ตอนที่ 35
ปัณณวีร์คิดเอาไว้แล้วว่าศิลาต้องทำแบบนี้ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามและก็เข้าใจ เพราะอีกฝ่ายคงเป็ห่วงและไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ หลังเ้าตัวออกมาไลฟ์ฝากถึงแฟนคลับกลุ่มนั้นที่ไม่ชอบปัณณวีร์ พร้อมกับบอกว่ามีหลักฐานจะฟ้องเรียกค่าเสียหายให้หมดเพื่อเป็ตัวอย่างให้เห็นว่า พอปล่อยไปครั้งหนึ่งแล้วไม่ใช่ว่าจะทำครั้งที่สองได้ เป็ศิลาลงมือเองเขาจึงไม่ต้องทำอะไรเพราะแค่ศิลาไลฟ์ก็ขึ้นเทรนด์แล้ว หลายต่อหลายคนเห็นด้วยกับที่ศิลาจะเอาเื่เพราะเป็การไม่ให้เกียรติกันเลย
“สมควรแล้วละค่ะ” ชาพูดขึ้น เธอเองก็เข้าไปอ่านในแท็กเหมือนกัน
“ก็นะ ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน” ปัณณวีร์อุตส่าห์ไม่บอกศิลาแล้ว เมื่อเช้าก็ถูกคนน้องโกรธเข้าให้ที่ปิดบัง
“จะว่าไปศิลานี่ก็จัดการไว้ดีจริงๆ นะคะ” ไม่ไวได้ยังไง ไม่ว่าอะไรที่เป็เื่ของปัณณวีร์ ศิลามักจะทำอะไรรวดเร็วเสมอ
“ศิก็เป็แบบนี้แหละ ่บ่ายไม่มีงานอะไรใช่ไหม”
“ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกนะ คงไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศอีก ถ้ามีอะไรเร่งด่วนค่อยโทรมาแล้วกัน”
“ได้ค่ะ” ปัณณวีร์รีบจัดการงานตรงหน้าเพราะว่าจะไปหาน้ำหนึ่งต่อ เมื่อเช้าตอนออกมาเธอยังคงอยู่ที่คอนโดของปัณณวีร์ ไม่ได้กลับคอนโดตัวเอง
ทางด้านน้ำหนึ่งพอตื่นขึ้นมาใน่สายๆ ก็เห็นว่าห่อขนมปังวางอยู่ที่โต๊ะและกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ ที่เขียนไว้ว่า ‘ทำกินเอานะ หรือจะทำแซนด์วิชก็ได้ ในตู้เย็นมีของอยู่’ เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจัดการเอาขนมปังออกมาปิ้งและชงชาดื่มไปพลาง ระหว่างทานมื้อเช้าก็คิดถึงคำพูดของคนเ้าชู้ขึ้นมา พลางคิดไปต่างๆ นานาว่าศรุตจะทำได้จริงอย่างที่พูดรึเปล่าราวกับคาดหวังกับอีกฝ่ายทั้งที่บอกว่าไม่สนใจแท้ๆ เกิดเป็ความคิดความย้อนแย้งในหัว
ศรุตเองก็ไม่ต่างกัน วันนี้แทบไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเลย เอาแต่คิดถึงน้ำหนึ่ง คิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรเพราะเธอไม่ได้้าหรือเรียกร้องอะไรอยู่แล้ว แต่นั่นทำให้เขาไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย ทำไมน้ำหนึ่งไม่เรียกร้องจากเขาสักนิดนั่นคือคำถามที่ศรุตถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ขนาดเสียงเคาะประตูดังขึ้นเ้าของห้องก็ยังคงไม่รู้สึกตัว จนคนเคาะหมดความอดทนเปิดประตูเข้ามาซะเอง ซึ่งก็คือศิลา
