ในอกราวกับถูกสุมด้วยเพลิงกองหนึ่ง จึง้าระบายโทสะออกมา มู่หรงจื่ออวิ๋นถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยน ในแววตาของนางปรากฏให้เห็นเปลวไฟแห่งความเคียดแค้น
หันไปดูเฟิ่งเฉี่ยน นางเต็มไปด้วยความยินดี เดิมทีคิดว่าผลสรุปถูกกำหนดแน่นอนแล้ว คิดไม่ถึงว่าคลื่นลมจะเปลี่ยนทิศอีกครั้ง!
“คุณชายฮวามีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งนัก! 《คัมภีร์พิษ》ดีอย่างไรก็ไม่อาจนำมากินแทนข้าวได้ ยังคงโปรดปรานกินอาหารรสเลิศจะดีกว่า” เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “เพื่อทำอาหารอันโอชะให้คุณชายฮวาได้ลิ้มลอง ข้าได้เตรียมวัตถุดิบและเชื้อไฟจุดิญญามาด้วย รับรองว่าคุณชายฮวาจะต้องพอใจ!”
“ข้าตั้งหน้าตั้งตารอ” ฮวาเมิ่งหยิ่งยกยิ้ม เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว ที่ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงันอีกครั้งก็คือ เหมือนเหลือเกิน ศิษย์พี่เองมักจะหัวเราะเช่นนี้เป็ประจำ เขาชอบหัวเราะเอาเป็เอาตาย ราวกับทุกอย่างบนโลกนี้ไม่อยู่สายตาของเขา
ทันใดนั้นมีคนสะกิดนางครั้งหนึ่ง นางได้สติพบว่าเป็เซวียนหยวนเช่อ
เขาถลึงดวงตาเ็ามองนางด้วยสีหน้าไม่เป็มิตร
เฟิ่งเฉี่ยนได้สติกลับมา ที่แท้เมื่อสักครู่นางลืมตัวจ้องมองฮวาเมิ่งหยิ่งนานไปหน่อย จากนั้นมองไปมองมาก็ใจลอย
เมื่อตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น จะต้องเข้าใจว่านางลุ่มหลงคลั่งไคล้ในตัวฮวาเมิ่งหยิ่งกระมัง
เข้าใจผิดใหญ่โตแล้ว!
ทางด้านซ้ายมีสายตาเย้ยหยันดูแคลนสาดมาอย่างชัดเจน เป็สายตาของมู่หรงจื่ออวิ๋น ยังมีสายตารอดูละครฉากดีๆ โดยไม่เกรงกลัวฟ้าดินที่มาจากมู่หรงจิ่งเทียน หันกลับมามองฮวาเมิ่งหยิ่ง เขามีท่าทีเคยชินกับการตกเป็เป้าสายตาของผู้อื่นและไม่แยแส
เฟิ่งเฉี่ยนทอดถอนใจเบาๆ นางคร้านจะอธิบาย อยากคิดอย่างไรก็ช่างเขา!
หมอฝึกหัดคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกในตอนนี้เอง “คุณชาย ด้านนอกยังมีเทพอาหารอีกท่านหนึ่งขอเข้าพบ บอกว่าจิ่งเทียนไท่จื่อเชิญเขามาขอรับ”
มู่หรงจื่ออวิ๋นดวงตาเป็ประกาย ั์ตางดงามคู่นั้นเปล่งประกายวิบวับ “คุณชายฮวา ในเมื่อท่านไม่พึงพอใจใน 《คัมภีร์พิษ》ไม่เป็ไร! พวกเรายังได้เชิญเทพอาหารมาจากเมืองหลวงท่านหนึ่ง จะต้องปรุงอาหารให้ท่านลิ้มลองจนพอใจแน่นอน”
ฮวาเมิ่งหยิ่งสะบัดแขนเสื้อ “เยี่ยม เช่นนั้นพวกท่านทั้งสองฝ่ายมาประชันฝีมือกัน ใครทำอาหารให้ข้าพอใจได้ ข้าก็จะไปกับคนนั้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนและมู่หรงจื่ออวิ๋นประสานสายตากันแทบทันที การประสานสายตากันกลางอากาศแทบจะเกิดประกายไฟไปทั่วบริเวณ
สนามที่ทำการประชันกัน คือพื้นที่โล่งกว้างด้านนอกเรือนไผ่
ไม่นานนัก อุปกรณ์และภาชนะเครื่องครัวนานาชนิดของหลีต้าซือก็กินพื้นที่ไปกว่าครึ่ง หันกลับมาดูเฟิ่งเฉี่ยน นางมีเพียงเตาไฟหนึ่งเตา กระทะหนึ่งใบ จวักหนึ่งด้าม และเครื่องครัวเรียบง่ายรวมไปถึงเครื่องปรุงที่จำเป็ต้องใช้อีกเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายแล้ว ช่างดูแล้วน่าเวทนานัก!
