ภายในศาลากลางสมาพันธ์ แสงโคมทองสาดวาบสะท้อนบนอาภรณ์ขาวดุจหิมะของเหล่าผู้าุโ ทุกคู่ตาจับจ้องราวถูกตรึงด้วยมนตร์ ครั้นบานประตูไม้ใหญ่ถูกผลักเปิดอย่างแรง ร่างหนึ่งก้าวล้ำเข้ามา ฝีเท้าหนักเร่งร้อนปนลมหายใจถี่รัว กลิ่นฝุ่นและไอเหงื่อยังอบอวลไม่จาง น้ำเสียงสั่นเครือประสานกับความดุดันดุจระฆังเตือนภัย
“ท่านผู้นำสมาพันธ์ ฝ่ายอธรรมเคลื่อนไหว ออกแสวงหาพลังศักดิ์สิทธิ์ หากมิยับยั้ง ศึกใหญ่จะปะทุในไม่ช้า!” ผู้นำสำนักหยกเขียวกล่าว
ท่านผู้นำสมาพันธ์ยืนสง่าครั้งหนึ่ง ลมหายใจหนักอึ้งปกคลุมทั่วบรรยากาศ ดวงตาคมจับจ้องผู้มาเยือน ดวงใจร้อนรุ่มด้วยความห่วงใย แต่ใบหน้ายังคงแฝงไว้ซึ่งความเด็ดเดี่ยว
“เ้าพูดถูก… เหล่าผู้าุโจากห้าตระกูลได้รวมพล ณ ที่นี้แล้ว พร้อมทั้งกองกำลังทุกสำนักต่างมารวมตัว เพื่อเตรียมรับมือพายุใหญ่ที่กำลังจะมาถึง สำนักอื่นทั่วยุทธภพต่างประสบเคราะห์กรรมอธรรมไม่ต่างกัน”
เสียงสั่งการนั้นดังก้องกังวานในโถงใหญ่ ทุกสายตาเปล่งประกายความแน่วแน่
“จงเร่งแจ้งเตือนทุกฝ่ายจัดกำลังพลให้พร้อมเต็มที่ ยุทธภพนี้มิอาจปล่อยให้ล่มสลายง่ายดาย”
เสียงสายลมพัดกระพือผ่านช่องหน้าต่างของศาลากลางสมาพันธ์ ดั่งเสียงกลองรบก้องกังวานสะท้อนทั่วทั้งโถง ท่ามกลางความเงียบงัน ดวงตาของเหล่าผู้าุโทุกคู่จ้องจับจ้องกันด้วยความวิตกกังวล ก่อนที่ผู้นำตระกูลเย่ เย่ หลี่เฟิง จะก้าวออกมาด้วยท่วงท่าคร้ามครื้นเปี่ยมด้วยบารมี
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณซีดจางดังหยกเย็น ดวงตาคู่คมเฉียบเย็นะเืประดุจน้ำแข็งนิ่งสงบแต่แฝงฤทธิ์เดชเกรี้ยวกราดในคราเดียวกัน
หลี่เฟิงกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นกังวาน
“พลังศักดิ์สิทธิ์นั้น มิใช่เื่เล่าลมปาก หากตกอยู่ในมือฝ่ายอธรรม ยุทธภพนี้จะมิอาจสงบสุขได้อีก ถึงพลังนั้นจะยังไม่ปรากฏที่ตั้งชัดแจ้ง ฝ่ายอธรรมก็เริ่มลอบโจมตีฝ่ายธรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ดึงดูดทุกสายตาให้วุ่นวาย เพื่อเปิดทางสะดวกในการค้นหาพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง เราจึงต้องประสานกำลัง รวบรวมข่าวสาร และส่งยอดฝีมือจากตระกูลใหญ่ทั้งห้า คือ เย่ หลี่เฟิง, จาง เฉิน, หวัง อู่, ซ่ง โปกัง และหยาง จื่อ พร้อมเหล่าสำนักสำคัญ เส้าหลิน, ง้อไบ๊, หัวซาน, คุนหลุน, สำนักฟ้าคราม, สำนักหงส์ทอง, ตระกูลหลิว, สำนักจิ่วหัว, สำนักัฟ้า, สำนักภูผาหิมะ, สำนักหยกเขียว, ตระกูลหลี่, สำนักเสือขาว, ตระกูลจิน และสำนักภูผาแดง ออกลาดตระเวนทั่วทุกมุมยุทธภพ”
ผู้นำตระกูลจาง จาง เฉิน ก้าวล้ำออกมา รูปร่างกำยำ ดวงตาเฉียบแหลมเปล่งประกายมั่นคง พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“พลังนั้นยังมิปรากฏที่ตั้งแน่ชัด การโจมตีของฝ่ายอธรรมจึงเปรียบดั่งหมากล่อ เราต้องขยายกำลังลาดตระเวนให้ครอบคลุมและรวดเร็ว เพื่อมิให้เสียเปรียบแก่ฝ่ายตรงข้าม”