“ไม่มีมารยาทเลย เข้ามาไม่เคาะประตูก่อน” ศรุตพูดขึ้น
“เคาะแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลยนึกว่าเครียดตาย” ศิลาเองก็ตอบกลับพลางมองพี่ชายตาเขียวเพราะเื่ของเ้าตัวทำให้ไม่ได้นอนกับปัณณวีร์
“มีอะไร”
“ก็ไม่มีอะไร พอดีว่างก็เลยมานั่งเล่น”
“เหอะ” ร้อยวันพันปีไม่มีมานั่งเล่นด้วยกันหรอกหากว่าไม่มีเื่จะคุย “มีอะไรพูดมา”
ศิลาเหลือบมองก่อนจะเอ่ยขึ้น “สรุปว่าเื่พี่น้ำหนึ่งจะเอายังไง”
คนถูกถามถอนหายใจยาว เพราะเขาเองก็คิดเื่นี้อยู่เหมือนกัน แม้จะขอโอกาสน้ำหนึ่งไปแล้วแต่ก็ทำให้ศรุตกลุ้มใจอยู่ดีเนื่องจากอีกฝ่ายเป็ดารา เป็ที่รู้จักไม่น้อยหากว่าท้องโตขึ้นมาคนก็ต้องรู้ว่าท้องและก็ต้องอยากรู้ว่าใครเป็พ่อของเด็ก ถึงตอนนั้นหากน้ำหนึ่งยังไม่ใจอ่อนหรือว่าเชื่อใจเขาได้จะเป็ยังไง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้คิดเื่นี้เลย
“คิดไม่ออก” พอเป็เื่ของตัวเองก็คิดอะไรไม่ออกเอาดื้อๆ จากเป็คนเ้าแผนการคิดแผนช่วยคนอื่นกลับคิดแผนช่วยตัวเองไม่ออก อย่างที่เขาว่ากันว่าพอเป็เื่คนอื่นมีวิธีการจัดการอย่างดิบดี พอเป็เื่ของตัวเองเอาตัวไม่รอด คิดอะไรไม่ออก ศิลาได้แต่ส่ายหัวไปมาแล้วเสนอความคิดเห็น
“ในเมื่อพี่พูดแล้วโน้มน้าวเขาไม่ได้ก็ลองเปลี่ยนคนพูดสิ”
“ใคร” ศรุตก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าจะให้ใครไปคุยกับน้ำหนึ่ง เพราะเื่นี้เขาเป็คนก่อก็ต้องเป็คนรับ
“โง่จริงๆ” ศิลาพึมพำแต่มีหรือที่ศรุตจะไม่ได้ยิน จึงถลึงตาใส่ “คุณพ่อคุณแม่ไง”
แต่พอศิลาพูดต่อก็เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ปลายถ้ำ ศรุตมองหน้าน้องชายแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ฉลาดเหมือนกันหนิ”
“อยู่แล้วแหละ แต่ก่อนไปขอให้พ่อกับแม่ช่วยพี่คิดก่อนนะว่าอยากจะรับผิดชอบเขาเพราะอะไรอ่ะและจะรับผิดชอบยังไง” ศิลาพูดเสริม “ถ้าอยากรับผิดชอบเขาเพียงเพราะท้องลูกของพี่ก็อย่าไปรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเขา ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกนะที่อยากจะแต่งงานเพราะมันคือการผูกมัดเขาเอาไว้”
ศรุตคิดตามที่น้องชายพูด และถามตัวเองในใจ ที่บอกอยากรับผิดชอบเขาจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานงั้นหรอ หากว่าไม่ได้ชอบกันแต่งงานกันไปต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีความสุขกันเอง แบบนี้แล้วก็ไปกันไม่รอด
