“พี่สะใภ้ ทำไมท่านถึงเพิ่งมาขอรับ?” เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ก็เห็นกู้เจิงจึงรีบทักทาย “ได้เวลากินข้าวเย็นพอดี”
ท่าทางเหงาหงอยของเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ ทำเอากู้เจิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบศีรษะเขา “เป็อะไร? อาฉินไม่มีความสุขหรือ?”
เสี่ยวเหมาเอ๋อร์เสิ่นฉินพยักหน้า “สวี่เจาหายไปแล้วขอรับ”
สวี่เจาเด็กเลี้ยงวัวนั่นเอง กู้เจิงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เขาไปไหนแล้วเล่า?”
เสิ่นฉินส่ายหน้า “ไม่รู้ขอรับ ไม่เห็นเขาั้แ่เมื่อวาน ย่ากับพ่อของเขาก็ไม่รู้จะไปตามหาเขาที่ไหน พี่สะใภ้ หลายวันก่อนสวี่เจามาบอกกับข้าว่า เขาอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว หรือเขาจะหนีไปจากที่นี่แล้วขอรับ?”
“ไม่หรอก เขาอายุเท่าเ้า จะหนีไปที่ไหนได้?” เด็กคนนี้ยังอ่อนแอกว่าเสิ่นฉินเสียอีก กู้เจิงคิดว่าโอกาสที่สวี่เจาจะหนีออกจากบ้านมีไม่มากนัก
“พี่สะใภ้ไม่รู้จักเขา” เสิ่นฉินถอนหายใจ
ท่าทางดูเป็ผู้ใหญ่เกินอายุทำเอากู้เจิงอยากจะหัวเราะ
“อาเจิง เ้ามาแล้วหรือ?” ป้ารองกับพี่สะใภ้ใหญ่ถงซื่อเดินมาที่หน้าเรือนพร้อมกับถือถุงผัก
“ท่านป้ารอง พี่สะใภ้ ให้ข้าช่วยเถอะเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดพลางจะเข้าไปช่วย
“ไม่ต้องหรอก ผักพวกนี้ข้าจะเอาไปโยนให้เป็ดกิน” ป้ารองยิ้มพลางเอ่ยต่อ “ตอนนี้แม่สามีของเ้ากำลังย้อมสีไข่ เ้าไปช่วยนางเถอะ”
“ได้เ้าค่ะ” กู้เจิงพยักหน้าและรีบเข้าไปในบ้าน
กู้เจิงเดินเข้าไปหาแม่สามี นางเห็นแม่สามีกำลังถือไข่ต้มสุกที่ถูกย้อมด้วยสีแดง สีแดงแสดงถึงความยินดี
“ท่านแม่ ให้ข้าช่วยท่านเถอะเ้าค่ะ” กู้เจิงเดินไปหานายหญิงเสิ่น
“มาแล้วหรือ? ได้ไปเยี่ยมพี่สะใภ้รองกับเสี่ยวอิ๋นฮวาหรือยัง?”
“ยังเ้าค่ะ ดูข้าสิ ลืมเ้าของงานไปเสียได้ ข้าจะไปหาพวกนางเดี๋ยวนี้แหละเ้าค่ะ” กู้เจิงยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องของเหอซื่อพี่สะใภ้รอง
ภายในห้อง ป้าสามกำลังหยอกล้อเสี่ยวอิ๋นฮวาที่เพิ่งอายุครบหนึ่งเดือน เฝิงซื่อลูกพี่ลูกน้องจากหลัวฉี่เก๋อก็อยู่ในห้องด้วย นางกำลังพูดคุยกับเหอซื่อพี่สะใภ้รอง ส่วนหงซานที่ไม่ได้เจอกันนานก็มาด้วย นางดูสูงขึ้นไม่น้อย
เมื่อเห็นกู้เจิงเหนียนหงซานก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้น นางได้แต่เอ่ยทักเบาๆ “พะ พี่สะใภ้”
อีกทักนางก่อน กู้เจิงเลยจำต้องยิ้มรับ อย่างไรเสียเื่ระหว่างพวกนางก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันอีก “หงซานกลับมาแล้วหรือนี่”
รอยยิ้มของกู้เจิงทำให้เหนียนหงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก น้ำเสียงของนางผ่อนคลายลงมาก “ใช่เ้าค่ะ”
กู้เจิงทักทายและกล่าวหยอกล้อเหอซื่อ “พี่สะใภ้รอง เหตุใดท่านถึงอ้วนขนาดนี้แล้วเล่า” ไม่ได้เจอกันแค่เดือนเดียว นางอ้วนขึ้นไม่น้อย
ประโยคนี้ทำเอาทุกคนในห้องหัวเราะ เหอซื่อก็หัวเราะจนตาหยี “ถ้าไม่อ้วนเดี๋ยวลูกจะไม่มีนมกิน เสี่ยวอิ๋นฮวาก็กินเก่งนัก”
“เ้ามาดูนี่สิ” ป้าสามอุ้มเสี่ยวอิ๋นฮวามาตรงหน้ากู้เจิง “เด็กคนนี้ ตัวขาวนุ่มนิ่ม น่าเอ็นดูยิ่งนัก”
กู้เจิงยื่นมือไปอุ้ม ก่อนจะร้องอุทานออกมาทันที เด็กที่เพิ่งอายุครบหนึ่งเดือนตัวหนักขนาดนี้เลยหรือ?
