จ้าวซีเหอกลับมีสีหน้าไม่สนใจ หากเป็แต่ก่อนเขาไม่มีทางคิดแน่ว่าตัวเองจะมีท่าทางเช่นนี้ตอนทานข้าว ตอนที่ไปตามหนิงมู่ฉือที่เยี่ยนฉือ ความลำบากได้เปลี่ยนแปลงเขาผู้ที่เคยพิถีพิถันและเื่มากในการกิน
“พูดไปเถิด ถึงอย่างไรในสายตาคนอื่นภาพลักษณ์ของข้าใช่ว่าจะดี ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็ไปตามที่ข้า้า” เขาพูดไปพลางทานไปพลาง ทั้งนิ้วทั้งปากต่างมันเยิ้ม
“เป็ไปตามที่ท่าน้าอย่างไรกัน หรือว่าการทำตัวไม่สนใจผู้ใด เ้าชู้ เสเพล และไม่เอาถ่าน ท่านแสร้งทำให้ผู้อื่นเห็น?” ขณะที่ปากต่อบทสนทนา หนิงมู่ฉือก็กำลังขบคิดไปด้วยว่า บางครั้งชายหนุ่มก็เป็คนที่พึ่งพาได้เช่นกัน
ไม่แน่ว่าการทำตัวเ้าชู้เสเพลเช่นนี้ เขาเพียงแกล้งแสดงทำให้ผู้อื่นเห็น ครั้นคิดถึงตอนที่เขาหยอกเย้านาง ทำท่าเ้าชู้กับนาง ท่าทางเหล่านี้ทำให้ความคิดในตอนแรกต้องปัดตกไป
“หากข้าบอกว่าข้าเป็คุณชายที่สง่าผ่าเผย มีความรู้ความสามารถแต่ก็เ้าชู้ เ้าจะเชื่อหรือไม่” จ้าวซีเหอวางกระดูกที่แทะเนื้อจนหมดไว้ข้างจาน ถ้วยข้าวถูกทานจนเห็นก้นถ้วย อาจเป็เพราะเขาหิวมากก็เลยรีบทาน ตอนนี้เขาจึงเรอออกมา
หนิงมู่ฉือได้ฟังเช่นนั้น เบ้ปากพร้อมกับส่ายศีรษะ ที่ชายหนุ่มพูดมาไม่ใกล้เคียงกับนิสัยของชายหนุ่มแม้แต่น้อย
ภาพที่หนิงมู่ฉือส่ายศีรษะรัวถูกจ้าวซีเหอหันหน้ามาเห็นเข้าพอดี ช่างเถอะ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ไว้รอวันที่เขาไม่ต้องแสร้งทำตัวไม่เอาไหนเช่นนี้ นางก็จะรู้เองว่าแท้ที่จริงแล้วเขามีนิสัยเช่นไร
อีกด้านหนึ่ง ไซพานอันรีบกลับไปที่จวน ซึ่งก็ทันเวลามื้อเที่ยงและทันได้ทานข้าวพร้อมกับบิดาพอดี ใต้เท้าไซเห็นบุตรชายกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คาดว่าน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซื่อจื่อพอสมควร เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
“ท่านพ่อ! ลูกมีเื่จะพูดกับท่าน!” ครั้นบ่าวรับใช้เห็นคุณชายกลับมา รีบนำถ้วยข้าวมาเพิ่มให้อีกถ้วย ไซพานอันทานไปด้วยพูดไปด้วย
“มีเื่ดีใดเกิดขึ้นหรือ หรือว่าเ้ากลายเป็สหายกับซื่อจื่อแล้ว” แม้จะเห็นบุตรชายยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง คาดว่าน่าจะมีเื่ดี แต่ใต้เท้าไซก็ไม่ได้นำเื่ดีเหล่านี้มาใส่ใจมากนัก
“ไม่ใช่เสียหน่อย ลูกไม่เป็สหายกับเขาหรอก เขาชอบรังแกลูก! ท่านพ่อ ข้ามีข่าวดีเกี่ยวกับแม่นางหนิงจะมาบอกท่าน” เมื่อใต้เท้าไซได้ยินว่าเป็ข่าวเกี่ยวกับเทพแม่ครัว จังหวะการทานอาหารก็เริ่มช้าลง สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เื่ใดหรือ” ไซพานอันรู้ดีว่าบิดาของตนอยากทานอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือ เช่นนั้นเื่นี้ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น
