บทที่ 2: ตื่นจากฝันร้าย
บรรยากาศในห้องเก็บฟืนอันคับแคบพลันหนักอึ้งลงในบัดดล คำประกาศกร้าวที่หลุดจากริมฝีปากแห้งผากของเด็กสาวผู้มีสถานะต่ำต้อยยิ่งกว่าธุลี ดิน กลับแฝงเร้นไว้ด้วยพลังอำนาจที่ทำให้คนฟังรู้สึกชาวาบไปทั้งสันหลัง
ซูเม่ยชะงักไปครู่หนึ่งราวกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนที่ความเดือดดาลจะฉายชัดขึ้นมาแทนที่ความตกตะลึง นางชี้หน้าเหลียนฮวาพลางหัวเราะเสียงแหลมสูงจนแสบแก้วหู
"ฮ่าๆๆ! ฟังที่มันพูดสิ!ชีวิตนี้เป็ของเ้า?สมองเ้ากระทบกระเทือนไปแล้วรึอย่างไร! ชีวิตของเ้ามันก็แค่ชีวิตมดปลวกในกำมือของข้า! อยากจะบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้!"
นางหันไปตวาดใส่บ่าวรับใช้ทั้งสองที่ยังยืนนิ่งอึ้ง "พวกเ้ายืนบื้ออยู่ทำไม! ลากตัวมันออกไป!"
บ่าวรับใช้ร่างกำยำสองคนได้สติ รีบพุ่งเข้ามาหมายจะจับแขนเหลียนฮวาคนละข้าง ทว่าก่อนที่ปลายนิ้วหยาบกร้านของพวกมันจะััโดนอาภรณ์เก่าขาดของนาง เสียงราบเรียบแต่เยียบเย็นจนถึงขั้วหัวใจก็ดังขึ้น
"ข้าแนะนำว่า...อย่าแตะต้องตัวข้าจะดีกว่า"
ไม่มีการข่มขู่ ไม่มีแม้แต่การขยับกาย แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับมีบางอย่างที่ทำให้บ่าวทั้งสองชะงักงันไปกลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง สัญชาตญาณร้องเตือนว่าหากััเด็กสาวคนนี้แม้เพียงปลายเล็บ อาจมีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น
เหลียนฮวาค่อย ๆ กวาดสายตาคมกริบคู่นั้นมองบ่าวรับใช้ทีละคน จากนั้นจึงเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ซูเม่ยซึ่งกำลังกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ
"ชีวิตของข้าเป็ของข้า... ส่วนชีวิตของพวกเ้า..." นางเว้นจังหวะเล็กน้อย มุมปากยังคงยกยิ้มอย่างเ็า "...ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกเ้าในตอนนี้"
"หน็อย! นังเด็กปากดี!" ซูเม่ยหมดความอดทน นางเป็ถึงคุณหนูผู้สูงส่ง ไม่เคยมีทาสรับใช้คนใดกล้าต่อปากต่อคำกับนางเช่นนี้มาก่อน "พวกเ้ามันไร้ประโยชน์! ถ้าไม่กล้าแตะมัน ก็ไปเอาน้ำเย็น ๆ มาสาดให้มันได้สติ!"
เหลียนฮวายังคงนั่งนิ่งอยู่บนกองฟาง ท่าทางสงบนิ่งของนางยิ่งขับให้ซูเม่ยดูกระฟัดกระเฟียดราวกับเด็กลงไปถนัดตา นางมองลึกลงไปในดวงตาที่ลุกโชนด้วยโทสะของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ
"คุณหนูซูเม่ย"
การที่นางเรียกชื่อเต็มอย่างไม่เจือปนความนอบน้อมแม้แต่น้อย ทำให้ซูเม่ยชะงักอีกครั้ง
"ท่านคิดว่า...เหตุใดข้าจึงฟื้นขึ้นมาได้?" เหลียนฮวาเอ่ยถาม ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย "ท่านคิดว่าเด็กสาวที่ป่วยหนักใกล้ตาย จู่ ๆ จะลุกขึ้นมานั่งพูดจาฉะฉานเช่นนี้ได้เพราะเหตุใด?"