“พี่ชอบพี่น้ำหนึ่งรึเปล่าเอาง่ายๆ เลย” ศิลาถามจี้จุดตรงประเด็นไปเลย เพราะตัวเขาไม่ได้อยู่กับพี่ชายและน้ำหนึ่งมาเหมือนกับปัณณวีร์ ศิลามองไม่ออกเลยว่าสองคนนี้แอบชอบกันยังไง แต่ปัณณวีร์ก็เคยบอกอยู่บ่อยครั้ง
“ชอบ” ศรุตพูดออกมา หลังจากที่คิดทบทวนมาทั้งคืนก็กล้ายอมรับสักที
“แล้วทำไมไม่บอกพี่เขาไปล่ะ”
“เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งคบกับผู้หญิง พี่เลยคิดมาตลอดว่าเขาชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย จนมาไม่นานนี้ก่อนจะเกิดเื่นี้ขึ้น ได้คุยกับวีร์ถึงได้รู้ว่าหนึ่งไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็หญิงหรือชาย ขอแค่คุยด้วย อยู่ด้วยแล้วสบายใจเป็ตัวของตัวเองก็พอ” เพราะแบบนี้ วันนั้นเขาถึงได้ปล่อยเลยตามเลย คิดแล้วก็ได้แต่โทษตัวเองเพราะมันไม่ถูกที่ถูกทางซะเท่าไหร่
“พวกพี่จะทำให้มันยากกันทำไมนะ” ศิลาเป็คนตรงๆ เขารู้สึกยังไงเขาก็บอกไปแบบนั้น เขาชอบปัณณวีร์ก็ไปสารภาพกับอีกฝ่าย แต่ก็อย่างว่า...เื่ของความรักความรู้สึกบางครั้งมันก็ง่ายดายเกินไป บางครั้งมันก็สลับซับซ้อนแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ตัวก็มี
“จะไปขอให้พ่อกับแม่ไปช่วยพูด” ศรุตเหมือนคนคิดได้ รีบลุกจากเก้าอี้ทันที
“ช่วยพูดเื่อะไร??” ศิลาเอ่ยถามก่อนพี่ชายจะออกจากห้อง
“เื่แต่งงาน” ตอบแค่นั้นศรุตก็ออกไป ปล่อยให้ศิลาอยู่ในห้องพลางส่ายหน้าเบาๆ และนึกในใจถือว่าได้ช่วยแล้ว ตอบแทนที่ช่วยเขาก่อนหน้านั้น
กนกได้ฟังเื่ราวที่ลูกชายคนโตมาเล่าให้ฟังและขอให้ช่วยก็แทบเป็ลม เธอบอกกับศรุตเสมอว่าหากจะรักสนุกก็ต้องรู้จักการป้องกัน แต่ในเื่ร้ายก็ยังพอจะเป็เื่ดีๆ ที่เธอกำลังจะได้อุ้มหลาน และลูกชายคนโตจะเป็ฝั่งเป็ฝาแม้จะกะทันหันไปจนตั้งตัวไม่ทันก็เถอะ ศรุตถูกกนกและอาธิปบ่นยาวั้แ่บ้านไปถึงคอนโดของปัณณวีร์เพราะน้ำหนึ่งยังคงอยู่ที่นั่น
เสียงกดกริ่งดังขึ้น ปัณณวีร์ที่ได้รับข้อความจากศรุตว่าให้ช่วยดึงน้ำหนึ่งไว้ที่ห้องหน่อยจะพาพ่อกับแม่เข้าไปคุย ปัณณวีร์เห็นว่ามันเป็เื่ใหญ่ เด็กในท้องไม่ใช่เพียงลูกของทั้งสองแต่ก็เป็หลานของกนกและอาธิป และเื่นี้น้ำหนึ่งเองก็ต้องบอกแม่เธอด้วย
“เชิญครับ” ปัณณวีร์เปิดประตูให้ ศิลาเองก็มาด้วย เมื่อทั้งสี่คนเข้าไปในห้องน้ำหนึ่งก็งงเป็ไก่ตาแตกว่าทำไมขนกันมาทั้งบ้านแบบนี้ อาธิปมองหน้ากับภรรยาก่อนจะเป็คนพูดขึ้น
“หนูน้ำหนึ่ง คือเื่ของหนูกับศรุตพวกเรารู้กันแล้ว” น้ำหนึ่งอ้าปากค้างเล็กน้อยแล้วถลึงตาใส่ศรุตที่รีบเอาเื่นี้ไปบอกผู้หลักผู้ใหญ่จนเ้าตัวต้องรีบแก้ตัว
