ในกระจกเปียกชื้น เธอเห็นตัวเองยิ้มจางๆ รู้สึกได้ว่าหัวใจไม่เหมือนครั้งแรก มันเต้นมีจังหวะ มีความหวัง และ…พร้อมเปิดรับให้กว้างขึ้น
เมื่อปพนต์เข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวลงข้างเธอ เขาไม่กล่าวอะไร แค่โอบกอดร่างงามนุ่มลื่นของภรรยาสาวคนสวยไว้แนบอก
มารตีพิงไหล่เขาและกระซิบ “ครั้งนี้…รตีรู้สึกว่า ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้วค่ะ”
แล้วเธอก็ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงพลิกตัวพาร่างงามเพรียวบางที่สวมเพียงชุดนอนซีทรูบางเบาปราศจากชุดชั้นใน ขึ้นไปซ้อนทับบนร่างของสามี พลางลุกนั่งและจัดท่าทางให้เหมาะสม ก่อนร่างของเธอจะขยับโยกไปตามจังหวะที่เร่าร้อน และหยุดนิ่งในที่สุด เมื่อความร้อนอุ่นวาบพุ่งเข้าสู่ร่างกายเธอ
คืนสุดท้ายของบททดสอบสองคู่ผ่านพ้นไปท่ามกลางเสียงฝนเปาะแปะ ที่สาดกระทบบนหลังคาวิลล่า มารตีและปพนต์นอนแนบชิดกันใต้ผ้านวมหนานุ่ม ดวงตาของทั้งสองทอดมองเพดานห้องนิ่ง ๆ เหมือนเพิ่งผ่านบทเรียนใหญ่ในชีวิตคู่มาด้วยกัน
มารตีลืมตาขึ้นก่อน มือของเธอควานหามือเขาใต้ผ้าห่มแล้วกุมไว้แน่น “พี่ปพนต์คะ… รตีคิดว่าเราเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วล่ะ”
ปพนต์พยักหน้าอย่างเบาๆ มือหนาที่อบอุ่นลูบหลังมือเธอไปมา “ใช่… แม้เราจะยังไม่เจอคำตอบทั้งหมด แต่เราก็ได้รู้แล้วว่าขอบเขตที่พอดีของตัวเองอยู่ตรงไหน”
ไม่มีเสียงโวยวายหรือลังเลอีกต่อไป มีเพียงความสงบที่เกิดขึ้นจากการยอมรับ มารตียิ้ม ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คู่แรกไม่เวิร์ก คู่ที่สองก็ยังไม่สุด… แต่รตีรู้แล้วว่า เราต้องก้าวไปทีละก้าว ด้วยกัน”
ปพนต์โน้มหน้าลงแนบไหล่เธอ ริมฝีปากของเขาแตะเบา ๆ เป็คำมั่นสัญญาที่ไม่ต้องใช้คำพูด
มารตีปิดตาลงพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าบททดสอบนี้ยังมีต่อไปอีก และไม่รู้จะสิ้นสุดตรงไหน แต่หัวใจของเธอวันนี้ รู้สึก “พร้อม” กว่าที่เคย
คืนฝนพรำตรงนั้น…พวกเขาไม่ได้ค้นพบคำตอบสุดท้าย แต่ได้ค้นพบ “ความชัดเจน” ในหัวใจ...ว่าทุกย่างก้าวที่จะเดินต่อไป ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็ยังมีกันและกันอยู่เคียงข้างเสมอ
แสงแดดอ่อนสาดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เข้ามาในห้องนอนสปาหรู บรรยากาศเงียบสงบตัดกับเสียงนกร้องบนต้นไม้ด้านนอก ก็พอจะบอกให้รู้ว่าโลกภายนอกยังคงหมุนไปเรื่อยๆ
หญิงสาวลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นแปลกๆ หลังสองคืนแห่งการเรียนรู้เมื่อตอนที่แล้ว
ปพนต์ก้าวเข้ามาพร้อมถุงผลไม้และขวดน้ำแร่ “ขนมปังโฮลวีตกับโยเกิร์ต รตีน่าจะชอบ”
มารตียิ้มรับ รู้สึกได้ว่าทั้งร่างกายและจิตใจเริ่มหายเหนื่อย หลังรับประทานอาหารเช้าแบบเบาๆ ทั้งสองเดินออกไปยังลานกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่ง “คู่ที่สาม” รออยู่แล้ว…
