ขณะเดียวกัน โจวชิงหวาที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินคำพูดของหนีเจียเอ๋อร์ ใจก็พลันเต้นระรัว ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อยด้วยความดีใจ
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของนาง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกวางใจและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เขารั้งผ้าห่มขึ้น สูดหายใจลึก ก่อนค่อยๆ หลับตาลง
ส่วนสวีเพ่ยหราน เมื่อได้ยินหญิงสาวกล่าวเช่นนั้น ใจของเขากลับปวดร้าวประหนึ่งโดนฉีกกระชากเป็ชิ้นๆ
พอมองสบไปยังแววตาเ็าของหญิงสาวผู้เป็ที่รักตรงหน้า ก็เหมือนดั่งจะซ้ำเติมาแในใจของเขา ให้ยิ่งสาหัสสากรรจ์มากขึ้นไปอีก สวีเพ่ยหรานจึงหมุนตัว เดินผละจากมาทันที โดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
ลับแผ่นหลังอีกฝ่าย หนีเจียเอ๋อร์ก็กลับเข้าไปในเรือนของตน แล้วปิดประตูลงอย่างแ่เบา ขณะมองไปยังโจวชิงหวา ซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของตน นางก็รู้สึกโล่งใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หญิงสาวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง และหยิบตำราแพทย์ขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจอยู่เงียบๆ คนเดียว
...
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อสวีเพ่ยหรานกลับมาถึงจวน ก็ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น ในใจสับสนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังเชื่อ ว่าโจวชิงหวาคือมือสังหารที่บุกเข้าไปในจวนเว่ยฉีหรานผู้นั้น เพราะอีกฝ่ายได้รับาเ็ จนต้องแอบหลบมารักษาตัวที่จวนสกุลหนี เพื่อมิให้เกิดเื่ใหญ่ เขาจึงตั้งใจว่าจะเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับ
ไม่ไกลกันนัก นายท่านสกุลสวีซึ่งแอบมองอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกปวดใจไม่แพ้กัน ที่เห็นสภาพของบุตรชายตน
ผ่านไปสองสามวัน พอพบว่าชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เขาจึงตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเอง
...
ภายในห้องหนังสือ จวนสกุลหนี
ทันทีที่เ้าบ้านนั่งลง นายท่านสวีก็กล่าวว่า “ตระกูลของเราเป็พันธมิตรที่ดีต่อกัน เ้ากับข้าเป็สหายสนิทซึ่งทำงานในราชสำนักด้วยกันมาเนิ่นนาน และต่างก็สนับสนุนเกื้อกูลกันมาโดยตลอด ข้าไม่อยากให้ตระกูลของพวกเราต้องมาห่างเหินกัน นอกจากนี้ เพื่อลูกชายแล้ว ข้าจำต้องแบกหน้ามาหาเ้าอีกครั้งในวันนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายท่านสกุลหนีก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เ้า้าจะพูดสิ่งใดกันแน่?”
นายท่านสวีถอนหายใจ ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “จัดงานแต่งระหว่างเสี่ยวเอ๋อร์และสวีเพ่ยหรานเสีย มิฉะนั้น ข้าจะไปพบเว่ยฉีหราน เพื่อเล่าเื่ทั้งหมดให้เขาทราบ”
สีหน้าของนายท่านสกุลหนีเปลี่ยนไปทันที เขากัดฟันกรอด พลางย้อนถามเสียงแข็ง “เ้ากล้าดีอย่างไร! เดิมที ข้าก็ยังอยากจะให้เสี่ยวเอ๋อร์แต่งงานกับสวีเพ่ยหราน แต่ในเมื่อเ้าทำเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจยอมรับ!”