เซวียนหยวนเช่อเดินเข้ามากวาดสายตามองสถานการณ์แล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าแยกแยะอารมณ์ไม่ออก “ฮองเฮา มั่นใจหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือ “แล้วแต่์กำหนดเถิด!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง หัวใจนางสั่นสะท้าน
อะไรนะ ฮองเฮาหรือ นางก็คือฮองเฮาหน้าอกใหญ่ไร้สมองที่ถูกกล่าวถึงน่ะหรือ เป็ไปได้อย่างไรกัน
คนที่พลิกเปิด 《คัมภีร์พิษ》เพียงรอบเดียวก็ท่องตำราทั้งเล่มออกมาได้ จะเป็คนหน้าอกใหญ่ไร้สมองได้อย่างไร
ผู้ที่ขโมยหมูเทพและแย่งชิงเชื้อไฟจุดิญญาไปจากนางและเสด็จพี่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะเป็คนหน้าอกใหญ่ไร้สมองหรือ
หน้าอกใหญ่ไร้สมองบ้าบออันใดกัน!
ยังมีเื่ที่ถูกเล่าต่อกันมาอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเซวียนหยวนเช่อและฮองเฮามิได้ดีนัก เซวียนหยวนเช่อไม่ชอบหน้าฮองเฮาอย่างที่สุด แต่เท่าที่นางเห็น มันแทบจะเป็คนละเื่
นี่แหละหนาที่เขาว่าไม่ควรเชื่อข่าวลือ!
นางลอบกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ต่อให้นางรู้มานานแล้วว่าเซวียนหยวนเช่อมีฮองเฮา แต่นางไม่เคยเห็นสตรีนางนี้อยู่ในสายตา กระทั่งไม่แม้แต่จะเหลียวแลนางสักปราดหนึ่ง เพราะแต่ไรมาสตรีนางนี้ไม่เคยเป็อันตรายต่อตน แต่ยามนี้เห็นฮองเฮากับตาตนเอง ในใจนางเริ่มสับสนว้าวุ่น หรือนางต้องสูญเสียอาเช่อไปตลอดกาล
มู่หรงจิ่งเทียนประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าน้องสาว เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า สตรีที่ทำให้เขาสนใจได้นั้นถึงกับเป็ฮองเฮาของเซวียนหยวนเช่อ ฮองเฮาที่ถูกกล่าวถึงว่าถูกเซวียนหยวนเช่อทอดทิ้งอย่างเ็า ฮองเฮาที่ไม่นับเป็อะไรทั้งสิ้น! เวลานี้เื่จริงสวนทางกับเื่เล่าขานชนิดฟ้ากับดิน!
สตรีน่าสนใจเยี่ยงนี้ถึงกับถูกเล่าลือกันไปอีกทางหนึ่ง ดูท่าแล้วเบื้องลึกเื้ัต้องมีเื่ราวที่เปิดเผยไม่ได้อีกมาก ความอยากรู้อยากเห็นของเขาจึงยิ่งทวีคูณมากขึ้น
หลีต้าซือเดินเข้ามาถามในตอนนี้เองว่า “องค์ไท่จื่อ องค์หญิง เครื่องครัวได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว ไม่รู้ว่าหมูเทพและเชื้อไฟจุดิญญาอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”
สองพี่น้องประสายสายตากันปราดหนึ่งด้วยรู้สึกลำบากใจ
ตอนนี้พวกเขาไม่มีหมูเทพ และไม่มีเชื้อไฟจุดิญญา คิดจะทำหมูสามสั้นในน้ำซอสที่เซียนพิษโปรดปรานที่สุด ดูท่าแล้วคงจะเป็ไปไม่ได้
ยังไม่ได้เริ่มการประชันขันแข่ง ทางฝ่ายของพวกเขาตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบแล้ว
ขณะที่คนทั้งสองกำลังลำบากใจ กลับเห็นเฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้ามาหาพวกเขา “พวกท่านกำลังกลัดกลุ้มใจเพราะไม่มีหมูเทพและเชื้อไฟจุดิญญากระมัง”
มู่หรงจื่ออวิ๋นเลิกคิ้วงามด้วยคิดว่านางจะเข้ามาเยาะเย้ย น้ำเสียงที่กล่าวออกไปจึงไม่เป็มิตร “แพ้ชนะยังไม่รู้แน่ เ้าอย่าได้ลำพองใจเร็วเกินไป!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ใส่ใจ นางพูดยิ้มๆ “ข้ายังมีสิ่งของบางอย่างเตรียมไม่เสร็จ ข้าให้พวกเ้ายืมเชื้อไฟจุดิญญาก่อนก็ได้ พวกท่านปรุงก่อน”
มู่หรงจื่ออวิ๋นกระพริบตาปริบๆ ด้วยคิดว่าตนเองฟังผิด “เ้าพูดอะไรนะ เ้าจะให้พวกเรายืมเชื้อไฟจุดิญญาหรือ”
มู่หรงจิ่งเทียนเองคาดไม่ถึงเช่นกัน เขาเลิกคิ้วมองนางคล้ายกับ้าอ่านใจนางให้ทะลุปรุโปร่ง
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “เ้าไม่ได้ฟังผิด ข้าให้พวกเ้ายืมเชื้อไฟจุดิญญาได้”
“เพราะเหตุใดกัน” มู่หรงจื่ออวิ๋นไม่เข้าใจ นางมีเชื้อไฟจุดิญญาไว้ในย่อมได้เปรียบกว่าพวกตนอย่างชัดเจน เหตุใดยังต้องทำลายข้อได้เปรียบนี้ด้วยตนเอง
เฟิ่งเฉี่ยนพูดเนิบๆ “หากมิใช่การแข่งขันที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขเดียวกัน ต่อให้ข้าชนะ พวกท่านก็ยังคงคิดว่าข้าชนะอย่างไม่โปร่งใส ดังนั้น หากข้าจะชนะ ก็ต้องชนะพวกท่านอย่างที่พวกท่านยินยอมทั้งกายและใจ!”