ผู้นำตระกูลหวัง หวัง อู่ ชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่โต ผิวสีน้ำผึ้งทองประกายแสงเงา ท่าทางมั่นคงหนักแน่น กล่าวว่า
“ศึกนี้แม้ฝ่ายอธรรมจะใช้กลลวงล่อสายตา แต่พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมองข้าม พวกเราต้องจัดตั้งกองกำลังปกป้องอย่างเหนียวแน่น ห้ามปล่อยให้ฝ่ายอธรรมได้แม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งพลัง”
ผู้นำตระกูลซ่ง ซ่ง โปกัง รอยยิ้มเ้าเล่ห์ฉายประกายในใบหน้า รูปร่างกลางสูง ท่าทางสง่างาม
“ยุทธภพนี้ต้องผสานใจเป็หนึ่งเดียว มิฉะนั้นฝ่ายอธรรมจะฉวยโอกาสครอบงำอย่างไม่ยากเย็น”
ผู้นำตระกูลหยาง หยาง จื่อ รูปร่างผอมสูง สวมชุดผ้าน้ำเงินเข้ม ท่วงท่าคล่องแคล่ว
“ยอดฝีมือของข้าพร้อมออกลาดตระเวน ปกปักรักษาความลับแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์จนวาระสุดท้าย จะไม่ยอมให้ใครล่วงรู้เด็ดขาด”
เสียงทุ้มหนักแน่นของผู้นำสมาพันธ์ จิน เฉิง ดังก้องในโถงใหญ่ ชายวัยกลางคนรูปร่างสง่างาม ใบหน้าคมเข้มสุกสว่างด้วยประกายความเด็ดเดี่ยวและปัญญา
“ขอบใจทุกท่าน นี่เป็เวลาที่ยุทธภพจักรวมใจเป็หนึ่งเดียวกัน จงวางแนวป้องกันให้ครอบคลุมทั่วแดน และเร่งสถาปนาทีมผู้กล้าเพื่อตามหาพลังศักดิ์สิทธิ์ หากผู้ใดคิดแย่งชิงหรือขัดขวาง จงจัดการอย่างเด็ดขาดไม่ไว้หน้า!”
โถงใหญ่เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น ทุกสายตาฉายชัดถึงชะตากรรมที่หนักอึ้งของยุทธภพ หากไม่สามารถยับยั้งฝ่ายอธรรมได้ ความหายนะจะเป็ดั่งเงามืดที่มิอาจหลีกเลี่ยง…
ทันใดนั้นเสียง ผู้ประสานข่าวม้าคะนองลม ก้องกังวานดังกึกก้องในศาลากลางสมาพันธ์
“กราบทูลท่านผู้นำ ฝั่งชายขอบทางตะวันตก เผ่าต่างแดนมู่หลิน ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าผู้กล้า มู่หลิน ป๋ายหู กำลังเผชิญการรุกรานอย่างรุนแรงจากกองทัพตระกูลเหลียงหลง แห่งเผ่าภูตวายุ เปลวเพลิงลุกโชน เสียงกลองศึกกระหึ่มกลางพงไพร ดินแดนนั้นกำลังสั่นะเืยิ่งนัก”
โถงกลางศาลากลางเงียบสงัด ทุกสายตาพร่าเลือนด้วยความตื่นตระหนกจับจ้องผู้ส่งข่าว ดวงตาอันเฉียบคมของจิน เฉิง ผู้นำสมาพันธ์ ผสานความหนักแน่นและห่วงใยอย่างลึกซึ้ง
“สถานการณ์บีบคั้นรุนแรงเยี่ยงนี้ หากมิรีบส่งกำลังเสริม ย่อมยากเลี่ยงที่ดินแดนชายขอบจะสูญสลาย” น้ำเสียงทรงอำนาจกล่าวตรึงใจ “มู่หลิน ป๋ายหู หัวหน้าเผ่าผู้เคยยืนหยัดกลางเปลวเพลิงแห่งศึก แม้เคยมีความขัดแย้งกับฝ่ายสมาพันธ์ในอดีต ทว่าบัดนี้เขาคือเสาหลักด่านหน้า ที่จักต้องร่วมแรงร่วมใจพิทักษ์ผืนแผ่นดิน”
เย่ หลี่เฟิง ผู้นำตระกูลเย่ พึมพำด้วยน้ำเสียงครุ่นคิดหนัก
“ฝ่ายเหลียงหลงกดดันรุนแรงทุกด้าน หากมิรีบปราบปราม ศึกใหญ่ที่ทุกฝ่ายหวาดหวั่น ย่อมใกล้เข้ามาไม่ช้า”
จาง เฉิน ผู้นำตระกูลจาง เสริมเสียงเ็าขรึม
“พลังศักดิ์สิทธิ์ยังคงเร้นลับในมืดมิด ใครย่อมเหนือกว่าผู้อื่น”
ซ่ง โปกัง ผู้นำตระกูลซ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด
“ฝ่ายต่างแดนและฝ่ายธรรมต้องผนึกกำลัง เพื่อยับยั้งการลุกลามของตระกูลเหลียงหลงแห่งเผ่าภูตวายุไว้ให้ได้”
หวัง อู่ แห่งตระกูลหวัง สั่งการด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จงแจ้งเตือนทุกฝ่ายเร่งจัดส่งกำลังช่วยเหลือดินแดนชายขอบโดยพลัน”
หยาง จื่อ ผู้นำตระกูลหยาง เสริมคำเตือน
“ต้องเฝ้าระวังฝ่ายลึกลับที่เคลื่อนไหวในเงามืด ผู้ซึ่งหวังจะย่ำยีในความโกลาหลนี้”
โถงกลางศาลากลางเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด ผสานความหวังและความไม่ไว้ใจ ผู้นำทุกผู้ล้วนตระหนักดีว่า ศึกใหญ่ใกล้เข้ามา เป็จุดเปลี่ยนชี้ชะตายุทธภพและเส้นทางข้างหน้าคลาคล่ำด้วยเงามืด และพายุแห่งโชคชะตา…
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่สุดสายตา แผ่นดินราบทอดยาวภายใต้สายลมเย็นและแสงสุริยาอ่อนละมุน เหล่าผู้นำเผ่าต่างแดนชุมนุมกัน ณ แคมป์ลมกรรโชก ริมลำธารเย็นฉ่ำซึ่งไหลรินจากูเาสูงไกลโพ้น ผืนแผ่นดินราบถูกโอบล้อมด้วยยอดเขาอันสูงตระหง่านดั่งป้อมปราการแห่งธรรมชาติ เป็ป้อมปราการอันเข้มแข็งของเผ่าพันธุ์ผู้สู้เพื่อความอยู่รอด
เถี่ยหู เป่ยหลง ผู้นำเผ่าเถี่ยหู ร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงตาแหลมคมเฉียบขาดเปี่ยมด้วยประกายทะนง เหมือนเหยี่ยวเหินสูงกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ผิวสีแทนเข้มดั่งแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ผมดำยาวประณีตถักเปียแ่า ท่วงท่าสง่างามแข็งแกร่งดังภูผาทรงอำนาจ ทุกก้าวย่างราวกับจะขับเคลื่อนโลกทั้งใบด้วยพลังแห่งเผ่า
ซานหลง เฟยหลง ผู้นำเผ่าซานหลง รูปร่างสูงสง่างามดั่งนักรบั ผิวขาวซีดแฝงด้วยความเยือกเย็น ดวงตาเปล่งประกายเหมือนเปลวไฟร้อนแรงที่แฝงอยู่กลางน้ำแข็ง แววตาเฉียบคมและลึกล้ำเหมือนัโบราณ ท่วงท่าทรงพลังและสง่างามราวกับสายลมแห่งภูผาโบราณ
หวู๋หยาง เฟยฮุ่ย ผู้นำเผ่าหวู๋หยาง รูปร่างเพรียวสูงมีเสน่ห์ดุจสายลมที่พัดผ่านทุ่งดอกไม้ ผิวเนียนนุ่มดุจเมฆขาวในวันฟ้าแจ่มใส ดวงตาสดใสเป็ประกายฟ้าสดในฤดูใบไม้ผลิ ท่วงท่าอ่อนช้อยและเบาสบายเหมือนลมที่พัดผ่านมาอย่างอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยพลังอันน่าเกรงขาม
หูหลาง เต๋อ ผู้นำเผ่าหูหลาง ร่างกายใหญ่โตทรงพลัง ดวงตาเปล่งประกายเหมือนไฟลาวาร้อนแรง ผิวสีแทนคล้ำดั่งูเาไฟที่ยังคุกรุ่น ท่วงท่าช้าแต่หนักแน่นทุกฝีก้าวเหมือนูเาไฟที่รอวันปะทุเต็มที่ เปี่ยมด้วยพลังอำนาจดุจเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำไม่หยุดยั้ง
มู่หลิน ป๋ายหู ก้าวขึ้นประจันหน้าด้วยจังหวะหนักแน่น “ศึกครั้งนี้มิอาจป้องกันลำพังได้ยาวนาน กองทัพเหลียงหลงแห่งเผ่าภูตวายุโหมกระหน่ำอย่างหนักหน่วง แม้เบื้องต้นเรายังต้านทานได้ แต่พลังลึกลับยังคงเร้นลับ จึงต้องเร่งรวบรวมพลังทุกเผ่าไว้เป็หนึ่งเดียว เพื่อรับศึกอันใกล้เข้ามา”
เถี่ยหู เป่ยหลง พยักหน้าเข้มแข็ง
