เมืองซ่งเฉิง ณ ประตูวังหลวง
ประชาชนแต่ละคนใบหน้าซูบตอบซีดเซียว ต่างคุกเข่า กู่ร้องอย่างเศร้าโศก
"ขอฝ่าาทรงวินิจฉัย ให้ความเป็ธรรม จับกุมโจรชั่ว คืนทรัพย์สินแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
"ฝ่าา ทุกปีกระหม่อมจ่ายภาษีเป็จำนวนมาก มาบัดนี้ ทรัพย์สินถูกปล้นชิงไปสิ้น ขอให้ฝ่าาทรงวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
"ฝ่าา ราชครูผางสั่งให้ข้ารับใช้ มาปล้นสมบัติกระหม่อม ขอฝ่าาธำรงกฎหมาย ลงโทษราชครูผางด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
"ฝ่าา กระหม่อมมีหลักฐาน ข้ารับใช้ของราชครูผาง ปล้นชิงทรัพย์สินกระหม่อมไป ข้ารับใช้ของเขาเป็โจร ขอฝ่าาทรงลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
ในเวลานี้ เหล่าพ่อค้าถือหนังสือร้องเรียน คุกเข่าหน้าประตูทางเข้าพระราชวัง เรียกร้องขอให้ฮ่องเต้ตัดสินเื่ของตน
...
ขณะเดียวกัน ที่ห้องใต้หลังคา ห่างไปไม่ไกล
กู่ไห่และกู่ฮั่น มองดูกลุ่มพ่อค้าที่มาร้องเรียนด้วยสายตาเ็า
“พ่อบุญธรรม ที่อยู่หน้าสุดสองสามคนนั้น คือคนของเราขอรับ!” กู่ฮั่นกล่าว พร้อมชี้ให้ดู
กู่ไห่พยักหน้า “ไม่ช้า จะมีคนมาร้องเรียนเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่พ่อค้าผู้ร่ำรวยจากทั่วแคว้นซ่ง จะมาที่นี่เพื่อเรียกร้องความเป็ธรรมเช่นกัน"
“ราชครูผางนั่น ช่างเป็คนโลภโมโทสันยิ่ง สมควรถูกลงโทษแล้ว หลายวันมานี้ เขาสั่งให้ข้ารับใช้และลูกน้องไปปล้นร้านค้า คิดจะจับปลาในน้ำขุ่นกระมัง? เฮอะ! เราเตรียมการ และรวบรวมหลักฐานทุกอย่างไว้หมดแล้ว” กู่ฮั่นกล่าว พลางยิ้ม
“ราชครูผางหรือ? ตาเฒ่านั่น คิดไม่ถึงเลยว่าจะโลภถึงเพียงนี้” กู่ไห่ทอดถอนใจ
“เขาจะโลภหรือไม่ก็ช่าง ที่ลูกรับไม่ได้ที่สุด คือชายชราผู้นี้ เป็พวกมักมากในกาม อายุก็ปูนนี้แล้ว ยังจะข่มเหงเด็กสาวแทบทุกสามวันอยู่อีก
ในสายตาของขุนนางฟอนเฟะเหล่านี้ อาจมองเป็เื่สนุก แต่สำหรับข้า สิ่งที่เขาทำ น่าสะอิดสะเอียนและไร้ยางอายยิ่ง ได้ยินว่า เด็กสาวหลายสิบคนต้องมาตาย เพราะชายชราผู้นี้! บาปหนายิ่งนัก!” เสียงกู่ฮั่นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“กรรมกำลังจะตามสนองเขาแล้ว” กู่ฮั่นกล่าว พร้อมยิ้มเย็น
"พ่อบุญธรรม ฮ่องเต้ซ่งจะลงโทษปะาราชครูผางจริงหรือ? เขาเป็ถึงราชครูเชียวนะขอรับ" กู่ฮั่นถามด้วยความกังวลเล็กน้อย
“หึ! ราชครูแล้วอย่างไร? ฮ่องเต้ซ่งกล้าลงโทษแม้กระทั่งหลานชายตน แล้วนับประสาอันใดกับขุนนางผู้หนึ่ง?” ใบหน้ากู่ไห่ปรากฏรอยยิ้มเ็า ขณะตอบ
“อืม” กู่ฮั่นขมวดคิ้ว พลางพยักหน้า
"คิดว่าเวลานี้ เื่ที่กองทัพเฉินข้ามพรมแดนเข้ามา ทางราชสำนักซ่งคงทราบข่าวแล้ว"
“คงเป็เช่นนั้น ลูกเห็นคนส่งสารเข้าวังด้วยท่าทางร้อนรนยิ่ง” กู่ฮั่นพยักหน้า
“ข่าวความพ่ายแพ้จากแนวหน้า ก็คงถูกส่งมาแล้วเช่นกัน แต่ละเมือง ไม่มีผู้ต่อต้านแม้แต่น้อย กองทัพเฉินข้ามชายแดนมาได้อย่างราบรื่น ประชาชนและทหารซ่ง ล้วนไม่้าจะรับใช้ชาติ เป็เช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้ซ่งจะไม่หวั่นเกรงได้หรือ? บัดนี้ เขาคงจะหวาดกลัวอยู่เป็แน่" กู่ไห่ยิ้ม พร้อมกล่าว
"หากลูกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ คงตื่นตระหนกจนทำสิ่งใดไม่ถูกแน่ แคว้นซ่งดูร่อแร่เต็มที ความสามัคคีก็มีแค่ผิวเผินเท่านั้น ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตยิ่ง" กู่ฮั่นกล่าวอย่างไร้กังวล
"ถูกต้อง สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติแล้ว สูญเสียความภักดีของปวงประชาอย่างหมดหนทางช่วย แคว้นซ่งเวลานี้ คล้ายผู้ใหญ่ที่กำลังป่วย ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับเด็กที่มือถือมีด คอยไล่ล่าสังหาร
แม้จะเก่งกาจกว่า แต่เพราะป่วยจนไม่อาจเคลื่อนไหว ได้แต่รอให้เด็กมาเข่นฆ่าเท่านั้น ถ้าให้เวลาพักฟื้น อาจจะพอมีกำลังขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้ ไม่มีเวลาแล้ว" กู่ไห่กล่าว พลางจิบชา
"สิ่งที่แคว้นซ่ง้ามากที่สุด ก็คือเวลา กองทัพแคว้นเฉินได้บุกมาประชิดพรมแดนแล้ว ด้วยความเร็วเช่นนี้ ในไม่ช้าคงมาถึงเมืองหลวงซ่งเฉิง และทำลายแคว้นซ่งได้แน่" กู่ฮั่นกล่าว
"ดังนั้น ในตอนนี้ ผู้ใหญ่จึงทำได้แค่รีบรักษาร่างกายส่วนหนึ่ง โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถหยุดเด็กน้อยเอาไว้ได้" กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
"รักษาหรือ? รักษาอย่างไรขอรับ? ผู้คนที่ฉวยโอกาสนั้น ในเวลานี้ได้ละทิ้งแคว้นซ่งไปแล้ว เมื่อมีเงิน คนเ่าั้จึงหวงแหนชีวิตตนยิ่งกว่าเดิม
สำหรับผู้คนที่เสียทรัพย์สมบัติไป ในเวลานี้ทั้งเกลียดชังและไม่พอใจ แล้วยังจะช่วยแคว้นซ่งหรือ?” กู่ฮั่นพูดพลางขมวดคิ้ว
“บัดนี้แคว้นซ่งแบ่งเป็สองฝั่ง คือฝั่งที่เสียทรัพย์ และฝั่งที่ได้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจจะต่อสู้เพื่อชาติ เช่นนั้นจึงสามารถเลือกได้เพียงฝั่งเดียว และซื้อใจพวกเขา แต่จะซื้อใจฝั่งที่ได้ประโยชน์อย่างไร?" กู่ไห่กล่าว คล้ายกำลังสอนกู่ฮั่น
“ให้พวกเขาขัดขวางกองทัพเฉิน เพื่อแลกกับการอภัยโทษหรือขอรับ?” สีหน้ากู่ฮั่น ปรากฏวี่แววเข้าใจ
“เป็ไปได้หรือไม่?” กู่ไห่ถามอีกครั้ง
“อืม... ดูเหมือนว่าจะเป็ไปไม่ได้ขอรับ หากพวกเขาได้รับการอภัยโทษ ผู้ที่สูญเสียทรัพย์สินก็จะก่อจราจลทันที แคว้นซ่งจะตกอยู่ในความโกลาหล การปล้นและสังหารจะดำเนินต่อไป แม้จะไม่มีกองทัพเฉิน แคว้นซ่งก็จะล่มสลายไปเองในเร็ววัน!
นอกจากนี้ คนที่ฉกฉวยผลประโยชน์เ่าั้ ไม่แน่ว่าเมื่อเข้าร่วมกองทัพไปแล้ว อาจฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ พวกเขาสูญเสียความรักชาติไปแล้ว ตราบใดที่ยังสามารถเสวยสุขเป็เศรษฐีได้ ก็ไม่สำคัญแล้ว ว่าจะอาศัยอยู่ในแคว้นเฉินหรือซ่ง" กู่ฮั่นวิเคราะห์
"เนื่องจากเป็ไปไม่ได้ ที่จะซื้อใจฝั่งที่ได้ประโยชน์ ดังนั้นจึงทำได้เพียงซื้อใจกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อนเท่านั้น" ั์ตาของกู่ไห่ฉายแววมั่นใจ
"ซื้อใจผู้เดือดร้อนหรือขอรับ? กลุ่มพ่อค้าที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าพระราชวัง รวมทั้งผู้ที่มิได้ปล้นสิ่งใด และผู้ที่ถูกคนปล้นทรัพย์สิน" กู่ฮั่นหันไปมองลานหน้าพระราชวัง
"ถูกต้อง แต่ควรจะซื้อใจพวกเขาอย่างไร ช่วยทวงทรัพย์สินคืนหรือ?" กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นั่นเป็ไปไม่ได้แน่ขอรับ ข้าวของเ่าั้ถูกขโมยไป และตอนนี้ คนที่ปล้นไปก็คงเอาไปซ่อนไว้แล้ว เป็ไปได้อย่างไร ที่จะให้คายเนื้อชิ้นโตออกมา?
