ตอนนี้เป็เวลาประมาณสองถึงสามทุ่ม แสงจากดวงจันทร์ส่องสว่าง แสงดวงดาวเบาบาง เขาพาผมไปยังสถานที่ที่ตามปกติแล้วอวี๋เคอจะใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ปีศาจเอาไว้ แล้วสั่งให้คนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูออกไป จากนั้นผมจึงเดินนำกู้จิ่นเฉิงเข้าไปภายในถ้ำ
สัตว์ปีศาจที่อวี๋เคอเลี้ยงส่วนใหญ่เป็พวกสัตว์เืเย็นอย่างเช่นงูหรือกิ้งก่า สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ชอบอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นและชื้น
ดังนั้นคนผู้นี้จึงโบกมือ ออกคำสั่งใหู้เาที่อยู่ด้านหน้าวังปีศาจค่อยๆ แยกออกจากตรงกลางจนปรากฏเป็ถ้ำขึ้นมา ทั้งยังขยายวังปีศาจของตัวเองให้เชื่อมต่อกับถ้ำแห่งนี้โดยตรง เพื่อให้เขาได้เข้ามาดูสัตว์เลี้ยงตัวเล็กของตัวเองในยามว่าง
จากงานอดิเรกเหล่านี้ของอวี๋เคอจะเห็นได้ว่าคนคนนี้เป็ผู้ป่วยโรคจิตเภทอย่างเต็มตัว
อย่างไรเสียก็มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ยามว่างชอบเลี้ยงทั้งงูเลี้ยงทั้งนกแบบนี้
ผมพนันได้เลยว่าในไม่ช้าก็เร็วที่นี่จะต้องถูกอาจิ่วโจมตีอย่างแน่นอน ด้วยความอยากอาหารของหงส์เพลิงก็เพียงพอที่จะกินสัตว์ปีศาจตัวเล็กเหล่านี้ได้จนหมดเกลี้ยง
ใช่แล้ว อาจิ่ว
ในอ้อมแขนคล้ายกับยังมีความอุ่นจากไข่หงส์เพลิงอยู่ ในใจของผมเริ่มร้อนขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว กดแล้วกดอีก จึงจะทำให้เสียงพูดของตัวเองไม่หลุดจากการควบคุม
“จิ่นเฉิง ตอนนี้อาจิ่วอยู่ที่ใด? ”
“ท่านจอมปีศาจกลัวว่ามันจะหนีออกมากินสัตว์ปีศาจอื่นอีกหรือขอรับ? ”
เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าอันเคร่งเครียดของกู้จิ่นเฉิงก็ผ่อนคลายลงครู่หนึ่ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่บริเวณหางตาของเขา
“ท่านจอมปีศาจวางใจได้ วันนี้ไม่พบร่องรอยของอาจิ่วั้แ่ตอนเช้าแล้วขอรับ น่าจะไปหาผลิญญาอะไรสักอย่างแล้ว เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณเจ็ดถึงแปดวันจึงจะกลับมาได้”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี หากอาจิ่วกลับมาแล้วให้รีบบอกข้าโดยเร็วที่สุด”
ก็ยังดี ยังดีที่มันอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างปลอดภัย
นี่ถือว่าเป็เื่ดีเพียงเื่เดียวที่ผมได้รับรู้นับั้แ่ที่ผมได้เข้ามาอยู่บนโลกใบนี้
ผมแอบถอนหายใจเสียงหนึ่ง รู้สึกดีขึ้น แล้วมองไปยังกู้จิ่นเฉิง พูดขึ้นสองคำสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“นำทาง”
้ากำแพงหินทั้งสองฝั่งของถ้ำที่ลึกและเงียบสงบมีแท่นหินลักษณะกลมโค้งไว้ใช้สำหรับจุดไฟวางอยู่ เปลวไฟสีน้ำเงินอ่อนๆ กำลังลุกไหม้อยู่ข้างบน แม้ความสว่างมีไม่มากแต่ก็เพียงพอที่จะให้แสงสว่างได้โดยรอบ
ไม่เลว นี่มันเหมาะจะเป็ถ้ำปีศาจมากจริงๆ
โครงสร้างภายในถ้ำหินก็ไม่มีอะไรที่ดูเป็พิเศษ พูดได้ว่ามองแค่แวบเดียวก็เข้าใจได้ทั้งหมด
เดินไปข้างหน้าอีกประมาณหนึ่งร้อยเมตร ก็จะเห็นได้ว่ากำแพงหินทั้งสองฝั่งถูกขุดออกเป็ช่องสี่เหลี่ยมมากมาย กรงเหล็กต้องห้ามถูกวางเอาไว้ในนั้น สัตว์ปีศาจส่วนใหญ่จะนอนอยู่ด้านในกรงนั้นอย่างเงียบๆ และดูเชื่อฟังเป็อย่างมาก
เพียงแต่ว่ายิ่งเดินเข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ มันกลับไม่ได้สงบเงียบอีกต่อไปแล้ว มีทั้งเสียงแหบแห้ง เสียงคำรามต่ำ เสียงจากการกระแทกกับกรงเหล็กดังขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อเดินเข้าไปในที่ที่ลึกมากยิ่งขึ้น ช่องในกำแพงหินที่ถูกขุดก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ข้อจำกัดก็ยิ่งเหนือกว่า
ผมแน่ใจมากยิ่งขึ้นว่าที่ผมคาดเดาว่าอวี๋เคอเป็บ้านั้นถูกต้องแล้ว ลองคิดดูว่าใครจะกล้าเสี่ยงอันตรายมากมายเช่นนี้ เลี้ยงสิ่งที่ไม่ได้น่าดูไว้ในพระราชวังของตัวเอง
ถ้าเป็ผมนะ เดาว่าก็คงไม่สามารถนอนหลับได้สนิทหรอก
...
แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้ผมก็คืออวี๋เคอ
เมื่อเดินไปได้อีกสักพัก กู้จิ่นเฉิงที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดลง ในที่สุดผมก็ได้เห็นซ่งฉียวนในสมัยเป็เด็กตัวจริงอย่างที่ผมคาดหวังเอาไว้
ผมได้เกิดใหม่บนโลกใบนี้อีกครั้ง จริงๆ แล้วผมแค่อยากจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขกับร่างกายที่แข็งแรงของอวี๋เคอ ชาติที่แล้วผมก็ไม่ใช่พวกบ้าคลั่งชอบทำร้ายตัวเอง การตายของผมเป็เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ
แม้จะแกล้งทำเป็เข้มแข็งสักเท่าไร แต่ในใจของผมก็ยังรู้สึกกลัวซ่งฉียวนอยู่เล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็เคยทรมานร่างกายและจิตใจของผม ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเกิดความหวาดกลัว
แต่ว่า เมื่อผมได้เห็นซ่งฉียวนจริงๆ ในตอนนี้แล้ว ทันใดนั้นผมก็พบว่าตัวเองไม่สามารถโกรธแค้นเขาได้จริงๆ
คงเหลือเพียงแค่ความใและได้แต่ตำหนิตัวเองเท่านั้น
ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำถูกขุดออกจนเป็พื้นที่ว่างเปล่า ตรงกลางมีกรงเล็กๆ อยู่กรงหนึ่ง ทั้งสองข้างแยกออกเป็กรงสัตว์ขนาดใหญ่ ด้านในมีงูเหลือมที่ขนาดลำตัวหนาเท่าถังน้ำและตะกวดที่ยืนอยู่บนขอบกรงซึ่งกำลังแลบลิ้นออกมา
พวกมันอยู่ใกล้กับกรงเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางเป็อย่างมาก กรงเล็บด้านหน้าของตะกวดกระทบกับกรงเหล็กจนเกิดเสียงสั่นะเืดังปึงปัง บางทีพอกระทบเป็เวลานานแต่ก็ไม่สามารถทำลายกรงได้ มันจึงเปลี่ยนเป็ใช้กรงเล็บคมขูดเสาอย่างหนัก เสียงโลหะกระทบกันอย่างรุนแรงทำให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่ภายในกรงเล็กๆ ขดตัวแน่น พิงไปชิดกับผนังถ้ำ
เสื้อผ้าของเด็กน้อยขาดรุ่งริ่ง รอยาแที่เกิดจากคมมีดซึ่งอยู่บนมือและเท้านั้นลึกลงไปจนถึงกระดูก กลายเป็สะเก็ดแผลติดอยู่ตรงนั้น ทั้งดูน่ากลัวและน่าเกลียด
ดวงตาเขาปิดสนิทไม่ได้เปิดออก คาดว่าคงจะรู้ว่าต่อให้ลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เขาต้องเผชิญก็คงจะมีเพียงความมืดที่ไร้ขอบเขตเท่านั้น
“ซ่งฉียวน”
ผมพึมพำชื่อนี้ ถึงกับไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ว่าอย่างไรดี
น้ำเสียงของผมไม่ดัง แต่ผมเห็นได้ชัดเจนว่าหูของเขาขยับ จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาทันที ตัวเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่มีจุดโฟกัสกวาดมองไปทั่วบริเวณรอบๆ ตัวด้วยความร้อนใจ คล้ายกับเพื่อกำหนดทิศทาง ในที่สุดเขาก็มองตรงมายังผม คาดไม่ถึงว่าเขาจะเริ่มดิ้นรนเพื่อขยับไปยังกรงเหล็ก
ผมเห็นเขากัดฟันแน่นและค่อยๆ ขยับเข้ามาอย่างยากลำบาก ผมรู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะ
ในที่สุดเขาก็ย้ายมาอยู่ที่ขอบกรงเหล็กได้สำเร็จ กดแนบร่างกายส่วนบนทั้งหมดลงบนซอกลูกกรงแน่น แล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุร้ายและเด็ดขาด
“อวี๋เคอ ในที่สุดเ้าก็มาแล้ว! ”
“วันนี้ ข้าซ่งฉียวนขอสาบานว่า สักวันหนึ่งข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว! ”
“ข้าจะต้องทำให้เ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย! ”