เห็นท่าทางงุ่มง่ามของกู้เจิง ทุกคนก็หัวเราะ เหอซื่อกล่าวว่า “อาเจิงต้องหัดอุ้มเด็กให้มาก ได้ยินว่าเ้าวางแผนจะมีลูกภายในปีนี้ หากตอนนี้ไม่เรียนรู้ไว้ ต่อไปเ้าจะยุ่งจนมือไม้พันกันเชียวล่ะ”
กู้เจิง “...” ทำไมทุกคนถึงรู้กันหมด
“ลูกของอาเยี่ยนกับอาเจิงจะต้องรูปงามมากแน่ๆ” เฝิงซื่อกล่าว
“ใช่แล้ว ก็ต่างเป็หนุ่มหล่อสาวงามนี่นะ” ป้าสามก็เห็นด้วย
เหนียนหงซานเม้มปากยิ้มๆ นางนึกถึงเื่โง่ๆ ที่ตัวเองเคยทำมาก่อน หลังจากที่นางถูกมารดาส่งไปอยู่อำเภอผิงเหยา ก็ทำให้นางได้เห็นโลกภายนอกมากขึ้น นางรู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองไร้เดียงสาเกินไป โชคดีที่เื่ที่นางทำกู้เจิงไม่ได้ถือสา ไม่อย่างนั้นนางคงไม่มีหน้ากลับมาจริงๆ
หลังกู้เจิงทักทายทุกคนเสร็จ นางก็ออกมาช่วยแม่สามีย้อมไข่ต่อ
นายหญิงเสิ่นหยิบผ้ากันเปื้อนมาให้กู้เจิง และก็เอาช้อนไม้กับตะเกียบให้นางคู่หนึ่ง “ใช้อันนี้ อย่าให้เปื้อนมือ เพราะมันล้างออกยาก”
“ท่านแม่ ท่านพ่อล่ะเ้าคะ?” กู้เจิงหันมองหานายท่านเสิ่น
“เขาออกไปซื้อของกับพวกท่านลุงน่ะ” นายหญิงเสิ่นชวนคุยต่อ “พระชายาอารมณ์ดีขึ้นแล้วกระมัง?”
กู้เจิงพยักหน้ารับ
“ต่อไปถ้าว่างก็ไปอยู่เป็เพื่อนนางให้มาก พวกเ้ามีกันแค่สามพี่น้อง ต้องดีต่อกันเข้าไว้”
“ท่านแม่พูดถูกเ้าค่ะ”
“จริงสิ ตอนชุนหงกลับมาเมื่อเที่ยง นางฝากให้ข้าเอากระดาษแดงใบนี้ให้เ้า” นายหญิงเสิ่นเอ่ยพลางหยิบกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อส่งให้กู้เจิง
กู้เจิงกางดู บนกระดาษนั้นเขียนวันที่ไว้ “เป็วันที่ข้าให้ลุงหม่าตงไปหาฤกษ์เปิดหอสมุดเ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นยิ้มแล้วกล่าวว่า “เป็วันเดียวกับงานแต่งของอากุ้ยเลย ดูท่าวันนั้นจะเป็วันดีนะ”
“จริงด้วยเ้าค่ะ” กู้เจิงรู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย ที่เป็วันเดียวกัน
“ไม่เป็ไร เื่งานของเ้าก็สำคัญ ป้าใหญ่กับคนอื่นๆ ไม่ว่าอะไรเ้าหรอก” นายหญิงเสิ่นบอก
“เ้าค่ะท่านแม่” กู้เจิงรู้สึกว่านายหญิงเสิ่นเป็แม่สามีที่มีความคิดก้าวหน้าที่สุดในโลกนี้แล้วจริงๆ
“เ้ายังมีอีกเื่ต้องทำอยู่นะ เ้าบอกว่าจะมีหลานให้ข้าอุ้มในปีนี้ไม่ใช่หรอกหรือ?” นายหญิงเสิ่นมองลูกสะใภ้อย่างล้อเลียน
กู้เจิงหน้าแดง เื่นี้น่ะถ้าเสิ่นเยี่ยนไม่เริ่มก่อนนางก็ทำอะไรไม่ได้มิใช่หรือ?
