล้ายคลึงกับหมาป่าสีเทาเงินขนาดใหญ่ ไม่รอช้าร่างประสานนี้ได้พุ่งเข้าโจมตีอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชนี้ด้วยความรวดเร็ว
พรึบ!
ในขณะเดียวกัน องครักษ์ชุดดำอีกคนไม่รอช้า พุ่งทะยานตัวเข้าช่วยเหลือหวังฮุ่ยในทันที สิ่งที่ผู้ฝึกคนส่วนใหญ่ต่างรับรู้กัน คือหากต้องปะทะรับมือกับสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษ ควรที่จะจัดการอีกฝ่ายให้รวดเร็วที่สุด เพราะหากไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่มีปราณธาตุพิษแต่กำเนิดแล้วย่อมยากที่จะต้านทานพิษเหล่านี้ได้ แม้จะมีโอสถแก้พิษก็ตาม
พรึบ!
ตู้ม!
อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชที่ถูกรุมอยู่ไม่ได้เสียท่าทีเลยแม้แต่น้อย การโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงทั้งสองแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ด้วยความพิเศษในประสาทััมันจึงสามารถหลบหลีกได้อย่างไม่ยากนัก ก่อนที่จะส่งการโจมตีเป็ลิ่มเหล็กในสีดำที่แฝงไปด้วยปราณพิษโต้กลับมา
“ต้องหาจังหวะโจมตีจุดอ่อนตรงบริเวณส่วนใต้ท้องของมันให้ได้!!” เสียงของหวังฮุ่ยร้องดังขึ้นบอกกับทุกคน
“ทักษะิญญายุทธ์าากระบี่กลืนโลหิต ทักษะิญญาที่หนึ่งมหาวังวนราชสีห์คลั่ง โจมตี!” ลู่ซีไม่รอช้าเรียกใช้ทักษะิญญาโต้กลับไป พายุกระบี่ขนาดย่อมปรากฎขึ้นตั้งรับการโจมตีดังกล่าวก่อนที่จะพัดพาพิษเหล่านี้บางส่วนให้ไปยังบริเวณอื่น
กรี๊ช!
ตู้ม!
อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชร้องดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว การโจมตีของหวังฮุ่ยครั้งล่าสุดโดนบริเวณส่วนรอยต่อของส่วนขาเต็ม ๆ แม้ไม่ใช่จุดอ่อนมากที่สุดแต่นั่นก็ทำให้เสียจังหวะได้เช่นกัน
กรี๊ช!
ตู้ม!
คล้ายกับว่ามันรับรู้ได้ถึงความอ่อนด้อยในระดับพลังที่น้อยกว่าของลู่ซี ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าโจมตีเด็กหนุ่มในที่สุด กลิ่นของพิษคาวเลี่ยนที่ถูกส่งออกมาแม้ว่าลู่ซีจะหลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด แต่พื้นที่บริเวณส่วนนั้นต่างถูกพิษดังกล่าวกัดกร่อนด้วยความรวดเร็ว
ตู้ม!
พรึบ!
