หลิวต้าหงกับกู่เซี่ยนจวินมีหรือจะเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้พวกเขารู้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่เหนือกว่าพวกเขาไปมากเหลือเกิน และสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือการยืนมองจากที่ไกลๆเท่านั้น
เมื่อดาบในมือผ่าลงเบื้องล่าง ร่างของซูฉางอันก็ร่วงลงบนพื้นดินด้วยเช่นกัน
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ไม่ใช่เพราะเขาเสียพลังไปมากกับดาบเมื่อครู่เท่านั้นแต่ยังเป็เพราะเ้าสิ่งที่แทรกเข้าไปในร่างของเขาด้วย กลิ่นอายบางอย่างที่แฝงอยู่กับเ้าสิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมันราวกับสัตว์ประหลาดบางอย่าง สัตว์ประหลาดที่ทั้งเยือกเย็นและกระหายเื และในตอนนี้เ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็อยู่ในร่างของเขาแล้ว เขารับรู้ได้ถึงมัน แต่ไม่อาจขับไล่มันออกไปได้
และในตอนนั้นเอง ที่มีเสียงคำรามแห่งความโกรธเกรี้ยวดังขึ้นข้างหูขัดจังหวะความคิดของซูฉางอัน
“ทำไม! ทำไมในร่างของเ้าถึงมีโลหิตเทพแท้แฝงอยู่!”ชายชุดดำไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายดังแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงแขนข้างซ้ายกับร่างเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นชุดคลุมสีดำที่น่าพิศวงก็ขาดวิ่นไปหมด เผยให้เห็นร่างอันแสนเหี่ยวแห้งที่ซ่อนอยู่ภายในเขาคำรามใส่ซูฉางอันเสียงดังลั่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าสิ่งที่มีมากยิ่งกว่ากลับเป็ความหวาดผวา
ซูฉางอันฟังที่เขาพูดไม่รู้เื่ แต่เขารู้สึกกระวนกระวายเป็อย่างมากร่างของเขาไร้ซึ่งพละกำลัง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูง จึงจะประคองให้ตนยังมีสติไม่สลบไป
“ทำไมเ้ายังไม่ตายอีก?” ซูฉางอันกล่าวขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าคนเรา เมื่อถูกตัดร่างออกไปเกือบครึ่งแล้ว ทำไมถึงยังส่งเสียงแบบนั้นออกมาได้อีก
“ตายงั้นรึ? เมื่อครู่นี้ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง!เ้ามองไม่เห็นหรือไง? ชีพเทียนจ้าวของข้าถูกเ้าทำลายลงแล้ว!” ตอนนี้ คนชุดดำจมเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขาสูงส่งถึงมากเพียงนี้ทว่าชีพเทียนจ้าวในตัวกลับถูกทำลายโดยเ้าเด็กที่สมควรตายเสียได้ เขาเสียโลหิตเทพไปมากกว่าครึ่งทำให้มีพลังลดลงมากถึงแปดในสิบส่วนเลยทีเดียว! และที่เขาไม่เข้าใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือทำไมเ้าเด็กคนนี้ถึงมีโลหิตเทพแท้อยู่ในร่าง แม้จะเป็ดาบเล่มนั้นก็ไม่น่าจะมีโลหิตเทพแท้แฝงนี่นา
“แต่เ้ายังมีชีวิตอยู่นี่” ซูฉางอันขมวดคิ้วมุ่นเขาถามอย่างจริงจัง “หากตายไปแล้ว ก็น่าจะเป็เหมือนพวกเขาสิ ลุกขึ้นมาไม่ได้ และพูดอะไรไม่ได้อีก”
ถูกต้องแล้ว เขาพูดอย่างตั้งใจ ราวกำลังวิเคราะห์บางอย่างอยู่