มู๋หรงจื่ออวิ๋นมองนางราวกับไม่อยากเชื่อ
“น่าสนใจ” มู่หรงจิ่งเทียนหัวเราะเ้าเล่ห์ ยิ่งได้ทำความรู้จักกับนางเขายิ่งสนใจนาง
เฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนน้ำเสียงพูดจริงจัง “สำหรับหมูเทพ ข้าขายให้พวกท่านก็ได้ ตัวละหนึ่งหมื่นตำลึง เป็อย่างไร”
มู่หรงจื่ออวิ๋นเกือบจะกระอักออกมาเป็เลือก “ตัวละหนึ่งหมื่นตำลึงหรือ เหตุใดเ้าไม่ไปปล้นเสียล่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือ “อ้อ ข้าไม่ขายก็ได้นี่นา ข้าไม่ได้บีบบังคับให้เ้าซื้อนะ”
มู๋หรงจื่ออวิ๋นได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มู๋หรงจิ่งเทียนหัวเราะเสียงดัง ดวงตาทั้งคู่ที่มองนางเปล่งประกายกล้า “ได้ เปิ่นไท่จื่อซื้อเอง”
เมื่อสนทนากับสองพี่น้องแล้วเฟิ่งเฉี่ยนเดินกลับมาฝั่งของตนเอง เมื่อประสานสายตาเข้ากับดวงตาของเซวียนหยวนเช่อ นางใคร่ครวญครู่หนึ่งกำลังจะอ้าปากอธิบายกับเขา ทว่าเซวียนหยวนเช่อกลับเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า “ทำตามความคิดของเ้าเถิด!”
พูดแล้วเขาก็หันกายเดินจากไป ทิ้งให้นางมองแผ่นหลังอันองอาจเ็านั้นเพียงลำพัง
เฟิ่งเฉี่ยนเตรียมคำพูดไว้มากมาย คำพูดเ่าั้อยู่ที่ลำคอ หัวใจรู้สึกอุ่นซ่าน
มู่หรงจื่ออวิ๋นสองพี่น้องนั้นล้วนเป็ไท่จื่อและองค์หญิงจากเมืองหลวง ส่วนนางเป็แค่ฮองเฮาของแคว้นเล็กๆ อย่างเป่ยเยียน พวกเขาสร้างความลำบากใจให้นาง นางไม่กลัว เกรงแต่ว่าพวกเขาจะหาโอกาสบีบแคว้นเป่ยเยียน ถึงเวลานั้นกลับจะทำให้พวกเขาต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ดังนั้น หากนางจะชนะ ก็ต้องชนะชนิดที่ทำให้พวกเขายอมศิโรราบทั้งกายและใจ!
นางตัดสินใจเองโดยไม่ปรึกษาหารือกับเซวียนหยวนเช่อก่อน เดิมทีคิดว่าเขาจะไม่เห็นด้วยหรืออาจจะแคลงใจสงสัย คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับเข้าใจนางถึงเพียงนี้ อีกทั้งเชื่อใจนางอย่างไร้เงื่อนไข ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นเข้าใจนั้นช่างงดงามเหลือเกิน!
คิดแล้วนางก็จับหมูเทพออกมาจากช่องเก็บของหนึ่งตัว พร้อมกับกวักมือให้ลั่วหยิ่งเรียกเขาเข้ามาหา นางกำชับว่า “เ้าต้อนมัน ให้วิ่งรอบหุบเขาหนึ่งร้อยรอบ ไม่ถึงหนึ่งร้อยรอบ เ้าและหมูล้วนไม่ต้องกลับมา!”
น้ำเสียงของนางไม่ดัง แต่เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งหมดได้ยินโดยทั่วกัน ทุกคนจึงได้แต่มองนางด้วยสายตาประหลาด
นี่นาง้าทำอะไรกันแน่