“ฉันไม่ได้บอกนะ คือพ่อกับแม่มาได้ยินตอนที่คุยกับศิลา” เป็การโกหกที่กนกอยากจะฟาดลูกชายเข้าให้ ไปขอร้องให้มาพูดเกลี้ยกล่อมไม่พอยังลากผู้ใหญ่มาโกหกด้วยอีก
“นั่งกันดีกว่านะครับ” ปัณณวีร์บอกด้วยรอยยิ้ม จึงได้ย้ายกันไปนั่งที่โซฟา ปัณณวีร์เอาน้ำมาให้แขกแล้วปลีกตัวมานั่งที่โต๊ะกินข้าวกับศิลาสองคนเนื่องด้วยอยากให้เป็ส่วนตัวแต่ก็ไม่อยากทิ้งให้เพื่อนอยู่คนเดียว
“น้ำหนึ่ง เื่นี้เป็เื่ใหญ่มาก ฉัน เอ่อ...แม่ต้องขอโทษแทนศรุตด้วยจริงๆ” กนกไม่รู้จะแทนตัวเองกับอีกฝ่ายยังไง เพราะทุกครั้งก็รู้จักกันเพียงเ้านายและดาราในสังกัดเท่านั้น แต่พอลูกชายตัวดีมาอ้อนวอนให้มาช่วยพูดทาบทามขอน้ำหนึ่งให้ก็ยังตั้งตัวไม่ทันคิดคำไม่ออก
“ไม่เป็ไรเลยค่ะ” น้ำหนึ่งรู้สึกเกร็งนิดๆ
“ไม่เป็ไรไม่ได้ ศรุตต้องรับผิดชอบ ต้องแต่งงานกับหนูน้ำหนึ่ง” กนกพูดขึ้น
“อะ เอ่อ” น้ำหนึ่งอึ้งไป ปัณณวีร์ที่ได้ยินก็เช่นเดียวกัน “ไม่ ไม่เป็ไรเลยค่ะ คือเื่นี้เราตกลงกันได้โดยไม่ต้องแต่งงานรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ”
“ได้ยังไงหนู ท้องน่ะนับวันก็ยิ่งจะโตนะ ระหว่างที่ท้องโตก็จะหลบไปคลอดอย่างนั้นหรอ” กนกถามกลับ น้ำหนึ่งก้มมองหน้าตัวเอง เื่นี้เธอเองก็คิดหาทางออกอยู่เหมือนกัน
“ฉันไม่ได้อยากอยากจะรับผิดชอบเพียงเพราะเป็ลูกของฉันนะ แต่ฉันอยากรับผิดชอบเธอด้วย เราสองคนเริ่มต้นกันผิดทางไปหน่อยแต่ฉัน ... อยากจะเริ่มต้นใหม่นะ” ศรุตพูดบ้าง
น้ำหนึ่งลังเลใจไม่น้อย เื่นี้ก็เป็เื่ใหญ่ อีกอย่างตัวเธอไม่มั่นใจว่าศรุตจะทำได้จริง หากว่าแต่งงานกันไปแล้วอีกฝ่ายเลิกเ้าชู้ไม่ได้ก็ไม่ทุกข์ใจกันเปล่าๆ งั้นหรอ
“กังวลเื่อะไร บอกพวกเราได้นะ เื่มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องเร่งแก้ไข ยิ่งช้ายิ่งจะทำให้แก้ยากนะ” อาธิปพูดเสียงนุ่มนวลน่าฟังอย่างเคย เป็คนที่พูดแล้วทำให้คนต้องฟังและคล้อยตามได้ง่าย
“คือ...” น้ำหนึ่งมองสบตากับศรุต คนที่ทำให้เธอเป็กังวล ไม่ใช่ว่าอยากจะท้องไม่มีพ่อเพียงแต่คนเป็พ่อนั้น เธอไม่มั่นใจ กนกราวกับรู้ความคิดของน้ำหนึ่งเวลาที่มองมายังศรุต แววตาส่อความไม่เชื่อใจ ไม่มั่นใจ กนกจึงเอ่ยขึ้น
“เพราะศรุตหรอ” น้ำเสียงที่เธอใช้ถามไม่ได้จะดุหรือว่าอะไร กนกคลี่ยิ้มออกมาหรือเพราะเป็ผู้หญิงเหมือนกันก็ไม่รู้ถึงได้รู้สึกได้ “เพราะลูกชายแม่เ้าชู้ใช่ไหม”
“แม่ครับ” ศรุตเอ่ยเสียงเบาเมื่อผู้เป็แม่ตอกย้ำความผิดของตนเอง
“ค่ะ” น้ำหนึ่งเองก็ตอบอย่างชัดเจน