คำถามของนางแทงใจดำ ซูเม่ยไม่ใช่คนโง่เขลาเสียทีเดียว นางเป็เพียงคุณหนูที่ถูกตามใจจนเคยตัว เมื่อถูกกระตุกด้วยคำถามนี้ ความคิดเื่ภูตผีปีศาจหรือคุณไสยมนต์ดำก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที ใบหน้าของนางพลันซีดเผือดลงเล็กน้อย
เหลียนฮวาเห็นแววหวาดหวั่นในดวงตาของอีกฝ่าย นางจึงกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาราวกับจะเล่านิทาน "ในยามที่ข้าใกล้จะสิ้นลม... ข้าเห็นท่านยายของข้าผู้ล่วงลับไปแล้ว"
นางกุเื่ขึ้นสดๆ โดยอาศัยเศษเสี้ยวความทรงจำของเ้าของร่างเดิมที่เคยมีท่านยายผู้ เป็หมอตำแยในหมู่บ้าน "ท่านยายบอกข้าว่า... มีคนใจร้ายรังแกหลานสาวของท่าน ท่านจึงกลับมาเพื่อทวงความยุติธรรม ท่านยายบอกอีกว่า... หากใครหน้าไหนกล้าแตะต้องตัวข้าแม้เพียงปลายเล็บ..."
นางจงใจหยุดพูด หรี่ตามองซูเม่ยด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง
"ท่านยาย...จะตามไปอยู่เป็เพื่อนผู้นั้น...ทุกคืน"
ลมหนาวรอบใหม่พัดกรูเข้ามาในห้องพอดีกับที่นางพูดจบ มันพัดพากองฟางแห้งให้ปลิวกระจาย และทำให้คบไฟที่ทางเดินด้านนอกสั่นไหววูบวาบราวกับมีเงาใครบางคนเคลื่อนผ่าน บรรยากาศอันน่าขนลุกทำให้บ่าวรับใช้สองคนถึงกับถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าของซูเม่ยซีดขาวราวกับกระดาษ แม้นางจะพยายามทำใจกล้า แต่เื่ผีสางนางไม้เป็สิ่งที่นางหวาดกลัวที่สุดมาั้แ่เด็ก
"ไร้...ไร้สาระ! เ้าคิดว่าข้าจะเชื่องั้นรึ!" แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงของนางกลับสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านจะเชื่อหรือไม่...ก็สุดแล้วแต่ท่าน" เหลียนฮวาตอบอย่างไม่ยี่หระ "แต่พิษในกายข้ายังไม่หมดสิ้น หากข้าเป็อะไรไปตอนนี้... เกรงว่าิญญาข้าคงต้องวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อรอท่านยายมารับ... บางที...อาจจะไปเข้าฝันใครบางคนเพื่อถามไถ่ถึงสาเหตุการตายของข้าก็เป็ได้"
คำพูดนี้คือการข่มขู่ที่แยบยลยิ่งกว่า นางไม่ได้บอกว่าซูเม่ยเป็คนทำ แต่การพูดเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณหนูขี้ขลาดผู้นี้ร้อนตัวไปเอง
"ข้า...ข้าไม่ได้ทำอะไรเ้า!" ซูเม่ยเผลอะโออกมาอย่างคนเสียขวัญ
"ข้าก็ไม่ได้พูดว่าเป็ท่านนี่เ้าคะ" เหลียนฮวาแสร้งทำหน้าซื่อตาใส "ข้าเพียงแต่พูดตามที่ท่านยายบอกมาเท่านั้น"
นางค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นยืนช้า ๆ แม้ร่างกายจะยังอ่อนแอและโซเซ แต่กระดูกสันหลังกลับตั้งตรงอย่างสง่างามผิดกับเด็กสาวล้างสมุนไพรคนเดิมโดยสิ้น เชิง สายตาของนางมองผ่านซูเม่ยไปยังกองสมุนไพรสดกองใหม่ที่วางอยู่หน้าประตู
"ส่วนเื่งาน... ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก" นางเดินผ่านร่างที่แข็งทื่อของซูเม่ยและบ่าวรับใช้ไปอย่างไม่แยแส ราวกับพวกเขาเป็เพียงอากาศธาตุ "แต่ก่อนอื่น... ข้าต้องจัดการ 'พิษ' ในร่างกายของข้าเสียก่อน"
นางจงใจเน้นคำว่า "พิษ" พร้อมกับเหลือบมองไปยังทิศทางที่เหลียนต้าหู่จากไปอย่างมีความหมาย ก่อนจะเดินตรงไปยังส่วนหลังร้านที่เป็ที่เก็บสมุนไพรสำหรับปรุงยา
ซูเม่ยยืนตัวแข็งทื่อ มองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่ดูเปลี่ยนไปเป็คนละคน นางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธและความกลัวที่ปะปนกัน นางอยากจะกรีดร้องและสั่งให้คนไปจับตัวเด็กอวดดีนั่นมาโบยเสียให้หนำใจ แต่ภาพดวงตาอันลึกล้ำและคำขู่เื่ "ท่านยาย" ยังคงตามหลอกหลอนอยู่ในหัว
"คุณ...คุณหนูขอรับจะให้ทำอย่างไรต่อดีขอรับ"บ่าวรับใช้คนหนึ่งรวบรวมความกล้า ถามขึ้น
"จะทำอะไรได้เล่า!" ซูเม่ยตวาดแว้ดใส่บ่าวเพื่อระบายอารมณ์ "ก็รอดูมันน่ะสิ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผีสางจะมีจริง! มันต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็แน่! คอยดูเถอะ... ข้าจะจับผิดมันให้ได้!"