ทว่า นายท่านสกุลสวีเพียงปรายตามอง ก่อนลุกขึ้น แล้วเดินออกไป
นายท่านสกุลหนีทำงานร่วมกับเขามานาน ย่อมรู้ดี ว่าอีกฝ่ายสามารถทำอย่างที่พูดได้แน่
สุดท้ายจึงได้แต่จำยอม แล้วะโไล่หลังไป “ได้! ข้ายอมรับข้อตกลง”
นายท่านสกุลสวีชะงักฝีเท้า ก่อนหันกลับมามอง “เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะมาคุยกับเ้า ถึงรายละเอียดงานแต่งของเด็กทั้งสองก็แล้วกัน”
พอคล้อยหลัง ข้าวของบนโต๊ะก็ถูกนายท่านสกุลหนีปัด จนตกเกลื่อนพื้นทันที เขาพยายามปรับลมหายใจอยู่พักใหญ่ กว่าที่อารมณ์ของเขาจะกลับมาเย็นลงได้
จากนั้น ก็สั่งให้บ่าวไปตามหนีเจียเอ๋อร์มาพบที่ห้องของเว่ยอี๋เหนียง
เขาเล่าเื่ราวทุกอย่างให้ภรรยาฟัง พอรู้ว่าบุตรสาวจะต้องถูกบังคับให้แต่งงาน เว่ยอี๋เหนียงก็รู้สึกเสียใจยิ่งนัก รีบเข้าไปดึงแขนเสื้อของสามีทันที “นายท่าน ไม่ทำเช่นนี้มิได้หรือเ้าคะ?”
นายท่านสกุลหนีส่ายหน้า พยายามปลอบโยน “สวีเพ่ยหรานเป็คนดี ทั้งยังมีความสามารถรอบด้าน เ้าลองคิดดูสิ ทั้งๆ ที่เป็บุตรชายคนเดียวของสกุลสวี แต่กลับไม่มีอนุภรรยาเลยสักคน ไม่ช้า เขาก็จะขึ้นมาเป็เ้าบ้าน หากได้เป็คู่ครองของลูกเรา ย่อมเป็เื่ดีมิใช่หรือ?”
เว่ยอี๋เหนียงเข้าใจเื่นี้ดี เพราะตนก็หวังอยากจะให้บุตรสาวได้คู่ครองที่ดี ไม่ต้องตกเป็รองและถูกรังแกเช่นที่ตัวเองเคยประสบ
สตรีทุกคนล้วน้าความปลอดภัยและชีวิตที่มั่นคง มิใช่หรือ?
ตอนนั้นเอง บ่าวที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ะโขึ้นว่า “นายท่าน คุณหนูรองมาแล้วขอรับ”
นายท่านหนีจึงเอ่ย “ให้นางเข้ามา”
พอบ่าวรับใช้เปิดประตู หนีเจียเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “คารวะท่านพ่อ คารวะเว่ยอี๋เหนียง”
นายท่านหนีเอามือไพล่หลัง พลางพูดเสียงทุ้ม “เมื่อครู่ ท่านลุงของเ้ามาที่จวนของเรา เพื่อขอให้จัดงานแต่งระหว่างเ้ากับสวีเพ่ยหราน และข้าก็ได้ตอบตกลงไปแล้ว ดังนั้น ระหว่างนี้เ้าจงอยู่แต่ในจวน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด!”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองทันที “แต่ท่านพ่อ ลูกเคยบอกท่านแล้ว ว่าชั่วชีวิตนี้ ลูกจะไม่ขอแต่งงานกับสวีเพ่ยหราน!”
นายท่านหนีถลึงตา ก่อนทุบโต๊ะเสียงดัง จนถ้วยชาสั่นะเือย่างแรง “หากมิใช่เพราะเ้าให้โจวชิงหวาบุกเข้าไปในจวนของเว่ยฉีหราน คงไม่เกิดเื่แบบนี้! นายท่านสวีรู้เื่ทั้งหมดแล้ว และบัดนี้ สกุลหนีของเราก็กำลังจะตกที่นั่งลำบาก เช่นนี้แล้ว เ้าว่าผู้ใดจะช่วยเราได้อีก?”
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดเลยว่าท่านลุงสวีจะใช้วิธีสกปรก เพื่อบีบบังคับให้ตนต้องแต่งงานกับสวีเพ่ยหรานแบบนี้
“ท่านพ่อ ปัญหานี้ข้าเป็คนก่อ ดังนั้นข้าจะแก้ไขเอง จะไม่ยอมให้สกุลหนีของเราต้องมาพัวพัน และจะไม่แต่งงานกับสวีเพ่ยหรานเด็ดขาด!”