“ว่าแล้วเชียว” เธอหันไปส่งสายตาตำหนิลูกชายอย่างอดไม่ได้ ไม่ใช่ไม่เคยบอกว่าการเป็ผู้ชายเ้าชู้นั้นเวลาจะจริงจังจริงใจกับใคร ทำให้คนอื่นเชื่อใจได้ยาก แม้ว่าตอนนี้จะเพลาๆ ลงบ้างแล้วก็ตาม
“เอาอย่างนี้ไหม เราก็มาทำข้อตกลงกัน หากว่าแต่งงานกันไปศรุตยังมีผู้หญิงคนอื่น มรดกทุกอย่างที่ควรจะเป็ของศรุตจะเป็ของหนูน้ำหนึ่งและลูกเท่านั้น”
“แม่ครับ” ศรุตเบิกตากว้าง เหมือนถูกผู้เป็แม่ดัดนิสัยเข้าให้ น้ำหนึ่งหันไปมองขอความเห็นจากปัณณวีร์
ปัณณวีร์ทำเพียงพยักหน้าและยิ้มให้ เป็การบอกให้น้ำหนึ่งตัดสินใจเอง เธอนึกถึงตอนที่พูดคุยกับปัณณวีร์เมื่อคืนนี้ ทำให้เธอเองก็รู้ใจตัวเองว่าจริงๆ แล้วก็ชอบศรุตเหมือนกัน เพียงแต่ว่าต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละทางกัน และเวลาเจอกันแต่ละครั้งก็มักปะทะฝีปากกันบ่อยๆ
“ทำไม หรือคิดว่าจะทำไม่ได้งั้นหรอ” กนกหันมาถามลูกชาย
“สมน้ำหน้าพี่รุต เ้าชู้ดีนัก” ศิลากระซิบกับปัณณวีร์ โดนคนพี่ตีเบาๆ
“ไม่ใช่ทำไม่ได้ครับ” ศรุตตอบเสียงเบา
“งั้นก็ตามนี้ไหมหนูน้ำหนึ่ง เราทำสัญญาเป็ลายลักษณ์อักษรเลย”
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ การแต่งงานก็ต้องดูก่อนสิว่าทั้งคู่เต็มใจไหม” อาธิปแย้งขึ้นก่อน แม้อยากจะให้ลูกชายรับผิดชอบก็ต้องถามความสมัครใจของน้ำหนึ่งด้วยเช่นกัน
“ผมเต็มใจครับ” ศรุตรีบตอบ ทุกคนจึงมองที่น้ำหนึ่งเพื่อรอเอาคำตอบ น้ำหนึ่งเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหันมองปัณณวีร์อีกครั้ง เพื่อนสนิทก็ยังคงยิ้มให้ สายตาบ่งบอกว่าเคารพในการตัดสินใจของเธอเสมอไม่ว่าจะเลือกทางไหน
“หนูขอคุยกับคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ เื่นี้เป็เื่ใหญ่มากจริงๆ”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นหนูก็คุยกับคุณแม่ก่อนได้เลย” อาธิปตอบ
น้ำหนึ่งเข้าไปโทรคุยกับผู้เป็แม่ในห้องนอนนานสองนาน ปัณณวีร์ก็เอาผลไม้ออกมาให้แขกได้ทานไปก่อนระหว่างรอ แต่ดูเหมือนจะไม่สนใจของกินตรงหน้าเลยแม้แต่น้ำ
“พวกเขาตื่นเต้น” ศิลาบอกเสียงเบา
“ตื่นเต้นอะไร??” ปัณณวีร์ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก
“ตื่นเต้นที่จะได้ลูกสะใภ้กับหลานไง ความฝันของคุณแม่เชียวละ”
“อ๋อออ”
ผ่านไปนานอยู่เหมือนกันก่อนที่น้ำหนึ่งจะเดินออกมาจากห้องแล้วมองทุกคนที่นั่งรออยู่ หยุดสบสายตาที่ศรุตแล้วพูดขึ้น “พ่อฉันบอกว่าถ้านายทำฉันเสียใจ พ่อจะเอาปืนมายิงนายทิ้งซะ ไม่สนใจว่าจะเป็ลูกใคร”