“หากมิร่วมแรงรวบรวมกำลังโดยเร็ว วันมหาศึกจะมาถึงไม่ช้า ยุทธภพทั้งผองจักสั่นะเืด้วยเปลวเพลิงา”
ซานหลง เฟยหลง กล่าวอย่างเยือกเย็น
“พลังลึกลับยังถูกปกคลุมด้วยม่านหมอก ใครก่อน ย่อมได้เปรียบเหนือกว่าผู้ใด”
หวู๋หยาง เฟยฮุ่ย เสริมด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“เราจะเร่งแจ้งเผ่ารองทุกฝ่ายให้มาช่วยสนับสนุน เพื่อยับยั้งภัยใกล้ตัวที่กำลังย่างกรายมา”
หูหลาง เต๋อ เตือนด้วยเสียงหนักแน่น
“จงเฝ้าระวังเงามืดที่แฝงตัวมาคอยชิงโอกาสในยามวิกฤต”
ลมหนาวพัดผ่านใบหน้า เสียงน้ำลำธารไหลรินดุจเพลงปลุกใจผู้กล้า ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ คือถิ่นรวมพลังของเหล่านักรบต่างแดน ผู้จะยืนหยัดต่อสู้ในศึกชี้ชะตาแห่งยุคสมัยซึ่งใกล้เข้ามาไม่อาจเลี่ยง…
สายลมเย็นรินผ่านทุ่งหญ้าไพศาล เสียงแตรดังก้องกังวานทอดไกลในอาณาเขตกว้างใหญ่ คลื่นเสียงสะท้อนผ่านยอดเขาและซอกหุบลึก นำพาสาส์นแห่งภัยร้ายไปสู่หูผู้นำเผ่ารองทุกถิ่น เหล่าผู้กล้าจากแดนไกลต่างเคลื่อนตัวเร่งรีบ เพื่อมุ่งสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางผืนหญ้าเบื้องล่าง
ผู้ประสานข่าวกระโจนขี่ม้าคะนองลม พุ่งทะยานดุจสายลมที่พัดผ่านหุบเขา เปล่งเสียงปลุกใจด้วยความเร่งรีบและหนักแน่น หวังให้สาส์นนี้จุดประกายความตื่นตัวและความพร้อมเพรียงทั่วทุกมุมแผ่นดิน
ในท่ามกลางความเวิ้งว้างแห่งผืนหญ้า เหล่าผู้นำเผ่ารองแต่ละนามต่างเดินทางสู่จุดนัดพบ ใจเปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่นและความหวังล้วนปรารถนาร่วมแรงร่วมใจเป็หนึ่งเดียว ณ ศูนย์รวมพลังและความมั่นคงนี้
เสียงแตรก้องกังวานผ่านทุ่งกว้าง ดังก้องดั่งคำสาบานของนักรบผู้ไม่ยอมแพ้ สัญญาณแห่งความสามัคคีและเตรียมพร้อมรับมือศึกใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา เพื่อปกป้องแผ่นดินและสืบสานเผ่าพันธุ์ให้ยืนนานชั่วลูกหลาน
เมื่อทุกสายตาประสาน ณ ศูนย์รวมแห่งทุ่งหญ้าเบื้องล่าง หัวหน้าเผ่าต่างแดนก้าวขึ้นประจันหน้า ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมด้วยความจริงจัง
“พี่น้องผู้กล้า จงฟังข้าด้วยใจจดจ่อ ศึกใหญ่ที่รอคอยมิอาจเลี่ยงหลีกอีกต่อไป ยุทธภพจะลุกเป็ไฟ ดินฟ้าจะะเืด้วยเปลวเพลิงา จงรวบรวมใจและพลังทุกหยาดเหงื่อ เตรียมพร้อมรับมือศึกครั้งยิ่งใหญ่นี้ ชะตากรรมแห่งยุคสมัย อยู่ในมือเรา เราต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน!”
เสียงโห่ร้องกึกก้องดังสนั่นผืนดิน ทะลุผ่านสายลมและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แผ่ซ่านด้วยพลังความกล้าหาญและมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว ราวเปลวเพลิงลุกโชนในดวงใจทุกผู้คน ความสามัคคีถูกผนึกแ่าอีกชั้น ทุกดวงตาแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างกัน เพื่อรับศึกใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างไม่หวั่นไหว