หากฮ่องเต้ซ่งดำเนินการรุนแรง ยิ่งจะทำให้เกิดความโกลาหลมากขึ้น กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ต้องต่อต้านแน่ และนั่นยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก" กู่ฮั่นกล่าว สีหน้าเปลี่ยนไป
“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?” กู่ไห่จี้ถาม
"แสดงความรับผิดชอบขอรับ" สีหน้ากู่ฮั่นเปลี่ยนไปทันที
"รับผิดชอบอย่างไร?" กู่ไห่ถามพร้อมรอยยิ้ม
"โดยการฆ่าคน เพื่อปลุกขวัญกำลังใจประชา และระบายโทสะความโกรธแค้นของพวกเขา" กู่ฮั่นตอบ
“สังหารผู้ใด?”
"ขอเพียงสามารถระบายโทสะของประชาชนได้ ฮ่องเต้ซ่งก็สังหารได้ทุกคน! แม้แต่องค์รัชทายาท ก็ไม่เว้น!" ั์ตากู่ฮั่นปรากฏร่องรอยตื่นเต้น
"ดังนั้น ขั้นที่สามนี้ จึงง่ายที่สุด ทุกอย่างถูกวางไว้แล้ว ไม่อาจแก้ไข ไม่อาจหวนกลับ สิ่งที่เราต้องทำ ก็แค่ผลักเรือตามน้ำ เร่งให้มันเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น" กู่ไห่กล่าว พลางยิ้ม
"ขอรับ! ลูกเข้าใจแล้ว ราชครูผางต้องถูกลงโทษใช่หรือไม่?" พูดไป ดวงตากู่ฮั่นก็เป็ประกายวาววับ
กู่ไห่พยักหน้า
...
ณ ท้องพระโรง เมืองหลวงซ่งเฉิง
"กองทัพเฉินบุกฝ่ามาถึงแคว้นเราแล้ว ทั้งยังยึดเมืองโดยรอบได้ภายในหนึ่งวัน?” องค์รัชทายาทะโ ด้วยความโกรธและวิตกกังวล
ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์ั มีสีหน้าเปลี่ยนไปมาอย่างต่อเนื่อง เหล่าขุนนางต่างก็กระสับกระส่ายเช่นกัน
“แล้วเกาเซียนจือล่ะ? เกาเซียนจืออยู่ที่ใด!" องค์รัชทายาทตวาดถามผู้ส่งสารเสียงดัง อย่างเกรี้ยวกราด
"แตก... แตกฉานซ่านเซ็นแล้ว ทัพใหญ่ของแม่ทัพเกา เกิดความปั่นป่วนภายใน จึงไม่มีทางสกัดพวกเขาได้ ดังนั้น ทหารทุกคนจึงหนีเอาตัวรอด ไม่มีผู้ใดต่อต้าน ชาวบ้านบางคนถึงกับช่วยเปิดประตูเมืองให้กองทัพเฉินเข้ามา โดยไม่มีการขัดขืนใดๆ พ่ะย่ะค่ะ!" ผู้ส่งสารกล่าวเสียงขื่น
"ประชาชนสูญเสียความภักดี? กองทัพเฉินมาถึงแล้ว หิมะปกคลุมหนายังไม่พอ น้ำค้างแข็งยังเกาะเพิ่มเข้าไปอีก[1]?" มหาเสนาบดีหลัว ซึ่งอยู่หัวแถวฝั่งขวา กล่าวด้วยสีหน้าไม่น่าดู
"จะทำอย่างไรดี? พลเมืองและทหารไม่เต็มใจทำา พวกเขาละทิ้งแคว้นซ่งแล้วหรือ? กู่ไห่ผู้นี้ น่ากลัวยิ่งนัก!"
“ต้นตอของเื่ คือการตัดสินใจครั้งก่อน ตอนร้านเครื่องเงินกู่ซ่งถูกปล้น เราไม่ควรสนับสนุน มิฉะนั้น สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้น”
"ถูกต้อง หากไม่สนับสนุน เราก็คงไม่สูญเสียความช่วยเหลือจากปวงประชาไปเช่นนี้"
ในเวลานี้ เหล่าขุนนางต่างเอาแต่พร่ำบ่นไม่หยุด
องค์รัชทายาทแสดงสีหน้าขมขื่น ขณะหันไปกล่าวกับฮ่องเต้ "เสด็จพ่อ ลูกมีความผิด ขณะนั้น ในใจลูกเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อกู่ไห่ และเชื่อคำเพ็จทูลของพ่อค้านามเถียนฮั่น
ลูกก็เสียใจกับเื่ที่เกิดนั้นเช่นกัน แต่เมื่อไปตามหาเถียนฮั่นอีกครั้ง เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว จวนสกุลเถียนก็ว่างเปล่าเช่นกัน! "
"เถียนฮั่นหรือ? เถียนฮั่น... เถียน? แย่แล้ว!" สีหน้าของมหาเสนาบดีหลิวย่ำแย่ลงทันที
“หือ?” ทุกคนหันไปมองมหาเสนาบดีหลิว
"ฝ่าา กระหม่อมทราบแล้ว ว่าเถียนฮั่นผู้นี้คือใคร ตัวอักษรเถียน (田) ในชื่อเถียนฮั่นนั้น ประกอบด้วยตัวอักษรสือ (十) และโค่ว (口) เมื่อนำมาซ้อนกันมันก็จะกลายเป็ตัวอักษรกู่ (古)
นี่เป็การสลับตัวอักษรสือ ระหว่างนำมาวางไว้ตรงกลางตัวอักษรโค่ว กับวางไว้บนตัวอักษรโค่วเท่านั้น" ใบหน้าของมหาเสนาบดีหลิว พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
"เถียนฮั่น? กู่ฮั่น? บุตรบุญธรรมคนที่สองของกู่ไห่?" เหล่าขุนนางหน้าเปลี่ยนสี
พรึบ!