ปัณณวีร์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา รวมถึงอาธิปและกนก มีศิลาที่ไม่ได้แสดงออกอะไรตามนิสัยเ้าตัว แต่ก็มีอีกคนที่ดูจะงุนงงอยู่คือตัวศรุตเองจนกนกต้องหยิกแขนเข้าให้
“โอ้ย! แม่ครับ”
“เขาตอบตกลงแล้ว ซื่อบื้อจริงๆ เลย” กนกว่าให้ศรุตจึงหันมองน้ำหนึ่งแล้วลุกขึ้นไปหา
“ตกลงแล้วจริงหรอ”
“ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกท้องไม่มีพ่อหรอกนะ พ่อแม่ฉันก็เหมือนกันแม้ฉันจะยืนยันว่าเลี้ยงลูกได้ แต่เพราะนายมาขอโอกาส โอกาสนี้ฉันมีให้แค่ครั้งเดียวนะ หากว่าต่อจากนี้นายมีผู้หญิงคนอื่นอีก เราจบกันทันทีและ” น้ำหนึ่งอมยิ้มอย่างผู้ชนะกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน
“อย่าลืมซะล่ะว่า จบกันแล้วแต่มรดกที่เป็ของนายจะเป็ชื่อฉันและลูกตามที่แม่นายเสนอมา”
“หนิ!” ศรุตกัดฟันใส่ ไม่รู้จะโต้ตอบอะไรดี อยู่ๆ ก็กลายเป็คนไม่กล้าเถียงขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะเป็แบบนี้เลย
“ตามนั้น” น้ำหนึ่งยิ้มให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินผ่านไปนั่งข้างกนกตามเดิม
“เรามาคุยกันดีกว่าจะจัดงานเมื่อไหร่ แม่อยากให้เร็วที่สุดนะ” นอกจากจะคุยเื่งานแต่งแล้วยังต้องมีเื่ข่าวอย่างแน่นอน ที่อยู่ๆ ทั้งสองก็ประกาศงานแต่งดั่งสายฟ้าแลบแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้คบหาดูใจกัน แม้จะมีข่าวบ้างเล็กน้อยที่ศรุตตามจีบน้ำหนึ่งหรือว่าเห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกัน
“คนจะเล่นข่าวมีไม่กี่ประเด็นหรอก” ปัณณวีร์พูดขึ้น เขากับศิลาออกมาจากห้องเพื่อไปหาอะไรทาน ปล่อยให้เ้าของงานคุยกันเอง “ท้องก่อนแต่งนี่มีแน่ๆ”
“มันเป็เื่ที่ค่อนข้างอ่อนไหว อยู่ที่ความคิดของคนด้วย” ศิลาออกความเห็น
“ก็จริง”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ท้องก่อนแต่งแล้วยังไง เรามีปัญญาที่จะเลี้ยงเขาก็พอแล้ว พี่หนึ่งเองก็อายุไม่น้อยจะมีก็ไม่แปลก”
“ว่าหนึ่งแก่หรอ งั้นพี่ก็แก่น่ะสิ” ปัณณวีร์หันไปมองหน้า
“ผมชอบคนแก่กว่าครับ” ไม่พูดเปล่า ยังคงรั้งท้ายทอยคนพี่เข้ามาหาแล้วประกบจูบเบาๆ ไม่รุนแรง
“เดี๋ยวคนเห็น” ปัณณวีร์รีบผละออกแล้วกลั้นยิ้มเพราะตอนนี้อยู่ในลิฟต์กลัวว่าลิฟต์จะเปิดออกก่อนแล้วมีคนเห็นเข้าคงได้เป็ข่าวอีกแน่ๆ
