หลังจากกรอกหนังสือยินยอมเข้าศึกษาต่อ จัดการเื่ต่างๆ ของนักเรียนที่ทำคะแนนสอบได้อันดับหนึ่ง ซื้อของ ซื้อห้อง กองทุนการกุศล ยุ่งอยู่กับเื่มากมาย เดิมทีเธอคิดว่าตนเองต้องอยู่จัดการธุระต่างๆ ในเมืองประมาณสิบวัน หรือไม่ก็ครึ่งเดือน คิดไม่ถึงว่าเื่ต่างๆ จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น จนใช้เวลาสั้นๆ แค่สามวันก็จัดการเสร็จสิ้น
เมื่อจัดการเื่ยุ่งๆ เสร็จแล้ว เธอก็ต้องเดินทางกลับเร็วกว่าที่คิด
การที่เธอต้องกลับเร็วแบบนี้ทำให้อวี๋ฉิงอดไม่ได้ที่จะอาลัยอาวรณ์
“ในเมืองมีของอร่อย มีอะไรสนุกๆ ตั้งเยอะ จะรีบกลับทำไม!”
ประโยคแสนธรรมดาที่ออกจากปากของคุณหนูอวี๋ มันออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง “มนุษย์โง่เขลา มีความสุขย่อมไม่แบ่งปัน”
“ต่อให้สนุกแค่ไหน แต่ก็ไม่น่าสนุกเท่าน้องชายของฉันหรอก”
หลายวันที่อยู่ในเมือง ซูอินติดต่อกับครอบครัวที่ชนบทตลอด เมื่อโทรศัพท์ไป ซูเล่อลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ฟื้นความสัมพันธ์ที่มีต่อเธอแล้วก็รีบไปเรียกเด็กชายตัวน้อยมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น เธอได้ฟังเสียงใสๆ ที่ไร้เดียงสาผ่านโทรศัพท์ ซึ่งเขาจะคอยบอกตลอดว่าวันนี้ท่องอะไรและทำอะไรไปบ้าง พร้อมถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา “เมื่อไรพี่จะกลับบ้าน” ทำให้ในใจของซูอินเต็มไปด้วยความสุข
ในเมืองน่าอยู่ สะอาดเป็ระเบียบ ใช้ชีวิตสะดวกสบาย แต่ที่ชนบทมีน้องชายที่น่ารักของเธออยู่
เมื่อเห็นท่าทีมีความสุขที่ซูอินแสดงออก อวี๋ฉิงก็นึกถึงเด็กชายตัวน้อยที่เธอเจอเมื่อครั้งก่อนเช่นกัน เธอเจอเด็กน้อยมามากมาย โดยเฉพาะบริเวณสำนักงานแถวบ้านของคุณยายที่มีฐานะดี ทำให้เด็กๆ ที่ถูกเลี้ยงดูเ่าั้แข็งแรงสดใส หากดูภายนอกใครๆ ต่างก็ชื่นชอบ
แต่กลับไม่มีใครสักคนที่เชื่อฟังว่านอนสอนง่ายและน่ารักเหมือนกับน้องชายของซูอิน
นึกถึงครั้งก่อนที่อยู่ในห้องด้วยกัน ถึงแม้จะดูมีท่าทีกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมอยู่ในห้องอย่างว่าง่าย เด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าหยิก ทำให้อวี๋ฉิงอดไม่ได้ที่จะเข้าจู่โจมแก้มนั้น
แค่นึกถึงก็อยากทำแบบนั้นอีก คุณหนูอวี๋แสดงท่าทีกระตือรือร้นก่อนจะตัดสินใจ
“ก็จริง น้องชายของเธอน่าสนุกกว่า วันนี้ฉันไม่มีอะไรทำพอดี ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน จะได้ไปเล่นที่บ้านของเธอด้วย”
จะไปเล่นที่บ้านฉัน หรือจะไปเล่นกับน้องชายฉันกันแน่
ซูอินอดไม่ได้ที่จะสงสัย
แต่เธอรู้ดีว่าคุณหนูอวี๋ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ถึงแม้จะดูเย่อหยิ่งแต่ก็เป็คนมีความพอดี มีมารยาท ไม่รู้ว่าเป็เพราะนิสัยของเขาหรือเป็เพราะถูกหลิงเมิ่งรังแกหนักเกินไป ทำให้เด็กชายตัวน้อยมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว หากได้เจอผู้คนโดยเฉพาะอวี๋ฉิงที่เป็คนชอบเปิดหูเปิดตา ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี น่าจะส่งผลดีต่อนิสัยของเขา
“ได้สิ ดีเลย เพราะก่อนหน้านี้ซื้อของตั้งเยอะ หากมีรถก็สะดวกมากขึ้น จะได้เอากลับไปให้หมดทีเดียว”
อย่างไรเสียท้ายรถก็มีพื้นที่ว่างมากมาย อวี๋ฉิงพยักหน้ารับก่อนจะนึกเื่อื่นขึ้นได้ “นี่เธอเตือนสติฉันเลยนะ คราวก่อนที่ไปบ้านเธอ ฉันรับปากกับอันอันว่าครั้งหน้าถ้าไปหาจะเอาของขวัญไปให้ ตอนนี้ยังพอมีเวลา พวกเราไปที่ห้างสรรพสินค้ากันอีกเถอะ”
ดังนั้นก่อนกลับชนบท ซูอินจึงถูกคุณหนูอวี๋ลากไปช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง
ซื้อ ซื้อ ซื้อ!
