กวนฮุ่ยเอ๋อนั้นมีรูปร่างค่อนข้างอวบ โครงร่างของเธอไม่เล็ก ตรงตามแบบฉบับของหญิงชาวเหนืออย่างแท้จริง
แม้เธอจะไม่อ้วนแต่ก็ไม่ได้อรชรดั่งผู้หญิงทางใต้ ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบใส่เสื้อผ้าเอวสูงหรือชุดที่เห็นทรวดทรงของสะโพกอย่างชัดเจน อีกทั้งเธอเป็ถึงระดับหัวหน้างาน แต่งตัวเช่นนั้นจะดูเหมือนจะไม่ถูกกาลเทศะน่ะสิ!
เสื้อขนเป็ดตัวยาวที่เซี่ยเสี่ยวหลานหยิบออกมาทำให้เธอรู้สึกพอใจมาก เนื่องจากความยาวของมันเลยหัวเข่า
“คุณน้า ขนาดพอดีตัวไหมคะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อขยับแขนเล็กน้อย มันไม่แน่นแต่ก็ไม่หลวมจนเกินไป
เธอเชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นตั้งใจเลือกเสื้อตัวนี้ให้เธอจากใจจริง เพราะเธอใส่เสื้อผ้าขนาดไม่เหมือนกับคนอื่น ชุดที่พอดีเอว บางที่ไหล่อาจจะไม่พอดีก็ได้
“สวยจริงๆ ค่ะ สีนี้ขับผิวคุณนายมากเหลือเกิน!”
พี่เจิงกล่าวชม กวนฮุ่ยเอ๋อเป็คนผิวขาว พอใส่ชุดสีม่วงอ่อน สีผิวของเธอจึงสามารถข่มสีของเสื้อได้อย่างลงตัว และทำให้เสื้อไม่โดดเด่นเกินตัวผู้สวมใส่
“พอดีตัวมากจริงๆ มีน้ำใจแล้ว”
ชุดดีก็คือดี กวนฮุ่ยเอ๋อคงไม่อาจทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดปดออกไปว่าไม่ดีได้หรอกกระมัง
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นกวนฮุ่ยเอ๋อพึงพอใจเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเช่นกัน เธอค้นพบว่านิสัยของกวนฮุ่ยเอ๋อนั้นมีกฎเกณฑ์ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ อย่างไรถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด... เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีใกล้ชิดกับคนเช่นกวนฮุ่ยเอ๋อ เพราะกวนฮุ่ยเอ๋อเสมือนกับเ้านายที่ลงโทษลูกน้องแค่ภายใน แต่จะปกป้องลูกน้องเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ขอเพียงทำหน้าที่ของตนให้ดี กวนฮุ่ยเอ๋อย่อมไม่ตำหนิติเตียนอย่างแน่นอน
และหากทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย กวนฮุ่ยเอ๋อก็จะรู้สึกดีใจ เฉกเช่นตอนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานดูออกว่ากวนฮุ่ยเอ๋ออารมณ์ดีใช้ได้เลยทีเดียว!
คนอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างจี้หย่าค่อนข้างรับมือยาก เวลาชอบใครสักคนจะยกย่องเชิดชูสุดชีวิต และในขณะที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับความเป็มิตรของเธอ รายละเอียดปลีกย่อยบางอาจจะไปสะกิดต่อมต่อต้านของจี้หย่าก็เป็ได้ เมื่อเป็เช่นนั้นก็รอดูจี้หย่าเปลี่ยนท่าทีได้เลย ให้ปรนนิบัติรับใช้คนอย่างจี้หย่า เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เอาด้วยอย่างเด็ดขาด ทั้งเสียแรงเสียเวลา ไม่มีทางอุ่นใจได้แน่นอน เพราะไม่รู้ว่าตอนไหนมรสุมลูกใหญ่จะก่อตัวขึ้น!