การสอดประสานการโจมตีของหวังฮุ่ยพร้อมกับองครักษ์ชุดดำได้ส่งผลให้แรงปะทะนี้อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชกระเด็นออกไปไกล แรงโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเทวะทั้งสองไม่อาจดูเบาได้ เพราะในตอนนี้ส่วนข้างลำตัวที่เคยมีเกล็ดหนาป้องกันนั้นได้ปรากฎเป็รอยแผลใหญ่ที่ส่งผลให้มันยิ่งโกรธและทวีความดุร้ายมากยิ่งขึ้น
ั้แ่เริ่มต้นการปะทะกับอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช หนิงอ้ายได้อยู่นอกขอบเขตรัศมีการรับรู้พร้อมกับเรียกใช้เนตรแห่ง์ให้กลบกลิ่นอายของตน จริงอยู่ที่อสูรเผ่าพันธ์นี้จะสังกัดปราณธาตุพิษแต่ส่วนเกราะที่ห่อหุ้มตัวต่างมีความแข็งแรงเป็อย่างมาก จุดอ่อนของมันมีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น แน่นอนว่าในตอนนี้หนิงย่อมรับรู้แล้วทั้งสิ้น
เข็มเงินมัจจุราชไร้เงาทั้งเก้าเล่มได้ปรากฎขึ้นตรงด้านหน้าของหนิงอ้าย ก่อนที่จะถูกบัญชาการด้วยพลังลมปราณที่แฝงไปด้วยพิษถึงสิบส่วน หนิงอ้ายกระจ่างในใจดีกว่าพิษอันเล็กน้อยของเขาในตอนนี้ไม่อาจเอาชนะสัตว์อสูรปราณธาตุพิษที่มีความพิเศษทางสายเืเช่นนี้ได้ พิษของเขาจะค่อย ๆ แทรกซึมแต่ก็ไม่ได้มีเวลามากถึงเพียงนั้น การชะล่าใจเพียงชั่วครู่ย่อมส่งผลร้ายเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
ไม่รอช้าหนิงอ้ายบัญชาการเข็มเงินมัจจุราชไร้เงาทั้งเก้าพุ่งเข้าโจมตีทะลุส่วนเปลือกนอกที่มีาแในทันท เข็มเงินสังหารบางเล่มได้ครูดไปกับเกล็ดอันทดทานของมันก่อนจะกระเด็นปักที่ต้นไม้ การตอบรับการโจมตีของสัตว์อสูรนี้เร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก ด้วยเข็มเงินทั้งเก้าเล่มนี้ของหนิงอ้ายได้มุ่งเน้นไปตามลำตัวส่วนที่มีาแเพื่อจะเข้าฝั่งพิษ
พรึบ!
ฟิ้ว!
“เข็มพิษของข้าใช้ได้ผลไม่มากนัก โจมตีส่วนหางที่เป็เหล็กในของมันเร็วเข้า!” หนิงอ้ายร้องะโดังขึ้น ก่อนที่จะเป็หวังฮุ่ยที่ใช้กระบี่เข้าตัดส่วนนั้นพอดี
กรี๊ช!
เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นโหยหวนไปทั่ว ส่วนหางที่เป็เหล็กในนั้นไม่ต่างไปจากจุดศูนย์กลางประสาทการรับรู้ เมื่อสูญเสียส่วนนั้นไปแล้วจึงกล่าวได้ว่าตอนนี้มันไร้ซึ่งดวงตาอย่างสมบูรณ์
เคล็ดวิชาหัตถ์หยกบุษกรพุทธอัคคีพิโรธ!
ตู้ม!
เสียงของฝ่ามืออหังการที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างได้เข้าปะทะส่วนหัวของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชอย่างไม่ทันตั้งตัว วิชาฝ่ามือของตระกูลจางที่หนิงอ้ายปรับเข้ากับวิชาโจมตีบุปผาเพลิงของตระกูลหวังได้เกิดเป็วิชาฝ่ามือพิฆาตบทหนึ่ง อาณุภาพทำลายล้างนี้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด เพียงการโจมตีครั้งเดียวไปยังจุดอ่อนที่แม่นยำนี้ได้ปลิดชีวิตของอีกฝ่ายไปในทันที
วูบ!