“ไม่ต้องซื้อแพงขนาดนั้น”
“พอแล้ว นี่ก็พอแล้ว ซื้อเยอะเกินไปแล้ว”
ซูอินเอ่ยปากห้ามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอจะห้ามคุณหนูอวี๋ได้อย่างไร เมื่อเริ่มรำคาญที่เธอห้ามจึงกล่าวปรัชญาชีวิตออกมาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“หาเงินมาก็เพื่อใช้ไม่ใช่หรือ สอบครั้งนี้ได้คะแนนดี คุณพ่อของฉันเติมเงินในบัตรให้หนึ่งแสนหยวน ที่คะแนนครั้งนี้ออกมาดีก็เพราะได้เธอช่วยติว เงินครึ่งหนึ่งในนี้หากเธอชอบอะไร ฉันจะซื้อให้หมดเลย”
ที่อวี๋ฉิงเอ่ยออกมานั้นเป็เื่จริง
สำหรับคนที่ไม่มีเงิน เงินถือเป็สิ่งสำคัญ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ขาดแคลนเงินอย่างอวี๋ฉิง มีหลายสิ่งที่สำคัญกว่า เช่นการที่เธอได้หน้าได้ตาในครั้งนี้ และมิตรภาพดีๆ ระหว่างเธอกับอินอิน
ซูอิน...
ในเมื่อห้ามไม่ได้ เธอก็คงทำได้แค่ปล่อยให้คุณหนูอวี๋ซื้อของต่อไป
จากนั้นเมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับ ของขวัญเพิ่มมากขึ้นจากเดิม กระโปรงหลังรถ BMW ที่กว้างขวางเกือบจะบรรจุข้าวของลงไปไม่หมด
รถ BMW เคลื่อนตัวผ่านหลุมบ่อบนถนนลูกรัง ชาวบ้านหลายคนที่เห็นภาพนี้ ถึงแม้จะพบเจอมาไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกแอบอิจฉาอยู่ลึกๆ
“ลูกสาวของซูเจี้ยนจวินที่เพิ่งกลับมาสุดยอดจริงๆ!”