“ท่านพ่อ แม่นางหนิงรับปากลูกว่าจะมาทำอาหารให้พวกเราถึงที่จวนสามวันติดต่อกัน ตอนนี้ข้ากับนางเป็สหายกันแล้ว ต่อไปพวกเราต้องได้ทานอาหารฝีมือนางบ่อยๆ แน่” คิดถึงตรงนี้ไซพานอันก็ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม
ถึงอย่างไรใต้เท้าไซก็เป็ถึงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็ขุนนางมานานย่อมมีประสบการณ์มากมาย ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเื่ดีที่ได้มาเปล่าๆ ยิ่งผลตอบแทนน่าดึงดูดใจเช่นนี้จะต้องยิ่งมีบางอย่างซ่อนอยู่เป็แน่
“บอกมาเถิดว่าข้อแลกเปลี่ยนคือสิ่งใด แม่นางหนิงไม่มีทางว่างมาทำอาหารให้พวกเราถึงจวนเปล่าๆ แน่ เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็คนของตำหนักอ๋อง”
“แหะๆ ท่านพ่อฉลาดเหลือเกิน ท่านพ่อ ท่านก็รู้ว่าแม่นางหนิงอยู่ในฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวถึงต้องไปทำงานเป็แม่ครัวในตำหนักอ๋อง หากทำให้นางพ้นจากฐานะนี้ ทำให้นางมีอิสระ นางก็จะติดค้างน้ำใจพวกเรา ต่อไปหากอยากทานอาหารฝีมือนางจะไม่ใช่เื่ง่ายหรอกหรือ”
ไซพานอันมองบิดาขณะพูดความคิดของตัวเองออกมา
“แม้นางจะตอบตกลงลูกแล้วว่าจะมาทำอาหารที่จวนให้พวกเราสามวัน แต่หากเื่นี้สำเร็จ นางจะมีอิสระ ตำหนักอ๋องก็จะไม่มีเหตุผลใดมารั้งตัวนางเอาไว้ได้อีก หลังจากนั้นพวกเราค่อยให้นางมาทำงานที่จวนของพวกเรา เท่านี้นางก็จะกลายเป็แม่ครัวของจวนเสนาบดีเราแล้ว พอถึงตอนนั้นท่านพ่อก็จะได้ทานอาหารเลิศรสทุกวัน!”
ใต้เท้าไซได้ฟังก็รู้ทันทีว่าต้องเป็ความคิดของหนิงมู่ฉือเป็แน่ นางอยากหลุดจากฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัว ซึ่งคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเื่นี้ก็คือเขา ที่วันนี้ซื่อจื่อพานางมาที่นี่ บอกว่ามาหาบุตรชายเพื่อระลึกความหลัง ความจริงแล้วอยากให้บุตรชายมาพูดกับเขาต่างหาก
การให้หนิงมู่ฉือเข้ามาทำงานเป็แม่ครัวในจวนของเขาก็เป็เื่ที่เขาเองก็้าเช่นกัน แต่นางมีฐานะที่ค่อนข้างพิเศษ
ตามหลักแล้ว หนิงมู่ฉือเป็แม่ครัวที่ฮ่องเต้พระราชทานฉายาว่าเทพแม่ครัวให้ด้วยพระองค์เอง ทั้งเหล่าขันทีพ่อครัวในห้องเครื่องก็ยังให้การยอมรับในตัวนาง คนมีความสามารถเช่นนี้เหตุใดฝ่าาถึงยังให้นางอยู่ในฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวอีกเล่า
จากประสบการณ์ของเขา เื่นี้ต้องไม่ได้ง่ายเช่นนั้นแน่ “เื่นี้อย่าเพิ่งใจร้อน ขอพ่อคิดก่อน”
ไซพานอันถูกตามใจจนเคยตัว เมื่อก่อนไม่ว่าเขาอยากได้สิ่งใด ขอแค่ไม่ใช่เื่ที่เกินเลยไปนัก บิดามักจะตามใจเสมอ เื่ที่เขาขอร้องในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เื่ที่เกินเลย เพียงช่วยสหายคนหนึ่งของเขาเท่านั้น ทั้งยังจะได้ทานอาหารเลิศรสทุกวัน เหตุใดถึงไม่ได้เล่า
เมื่อเื่ที่้าไม่ได้รับการรับปาก เขาจึงใช้วิธีการประท้วงเช่นที่เคยทำมาทุกครั้งที่ไม่ได้รับการตามใจ เขาวางตะเกียบและถ้วยข้าวลงบนโต๊ะอย่างแรง ยกมือกอดอก “ท่านพ่อ หากท่านไม่รับปากลูก ลูกจะอดข้าวประท้วง!”