องค์รัชทายาทล้มลงกับพื้นทันที
เช่นนั้นก็เดาได้แล้ว ว่าเถียนฮั่นนั่นเป็คนของกู่ไห่ คิดไม่ถึง ว่าเขาจะเป็บุตรบุญธรรมของกู่ไห่ คนผู้นั้นตั้งใจแฝงตัวอยู่ข้างๆ ตนมาโดยตลอดเช่นนั้นหรือ?
"กู่ไห่!" ฮ่องเต้ซ่งหน้าเสีย
“ฝ่าา เวลานี้เราต้องระงับความคับข้องใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อน เพื่อให้พวกเขาไปขัดขวางกองทัพเฉินไว้พ่ะย่ะค่ะ” มหาเสนาบดีหลิวกล่าว น้ำเสียงขื่นขม
"มหาเสนาบดี บอกข้าที ว่าเราควรจะซื้อใจพวกเขาอย่างไร ขอแค่สามารถคลายความขุ่นเคือง และกระตุ้นให้ประชาชนต่อต้านกองทัพเฉินได้ เจิ้นล้วนตกลง!" ฮ่องเต้ซ่งมองมหาเสนาบดีหลิว อย่างคาดหวัง
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง มหาเสนาบดีหลิวก็กล่าวอย่างเ็ป "ฝ่าา ในเวลานี้ เป็ไปมิได้ที่จะคืนทรัพย์สินที่ถูกขโมย และเราก็ไม่มีเวลาเพียงพอ
เนื่องจากกองทัพเฉินรุดหน้ามาประชิดแล้ว แม้จะนำเงินในคลังหลวงทั้งหมดมาชดเชย ก็ยังไม่อาจอุดช่องว่างเ่าั้ เป็การยากที่จะปัดเป่าโทสะทั้งหมดในใจผู้คน"
"เจิ้นไม่้าชี้แจงปัญหาใดๆ กับพสกนิกร ขอแค่ได้หัวใจพวกเขากลับคืนมา เพียงปวงประชายินยอมต่อต้านกองทัพเฉิน เจิ้นก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้งหมด" ฮ่องเต้ซ่งกล่าวอย่างกังวล
"เพื่อที่จะปัดเป่าความโกรธแค้น และความผิดหวังของชาวบ้าน จำเป็ต้องจัดการกับผู้กระทำผิด ปะาชีวิตอาชญากรตัวต้นเหตุ จึงจะเพิ่มขวัญกำลังใจของพวกเขาได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ราษฎรกลับมาวางใจในแคว้นของเราอีกครั้ง พ่ะย่ะค่ะ!" มหาเสนาบดีหลิวกล่าว น้ำเสียงเคร่งขรึม
"คนร้ายหรือ? แต่ต้นเหตุของเื่นี้ ก็คือกู่ไห่และกู่ฮั่น" ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
"พ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อหาพวกมันไม่เจอ แล้วจะจัดการได้อย่างไร? หรือไม่ เราก็ต้องหาคนรับผิดชอบ ซึ่งเป็แกนนำ ทำให้พลเมืองกลายเป็โจร! ไม่ก็ผู้ที่ทำให้มวลชนเคืองขุ่น หรือผู้ที่ถูกร้องเรียนมาลงโทษแทน พ่ะย่ะค่ะ!" มหาเสนาบดีหลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หือ?" ราชสำนักโกลากล ในชั่วพริบตา
"มหาเสนาบดีหลิว ท่าน้าให้ปะาข้าหรือ?" องค์รัชทายาทหน้าเปลี่ยนสีทันที
"มหาเสนาบดีหลิว ท่านหมายความว่าอย่างไร?" ราชครูผางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
มหาเสนาบดีหลิวกล่าวเสียงขื่นเล็กน้อย “องค์รัชทายาท เพื่อแผ่นดินแล้ว ไม่อาจลงโทษสถานเบาได้ มิฉะนั้น สถานการณ์จะยิ่งแย่ลง เมื่อแรกพระองค์เป็ผู้เสนอ และราชครูผางเป็คนแรกที่สนับสนุน ข้าคิดว่าเขาทำเพื่อแคว้น แต่คิดไม่ถึง ว่าจะเป็ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
เหตุการณ์ครานี้ ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือท่านราชครูมิใช่หรือ? ท่านได้ส่งข้ารับใช้ และผู้ใต้บังคับบัญชาไปปล้นชิง ทั้งยังรีบส่งข้ารับใช้ไปยังเมืองโดยรอบอีก
คนสนิทของท่าน ก็เข้าร่วมชิงทรัพย์ด้วยเช่นกัน ราชครูผาง ท่านฉกฉวยไปได้มากที่สุด บัดนี้ แคว้นซ่งตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นนี้แล้ว ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ!?"