ซูโม่ตายไปแล้ว กู่หนิง จี้เต้า และลิ่นหยูก็เช่นกันแล้วยังมีพวกองครักษ์พวกนั้นอีก พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว ต่อให้ซูฉางอันจะมีเื่ราวมากมายที่อยากจะพูดด้วยแต่พวกเขาก็ไม่มีวันได้ยิน หรือตอบกลับมาได้อีกแล้ว แบบนั้นต่างหาก จึงจะเรียกว่าการตายทว่าเ้าสัตว์ประหลาดตรงหน้ายังพูดได้ ดังนั้นเขาต้องยังไม่ตายแน่ๆ
ซูฉางอันคิดเช่นนั้น จึงยกดาบขึ้นอีกครั้งต่อให้เขาจะรู้สึกเจ็บอย่างแสนสาหัสไปทั่วทั้งตัว ต่อให้เขาจะรู้สึกราวกำลังจะหมดสติไปทุกเมื่อแต่เขาก็้าให้ชายชุดดำตายด้วยเช่นกัน ยืมเงินมาก็ต้องคืน ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตซูฉางอันรู้กฏข้อนี้ดี
ดาบของเขาถูกฟันลงไปอีกครั้งโดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆทั้งสิ้น
ดาบของเขาร่วงลงบนศีรษะของชายชุดดำ แต่ครั้งนี้มันกลับผ่าหนังที่ทั้งบางและน่าเกลียดบนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในที่สุดซูฉางอันก็หมดแรง
“ทำไมข้าถึงฆ่าเ้าไม่ได้?” ซูฉางอันกล่าวถาม
“เพราะโลหิตเทพแท้ในร่างของเ้ากำลังหลับใหลมันยังอ่อนแอมากเกินไป เ้าเองก็เช่นกัน แต่แค่ทำลายชีพเทียนจ้าวของข้าได้ เ้าก็ควรจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองได้แล้ว”คนชุดดำตอบ เขาอธิบายอย่างใจเย็น แล้วราวจะประกายรอยยิ้มออกมา เพราะใต้ิัของเขาไม่มีเนื้ออยู่เลยจึงสังเกตลำบากว่าเขากำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า “แต่ตอนนี้ ข้าจะกินเ้า แล้วดูดกินโลหิตเทพในร่างของเ้าจนหมดไม่แน่ ข้าอาจจะกลายเป็เทพเ้าที่แท้จริงเพราะมันก็ได้ จะว่าไปแล้ว ข้ายังต้องขอบคุณเ้าด้วยซ้ำ”
พูดไปพลาง มืออีกข้างที่ยังหลงเหลืออยู่ของชายชุดดำก็ยื่นออกมาบีบคอของซูฉางแล้วยกร่างของเขาขึ้นจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว
ซูฉางอันอยากจะขัดขืน แต่เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว
“ท่านเจว๋น้อย!”
“ซูฉางอัน!”
หลิวต้าหงกับกู่เซี่ยนจวินร้องอุทานขึ้นด้วยความใพวกเขาอยากจะเข้าไปช่วย แต่เพียงคนชุดดำมองมา ห่วงที่มองไม่เห็นบางอย่างก็พันธนาการร่างของพวกเขาเอาไว้ทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
“หลังจากที่พวกเขาจมเข้าสู่การหลับใหล ในที่สุดเทพรุ่นใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นจนได้พวกเ้าจงทำหน้าที่เป็พยานเสีย เช่นนี้แล้ว แม้ต้องตายพวกเ้าก็จะรู้สึกเป็เกียรติ”เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองกู่เซี่ยนจวิน แล้วประกายรอยยิ้มที่เ้าตัวคิดว่าสง่างามจนหาที่ติไม่ได้ทว่าความจริงกลับอัปลักษณ์จนยากจะอธิบายออกมา แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “แน่นอนว่าเ้าจะไม่ตายเ้าจะกลายเป็ราชินีของข้า จะครองโลกใบนี้ร่วมกับข้า”
ซูฉางอันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนชุดดำกำลังพูดเื่อะไรอยู่และเขาก็ไม่เชื่อว่าในร่างของตนจะมีเ้าโลหิตเทพบ้าบออะไรนั่นอยู่ด้วย เขารู้เพียงแค่ว่าดูเหมือนคนชุดดำกำลังจะกินตนเข้าไป เขาไม่ชอบการตายเช่นนี้ ทันใดนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกมีพละกำลังขึ้นมาอีกครั้งซูฉางอันพยายามจะดึงมือของชายชุดดำที่กำลังจับลำคอตนแน่นออก แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จอยู่ดีดาบเมื่อครู่ใช้พลังทั้งหมดที่เขามี รวมไปถึงพลังที่มั่วทิงอวี่ทิ้งเอาไว้ไปจนหมดแล้ว