"เป็กระดูกิญญาที่สมบูรณ์ยิ่ง ไม่คาดคิดว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวนี้จะเต็มไปด้วยพลังตบะที่แข็งแกร่ง..." หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นหลังจากพิจารณาถึงรัศมีแสงของกระดูกิญญาที่ปรากฎ
เหนือร่างไร้ิญญาของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชได้ปรากฎเป็กระดูกิญญารัศมีแสงสีเหลืองบริสุทธิ์ที่แสดงให้เห็นถึงอายุของวงแหวนไม่เกินสี่พันปี หนิงอ้ายไม่รอช้าเข้าเก็บร่างไร้ิญญาพร้อมกับกระดูกิญญานี้ด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสี่คนไม่รอช้ารีบปลีกตัวจากบริเวณนี้ในทันที
“คุณชายจะดูดซับกระดูกิญญาของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชนี้เลยหรือไม่ขอรับ?” เช่นเดิมเมื่อถึงระยะห่างที่คาดว่าปลอดภัยแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนจึงเลือกที่จะหยุดพักเพื่อรักษาาแและนั่งดูดซับลมปราณฟ้าดินเพื่อเติมเต็มในส่วนที่หายไปก่อนหน้า
“เป็เช่นนั้นท่านลุงฮุ่ย” หนิงอ้ายระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะปลีกตัวแยกไปด้วยระยะที่ห่างพอสมควร เนื่องจากการดูดซับกระดูกิญญาจากสัตว์อสูรปราณธาตุพิษอาจเกิดผลเสียต่อผู้ที่อยู่โดยรอบได้
กระดูกิญญาชิ้นแรกนี้ เ้าจะเป็ตัวตัดสินว่าเส้นทางของผู้ฝึกตนของข้าหลังจากนี้จะรุ่งโรจน์มากเพียงใด…
“กระดูกิญญาของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชเข้มข้นไปด้วยพิษ ในการดูดซับคุณชายต้องระวังให้มากนะขอรับ”
“ขอรับท่านลุงฮุ่ย...”
หนิงอ้ายนึกถึงขั้นตอนการดูดซับกระดูกิญญาที่ตนเคยได้ศึกษามาก่อนหน้า พร้อมกับคำแนะนำอีกเล็กน้อยที่หวังฮุ่ยได้บอกให้รับรู้ ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับเรียกกระดูกิญญาอายุสามพันปีนี้ออกมา
“ดูดซับ!!”
กระดูกิญญาสีเหลืองบริสุทธ์ได้ปรากฎขึ้นเป็รัศมีแสงสวยงามอยู่เหนือศรีษะของหนิงอ้าย ทั่วทั้งร่างกายราวกับว่ากำลังถูกรุกล้ำด้วยพลังบริสุทธิ์บางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ คล้ายกับว่าพลังิญญาที่ติดอยู่คอขวดของระดับขุนนางิญญาขั้นสูงที่ติดอยู่คอขวดได้ถูกกระตุ้น เสียงปะทุดังในห้วงจิตได้เรียกรอยยิ้มตรงมุมปากให้ปรากฎขึ้น นอกจากที่เขาจะสามารถดูดซับกระดูกิญญาข้ามขั้นได้อย่างปลอดภัยแล้ว ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสามัญแล้วอย่างสมบูรณ์
ขณะที่หนิงอ้ายกำลังนั่งดูดซับประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญา ได้ปรากฎเงาร่างิญญาของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชสีเขียวดำเข้มครอบทับเด็กหนุ่ม ใบหน้างามของหนิงอ้ายนั้นบิดเบี้ยวราวกับว่าได้รับความทรมานที่เกินจะทนไหว ชั่วพริบตากลิ่นอายอันอหังการบริสุทธิ์ได้ก่อเงาร่างขึ้นเป็อสรพิษเกล็ดสีขาวเงินเลื้อยพันรอบสะกดข่มเงาร่างอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวนั้น เพียงชั่วครู่กลิ่นอายพิษคาวเลี่ยนได้สูญสลายหายไปพร้อมกับที่เงาร่างของอสรพิษสีขาวเงินได้พุ่งเข้ากลับในหน้าผากของหนิงอ้ายเช่นเดิม
“ดีใจด้วยขอรับคุณชาย!!” เสียงของหวังฮุ่ยและลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความยินดี ไม่คาดคิดว่าเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นอีกฝ่ายก็สามารถดูดซับวงแหวนิญญาข้ามขั้นได้สำเร็จอย่างง่ายดาย