"โอ้!" ภายในท้องพระโรง โกลาหลขึ้นทันที
มหาเสนาบดีหลิวจะงัดข้อกับราชครูผางหรือ?
“มหาเสนาบดีหลิว เ้าสารเลว หากมิใช่เพราะข้า คิดหรือว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้ ก้าวเข้ามาในราชสำนักแห่งนี้ได้?” ราชครูผางะโด้วยความโกรธเกรี้ยว
“แต่ผู้ใดจะละโมบได้เท่าท่าน ทราบหรือไม่ ว่าในขณะนี้ ผู้เสียหายกำลังะโชื่อผู้ใดอยู่นอกวัง? พวกเขาระบุความผิดทั้งหมดของราชครูผาง ไว้ในฎีการ้องเรียนอย่างชัดเจน
ความผิดที่ท่านก่อไว้ ชัดเจนมาก ทุกคน้าให้ท่านตาย เพียงแค่ท่านตาย ก็จะสามารถขจัดความคับข้องของประชาชนได้ ราชครูผาง โปรดเสียสละตัวเองเพื่อแคว้นซ่ง!" มหาเสนาบดีหลิวค้อมศีรษะให้แก่ราชครูผางทันที
"ขอราชครูผาง เสียสละตัวเองเพื่อแคว้นซ่ง!" ขุนนางกลุ่มหนึ่งค้อมศีรษะ และร้องขอเสียงดัง
“เ้า... พวกเ้า... ไอ้พวกสารเลว!” ราชครูผางชี้ไปที่ทุกคน ด้วยสีหน้าไม่น่าดู
ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์ั ดวงเนตรกระตุก มองดูราชครูผาง โดยไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
"ฝ่าา กระหม่อมให้คนในบ้านไปปล้นจริง แต่ก็ไม่ได้มีกระหม่อมเพียงคนเดียว เหล่าขุนนางทั้งหมดที่นี่ ล้วนแต่มีส่วนในเื่นี้ ทุกอย่างเป็แผนการของกู่ไห่!" ราชครูผางะโสุดเสียง
“ราชครูผาง ประชาชน้าให้ท่านตาย หากท่านยังมีชีวิตอยู่ แผ่นดินของเรา ก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้ เพื่อแคว้นซ่ง ข้าขอร้องราชครูผาง เสียสละเพื่อแผ่นดิน!” เสนาบดีหลิวค้อมศีรษะลงมากขึ้น ขณะพูด
"ขอราชครูผาง เสียสละเพื่อแผ่นดิน!" ขุนนางทุกคนขอร้องเสียงดังก้อง พร้อมค้อมศีรษะไปทางราชครูผาง
“เ้า... พวกเ้า!...” ราชครูผางมีสีหน้าใ ขณะมองไปยังขุนนางทุกคน
ในอดีต ขุนนางเหล่านี้ล้วนให้การสนับสนุนตัวเองเป็อย่างดี ขอเพียงออกคำสั่ง ทุกคนก็จะกล่าวเป็เสียงเดียวกันว่า ‘เห็นด้วย’ หลายคนเป็ศิษย์ และอดีตคนสนิทของตน แต่เวลานี้ พวกเขาทั้งหมดกลับขอให้ข้าตาย?
ราชครูผางพลันตกอยู่ในภวังค์ ท่ามกลางความมึนงง ดั่งเห็นกู่ไห่สวมชุดเกราะ พร้อมชี้ดาบยาวในมือมาที่เขาจากกลางโถง ด้วยคำสั่งของคนผู้นั้น ขุนนางทุกคนได้กลายเป็ผู้ใต้บังคับบัญชา และทำตามคำสั่งกู่ไห่... บังคับให้เขาตาย!
พริบตา ราชครูผางก็ขนลุกไปทั้งร่าง
ฮ่องเต้ซ่งลุกขึ้น เดินลงจากบัลลังก์ั ไปอยู่ตรงหน้าราชครูผาง พลันตรัสว่า "ท่านราชครู แผ่นดินกำลังระส่ำระสาย ขอให้ราชครู ผางเสียสละเพื่อแผ่นดิน!"
ได้ยินเช่นนี้ ราชครูผางก็หนาวเหน็บไปทั้งร่าง
กู่ไห่ผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะมีขุนนางทุกคนอยู่ใต้บัญชา กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังอยู่ใต้อาณัติเขาเช่นกัน...
กู่ไห่สั่งให้ฮ่องเต้ บังคับข้าไปตาย? บังคับให้ตาย?
ราชครูผางเซไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะอย่างสิ้นหวัง "ฮ่าๆๆๆ!”