“ไม่มีประโยชน์หรอก ข้ารับรู้ได้ว่าพลังของโลหิตเทพในตัวเข้าถูกใช้จนหมดแล้วหากไม่มีมัน เ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ชายชุดดำพูดขึ้น เขามองดูซูฉางอันด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเวทนาที่ชวนให้อาเจียน
เพราะถูกบีบคออยู่ ซูฉางอันจึงหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆวิสัยทัศน์ก็เริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
“โลหิตเทพแท้เอ๋ย!” คนชุดดำกล่าวขึ้นอย่างละโมบ ความโลภที่ท่วมท้นอยู่ในดวงตาคู่นั้นทำให้ใบหน้าที่เดิมก็อัปลักษณ์อยู่แล้วแลดูทุเรศมากกว่าเดิมเป็เท่าตัว เขาหันมาหาซูฉางอันและสูดหายใจเข้าลึก เพียงเท่านั้นซูฉางอันก็รับรู้ได้ทันทีว่าบางอย่างภายในร่างกายกำลังหลั่งไหลออกมาด้านนอก แล้วพุ่งเข้าไปหาชายชุดดำ
ซูฉางอันััได้อย่างชัดเจนว่าตนกำลังอ่อนแอลงในทุกๆวินาที แต่เขาก็พยายามจะประคองสติของตัวเองเอาไว้ พยายามจะลืมตาขึ้นด้วยพลังทั้งหมดที่มีและภาพที่ปรากฏสู่สายตาก็คือท้องนภาที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนั่นเอง
กระทั่งตอนนี้ซูฉางอันจึงสังเกตเห็นว่าดวงดาวในค่ำคืนนี้สว่างไสวมากขนาดนี้ั้แ่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
ดวงดาวบนท้องนภาจรัสแสงจ้า ดวงแล้วดวงเล่าเขาไม่รู้ชื่อของพวกมัน แต่ก็รู้สึกว่าพวกมันช่างงดงามเหลือเกิน
ได้ตายภายใต้หมู่ดาวแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน...ซูฉางอันคิด
จู่ๆ เขาก็พบว่ามีดาวดวงหนึ่งที่แตกต่างออกไปมันเป็ดาวที่เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมา คล้ายเป็เปลวไฟในท้องนภายามราตรีเช่นนั้น ดาวแห่งเปลวเพลิงนั้นมีขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ ดวงตาของซูฉางอันก็เบิกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
“อี๊ด!” เสียงร้องของนกดังอย่างชัดแจ้งที่ข้างหูราวเป็เสียงร้องของนกบางอย่าง ซูฉางอันรู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็อย่างมาก แต่ก็คิดไม่ออกเสียทีว่าเคยได้ยินที่ไหนและจู่ๆ ใบหน้าที่อ่อนแรงของเขาก็ประกายสีสันสดใสขึ้นมาอีกครั้ง ราวเป็พลังเฮือกสุดท้ายที่ได้รับก่อนตายเช่นนั้น
เขาก้มหน้าลงอย่างยากลำบาก เพราะถูกคนชุดดำบีบคออยู่การกระทำนั้นจึงแทบจะทำให้เขากระดูกคอหักเลยทีเดียว ซูฉางอันมองไปยังคนชุดดำ ซึ่งกำลังอ้าปากกว้างแล้วดูดบางอย่างออกไปจากร่างของเขา
ซูฉางอันมองไปยังเขา แล้วกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง“โทษทีนะ เกรงว่าวันนี้เ้าจะฆ่าข้าไม่ได้แล้วล่ะ”
อาจเป็เพราะใกับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของซูฉางอันชายชุดดำจึงชะงักนิ่งไป เขาคิดว่าซูฉางอันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวอะไรออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
เสียงนั้นกล่าวขึ้นดังนี้ “เ้าอยากตายหรือเปล่า?”