พูดจบนางก็สะบัดหน้าเดินกระทืบเท้าปึงปังจากไปทิ้งให้บ่าวสองคนมองหน้ากันเลิ่ก ลั่ก ไม่มีใครกล้าเดินตามเหลียนฮวาเข้าไปยังส่วนปรุงยา
ณ ลานดินหลังร้าน
เหลียนฮวาเดินตรงไปยังรางสมุนไพรที่มีพืชหน้าตาธรรมดา ๆ ปลูกอยู่สามสี่ชนิด นี่คือสมุนไพรพื้นฐานที่แม้แต่คนงานชั้นล่างสุดก็รู้จักสรรพคุณของมัน
นางไม่สนใจสมุนไพรราคาแพงที่อยู่ในตู้ นางไม่้าให้ใครสงสัยไปมากกว่านี้ ดวงตาที่บัดนี้สามารถมองเห็น "พลังงานธาตุ" ในพืชแต่ละชนิดได้อย่างราง ๆ กวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่ต้น "หญ้าลิ้นงู" พืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นและสรรพคุณในการล้างพิษร้อน
นางเด็ดใบของมันขึ้นมาสามใบ จากนั้นก็เดินไปหยิบ "รากขิงแก่" ที่วางทิ้งไว้ในตะกร้ามาหนึ่งแง่ง และสุดท้ายคือ "เปลือกส้มตากแห้ง" ที่แขวนไว้ใกล้ ๆ
นี่คือสมุนไพรสามัญประจำบ้านที่ดูไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ในความรู้แห่งเซียนโอสถ... "หญ้าลิ้นงู" มีธาตุเย็น สามารถขับพิษร้อนจากรากอสรพิษเหมันต์ได้ "รากขิงแก่" มีธาตุร้อน จะช่วยปรับสมดุลไม่ให้ร่างกายเย็นเกินไปจนช็อก และ "เปลือกส้มตากแห้ง" จะช่วยบำรุงลมปราณและกระเพาะที่ปั่นป่วนจากการถูกพิษ
นางเดินไปยังเตาไฟเก่า ๆ ที่ใช้ต้มน้ำให้คนงานอย่างใจเย็น ก่อไฟด้วยท่าทีคล่องแคล่วราวกับทำมานับร้อยปี ทุบรากขิงพอแหลก ใส่ทุกอย่างลงในหม้อดินใบเล็ก เติมน้ำ แล้วเริ่มต้มยาด้วยไฟอ่อน
นางไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็ปาฏิหาริย์ ทุกขั้นตอนคือสิ่งที่คนธรรมดาสามารถทำได้ แต่มันคือความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา... ความแม่นยำในการเลือกสมุนไพร การควบคุมไฟ และความสงบนิ่งเยือกเย็นของนาง ช่างขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของเด็กสาวล้างสมุนไพรโดยสิ้นเชิง
ขณะที่รอยาเดือด กลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรก็ลอยอวลไปทั่ว นางหลับตาลง ััถึงพลังิญญาอันน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่ในร่างนี้ มันอ่อนแอ...อ่อนแอยิ่งกว่ามดปลวกในภพเซียนเสียอีก
ร่างกายนี้...อ่อนแอเกินไป
ความทรงจำ...ก็ขาดห้วง จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าศัตรูของเราคือใคร...
ทำไมเราถึงต้องมาอยู่ในร่างนี้? หรือนี่คือการลงทัณฑ์จาก์?
นางลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาสับสนเมื่อครู่หายไป ถูกแทนที่ด้วยความเด็ดเดี่ยวอันเยือกเย็น
ไม่... ไม่สำคัญว่าอดีตจะเป็อย่างไร
ไม่สำคัญว่า์จะเล่นตลกอะไรกับข้า
ในเมื่อข้าตื่นขึ้นมาในนาม "เหลียนฮวา"... ข้าก็คือเหลียนฮวา เด็กสาวผู้มีแม่ที่ต้องดูแล และมีน้องสาวที่ต้องปกป้อง
ส่วนหนี้แค้นของเ้าของร่างเดิม... และหนี้แค้นของข้าในชาติก่อน...
นางยกถ้วยยาที่รินเสร็จแล้วขึ้นจรดริมฝีปาก ไออุ่นจากถ้วยยาทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
ข้าจะทวงคืน...ให้สิ้นซาก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้