สันต์ นักธุรกิจหนุ่มวัย 35 ปี รูปร่างสันทัด หน้าตาคม แต่ดวงตากลับอ่อนโยน และ อุรชา ภรรยาสาว 33 ปี หุ่นเพรียวเอวบาง สะโพกกลมก้นงอน ผิวสีน้ำผึ้ง เสื้อคลุมผ้าชีฟองพริ้วไหวในสายลม
อุรชามองมารตีอย่างเป็มิตร “สวัสดีค่ะ คุณรตี คุณปพนต์ ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ”
สันต์ยื่นมือให้เธอ “เช้านี้มีกิจกรรมสปาโยคะริมธารให้ เรามาลองช่วยกันผ่อนคลายดีไหมครับ”
มารตีมองเห็นธารน้ำใสไหลผ่านโขดหิน เลยตอบรับด้วยความเต็มใจ “ฟังดูดีค่ะ วันนี้ฉันอยากปล่อยใจให้ว่าง”
การพิสูจน์ตัวเองเริ่มต้นขึ้นเมื่อ กลุ่มเล็กๆ เคลื่อนไหวไปตามคำแนะนำของเทรนเนอร์ ท่วงท่าโยคะช้าๆ ริมธารน้ำเย็น เริ่มสดชื่นเมื่อเท้าััโขดหิน มารตีเคลื่อนไหวช้าๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อุรชาอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยปรับท่าให้มือมารตีแตะพื้นได้เต็มฝ่ามือ เมื่อสายตาทั้งสองสบกัน มารตีรู้สึกว่าเส้นแบ่งระหว่าง “คนแปลกหน้า” กับ “เพื่อนร่วมทาง” เริ่มจางหายไป
“เบาๆ ก่อนรตี… ให้รู้สึกว่าร่างกายเธอเริ่มมีชีวิตขึ้นทุกเซลล์” อุรชากระซิบเสียงนุ่ม
หลังโยคะ สันต์ชงชาสมุนไพรให้ทุกคน มารตีจิบชาช้าๆ รสเย็นชุ่มคอ สันต์เริ่มเล่าเื่สปาที่พวกเขามีประสบการณ์ให้ทุกคนฟัง อย่างไม่เร่งรีบ “บางครั้งการปล่อยวางก็เป็การให้รางวัลตัวเอง ผมกับอุรชาเพิ่งลองสปาดินูเาเมื่อปลายปี”
อุรชาหัวเราะเบาๆ
“และเราเข้าใจดีว่า…บางความรู้สึกมันต้องปลุกด้วยการััธรรมชาติ”
หัวใจของมารตีเต้นแ่จากสายตาและเสียงที่แฝงความเสน่หาเช่นนั้น เธอไม่ได้ตั้งใจค้นหา แต่กลับรู้สึกว่า…เธอพร้อมทดลองอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ฝนกำลังโปรยปรายเป็ระยะ เมื่อทั้งกลุ่มกำลังพากันเดินกลับสู่ตัววิลล่า มารตีรู้สึกถึงความอ่อนโยนจากเพื่อนใหม่
สองคืนแรกสอนให้เธอรู้ว่าการเปิดใจไม่ใช่แค่เื่ร่างกาย แต่คือการยอมรับตัวเองในทุกแง่มุม
แต่คืนนี้…มารตีจะได้พิสูจน์อีกครั้งว่า “เธอกล้าที่จะเดินหน้า…แม้ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็เช่นไร หรือไม่”
แสงแดดยามบ่ายส่องลอดใบไม้เกิดเป็ริ้วเงาพริ้วไหวไปมาราวกับกำลังเริงระบำ ไอน้ำจากน้ำพุร้อนข้างลำธารโอบล้อมพื้นที่นวดเล็กๆ ที่ถูกบังด้วยผ้าม่านสีครีมอ่อน มารตีก้าวเข้ามาพร้อมปพนต์ สันต์ และอุรชา
เทรนเนอร์สาวเ้าของสปา ยิ้มรับพวกเขาด้วยความสุภาพ และเต็มไปด้วยไมตรีจิต
“วันนี้เราจะใช้เทคนิคสปามืออาชีพ ผสมสมุนไพรท้องถิ่นและน้ำมันอุ่น เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงมานาน” เทรนเนอร์สาว อธิบายเสียงหวานใส
มารตียืนพิงเสาไม้ ลมหายใจเธอช้าลงเมื่อกลิ่นโหระพา โรสแมรี่ และขมิ้นอ่อนๆ ไหลผ่านจมูก ร่างกายของเธอเหมือนจะลดการแข็งขืนลง ราวกับถูกดึงเข้าสู่โลกแห่งการผ่อนคลาย