จากนั้นคนชุดดำก็รู้สึกตาลายวาบ เขาพบว่านกขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ทั่วร่างแปลงกายเป็สตรีในชุดแดงเท้าเปลือยเปล่าคนหนึ่ง
หญิงคนนั้นงดงามจนหาคำอธิบายไม่ได้ งามจนสยบคนทั้งโลกได้เลยทีเดียวทว่าดวงหน้าของนางกลับแฝงไปด้วยความอำมหิตที่ท่วมท้น
นางเดินเท้าเปล่ามาหยุดอยู่ตรงหน้าคนชุดดำขณะที่กระดิ่งที่ข้อเท้าก็ส่งเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เ้าอยากตายหรือเปล่า?” นางถามขึ้นอีกครั้งคิ้วงามขมวดมุ่นเข้าหากัน ชายชุดดำราวจะตกตะลึงไปกับภาพที่ได้เห็น ทำให้ตอบอะไรไม่ออก
รังสีอำมหิตบนใบหน้าสตรีชุดแดงเปลี่ยนไปเป็รังสีสังหารนางถามขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังมากกว่าเดิม “เทียนจ้าว เ้าเทพเก่าน่าสมเพชจากยุคก่อน! บอกข้ามา! เ้าอยากตายหรือเปล่า!!!”
ชายชุดดำนิ่งไปเสียแล้ว หญิงชุดแดงที่ไม่ทราบที่มาคนนี้บอกตัวตนของเขาได้อย่างชัดเจนเดิมเขาคิดว่าข้อมูลของเขาบนโลกใบนี้ถูกประวัติศาสตร์กลบฝังไปจนหมดแล้วเสียอีก
เขาบีบคอซูฉางอันด้วยแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมััที่หกอันแสนว่องไวบอกกับเขาว่าสตรีชุดแดงคนนี้กับซูฉางอันต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันแน่ก่อนจะสืบที่มาที่ไปของสตรีชุดแดงคนนี้ได้ ซูฉางอันก็คือหลักประกันที่ดีที่สุดของเขา
“ช่างรนหาที่ตายนัก!!!” ดูเหมือนการกระทำของชายชุดดำจะทำให้สตรีชุดแดงะเิความโกรธขึ้นจนถึงขีดสุดดวงตาของนางส่องประกายแสงวาบ เพียงเท่านั้น แขนเพียงข้างเดียวที่ชายชุดดำยังเหลืออยู่ก็ถูกตัดขาดั้แ่ต้นแขนจากนั้นซูฉางอันและท่อนแขนนั้นก็ร่วงลงบนพื้นดิน
ชายชุดดำหันกลับไปมองด้วยความสงสัย เขายังไม่ทันได้เห็นอะไรเลยทั้งยังไม่ทันได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ กระทั่งซูฉางอันร่วงลงบนพื้นดินแล้ว เขาจึงพบว่าแขนของตนถูกตัดออกไปั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบความสงสัยบนใบหน้าอัปลักษณ์แปรเปลี่ยนไปเป็หวาดผวา เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเทพเ้าจากร่างของสตรีนางนี้
ซูฉางอันยืนขึ้นด้วยท่าทางสะบักสะบอม เขาหอบหายใจแรงๆเพื่อสูดเอาอากาศรอบๆ เข้าไปในตัว จากนั้นก็เช็ดคราบสกปรกและรอยเืบนใบหน้าด้วยแขนเสื้อของตนเองเมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เขาจึงหันไปยิ้มยิงฟันให้สตรีในชุดแดง แล้วกล่าวระคนบ่นขึ้น“อาจารย์หญิง หากท่านมาช้ากว่านี้อีกหน่อย ข้าคงได้ไปเจอกับอาจารย์แล้ว”
สตรีชุดแดงคนนี้ก็คือวู๋ถงที่กลายร่างเป็หงส์ในวันนั้นนั่นเอง
“ิญญาของอาจารย์เ้ากลับคืนสู่ทะเลแห่งหมู่ดาวแล้วเขาอยู่บนฟ้า ต่อให้เ้าตายไปก็ไม่เจอเขาหรอก” วู๋ถงกลอกตาใส่ซูฉางอัน
“หา? เช่นนั้นรึ?”ซูฉางอันผิดหวังเล็กน้อย
“เป็อะไรไป อยากตายหรือไง?” วู๋ถงทั้งโกรธและขำไปในเวลาเดียวกันนางเอื้อมมือไปเขกหัวซูฉางอันหนึ่งครั้ง
“ไม่อยากขอรับ ไม่อยาก” ซูฉางอันพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อมีวู๋ถงอยู่ด้วย ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องกังวลเื่ของชายชุดดำคนนั้นแล้ว เขาหันกลับไปด้านหลังจึงพบว่าซูมั่ว กู่หนิง กับคนอื่นๆ ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นดินอย่างหมดสภาพ อารมณ์ที่เพิ่งกลับมาดีจึงเปลี่ยนไปเป็เสียใจอีกครั้งเขามองไปที่วู๋ถงพลางกล่าวขึ้น “อาจารย์หญิง ช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหมขอรับ?”