นี่คือวิธีการประท้วงที่เขาใช้มาั้แ่เด็ก ซึ่งเป็วิธีที่ได้ผลชะงัด ถึงแม้วิธีนี้จะไร้เดียงสาเกินไปหน่อย แต่มันก็ได้ผล ถึงอย่างไรคนที่เขาประท้วงก็คือบิดาของตัวเอง ไม่ถือว่าเสียหน้า
ใต้เท้าไซปวดศีรษะกับวิธีการประท้วงเช่นนี้ของบุตรชายเหลือเกิน ตอนนั้นตอนที่บุตรชายบอกว่าอยากไถ่ตัวฉู่เมิ่งเอ๋อร์แห่งหอนางโลมกลับมาที่จวน พอเขาไม่ตกลงก็ไม่เห็นบุตรชายจะใช้วิธีนี้เลย เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้บุตรชาย้าให้ช่วยจริงๆ
ทว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ตอบตกลงง่ายๆ ดั่งเช่นที่ผ่านมา และไม่ได้พูดปลอบบุตรชายอย่างอ่อนโยนเช่นที่ผ่านมาเช่นกัน เขาวางตะเกียบและถ้วยข้าวลงบนโต๊ะ ใบหน้าเคร่งเครียด ทันทีที่ไซพานอันเห็นสีหน้าเช่นนี้ของบิดาก็รู้ทันทีว่าเื่นี้จัดการได้ยาก ถึงว่าเหตุใดจ้าวซีเหอถึงต้องมาหาตัวเองให้ช่วยเหลือ
เขาจึงไม่ใช่วิธีประท้วงอย่างไร้เดียงสาอีก สีหน้ากลับมาเป็จริงจัง “ท่านพ่อ ท่านคือคนที่ดูแลในเื่นี้ ท่านใช้เส้นสายของท่านไม่ได้หรือ”
เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เอ่ยขอร้องออกมา เขาอุตส่าห์พูดโอ้อวดต่อหน้าหนิงมู่ฉือและจ้าวซีเหอเอาไว้เสียเยอะแยะ หากไม่สำเร็จเขาได้ถูกหัวเราะเยาะพอดีสิ!
ต่อให้ไม่ใช่เพื่อหนิงมู่ฉือก็เพื่อหน้าตาของตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็ต้องทำเื่นี้ให้สำเร็จให้จงได้ ตอนนี้พอมาคิดดู เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนนั้นจ้าวซีเหอถึงใช้วิธีพูดท้าทายเพื่อให้เขาตอบตกลง
“หากเป็คนธรรมดา ใช้เส้นสายยังพอแก้ปัญหาได้ แต่ปัญหานี้มันอยู่ที่ตัวหนิงมู่ฉือต่างหาก ถึงได้จัดการได้ยาก หากเ้า้าจะช่วยนางจริงๆ พ่อจะลองกราบทูลต่อฝ่าาดู”