"กระหม่อมรับใช้ฮ่องเต้ซ่งมาสามรัชสมัย ทำงานอย่างหนักเพื่อแคว้นมาเจ็ดสิบปี เผชิญความยากลำบากมากมาย สะสางปัญหาทั้งปวง พยายามทำทุกอย่างเพื่อแคว้นซ่ง แต่เวลานี้กลับ..." ราชครูผางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุกข์ระทม
"ท่านราชครู!" พระพักตร์ฮ่องเต้ เต็มไปด้วยความเ็ปและตรอมตรม
"ฝ่าา เื่นี้กระหม่อมมิได้โทษพระองค์ ถ้าจะโทษผู้ใดสักคน ก็ควรจะเป็กู่ไห่ เขาน่ากลัวยิ่ง หวังว่าการเสียสละของกระหม่อม จะนำความสงบสุขมาสู่แผ่นดิน!" ราชครูผางกล่าวอย่างเ็ป ขณะถอดหมวกขุนนางออก
“ท่านราชครู คุณธรรมสูงส่งยิ่ง!” ขุนนางทุกคนค้อมคำนับราชครูผางพร้อมกัน
...
วันรุ่งขึ้น
ณ เมืองหลวงซ่งเฉิง
ภายใต้สายตาจับจ้องของฝูงชนนับพัน ความผิดของราชครูผางถูกจาระไนออกมาทีละข้อ ก่อนถูกมัดไว้ที่ทางเข้าตลาด
ไม่นานประชาชนทั้งหมดก็มาถึง และเมื่อได้เห็น ‘ตัวการใหญ่’ ขวัญกำลังใจที่สูญเสียไป ก็กลับคืนมา
"นั่นราชครูผางนี่!"
“สมน้ำหน้า!”
"ทั้งหมดเป็เพราะราชครูผาง ที่ทำให้ข้าสิ้นเนื้อประดาตัว!"
"ข้าได้ยินว่า ฝ่าาสั่งให้สอบสวนครอบครัวราชครูผาง ข้าวของที่ถูกขโมยไปทั้งหมด จะถูกส่งคืนให้เ้าของ"
"ดียิ่ง! ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!"
ขณะที่คุกเข่าบนแท่นปะา ใบหน้าราชครูผางดูอาฆาตยิ่ง "กู่ไห่ ลูกชายของข้า จะต้องล้างแค้นได้แน่!"
“ปะา!”
ฟึ่บ!
เืพุ่งกระฉูด ราชครูผาง ราชครูคนปัจจุบัน ผู้อยู่ใต้คนๆ เดียว แต่ยืนเหนือคนนับหมื่น บุคคลซึ่งมีคนมากมายคอยติดตามรับใช้ ขุนนางผู้มีอิทธิพล ถูกตัดศีรษะที่ทางเข้าตลาด เพื่อซื้อใจปวงประชา
ใน่เวลาสั้นๆ เมืองซ่งเฉิงก็ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย ความโกรธและเกลียดชังของชาวบ้าน ถูกขจัดไปมากมายเหลือคณา
กู่ไห่และกู่ฮั่น ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน ถอนหายใจเฮือก
"เอาละ เมื่อราชครูผางตายแล้ว เราก็มาเริ่มแผนการขั้นสุดท้ายกันเถอะ!" กู่ไห่กล่าวอย่างตื่นเต้น
"ขอรับ!" กู่ฮั่นยินดียิ่ง
ข่าวราชครูผางถูกตัดหัวที่ทางเข้าตลาด แพร่ไปทั่วแคว้นซ่งอย่างรวดเร็ว
บรรดาเ้าเมืองต่างๆ ก็ได้รับข่าวอันน่าตระหนกนี้เช่นกัน!
ราชครูผางสั่งให้คนไปปล้นทรัพย์ชาวบ้าน ด้วยเหตุนี้ จึงถูกตัดศีรษะตามกฎหมายแผ่นดิน!
...
ห้องโถงใหญ่ จวนเ้าเมือง
เมืองหรงเฉิง แคว้นซ่ง
เมื่อได้ยินข่าวจากเมืองหลวง เ้าเมืองหรงเฉิงก็ตกตะลึง
"ราชครูผางถูกตัดหัว!? เป็ไปได้อย่างไร? เขาไปขโมยทรัพย์สินของราษฎร จริงหรือ? นั่นเป็ถึงราชครูเชียวนะ!" สีหน้าของเ้าเมืองหรงเฉิง น่ากลัวหาใดเปรียบ
"นายท่าน พวกเราก็..." ข้ารับใช้กล่าวอย่างกังวล
“กลัวสิ่งใดกัน? ก็เห็นๆ อยู่ ว่าราชครูผางผู้นั้นทำประเจิดประเจ้อ จนถูกชาวเมืองจับได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ถูกตัดศีรษะ ในทางกลับกัน พวกเราแอบทำกันลับๆ เ้าไม่ต้องกังวล” คิ้วเ้าเมืองหรงเฉิงกระตุก ขณะพูด
"นายท่าน แย่แล้วขอรับ!" องครักษ์ผู้หนึ่ง ผลุนผลันเข้าไปในห้อง
"เกิดสิ่งใดขึ้น?" เ้าเมืองหรงเฉิงจ้องมององครักษ์
คนผู้นั้นยื่นกระดาษให้ทันที และกล่าวว่า "นายท่าน แย่แล้วขอรับ ไม่ทราบว่าผู้ใดคัดลอกรายการพวกนี้ไป ตอนนี้กระจายทั่วเมืองแล้ว ข้านำกลับมาได้เพียงฉบับเดียวขอรับ!"
เ้าเมืองหรงเฉิงหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาดู พลันเหงื่อแตกพลั่ก
"เป็ไปได้อย่างไร? นี่เป็รายการทรัพย์สินที่ข้าขโมยมาทั้งหมด? ขโมยจากผู้ใด ของที่ขโมยมาคือสิ่งใด ใครคือผู้ที่ข้าส่งไปขโมย ทุกอย่างถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด?
แม้แต่ตัวข้าเอง ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็ไปได้อย่างไร ที่ทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้ละเอียดเพียงนี้ นี่เป็หลักฐานความผิดข้า?" เ้าเมืองหรงเฉิงะโด้วยความใ
"ข้าก็ไม่รู้ ว่าผู้ใดกระจายมันออกไปขอรับ!" ข้ารับใช้ส่ายหน้า
"เป็กู่ไห่หรือไม่? บางทีเขาอาจเตรียมการ และคอยจับตามองเรามานานแล้ว" ข้ารับใช้ถามอย่างวิตก
"นายท่าน ข้าได้ยินว่า มีคนจำนวนมากออกจากเมือง พร้อมนำหลักฐานไปยังเมืองหลวง เพื่อทูลถวายฝ่าา!" องครักษ์กล่าว
"อะไรนะ? ถวายฝ่าา?" เ้าเมืองหรงเฉิงเซวูบ
เมื่อมีหลักฐาน แม้แต่ขุนนางอย่างราชครูผาง ยังถูกบั่นศีรษะที่ทางเข้าตลาด แล้วตัวเขาล่ะ เทียบกับราชครูผางได้หรือ?
"นายท่าน ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี? กองทัพเฉินกำลังจะมาถึงแล้ว!" ข้ารับใช้กล่าว น้ำเสียงกังวล
สีหน้าของเ้าเมืองหรงเฉิงเจือด้วยความไม่แน่ใจ เพียงครู่ ก็กล่าว น้ำเสียงหนักแน่นและมุ่งมั่น
“แคว้นซ่งหรือ? อยู่กับแคว้นซ่งต่อไปก็ไร้ความหมาย ไปแจ้งเ้าหน้าที่ทุกคนให้มาที่นี่ เราจะยึดเมืองหรงเฉิง ยอมจำนน และสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเฉิน!”
"อ๋า?" ทั้งสองต่างพากันประหลาดใจ
...
เฉินเหลี่ยงอี้นำทัพ ค่อยๆ รุกคืบไปยังเมืองหลวงซ่งเฉิง
ใน่แรก พวกเขาพบการต่อต้านบ้างเล็กน้อย แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
เมื่อทัพเฉินมาถึงด่าน ประตูเมืองกลับเปิดออก ขณะเดียวกัน เ้าหน้าที่ในเมือง ยังให้การต้อนรับอย่างสง่างาม จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ร่ำไห้น้ำตาไหล น้ำเสียงแสดงความเกลียดชังที่มีต่อแคว้นซ่ง และความรักอย่างหาที่สุดมิได้ต่อแคว้นเฉิน
ฉากเบื้องหน้า ทำให้ผู้ฟังน้ำตาซึม ผู้พบเห็นเ็ปใจ เ้าหน้าที่ในเมืองร่ำไห้คร่ำครวญ ก่อนจะคำนับอยู่เบื้องหน้าเฉินเหลี่ยงอี้ ราวกับว่า หากชายหนุ่มไม่ยอมรับให้เข้าร่วมด้วย พวกเขาจะฆ่าตัวตายทันที
"เกิดสิ่งใดขึ้น?"
เฉินเหลี่ยงอี้ตะลึงงัน ในตอนแรก เมื่อกู่ฉินขอให้ยกทัพมาตีแคว้นซ่ง เขายังหวาดวิตกเล็กน้อย แต่หลังจากเข้ามาในแคว้นซ่งแล้ว สิ่งที่เห็นและได้ยินทั้งหมด ทำให้สามัญสำนึกที่เคยมี พังทลายไปสิ้น
เวลานี้ เฉินเทียนซานก็มึนงงเช่นกัน
“นี่คือแคว้นซ่งจริงหรือ?” เขาถาม น้ำเสียงงุนงง
เมื่อแรก ที่ยึดพื้นที่ซึ่งสูญเสียไปของแคว้นเฉินกลับคืนได้ ก็นับว่าเหนือความคาดหมายแล้ว แต่จากนั้นไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะโจมตีเมืองต่างๆ ของแคว้นซ่ง เหล่าเ้าเมืองกลับรีบออกมาสวามิภักดิ์
นี่ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?