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันได้แล้ว กำหนดวันแต่งก็เป็เดือนหน้า แม้จะดูกะทันหันไปแต่เื่ของการเตรียมงานนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย จะบอกว่ามีเงินอะไรก็เร่งให้เร็วได้ แม้แต่ชุดของเ้าสาวที่สั่งตัดใหม่ก็ต้องเสร็จให้ทันวันงาน หลังมีข่าวออกไปเื่ที่ทั้งสองจะแต่งงานกันก็ทำเอาแฟนคลับใเป็แถวๆ เพราะมันสายฟ้าแลบมาก แน่นอนก็ไม่พ้นข่าวซุบซิบที่ว่าท้องก่อนแต่งอีกแต่น้ำหนึ่งก็ไม่สนใจไม่เอามาใส่ใจเพราะมันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่มันไม่ได้ผิดอะไรและไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้กับใครเธอจึงไม่จำเป็ต้องเดือดร้อน
ปัณณวีร์ก็ช่วยงานเต็มที่เพราะ่นี้เขาไม่ได้ทำละคร ถือเป็่เวลาของการพัก ส่วนศิลานั้นก็เรียนการแสดงเพิ่ม เรียนภาษาเพิ่มไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษเองก็เรียนเสริมเพราะเขาจริงจังกับงานนี้มาก เพื่อที่จะได้เอาลบคำดูถูกที่คนอื่นว่า และแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเขาจะชอบชายหรือหญิง ก็ไม่ได้ส่งผลต่องาน
งานแต่งของศรุตและน้ำหนึ่งจะถูกจัดขึ้นหลังจากศิลาไปแคสต์บทภาพยนตร์กลับมา และได้รับบทเด่น ต้องเตรียมตัวไปฝรั่งเศสไปเรียนแอคติ้งและเรียนฉากบู๊ที่นู่นก่อนจะเริ่มถ่ายจริง ซึ่งใช้เวลารวมๆ จนถึงถ่ายเสร็จก็ประมาณ 7-8 เดือน
“ไปนานมากเลย แบบนี้คิดถึงแย่” เพราะระหว่างที่ซ้อมและเรียนเพิ่มเติมนั้นศิลาจะกลับมาบ่อยก็ไม่ได้ เว้นแต่ปัณณวีร์จะไปหาซึ่งทางเ้าตัวก็มีงานอีกเช่นเดียวกัน
“จะหาเวลาว่างกลับมาหาครับ” ศิลาลูบกลุ่มผมนุ่ม วันนี้ทั้งวันเหนื่อยกับงานต้อนรับแขกงานแต่งพี่ศรุตและน้ำหนึ่ง ข่าวไม่นานคนก็ลืม มางานก็ยิ้มแย้มสวมหน้ากากใส่กันเสมอๆ
“มีเลิฟซีนไหม” ปัณณวีร์ถามขึ้น
“มีครับ ฉากเดียว”
“ดีเหมือนกัน” ศิลาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจทำไมคนพี่ไม่หึงหวงอะไรตนเองเลย ถามว่ามีเลิฟซีนไหมแต่ไม่ได้จะหวงกลับบอกว่าดีอีกต่างหาก
“ดียังไง อยากให้ผมเล่นเลิฟซีนหรอ”
ปัณณวีร์ลุกขึ้นแล้วนอนเท้าคางมองใบหน้าหล่อที่กำลังบึ้งตึงแสดงสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ใช่แต่ก็ไม่ได้ห้าม คือที่บอกว่าดีอ่ะเพราะว่าทุกคนจะได้เห็นไง ว่านักแสดงมืออาชีพเขาไม่เกี่ยงว่าใครเป็อะไร ไม่ต้องอาศัยความอินถึงจะเล่นได้ การจะเป็นักแสดงคุณก็ต้องสร้างอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาเองสิจริงไหม” ปัณณวีร์ยังเคืองไม่หายกับคนที่ไม่รับเล่นละครคู่กับศิลา เหตุผลแค่ว่าไม่อินเพราะศิลาชอบผู้ชาย
“แต่ผมเล่นเลิฟซีนเลยนะ ดาราต่างชาติเขาเล่นจริงจูบจริงนะ เท่าที่ผมดูเนี่ยดูจะดุด้วย”