เห็นกวนฮุ่ยเอ๋ออารมณ์ดีเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยิ่งมีความกระตือรือร้น เธอรีบหยิบเสื้อขนเป็ดที่เหลือออกมา
ตัวหนึ่งให้กับโจวกั๋วปิน เป็สีน้ำเงินเข้ม รูปแบบดูทะมัดทะแมง มองจากไกลๆ เหมือนเสื้อโค้ทตัวหนามากกว่าเสื้อขนเป็ดที่ดูเทอะทะ
แค่มองกวนฮุ่ยเอ๋อก็รู้ว่าโจวกั๋วปินต้องชอบเป็แน่
ส่วนเสื้อขนเป็ดที่มอบให้กับคุณปู่และคุณย่าโจวเป็สีแดงพุทราทั้งคู่ แม้สีจะเหมือนกันแต่การออกแบบล้วนต่างกัน ทว่าสิ่งที่เหมือนกันคือไม่ได้เป็แบบสั้นนั่นเอง เสื้อขนเป็ดลักษณะนี้หากวางขายในห้างสรรพสินค้าของกรุงปักกิ่ง กวนฮุ่ยเอ๋อคงซื้ออย่างแน่นอน
“นั่งก่อนสิ เสื้อพวกนี้สวยๆ ทั้งนั้น กิจการที่ร้านเธอคงไม่เลวเลยสินะ”
ตระกูลโจวรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานประกอบธุรกิจอิสระ แต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก วันนี้กวนฮุ่ยเอ๋ออยากรู้เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานให้มากกว่านี้ อาศัยจังหวะที่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ทั้งคู่จึงนั่งพูดคุยกันที่โซฟา
ธุรกิจย่อมไม่เลวอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจะซื้อเรือนสี่ประสานที่สือช่าไห่ได้อย่างไรเล่า
หากบอกว่าปัจจุบันเซี่ยเสี่ยวหลานร่ำรวยเงินทองก็คงไม่ใช่ แต่เธอได้หลุดพ้นจากการเป็แม่ค้าเปิดแผงลอยขายของทั่วไปเรียบร้อยแล้ว
“กิจการก็พอได้ค่ะ ร้านเสื้อผ้าเป็ร้านที่ลงทุนร่วมกับคุณลุงของฉัน ปีที่แล้วฉันเป็คนเลือกสินค้าเข้าร้านเอง ทว่าตอนนี้ฉันมาเรียนที่ปักกิ่งแล้ว จึงเป็ป้าสะใภ้กับแม่ของฉันคอยดูแลน่ะค่ะ”
ร้านตั้งอยู่ที่จัตุรัสเอ้อร์ชีของซางตู เื่นี้ไม่จำเป็ต้องปิดบัง และหากกวนฮุ่ยเอ๋อ้าทำความเข้าใจ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยินดีที่จะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
ร้านวัสดุก่อสร้างที่เผิงเฉิงก็สามารถบอกเล่าได้ กวนฮุ่ยเอ๋อเองก็เพิ่งรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสนิทสนมกับคังเหว่ยและเส้ากวงหรงถึงเพียงนี้แล้ว แม้จะบอกว่าร่วมลงทุนกับคังเหว่ยและเส้ากวงหรงด้วยจำนวนเงินไม่มาก แต่หากไม่เชื่อใจกัน จะสามารถร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยกันได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังครุ่นคิดว่า เื่ที่โจวเฉิงฝากเงินไว้กับเธอก้อนหนึ่งนั้นจะบอกกวนฮุ่ยเอ๋ออย่างไรดี
เงินก้อนนี้ของโจวเฉิง กวนฮุ่ยเอ๋อรู้ถึงความเป็มาหรือไม่?
โจวเฉิงไม่ได้มอบเงินให้พ่อแม่ แต่กลับเอามาให้เธอลงทุนทำธุรกิจ กวนฮุ่ยเอ๋อจะไม่เห็นด้วยหรือเปล่า ทว่าโจวเฉิงมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้กับเธอเช่นนี้ ก็เหมือนเวลาที่สัตว์เพศผู้้าหาคู่ครองโดยการเอาใจเพศเมียด้วยการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง เป็การแสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจที่เขามีให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน และไม่เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนนอก
“เธอรู้จักกับนายกเทศมนตรีทังอย่างนั้นหรือ?”
กวนฮุ่ยเอ๋ออยากทำความรู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานให้มากขึ้น หาใช่้าขุดคุ้ยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีเงินเก็บมากเพียงใด ดังนั้นรู้แค่คร่าวๆ ก็พอแล้ว เธอคงไม่ถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่าเดือนหนึ่งหาเงินได้เท่าไร แค่ทำความเข้าใจคร่าวๆ ก็พอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ขัดสนเื่เงินทองแต่อย่างใด
กวนฮุ่ยเอ๋อเปลี่ยนหัวข้อคุย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเลิกลังเล ก่อนจะเล่าความเป็มาที่ทำให้ตนได้รู้จักกับทังหงเอิน
เื่พวกนี้เธอเคยเล่าให้จี้เจียงหยวนฟังแล้ว ซึ่งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“...ตอนนั้นฉันไม่ทราบค่ะว่าคุณอาทังเป็นายกเทศมนตรี เขาดูน่าเกรงขามจนพวกนักต้มตุ๋นใหนี หลังจากนั้นพอไปที่เผิงเฉิง ฉันก็เจอกับคุณอาทังอีกครั้ง นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะยังจำฉันได้”
เื่นำของฝากไปให้คงน่าอายที่จะพูดต่อหน้ากวนฮุ่ยเอ๋อ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงข้ามเื่นี้ไป
ทว่าพอพูดถึงเื่รู้จักทังหงเอินก็ต้องอธิบายถึงสาเหตุที่ตนออกเดินทางไกล กวนฮุ่ยเอ๋อฟังแล้วรู้สึกยอมใจเธอเหลือเกิน “ครอบครัวเธอวางใจปล่อยให้เธอไปเอาสินค้าคนเดียวถึงหยางเฉิงเลยหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยถึงเพียงนี้ ผู้ปกครองจะใจกว้างไปหรือเปล่า ไม่กลัวเซี่ยเสี่ยวหลานออกจากบ้านแล้วจะเจอกับอันตรายหรืออย่างไร
และมันก็ไม่ได้ราบรื่นจริงๆ บนรถไฟพบกับพวกนักต้มตุ๋น แม้จะฉลาดเฉลียวแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรับมือกับพวกนักต้มตุ๋นอยู่ดี หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากทังหงเอิน เซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะย่ำแย่ก็เป็ได้!
“ไม่วางใจก็คงไม่ได้น่ะสิคะ คุณน้าคงทราบแล้วว่าพ่อแม่ของฉันหย่าร้างกัน ฉันกับญาติฝั่งตระกูลเซี่ยไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว แม่ของฉันมีแค่คุณลุงคนเดียวที่คอยช่วยเหลือ ตอนนั้นลุงของฉันออกจากบ้านไปทำงานหาเงิน แม่ฉันเป็แค่แม่บ้านชนบทคนหนึ่ง ทั้งยังไม่เคยออกไปต่างมณฑลเลยสักครั้งค่ะ”
อีกทั้งตอนนั้นหลิวเฟินยังต้องออกไปขนกากน้ำมันทุกวันด้วยน่ะสิ
แค่ขี่รถไปที่ซางดูก็ต้องใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงกว่า ทั้งยังต้องขนกากน้ำมันเป็ร้อยกิโลกรัมเดินทางเข้าชนบท หลิวเฟินที่รูปร่างผอมบางคงต้องลำบากเป็อย่างมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดถึงเื่พวกนี้แล้วรู้สึกราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ตอนนั้นเธอไม่รู้สึกถึงความลำบากเลยจริงๆ นอกจากนี้เธอยังรู้สึกมีแรงกระตุ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็เธอหรือหลิวเฟินต่างก็ก้มหน้าก้มตาหาเงินเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สองแม่ลูกไม่มีใครมีเวลามานั่งตัดพ้อต่อโชคชะตา
ตอนนี้พอพูดถึงมัน เซี่ยเสี่ยวหลานหาได้รู้สึกว่าลำบากแต่อย่างใด เธอกลับรู้สึกภาคภูมิใจเสียมากกว่า ไม่ถูกคนหลอกลวง ซื้อสินค้ามาขายเอากำไร เข้าใจกลไกตลาด เธอทำในสิ่งที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ตอนพาแม่ออกจากบ้านเซี่ยได้แล้ว และเธอทำให้หลิวเฟินเชื่อมั่นใจตัวเธอ โดยการพาหลิวเฟินมาใช้ชีวิตที่ดีกว่าเดิม อย่างน้อยตอนนี้พวกเธอสองแม่ลูกก็ไม่ได้ด้อยกว่าคนตระกูลเซี่ยแม้แต่คนเดียว!
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าเื่ราวออกมาโดยไม่รู้สึกอะไร แต่กวนฮุ่ยเอ๋อกลับะเืใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานแข็งกร้าวเกินไป ไม่มีความอ่อนโยนดั่งเด็กสาวคนอื่นๆ ทะเยอทะยานเกินพอดี ในอนาคตอาจจะเป็ภรรยาที่สนับสนุนโจวเฉิงได้ไม่ดีพอ
แต่พอได้นั่งคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไร้อคติแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อก็เริ่มเข้าใจความแข็งกร้าวของเธอทันที เด็กสาวจากชนบทหาก้าเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่พยายามทุ่มเทสุดชีวิต คงไม่มีทางหลุดพ้นจากพันธการของชาติกำเนิดอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานได้นั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านโจว พูดคุยกับกวนฮุ่ยเอ๋ออย่างผ่อนคลาย หาใช่ต้องคอยประจบเอาใจกวนฮุ่ยเอ๋ออย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ก้าวเข้าสู่รั้วบ้านตระกูลโจว แน่นอนว่าความมั่นใจเหล่านี้ล้วนได้มาจากการเพียรพยายามของตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองทั้งสิ้น!