เฉินเหลี่ยงอี้และเฉินเทียนซานกำลังสับสน พวกเขายึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นซ่งได้อย่างงงๆ จะเรียกว่าบุกยึดได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาได้มาเปล่าๆ ยังไม่ได้ทำสิ่งใด ก็ได้มาเร็วถึงเพียงนี้ นี่ก็เหมือนกับการให้เปล่า ที่ฝ่ายตรงข้ามยัดเยียดนำเสนอให้เอง
ความคิดทั้งหมดของเฉินเหลี่ยงอี้เกี่ยวกับโลกใบนี้ ถูกพลิกคว่ำ
ระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็ประชาชน เ้าหน้าที่ หรือทหาร ไม่มีผู้ใดต่อต้านพวกเขา
เกิดสิ่งใดขึ้นกับแคว้นซ่งกันแน่?
กองทัพเฉินค่อยๆ รุกคืบไปยังเมืองหลวงซ่งเฉิง
...
เมืองหลวงซ่งเฉิง
เมื่อฮ่องเต้ซ่งได้ยินข้อมูลทั้งหมด ก็แทบจะเอาศีรษะโขกกำแพง เขาเดินพลาดอีกครั้ง โดยการสั่งขังองค์รัชทายาท และตัดหัวราชครูผาง ในเวลานี้จำนวนเมืองของแคว้นซ่ง กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ซ่งยังไม่ทราบ ในเวลานี้ เหล่าขุนนางผู้ดูแลเมืองซ่งเฉิงก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
เนื่องจากขุนนางแต่ละคน ได้รับจดหมายนิรนาม ซึ่งเขียนไว้ว่าพวกเขาสั่งให้คนของตน ไปฉกฉวยทรัพย์สินของชาวบ้านอย่างไร ทั้งยังมีละเอียดมากกว่าหลักฐานของราชครูผางเสียอีก
หลักฐานแต่ละชิ้น ส่งให้ขุนนางแต่ละคน ทำให้พวกเขาต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง
แม้แต่ราชครูผางยังถูกตัดศีรษะ แล้วพวกเขาล่ะ?
หลักฐานแต่ละชิ้น เป็เหมือนูเาลูกใหญ่ ที่กดทับบนหัวใจของเหล่าขุนนาง พวกเขาต่างตกอยู่ในความโกลาหล รีบไปที่บ้านของขุนนางคนอื่นๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับเื่นี้
เวลานี้ นอกพระราชวัง มีพสกนิกรจำนวนมาก ค่อยๆ มารวมตัวกันคุกเข่า เรียกร้องให้ฮ่องเต้ซ่งแสดงรับผิดชอบ ประชาชนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ มาจากเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นซ่ง ทั้งยังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บัดนี้ ฮ่องเต้ซ่ง ประทับอยู่เพียงลำพังในท้องพระโรง โดยไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ตึกๆๆ!
มหาเสนาบดีหลิว พร้อมด้วยขุนนางจำนวนมาก เดินเข้าไปในโถง
"มหาเสนาบดีหลิว พวกท่านมาเสียที สถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้นหรือยัง? ได้ยินว่า กองทัพเฉินจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ถึงห้าวันแล้ว!" ฮ่องเต้กล่าวอย่างอ่อนแรง
เหล่าขุนนางต่างชำเลืองมองกัน
"ฝ่าา กระหม่อมขอล่วงเกิน!" มหาเสนาบดีหลิวกล่าว
“หือ?” สีหน้าของฮ่องเต้ซ่งเปลี่ยนไปทันที
"ใครก็ได้ ลากฝ่าาลงมา เปิดประตูเมืองทั้งหมด เตรียมต้อนรับาาเฉินเข้าเมือง!" มหาเสนาบดีหลิวสั่ง
"เ้ากำลังจะทำอะไร? นี่กำลังทำสิ่งใดกัน?" สีหน้าของฮ่องเต้ซ่งเปลี่ยนไปทันที
"ฝ่าา กระหม่อมเองก็หมดหนทางเช่นกัน เราสู้กู่ไห่มิได้ จึงถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ ขอฝ่าาร่วมมือด้วย!"
"ขอฝ่าาร่วมมือ!" กลุ่มขุนนางค้อมศีรษะขอร้อง
“เ้า... พวกเ้ายังเป็ขุนนางของข้าอยู่หรือไม่? ข้าคือฮ่องเต้ ฮ่องเต้ของแคว้นซ่ง พวกเ้ากล้าหรือ!?” ฮ่องเต้ซ่งจ้องพวกเขาเขม็ง
"ฝ่าาไร้ปรีชาสามารถ เป็เหตุให้พวกเราเอาใจออกห่าง สูญเสียอำนาจ ฝ่าา องครักษ์ลับของพระองค์ถูกควบคุมตัวไว้หมดแล้ว จะดิ้นรนต่อไปอย่างไร ก็ไม่สำเร็จหรอกพ่ะย่ะค่ะ!" มหาเสนาบดีหลิวกล่าวด้วยเสียงขมขื่น
ขุนนางเอาใจออกห่าง! สูญเสียใจจงรักจากขุนนาง!
----------------------------------------------
[1] หิมะปกคลุมหนายังไม่พอ น้ำค้างแข็งยังเกาะเพิ่มเข้าไปอีก หมายถึง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้