เทรนเนอร์สาวเชื้อเชิญให้มารตีนอนคว่ำบนเตียงนวดผ้าใบนุ่ม โดยปลดผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ห่อหุ้มร่างเปลือยออก มืออบอุ่นค่อยๆ ลูบไล้ร่างที่นอนคว่ำหน้าเปลือยเปล่า จากหลังไล่ขึ้นมาที่บ่า ช้าๆ แรกเป็จังหวะกดจุดเพื่อคลายอาการเมื่อย แต่เมื่อเนื้อััเปลี่ยนเป็การนวดกระจายแรงๆ มันกลับปลุกความรู้สึกเร่าร้อนที่หลับใหลในตัวเธอให้ตื่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
มารตีรู้สึกถึงสิ่งที่แตกต่าง…
ไม่ใช่แค่ความเ็ปถูกบรรเทา แต่เป็การเชื่อมต่อกับร่างกายตัวเอง ดวงตาเธอเหลือบมองไปยังมุมสปา เห็นปพนต์รออยู่พร้อมสันต์และอุรชาที่นั่งเงียบๆ รอยยิ้มของพวกเขาทำให้เธอมั่นใจขึ้น
หลังนวดเสร็จ เทรนเนอร์เชิญให้จิบชาสมุนไพรเย็นๆ มารตีและอุรชานั่งคู่กันใต้ร่มครึ้มของต้นไม้ใหญ่
“รู้สึกเป็อย่างไรบ้างคะ?” อุรชาถาม พลางรินชาใส่ถ้วย
“...อบอุ่นดีจังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนได้คืนชีวิตกลับมาหลังจากหลับใหลไปแสนนาน” มารตีตอบอย่างซื่อสัตย์
สายลมพัดเบาๆ ใบไม้เล็กๆ ปลิวไกลจากต้น ราวกับยินดีในคำตอบ มารตีนิ่งๆ มือกำชายชุดคลุมที่สวมแน่น หัวใจยังเต้นแรงจากััใกล้ชิดกลางสปา เธอรู้แล้วว่า “ขีดจำกัด” ในใจกำลังถูกขยับออก…
คืนนี้ จะเป็คืนที่สาม ที่เธอจะได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ไปพร้อมกับบททดสอบครั้งต่อไป
เมื่อค่ำคืนคลืบคลานเข้ามา มารตี ปพนต์ สันต์ และอุรชา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดลำลองสบายๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังชายหาดส่วนตัวของวิลล่า ที่กำลังมีการจัดกองไฟเล็กๆ แสงสีส้มทอดไกลไปบนผืนทราย
แสงไฟจากกองฟืน ขนาดใหญ่กระพริบไหวสะท้อนบนผืนน้ำ สายลมทะเลพัดเอากลิ่นเค็มปนเผ็ดของข้าวโพดปิ้งและควันไม้เข้าไปในปอด
มารตีนั่งลงบนผ้าห่มหนานุ่ม ผืนหนึ่งใกล้กับอุรชา ปพนต์นั่งข้างๆ เธอฝั่งซ้าย ขณะที่สันต์นั่งข้างอุรชา
“คืนนี้ เขาเตรียมมาร์ชเมลโลว์อบกรอบไว้ด้วย เหมาะกับเสียงคลื่นและฝนพรำๆ นะคะ” อุรชาเอ่ยขึ้นมา
พนักงานสาวสวย ที่ดูแลกองไฟ ยื่นไม้เสียบมาร์ชเมลโลว์ให้ทุกคน มารตีรับมา พลางมองเขม็งไปที่แสงไฟซึ่งกำลังลุกท่วมก่อนค่อยๆ นำมาร์ชเมลโลว์ ไปอาบแสงนั้นจนสีของมันเปลี่ยนเป็เหลืองทอง
บทสนทนากลางคืน ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดฝั่ง กับภูมิทัศน์โล่งไกลทำให้คำถามที่เกิดขึ้นระหว่างมารตีกับคู่ใหม่ดูสำคัญและไพเราะในเวลาเดียวกัน
สันต์ ยกไม้เสียบ ขึ้นก่อนหันไปถามทุกคน “รู้สึกอย่างไรบ้างครับ กับ่บ่ายที่เราได้ปล่อยกายปล่อยใจไปกับธรรมชาติ”
ปพนต์เงยหน้าขึ้นมองดาวนับพันดวงที่ไม่เคยเห็นในเมืองใหญ่ ตอบด้วยน้ำเสียงสบายใจ “เหมือนได้พลังชีวิตกลับคืนมา ผมแทบไม่รู้ว่าการอยู่สบายนิ่งๆ แบบนี้จะช่วยให้ใจเรา พักผ่อนได้มากขนาดนี้”
มารตีสบตากับอุรชา รอยยิ้มจางๆ เริ่มก่อตัวบนริมฝีปาก มารตียิ้มน้อยๆ “ตอนแรกฉันกลัวจนต้องยืนเฉยๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง…