“เช่นนั้นไม่ให้อาเล็กมานอนห้องเก็บฟืนกับพวกข้าเล่า นางเองก็เป็สตรีเช่นกัน หรือว่าบ้านอาสะใภ้รองให้บุตรสาวนอนห้องเก็บฟืนแล้วปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตไม่ต่างจากพวกข้า”
“นั่น..จะเป็ไปได้อย่างบิดามารดาของข้ารักและถนอมข้าราวกับไข่มุกในมือ จะยอมให้ลำบากได้อย่างไร”
เด็กสาวหัวเราะกับคำพูดที่ย้อนแย่งของสตรีตรงหน้า
“ออ เป็เช่นนั้นเอง หมายความว่าที่พวกข้าสองคนถูกกระทำเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับที่เป็สตรี แต่จริงๆ แล้ว...เพราะไม่มีใครรักนี่เอง”
ช่างเป็คำพูดที่เสียดแทงใจหลี่เจี๋ยยิ่งนัก เขาที่เป็บิดามักจะเมินเฉยเมื่อบุตรสาวถูกผู้อื่นรังแก นอกจากไม่ทำสิ่งใดแล้วยังเอาแต่มองดูพวกเขาใช้ชีวิตราวกับขอทาน ช่างไม่สมกับที่เป็บิดานัก
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เื่นี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงมันอีก อาเฟิงเ้าเองก็ควบคุมเมียของเ้าให้ดี อย่าให้นางมาวุ่นวายกับบ้านใหญ่อีก”
“ขอรับท่านพ่อ”
ผู้เฒ่าหลี่ที่ฟังมานานเมื่อได้เห็นใบหน้าคับข้องใจของหลานชาย ก็ได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว ถ้าหากเด็กนั่นเห็นพี่สาวถูกคนรังแก่ต่อหน้าต่อตาจะต้องไม่ยอมรามือแน่ ตนจะทำอย่างไรดี
“เจ๋อเอ๋อหลานไปคุยกับปู่ดีหรือไม่ อย่างไรเื่ทุกอย่างก็จบลงแล้ว จากนี้คงไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับพวกนางสองคนอีก”
ชายชราเอ่ยเสียงอ่อนพยายามตะล่อมหลานชายตัวน้อย ทว่าหลีอันหนิงหรือจะยอมให้เป็เช่นนั้น
“ท่านปู่พูดผิดแล้ว ในเมื่ออาสะใภ้พูดขึ้นมาเช่นนี้ก็ดี ข้าเองก็ทนมานานอย่างไรวันนี้ก็ทำให้กระจ่างเถอะ ตัวข้าและน้องสาว้าออกจากตระกูลหลี่ ท่านคิดเห็นอย่างไร”
หลี่อันหนิงยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินความคิดของผู้เฒ่าหลี่ คิดว่าถึงเวลาที่ต้องจัดการเื่ทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
ก่อนจะถึงปีหน้านางต้องพาหลี่ซางเป่าออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยวางแผนให้หลี่อี้เจ๋อตามออกมา
“พี่ใหญ่!!”
เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่้าให้น้องชายพูดแทรก
“ข้า้าคำตอบเ้าค่ะ ในเมื่อเราพี่น้องไม่เป็ที่้าของพวกท่าน ก็ไม่มีความจำเป็ที่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ใช่หรือไม่”
“ไม่ได้! พวกเ้าห้ามไปไหนเด็ดขาด ข้าที่เป็บิดาขอคัดค้าน”
หลี่เจี๋ยดวงตาไหววูบเมื่อบุตรสาวเอ่ยตัดขาดจากตระกูล จะดีเลวอย่างไรเขาก็เป็บิดา ปล่อยไปเช่นนี้ได้หรือ
หลี่อันหนิงยิ้มเย็น เมื่อได้ฟังคำพูดคัดค้านของผู้ที่ไม่เคยทำหน้าที่บิดาเลยอย่างหลี่เจี๋ย
“ท่านหรือคัดค้าน นอกจากทำให้เราสามคนเกิดมาท่านเคยทำหน้าที่พ่อั้แ่เมื่อใด”
หลี่เจี๋ยใไม่น้อยที่บุตรสาวเอ่ยวาจาในหัวของตน ราวกับนางล่วงรู้ความคิดของเขา
“นายท่านหลี่ ข้าขอบังอาจถามสักคำได้หรือไม่”
เด็กสาวหยุดเล็กน้อยเพื่อมองไปยังบิดาผู้ให้กำเนิดให้เต็มตา
“ั้แ่ซางเป่าเกิดมาท่านเคยอุ้มนางหรือไม่ หรือว่าท่านเคยป้อนข้าวนาง ท่านปล่อยให้เราสองพี่น้องอยู่อย่างหิวโหยโดยที่เอาแต่นิ่งเฉยไม่เคยหยิบยื่นสิ่งใด ทั้งๆ ที่ท่านสามารถทำได้”
“ท่านอุ้มชูบุตรที่เกิดจากภรรยาคนใหม่อย่างเต็มใจ ทว่าบุตรที่เกิดจากอดีตภรรยาอย่างพวกเราท่านกลับละเลย ทำเช่นนี้ได้หรือ”
เด็กสาวเอ่ยจี้จุดปมที่อยู่ในใจของหลี่เจี๋ยอย่างแม่นยำ เพราะมันคือความรู้สึกผิดที่ติดค้างอยู่ในใจและเขามิอาจเอ่ยกับผู้ใดได้ เป็เขาที่ผิดั้แ่ต้นที่ เป็เขาที่นอกใจพานเยว่หลานจนทำให้เื่ราวทุกอย่างบานปลายมาถึงจุกนี้
“เ้า!! อย่างไรข้าก็ขอปฏิเสธ”
“นายทานหลี่ ่เวลาการทำหน้าที่ของบิดามันล่วงเลยมาเนิ่นนานแล้ว และจะไม่หวนกลับมาอีก”
วาจาตัดขาดของบุตรสาวมันทิ่มแทงลงไปในส่วนลึกของจิตใจที่เขาปิดกั้นมานาน ทว่าหลี่เจี๋ยก็ไม่คิดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้
คำพูดสุดท้ายของเด็กสาวกระแทกเข้ากลางใจเขาอีกครั้ง ไม่มีวาจาใดที่หลี่เจี๋ยสามารถยกขึ้นมาเอยโต้แย้งได้เลย
หลี่อันหนิงมองไปยังชายที่เคยเรียกตนเองว่าบิดาอย่างดูแคลน
“อีกอย่าง ข้ามิได้ถามความเห็นของท่าน ข้าถามท่านผู้เฒ่าหลี่ต่างหาก”
นางไม่ได้ให้ค่าความคิดเห็นของเขา เพราะที่ผ่านมาคนผู้นี้ก็มิได้มีความคิดเป็ของตนเองอยู่แล้ว ต่อให้เขาคัดค้านเพียงใดขอเพียงผู้เฒ่าหลี่พยักหน้า คนเช่นเขาจะทำอะไรได้
เขามันก็เป็เพียงเ้าคนไร้ความสามารถผู้หนึ่งเท่านั้น
“ข้าเห็นด้วยขอรับ ท่านปู่ปล่อยพวกนางไปเถิด ต่อให้พวกนางอยู่ที่นี่อย่างไรก็ไม่ได้ช่วยอะไรตระกูลหลี่ ถ้าท่านให้พวกนางออกจากบ้านหลี่ข้าจะยอมทำตามที่ท่าน้าอย่างไม่มีข้อแม้”
“อี้เจ๋อ! เ้า!”
เด็กชายส่งยิ้มเศร้าสร้อยมายังพี่สาว
หลี่อันหนิงไม่คิดว่าน้องชายของตนจะเห็นด้วยกับการกระทำในวันนี้ นางวางแผนจะพาเขาออกมาจากตระกูลหลี่อยู่แล้ว ทว่าในเมื่อหลี่อี้เจ๋อใช้ตนเองเป็ประกันเพื่อให้นางจากไป เช่นนี้คงไม่ง่ายที่จะพาเขาออกจากมาในอนาคต
คราแรกผู้เฒ่าหลี่ยังคงลังเลที่จะรับปาก เพราะต้องมีหลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าอยู่ในตระกูลหลี่ หลี่อี้เจ๋อถึงจะทำตามที่ตนสั่ง แต่ในเมื่อเขาเอาตนเองเป็ประกันเช่นนี้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
เด็กสองคนที่ไร้ประโยชน์ไม่จำเป็ต้องมีก็ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกนางไป อย่างไรเื่นี้ก็ส่งแต่ผลดีต่อตระกูลหลี่เพราะในอนาคตไม่จำเป็ต้องเลี้ยงดูปากท้องของพวกนางเพิ่มด้วย
หลี่อันหนิงยิ้มหยันในความคิดของตาเฒ่าโลภมากอย่างหลี่เจียงกั๋ว เมื่อใดกันที่ตนและน้องสาวพึ่งพาตระกูลหลี่ ที่ผ่านมาถ้าไม่ทำงานมีหรือจะได้รับเศษอาหารจากพวกเขา
“ได้เช่นนั้นเราก็มาเขียนหนังสือตัดขาด จากนี้ไปเ้าสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านหลี่อีก ต่อให้วันหน้าพวกเรารุ่งโรจน์ก็ไม่มีส่วนของพวกเ้าพี่น้อง”
นี่เป็วาจาที่หลี่อันหนิงเฝ้ารอมานาน ในที่สุดนางก็สามารถช่วยน้องสาวได้แล้ว
“เป่าเอ๋อไปตามท่านหัวหน้าหมู่บ้านและท่านย่าจวงมา”
หลี่ซางเป่าไม่รอช้าวิ่งหายไปจากสายตาในทันที และเพียงไม่นานทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและแม่เฒ่าจวงก็มาถึงเรือนตระกูลหลี่ ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ว่างงานไม่มีอะไรทำตามมาดูเื่สนุกด้วย
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือ เหตุใดถึงให้เป่าเอ๋อไปตามข้า”
แม่เฒ่าจวงผู้เป็กังวลเกี่ยวกับเด็กน้อยทั้งสอง เอ่ยถามด้วยสีหน้าห่วงใย
“ท่านย่าจวงเ้าคะ วันนี้ข้าและเป่าเอ๋อจะออกจากตระกูลหลี่ จึงให้นางไปเชิญท่านและท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาช่วยเป็พยาน”
“เ้าพูดจริงหรือ ตอนนี้เนี่ยนะ แล้วเ้าจะไปอยู่ที่ใด”
จวงต้าหลางผู้เป็หัวหน้าหมู่บ้านโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าเป็กังวล เพราะตอนนี้คือฤดูเหมันต์มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก พวกนางสองพี่น้องจะอยู่กันเองได้อย่างไร
“ไม่เป็ไรให้นางพักอยู่ที่เรือนของข้าไปก่อน จนกว่านางจะสามารถหาที่อยู่ของตนเองได้”
เป็แม่เฒ่าจวงเอ่ยตัดบทเพราะไม่้าให้หลานชายญาติห่างๆ ของตนขัดขวาง หัวหน้าหมู่บ้านเมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยหนุนหลังคือท่านย่าจวงจึงได้คลายความกังวลลง
“ย่อมได้ เช่นนั้นท่าน้าเขียนเงื่อนไขใดบ้าง”
ผู้เฒ่าหลี่วางกระดาษสามแผ่นลงบนโต๊ะด้านหน้าหัวหน้าหมู่บ้านทว่าหลี่อี้เจ๋อก้าวเข้ามาขวางเอาไว้
“ให้ข้าเป็ผู้เขียนเถิดขอรับ”
หลังจากเด็กน้องร่างหนังสือตัดขาดออกมาสองแผ่น เขายังใส่ข้อความบางอย่างลงไปด้วย เมื่อพ่อเฒ่าหลี่อ่านดูก็พยักหน้าอย่างพอใจ เพราะคิดว่าข้อความเ่าั้ ทำให้ฝ่ายตนได้เปรียบ
ทว่าความจริงแล้วทุกสิ่งที่เขาเขียนออกมาเป็ประโยชน์ต่อพี่สาวและน้องสาวฝาแฝดของตนทั้งหมด
“ต้องทำเพียงนี้เชียวหรือ อย่างไรก็สายเืเดียวกัน”
หัวหน้าหมู่บ้านจวงเมื่อได้อ่านข้อความที่หลี่อี้เจ๋อร่างถึงกับใจนทำสีหน้าไม่ถูก แม้แต่แซ่ก็ห้ามใช้ มารดาอย่างพานเยว่หลานที่ตายจากไปหลายปีก็ถูกตัดขาด ต่อจากนี้หลี่อี้เจ๋อมิใช่ลูกของนางแต่เป็บุตรที่เกิดจากหลี่เจี๋ยและจางเหยาฮวา
เมื่อหลี่อันหนิงได้อ่านหนังสือตัดขาดที่น้องชายเป็ผู้ร่าง นางก็พยักหน้าให้กับเขา หมดจดมาก นั่นคือสิ่งที่นางคิด
ทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับพานเยว่หลานและบุตรของนางที่เคยปรากฏอยู่ที่ตระกูลหลี่ จะต้องถูกลบหายไป นั่นคือสิ่งที่เด็กชาย้า
“ในเมื่อเห็นพ้องทั้งสองฝ่าย เช่นนั้นก็ลงชื่อเถิด หนังสือนี้ข้าจะเก็บเอาไว้หนึ่งฉบับเพื่อนำไปจัดการที่ที่ว่าการหลังจากหิมะหยุดตก”
ทั้งสามฝ่ายต่างลงลายมือชื่อ หลี่อันหนิงเก็บเอาไว้กับตัวหนึ่งฉบับ จากนั้นนางจึงพาน้องสาวตามแม่เฒ่าจวงไปโดยที่ไม่ขอรับสิ่งใดจากบ้านหลี่เลยแม้แต่ข้าวสารสักเมล็ด
ข่าวลือการตัดขาดของตระกูลหลี่และหลานสาวทั้งสองถูกพูดถึงอยู่หลายวัน เพราะหิมะตกทำให้ต้องหมกตัวอยู่แต่ในเรือนจึงไม่มีอะไรให้ทำนอกจากพูดนินทาเื่ของผู้อื่น