ยามเสิ่นเยี่ยนมาถึงในตอนเย็น อาหารมื้อเล็กก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว มีเพียงคนในครอบครัว ทุกคนต่างพูดคุยหัวเราะกัน ทุกคนต่างแย่งกันกอดเสี่ยวอิ๋นฮวา เมื่อเห็นพี่สะใภ้รอง เสิ่นเยี่ยนก็ใเช่นกัน สายตาของเขาพลันจับจ้องไปที่กู้เจิง
แสงจันทร์สว่างไสว ส่องกระทบหินบนพื้นจนเห็นเด่นชัด
กู้เจิงเดินจูงมือเสิ่นเยี่ยนกลับบ้านด้วยกัน
“วันที่จะเปิดหอสมุดตรงกับวันแต่งงานของพี่เสิ่นกุ้ยงั้นหรือ?” เสิ่นเยี่ยนได้ยินมาจากมารดา
“วันนั้นเป็วันที่ฤกษ์ดี ถ้าไม่เปิดวันนั้นก็จะต้องรอวันที่ฤกษ์ดีอีกนานเลยเ้าค่ะ” กู้เจิงไม่คิดว่าวันเปิดหอสมุดจะบังเอิญมาชนกับวันแต่งงานเช่นนี้ “แต่ท่านแม่บอกว่า ข้ามีธุระแล้วยังเป็เื่งาน ไม่มีใครว่าอะไรได้หรอกเ้าค่ะ”
“วันนั้นพวกเราพี่น้องต้องไปรับตัวเ้าสาว ข้ากลัวว่าจะอยู่เป็เพื่อนเ้าไม่ได้” เสิ่นเยี่ยนบอกสิ่งที่เขากังวล
“ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ ททุกอย่างได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว” กู้เจิงยิ้ม “ข้าไปคนเดียวก็พอเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนเบาใจลงมาก เขารู้ว่าภรรยาของเขาทำงานได้ดี และนางก็มีความคิดแปลกไปจากคนอื่น ซึ่งเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง เขาได้แต่ตั้งตารอว่าวันเปิดงานภรรยาจะทำอะไรให้คนตื่นตาตื่นใจ
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้าน ไฟในห้องครัวก็ยังคงสว่างอยู่ เพราะชุนหงกำลังต้มน้ำในห้องครัว
เห็นคุณหนูกับท่านบุตรเขยกลับมา ชุนหงก็ทักว่า “คุณหนู ทุกอย่างในหอสมุดจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ ลุงหม่าบอกว่าเื่ที่ท่านกำชับเขาไว้ เขาจัดการหมดเรียบร้อยแล้ว”
เห็นชุนหงยังมีท่าทางกระปรี้กระเปร่า กู้เจิงก็อมยิ้มพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เ้ายังไม่อยากจะทิ้งข้าไปเรียนรู้งานกับลุงหม่า แต่ตอนนี้ดูท่าเ้าจะสนุกมาก”
ชุนหงหัวเราะคิกคัก “คุณหนูไม่รู้อะไร ลุงหม่าเก่งมากเ้าค่ะ วันนี้บ่าวไปเรียนรู้งานมาทั้งวัน นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ก่อนหน้านี้บ่าวยังคิดอยู่ว่า คนที่ติดต่อเจรจาค้าขายหนังสือเ่าั้ต่างมีกลิ่นหนังสือติดตัว แต่ทำไมลุงหม่าถึงไม่มีเลย แต่ตอนนี้ข้าว่าเขาน่ะเป็นักการค้าที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่งเลยเ้าค่ะ แม้จะเป็คนขายหนังสือแต่ก็ดูไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหนังสือเลย”
“เ้าไม่คิดหรือว่า ทำไมข้าถึงต้องเชิญลุงหม่ามาเป็คนดูแลหอสมุดล่ะ?” กู้เจิงยิ้มอย่างมีเลศนัย
ชุนหงพยักหน้าคิดตาม
ตอนเข้านอน กู้เจิงนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคุยโวว่าจะมีลูกในปีนี้ หลังจากเสิ่นเยี่ยนขึ้นเตียงนางก็กอดเขาไว้ และแกล้งเอาเท้าไปถูไถเขาเบาๆ
แต่เสิ่นเยี่ยนกลับพูดเรียบๆ ว่า “เลิกซนได้แล้ว เข้านอนเถอะ”
กู้เจิง “...”