ในเจดีย์ปฐมกาล หลี่ชิงหยุนกำลังเดินสำรวจรอบๆชั้นที่สองของเจดีย์ เขานำสมุนไพรมาปลูกที่สวนยา และด้วยความช่วยเหลือของฉีต้นกำเนิด เขาเชื่อว่าสมุนไพรเหล่านี้สามารถเพิ่มระดับของมันได้โดยใช้เวลาไม่นาน
หลังจากเสร็จสิ้นจากการปลูกสมุนไพร เขาเดินไปที่ห้องสมุดของเจดีย์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับอักษรรูน เพียงแต่ห้องสมุดไม่มีหนังสือเกี่ยวกับการเขียนอักษรรูนเบื้องต้นเลย จะมีก็เพียงแต่พิมพ์เขียวของข้อจำกัดเท่านั้น
"ดูเหมือนข้าต้องไปที่หอสมุดของราชวงศ์จริงๆ" หลังจากนั้นหลี่ชิงหยุนใช้เวลาทั้งคืนเพื่อฝึกดาบ ฝึกร่างกาย และกลั่นยาสำรองไว้ ส่วนผสมสมุนไพรจากแหวนเก็บของตอนนี้เริ่มหมดลง
หลังฝากฝึกฝนเป็เวลาหลายชั่วโมง เขานอนบนพื้นราบด้วยเสียงหายใจหอบเบาๆ "เจดีย์แห่งนี้สามารถนำฉีฉีและอื่นๆเข้ามาฝึกฝนได้หรือไม่?"
เขาเชื่อว่าถ้าเขาสามารถนำอื่นๆเข้ามาในเจดีย์ได้ พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าการฝึกข้างนอกหลายเท่า
หลี่ชิงหยุนหลับตาและเริ่มพักสายตา ในความเป็จริงเป้าหมายของเขาในชีวิตนี้เป็สิ่งที่เรียบง่าย เมื่อเขากลับไปอาณาจักรนภาได้เขาจะตามหาสุ่ยโหรวซี จากนั้นเขาจะสร้างครอบครัวอยู่กินกับภรรยาของเขา บางทีอาจจะมีเด็กเล็กสักสองสามคนวิ่งเล่นไปรอบๆบ้าน หากเป้าหมายนี้เสร็จสิ้น ชีวิตนี้ของเขาถือว่าสมบูรณ์แบบสำหรับเขาแล้ว
หลี่ชิงหยุนแทบจะไม่มีความทะเยอทะยานใดๆในชีวิตนี้ นั่นเป็เพราะชีวิตที่แล้วเขาโหยหาอำนาจและความแข็งแกร่งมากเกินไปจนไม่สนใจสิ่งใดรอบข้าง ผลสุดท้ายเขาต้องสูญเสียทุกอย่างไป ตอนนี้เขาอยากจะแก้ไขมันใหม่ เขาขอเพียงชีวิตที่สงบและเรียบง่ายกับคนที่เขารักก็เพียงพอ
.
.
.
~ ลานต่อสู้ตระกูลหลี่ ~
นาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงกำลังประลองกันอย่างดุเดือด การร่ายดาบของทั้งสองคนดูสง่างามและเฉียบคมอย่างมาก หลังจากเปิดเส้นลมปราณหยินสุดขั้วแล้ว การบ่มเพาะของนาหลันเสี่ยวฉีมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับลมปราณทองขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
เสิ่นชิงเองก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พวกนางทั้งสอง้าจะแบ่งเบาภาระให้กับหลี่ชิงหยุนบางส่วน ดังนั้นความแข็งแกร่งสำหรับนางนั้นสำคัญมาก
หลังจากต่อสู้ได้ไม่นาน นาหลันเสี่ยวฉีเข้าสู่ระดับลมปราณทองขั้นสมบูรณ์แบบได้ทันที ตอนนี้นางอยู่ระดับเดียวกับเสิ่นชิงแล้ว
"ยินดีด้วยเสี่ยวฉี" เสิ่นชิงแสดงความยินดีต่อนาหลันเสี่ยวฉีทันที
"ขอบใจเ้ามากที่ช่วยข้าให้ทะลวงผ่านไปได้" นาหลันเสี่ยวฉีลุกขึ้นยืน ตอนนี้ออร่าน้ำแข็งที่ปล่อยออกมาให้ความรู้สึกที่เ็าแก่ผู้คน นางเริ่มที่จะเชี่ยวชาญทักษะราชินีเยือกแข็งสุดขีดแล้ว ออร่าจึงปรับตัวเข้ากับทักษะโดยธรรมชาติของนาง
"กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางในตอนเช้า" ทั้งสองสาวเดินกลับไปที่ห้องด้วยกัน
ด้านองค์หญิงโม่หยุนซี หลังจากนางได้กลั่นยาก่อตั้งรากฐาน นางจึงสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับลมปราณหยกขั้นสมบูรณ์แบบได้แล้ว อายุของนางมากกว่าหลี่ชิงหยุนถึง 5 ปี ดังนั้นไม่ใช่เื่แปลกที่ระดับการบ่มเพาะของนางจะสูงกว่าเขา
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่ชิงหยุนกำลังฝึกร่างกายของเขา ร่างกายก็มีส่วนสำคัญในการต่อสู้เช่นกัน หากร่างกายไม่สอดคล้องกับระดับของพลังฉี การพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปจะยากลำบาก เมื่อเขาไปที่เมืองหลวงเขาควรหาเทคนิคการต่อสู้ทางกายภาพเสริมด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็มารวมตัวกันที่หน้าบ้านตระกูลหลี่ หลี่หยุนเฟิงและนาหลันจ้าน ออกมาส่งพวกเขาเดินทาง
"ท่านพ่อ ข้าไปก่อน ไว้ว่างๆแล้วข้าจะแวะมาเยี่ยม และข้าจะหาวิธีรักษาเทคนิคต้องห้ามให้ท่าน" หลี่ชิงหยุนอยู่ในอ้อมกอดบิดาของเขาอย่างไม่เต็มใจที่จะจากกัน
"เอาล่ะ หยุนเอ๋อร์ข้าเชื่อใจเ้า ระวังตัวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นก็แค่กลับมา" หลี่หยุนเฟิงกอดหลี่ชิงหยุนอย่างอ่อนโยน
นาหลันจ้านและนาหลันเสี่ยวฉีก็เริ่มบอกลาเช่นเดียวกัน
"ไปกันเถอะ" หลี่ชิงหยุนพานาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิงและโม่หยุนซีขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง
ในรถม้ามีที่นั่งสองแถว แถวแรกนาหลันเสี่ยวฉีตั้งใจจะนั่งกับเสิ่นชิง และให้หลี่ชิงหยุนนั่งกับโม่หยุนซีในแถวที่สอง
หลี่ชิงหยุนสังเกตุว่ามีอะไรแปลกๆ โดยปกติแล้วนาหลันเสี่ยวฉีแทบจะตัวติดกับเขาตลอดเวลาที่นั่งบนรถม้ามิใช่หรือ?
ที่นั่งแถวที่สองไม่ค่อยกว้างสักเท่าไหร่ เขาแทบจะเบียดเสียดกับโม่หยุนซีอยู่แล้ว
"องค์หญิง จะให้ข้าออกไปนั่งด้านนอกหรือไม่?" หลี่ชิงหยุนพูดขึ้นมาเบาๆ เขากลัวว่าโม่หยุนซีอาจจะอึดอัด
"ไม่เป็ไร ข้านั่งได้" โม่หยุนซีแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายเลย แต่เมื่อนางได้นั่งใกล้ๆกับหลี่ชิงหยุน นางมีความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
ด้านตรงข้ามนาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงกำลังซุบซิบบางอย่างและยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
"ออกเดินทางกันเถอะ" หลี่ชิงหยุนบอกให้คนขับออกเดินทางทันที
โดยหารู้ไม่ว่าบนท้องฟ้าปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งในชุดสีขาวที่เผยรอยยิ้มอ่อนโยน
ชายชราเทียนจิยืนอยู่บนก้อนเมฆที่สูงชัน กำลังมองลงไปที่รถม้าของหลี่ชิงหยุนด้วยสายตาลึกล้ำ พร้อมกับกล่าวกับตัวเองเบาๆ "นายน้อย ดูแลตัวเองด้วย"
เมื่อพูดจบเขาหายไปจากเมฆทันที
.
.
.
บนสิ่งประดิษฐ์เคลื่อนที่ ชายชราหยางฉีกำลังจะกลับไปที่เมืองหลวง หลังจากการค้นทุกตำแหน่งที่ใกล้เคียงของเมืองอาทิตย์สีชาดแล้ว แต่มันกลับไม่พบหญิงสาวชุดดำผู้นั้นอีกเลย
หยางฉีได้เข้าสู่ใต้ดินของตระกูลหยาน มันพบว่าข้อจำกัดระดับลมปราณฟ้าที่ผู้าุโของตระกูลเล่ยร่ายเอาไว้ได้ถูกทำลายแล้ว อีกสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองที่วางไว้ก็หายไปด้วย มันจึงรายงานต่อเล่ยตงเทียนทันที "นายน้อย ข้อจำกัดของผู้าุโถูกทำลายแล้ว แม้แต่แท่นบูชาและผลึกทั้งสองก็หายไป... เป็ไปได้ว่าราชวงศ์หรือตระกูลขุนนางอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้?"
เล่ยตงเทียนอารมณ์เสียเป็อย่างมากเมื่อได้ยินเื่นี้ หลังจากทราบว่าข้อจำกัดถูกทำลาย มันจึงปัดเื่ของตระกูลหลี่ที่เป็เป้าหมายทิ้งในทันที นักสู้ระดับลมปราณฟ้านั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆนักแม้กระทั่งในราชวงศ์ยกเว้นเพียงตระกูลขุนนางเท่านั้น ดังนั้นมันจึงสันนิษฐานว่าเื่นี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลขุนนางในเมืองหลวง
"แผนการของเราล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งเฟิงเซวียนที่ข้าส่งไปก็ถูกฆ่าตายเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะมีบางคนทราบแผนการของเรา และความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นก็สูงมาก" เล่ยตงเทียนทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมันด้วยความหงุดหงิด
"ผู้เฒ่าหยาง ติดต่อกับหยุนเซิงทันที แผนการของเราล่าช้าเกินไป เรา้าความช่วยเหลือจากเขา อีกไม่กี่วันจะจัดงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของฝ่าา ในเวลานั้นพวกเราจะให้เขาลงมือ" เล่ยตงเทียนส่งคำสั่งต่างๆให้กับหยางฉี
"นายน้อยท่านแน่ใจหรือที่จะลากหยุนเซิงเข้ามาเกี่ยวข้อง?" แม้แต่หยางฉีก็ยังหวาดกลัวชายที่ชื่อหยุนเซิงอย่างมาก
"ไม่มีเวลาแล้ว มิติโบราณกำลังจะเปิด หากพวกเราไม่สามารถคืนชีพท่านผู้นั้นได้ ทุกอย่างที่ทำมาคงจะสูญเปล่า" เล่ยตงเทียนพูดอย่างอารมณ์เสีย
หลังจากตกลงกันได้แล้วหยางฉีก็กลับไปที่เมืองหลวง
.
.
.
นอกเมืองอาทิตย์สีชาด หลี่ชิงหยุนกำลังหลับตานั่งสมาธิอย่างสงบ จู่ๆมีเสียงรบกวนหลายเสียงดังขึ้นจากด้านนอก กำลังปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา
"หยุดรถม้าเดี๋ยวนี้!" เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น ปลุกหลี่ชิงหยุนและคนอื่นๆในรถม้าทันที
หลี่ชิงหยุนลืมตาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ ข้าต้องมาเจอเื่ยุ่งยากอีกแล้วงั้นรึ?"