“บ้านดินสามห้องของเขา แต่กลับมีหงส์ทองคำตกลงมาใส่”
หากซูอินเติบโตในชนบทั้แ่ยังเล็ก หรือเก่งกว่าบุตรของพวกเขาเพียงเล็กน้อย ชาวบ้านเหล่านี้คงแสดงอารมณ์ความรู้สึกอื่นๆ ออกมาอีกแน่นอน แต่สำหรับซูอินที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดคิด อีกทั้งยังเก่งในทุกๆ ด้านจนบุตรของพวกเขาไม่อาจเอื้อมถึง เมื่อมีความแตกต่างกันมากขนาดนั้น ทำให้หลายคนเหลือไว้เพียงความอิจฉา รวมไปถึงประโยคที่เอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ “หมู่บ้านของฉันมีเด็กที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งด้วย”
ชาวบ้านพูดคุยกันแก้เบื่อระหว่างทำไร่ทำนา ถึงแม้บางคนจะอิจฉา แต่ส่วนใหญ่คือคำพูดชื่นชม
ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ะโบอกเมิ่งเถียนเฟิน “เถียนเฟิน อินอินของพวกเธอกลับมาแล้ว”
อินอินกลับมาแล้วหรือ
เมิ่งเถียนเฟินที่กำลังยุ่งอยู่กับงานในทุ่งนาค่อยๆ เงยหน้า เธอเห็นรถยนต์ขับเข้ามาในหมู่บ้านพอดี เมื่อวานตอนที่รับโทรศัพท์ อินอินบอกแล้วว่าวันนี้จะรีบกลับมา ในรถคันนี้ก็น่าจะเป็เธอ
ครั้งนี้อินอินกลับมาอยู่บ้านไม่นานก็ต้องห่างบ้านอีกแล้ว เมิ่งเถียนเฟินรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในบ้านที่เปลี่ยนไป บรรยากาศอบอุ่นและร่มรื่นในบ้านหายไป บุตรชายตัวน้อยที่ร่าเริงได้ไม่นานเงียบลงอีกครั้ง สามีของเธอก็ดูหม่นหมอง แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่มีแรงลุกไปทำอาหารและซักผ้า
แม้แต่เมื่อตอนที่ไปส่งเมิ่งเมิ่งซึ่งพวกเขาเลี้ยงดูมาเหมือนเป็บุตรสาวแท้ๆ ถึงสิบหกปี ก็ยังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้
เมิ่งเถียนเฟินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างระหว่างอินอินและเมิ่งเมิ่ง เมื่อบุตรสาวแท้ๆ คนนี้กลับมา เธอก็นำพาสิ่งที่แตกต่างกันมากมายกลับมาสู่ครอบครัว
หลายวันมานี้ถึงแม้จะคุยโทรศัพท์กันทุกคืน แต่เธอก็ยังคิดถึงอินอินมาก วันนี้เมื่อบุตรสาวกลับมา เธอก็แทบจะไม่สนใจทำงานอีก
“ฉันว่าเหมือนมีคนมาส่งเธอ ที่บ้านมีแขก ฉันจะต้องกลับไปดูแลสักหน่อย”
เมิ่งเถียนเฟินเก็บข้าวของก่อนจะรีบกลับบ้าน
ไม่ใช่แค่เมิ่งเถียนเฟิน เด็กชายตัวน้อยซูอันก็คิดถึงพี่สาวเช่นกัน ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้มีพี่สาวหน้าตาสะสวย ไม่ดุ สอนเขาอ่านหนังสือ เล่นกับเขา คงไม่ต้องบอกว่าเขาจะดีใจขนาดไหน อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่ซูอินบอกว่าจะไม่อยู่หลายวัน เด็กชายตัวน้อยรู้สึกเสียใจมาก เพราะอยากไปกับพี่สาว
หลายวันมานี้เขาคิดถึงพี่สาวตลอดเวลา ถึงแม้จะมีพี่เล่อเล่อลูกพี่ลูกน้องคอยมาอยู่เล่นเป็เพื่อน แต่ก็ไม่เหมือนพี่สาวของเขา
เมื่อรู้ว่าพี่สาวจะกลับมาวันนี้ เขาตื่นมาแต่เช้าและท่องบทกลอนโบราณจากเล่อเล่อจนเสร็จ ซูอันตัวน้อยก็ยกตั่งตัวเล็กออกมานั่งหน้าประตูเพื่อรอพี่สาวกลับมา
เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ เขาลุกขึ้นก่อนจะเห็นเงาของพี่สาว ดวงตาสีดำที่แวววาวราวกับไข่มุกเปล่งประกายขึ้นมาทันที
รถ BMW จอดที่ลานนวดข้าวข้างบ้านของตระกูลซู ซูอินลงจากรถก่อนจะเห็นเด็กชายตัวน้อยใช้ขาสั้นๆ วิ่งเข้ามาหาเธอ
ขนตายาว ดวงตาสีดำเป็ประกาย และท่าทางตื่นเต้น ทำให้จิตใจอันเหนื่อยล้าที่ถูกกระแทกจากหลุมบ่อบนถนนลูกรังฟื้นกลับมาทันที
“อันอัน พี่กลับมาแล้ว”
เธอก้มตัวและเหยียดแขน ซูอินกอดเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะยกเขาขึ้นหมุนไปในอากาศ
“พี่ฉิงฉิงก็มาด้วยนะ”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เด็กชายตัวน้อยมองไปที่ร่างอันคุ้นตา เห็นพี่สาวคนนี้กลับมา ทำให้เขาตื่นเต้น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน เขายกมือสองข้างปิดหน้าพร้อมกับเอียงหลบ
ห้ามหยิกนะ!