“ด้วยแรงหนุนและแรงสะกดข่มของกระดูกิญญาล้านปีที่แปรเปลี่ยนกระดูกิญญาแรกให้แก่ข้าจึงช่วยให้เป็ไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังช่วยทะลวงคอขวดที่ติดขัดก่อนหน้า ตอนนี้ข้าเป็ราชทินนามจักรพรรดิิญญาอย่างเต็มตัวแล้วขอรับ...” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี
“ทักษะิญญาของกระดูกิญญาชิ้นแรกนี้เป็อย่างไรขอรับ??” ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
ทักษะิญญายุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความแตกต่างนั่นคือในครั้งก่อนมีดบินสีน้ำเงินครามที่ประกอบส่วนเป็พัดหยกมีเพียงห้าเล่มเท่านั้น ได้แปรเปลี่ยนไปมีลักษณะคล้ายคลึงกับลิ่มเหล็กในของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช เป็ลิ่มเหล็กในแหลมคมสีเขียวดำลึกลับแปลกตา แฝงไปด้วยการจู่โจมที่รุนแรงและรวดเร็วเป็อย่างมาก พร้อมกลิ่นอายของพิษร้ายที่มีความคล้ายคลึงกับแมงป่องแปดขามัจจุราชทว่าความรุนแรงมากกว่าไม่รู้กี่เท่า
“ทักษะิญญายุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับ ทักษะิญญาที่หนึ่งข้าเรียกมันว่า ลิ่มหยกห้ามัจจุราชเงามรณะ...” หนิงอ้ายยกยิ้มออกมาเล็กน้อย ด้วยเพราะรากฐานของิญญายุทธ์ของเขาคือปราณธาตุน้ำที่มีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วน ดังนั้นจึงสามารถหลอมรวมเข้ากับกระดูกิญญาของสัตว์อสูรได้ทุกปราณธาตุ ทุกเผ่าพันธ์อีกด้วย
“ช่างยอดเยี่ยมยิ่ง…”
“หากพวกเราใช้วิธีเดียวกันในขากลับ ไม่ถึงสองถึงสามชั่วยามคงถึงเรือนเล็กที่จวนตระกูลจางแล้ว คุณชายกับลู่ซีไหวใช่หรือไม่?” หวังฮุ่ยถามขึ้น
“ไหวขอรับ...” หนิงอ้ายกับลู่ซีตอบตกลงทันที แน่นอนว่าหลังจากการดูดซับกระดูกิญญาไป ลู่ซีถือได้ว่าเป็ราชทินนามขุนนางิญญาขั้นกลางแล้ว สำหรับหนิงอ้ายย่อมเป็ราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นสามัญแล้ว ร่างกายย่อมมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นวิธีการเดินทางดังกล่าวนี้ย่อมไม่เกิดผลกระทบใดทั้งสิ้น
พรึบ!
พวกเขาทั้งสี่คนต่างใช้เคล็ดวิชาตัวเบาได้อย่างไม่ขัดข้อง ไม่ถึงครึ่งชั่วยามพวกเขาก็ออกจากเขตป่าชั้นกลางแล้ว จากนั้นอีกครึ่งชั่วยามให้หลังก็ถึงพื้นที่ของเขตป่าชั้นนอกในที่สุด ระยะห่างของเทือกเขาหมื่นอสูริญญานี้ห่างจากใจกลางเมืองแคว้นหงส์แดงไม่เท่าไหร่ คาดว่าด้วยระยะเวลาหนึ่งถึงสองชั่วยามพวกเขาทุกคนคงถึงเรือนเล็กท้ายจวนแล้ว
พวกเขาทั้งสี่คนกลับมาถึงด้วยระยะที่ใกล้เคียงตามที่คาดการณ์ไว้ ด้วยเวลายามห้ายที่ไม่นับว่ายังไม่ดึกจนเกินไปจึงทำให้เยว่ซิน จางปินและหรันหรูที่ยังคงนั่งพูดคุยนั้นััได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเป็คณะเดินทางที่ไปเสาะหาวงแหวนิญญาเมื่อสองสามวันก่อนได้กลับมาแล้วพวกเขาจึงรู้สึกยินดีเป็อย่างมาก ทางฝั่งของเยว่ซินนางก็รู้สึกโล่งใจเช่นกันที่หนิงอ้ายบุตรชายของนางกลับด้วยอย่างไร้รอยขีดข่วน อีกสามคนที่เหลือก็ไม่ได้มีอาการาเ็ที่ดูร้ายแรงเช่นกัน หลังจากนั่งพูดคุยกันอีกเล็กน้อยจึงเห็นควรว่าควรที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนได้เสียที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้