“เ้าว่าจะจัดการเื่ทุกอย่างเองอย่างนั้นหรือ?” นายท่านหนีลุกขึ้น เดินมาอยู่ตรงหน้าบุตรสาว “การแต่งงานในครั้งนี้คือคำสั่งของพ่อแม่ เป็การหมั้นหมายที่เคยตกลงกันไว้นานแล้ว เ้าต้องแต่ง ต่อให้ไม่อยากแต่ง ก็ต้องแต่ง!”
หญิงสาวเม้มปากแน่น ไม่มีทีท่าว่าจะโอนอ่อนผ่อนตามคำสั่งของผู้เป็บิดา
เว่ยอี๋เหนียงตาแดงเรื่อ ก้าวออกไปช่วยเกลี้ยกล่อมบุตรสาวอีกแรง “ลูกข้า พ่อของเ้าไม่มีทางเลือกแล้ว อีกอย่าง สวีเพ่ยหรานก็เป็คนดี เขาจริงใจต่อเ้า ดังนั้นอย่าดื้อรั้น จงฟังคำพูดแม่ ยอมแต่งงานเถิด”
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า “เว่ยอี๋เหนียง ขออภัยด้วย ที่ลูกไม่อาจทำตามคำขอของท่านได้”
ว่าแล้ว ก็เดินไปตรงหน้านายท่านหนี ก่อนคุกเข่าลง
“ท่านพ่อ หากจะบังคับให้แต่งงานกับสวีเพ่ยหราน ข้ายอมตายเสียดีกว่า!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดขาด
ด้านนายท่านหนี ก็เริ่มจะหมดความอดทนกับการดื้อรั้นของบุตรสาว “ต่อให้ตาย ข้าก็จะแบกศพเ้าเข้าจวนสกุลสวี!”
ไม่เข้าใจเลย ว่าเหตุใดหนีเจียเอ๋อร์จึงผลักไสสวีเพ่ยหรานมากขนาดนี้!
ได้ยินวาจาเชือดเฉือนระหว่างพ่อลูก น้ำตาของเว่ยอี๋เหนียงก็เริ่มรื้น ก่อนไหลรินลงมา
หญิงสาวไม่อาจทนสีหน้าเ็ปของมารดาได้ จึงเบือนหนีไปอีกทาง
พอได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยา ความอดทนของนายท่านหนีพลันขาดสะบั้น
“พวกเ้า! นำตัวคุณหนูรองไปขัง ห้ามออกไปไหน หากปล่อยให้นางหลบหนี จะลงโทษตามกฎของจวนทันที!”
กล่าวจบ นายท่านสกุลหนีก็เดินจากไปด้วยความโมโห
เว่ยอี๋เหนียงร้องไห้หนักกว่าเดิม แล้วรีบไล่ตามสามีไป เพื่อวิงวอนขอร้องให้หนีเจียเอ๋อร์
บ่าวรับใช้สองสามคนเข้ามานำตัวหนีเจียเอ๋อร์ไปยังจวนหลังสวน แล้วมัดมือเท้าของนางเอาไว้ จากนั้นก็เฝ้าดูเสี่ยวเสวียนอย่างใกล้ชิด ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะแอบมาช่วยคุณหนูรอง ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนกันไปหมด
นับแต่ถูกมัดมือมัดเท้า หญิงสาวก็ไม่ยอมดื่มน้ำและกินอาหาร ดวงตาของเสี่ยวเสวียนเริ่มแดงก่ำ ราวกับจะร้องไห้ เป็ห่วงคุณหนูของตนเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรมิได้ เพราะตัวเองก็ไม่อาจออกไปไหนได้เช่นกัน
สามวันหลังจากนั้น โจวชิงหวาที่ได้รับข่าวก็พยายามจะมาช่วยเหลือ ซึ่งทุกครั้งที่ขยับเขยื้อน าแที่กำลังจะสมานก็เ็ปขึ้นมา
ทว่าชายหนุ่มไม่คิดจะยอมแพ้ พยายามบุกเข้าไปถึงสองสามหน แต่กลับจบลงด้วยการถูกคนเฝ้ายามจับได้เสียทุกครั้ง และการฝืนเคลื่อนไหวเช่นนี้ ก็ส่งผลให้แผลของเขาฉีกขาด จนกลับมามีอาการาเ็สาหัสอีกครา