“อะไรเล่า?” วู๋ถงเลิกคิ้วพลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ช่วยฆ่าเขาที!” ซูฉางอันชี้นิ้วไปยังชายชุดดำที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแล้วกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าฆ่าเขาไม่ได้ แต่ก็อยากฆ่าเขาให้ได้ จึงต้องรบกวนอาจารย์หญิงเช่นนี้”
“ข้าฆ่าเขาไม่ได้หรอก” วู๋ถงมองไปที่ชายชุดดำแล้วกล่าวพลางส่ายหัวไปมา
“เป็ไปได้ยังไงกัน?” ซูฉางอันไม่เข้าใจเลยสักนิดวู๋ถงสามารถตัดแขนของคนชุดดำได้โดยไม่ต้องกระดิกนิ้วเลยด้วยซ้ำ ซูฉางอันจึงคิดว่าวู๋ถงต้องฆ่าคนชุดดำได้อย่างง่ายดายไม่ต่างไปจากการปอกกล้วยเข้าปากแน่ๆ
“เ้ารู้ไหมว่าเขาเป็อะไร?” วู๋ถงถามกลับ
“เขาบอกว่าตัวเองเป็เทพ แต่ข้าก็เกือบจะฆ่าเขาได้แล้วไม่น่าจะมีเทพที่อ่อนแอขนาดนี้” ซูฉางอันมองไปที่ร่างกายซึ่งแห้งเหี่ยวไม่ต่างไปจากซากไม้ของคนชุดดำก่อนจะกล่าวเสริมขึ้นอีกครั้ง “ไม่น่าจะมีเทพที่ขี้เหร่ขนาดนี้ด้วย”
วู๋ถงหลุดหัวเราะออกมา นางไม่ได้บอกว่าเกณฑ์การตัดสินเทพเ้าของซูฉางอันถูกหรือไม่เพียงกล่าวอธิบายขึ้น “ทางใต้ของแผ่นดินมีเกาะแห่งหนึ่ง เกาะนั้นมีนามว่าเกาะตงหยิงว่ากันว่าในอดีตกาล ผีและมนุษย์อยู่ร่วมกันที่นั่น มนุษย์ใช้ชีวิตในยามกลางวัน ผีมารอสูรจะออกอาละวาดในตอนกลางคืนจึงไม่มีใครกล้าออกมาข้างนอกในยามวิกาลเลยสักคน ต่อมามีชายคนหนึ่งเดินทางไปที่นั่นชายคนนั้นจับภูตผีที่นั่นออกไปจนหมด ประชาชนจึงสามารถทำกิจกรรมต่างๆ และออกนอกบ้านในยามกลางคืนได้ราวกับตอนกลางวันมนุษย์พวกนั้นซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำเป็อย่างมาก จึงยกย่องให้เขาเป็เทพเ้า และเรียกเขาว่าเทียนจ้าว”
“แล้วเขาก็ได้เป็เทพจริงๆ หรือขอรับ?”ซูฉางอันประหลาดใจมาก จึงหันไปมองคนชุดดำด้วยท่าทางจริงจังอีกครั้ง “ฟังดูแล้วเหมือนเทพองค์นั้นจะเป็เทพที่ดี แต่เขาดูไม่เหมือนเลยสักนิด”