“ไม่เป็ไร พี่ลบรอยให้ทีหลังเอง” ปัณณวีร์ยักคิ้วหนึ่งทีก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนแขนของอีกฝ่ายแล้วกอดเอาไว้
“พี่นี่น่าตีจริงๆ” ศิลาส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ
ฝั่งทางด้านของคู่สมรสใหม่นั่นก็ทำอะไรไม่ถูกหลังจากส่งตัวเข้าหอ ต่างคนก็ต่างนั่งมุมใครมุมมันราวกับไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปดี
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ศรุตพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“อืม” น้ำหนึ่งตอบแค่นั้น แต่ตอนจะลุกดันเหยียบชายกระโปรงตัวเองไว้ ศรุตจึงคว้าเอาไว้แล้วล้มลงมาทางเตียงพอดี
“เป็อะไรไหม”
“อ่อ ไม่เป็ไร ขอบใจแล้วก็ ... ปล่อยได้แล้ว” ศรุตกลับไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด
“หนึ่ง เราเริ่มต้นกันไม่ดี ตอนนี้เริ่มต้นกันใหม่ ฉันไม่ขอให้เธอเชื่อใจฉันตอนนี้ แต่ขอให้เธอดูว่าฉันทำได้ ไม่ควงไม่คบผู้หญิงคนไหนอีก”
“ต้องเป็แบบนั้นอยู่แล้วเพราะถ้านายทำ นายหมดตัวแน่”
“ทุกอย่างเป็ของเธอและลูกอยู่แล้ว”
“ทำมาพูดดี ปล่อยได้แล้ว” น้ำหนึ่งพยายามดันตัวเองขึ้น
“เดินระวังๆ หน่อย หมอบอกว่า่นี้ต้องระวังเป็พิเศษนะ” ศรุตว่าแล้วคลายอ้อมกอด ช่วยให้อีกคนลุกขึ้นพร้อมก้มจับกระโปรงของอีกฝ่ายที่ยาวลากพื้น “ไปเถอะเดี๋ยวไปส่งที่ห้องน้ำ”
น้ำหนึ่งมองการกระทำของอีกฝ่ายที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นศรุตอ่อนโยนด้วย เพราะปกติมีแต่เถียงกัน มาตอนนี้ดูเหมือนศรุตจะไม่ค่อยกล้าเถียงเท่าไหร่นัก ไม่รู้เพราะเกรงใจน้ำหนึ่งหรือกำลังกลายเป็คนกลัวเมียกันแน่
ศิลาเตรียมตัวเก็บของไปฝรั่งเศส โดยคนที่ตามไปดูแลก็เป็ดารินตามเคยเพราะเธอไม่ไว้ใจให้รุ่นน้องไป อีกอย่างเพราะว่าศิลานั้นเป็คนที่ค่อนข้างเอาใจยาก หากว่าไม่เคยดูแลเขามาก่อนก็คงจะไม่รอดดังนั้นเธอจึงต้องไปเอง
ทุกคนต่างมาส่งศิลาที่สนามบิน ทั้งปัณณวีร์ กนกและอาธิป จะมีก็แต่สองสามีภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันไปไม่ถึงเดือนที่ไม่ได้มาส่งเพราะไปเชียงใหม่ไปบ้านของน้ำหนึ่งกัน รวมถึงแฟนคลับของศิลาที่มาส่งที่สนามบินด้วย นับว่าพวกเขาชินแล้วที่เห็นศิลากับปัณณวีร์ตัวติดกัน เพราะหลังๆ มานี้พวกเขาไปไหนมาไหนกันอย่างเปิดเผยแล้ว อาจจะมีบ้างที่ไปเดินห้างปิดหน้าปิดตาเพราะไม่อยากให้ใครจำได้กลัวจะวุ่นวาย กลายเป็ว่าแฟนคลับต่างก็เอ็นดูทั้งคู่ไปด้วยกัน
"ไว้พี่จะหาเวลาไปหานะ" ปัณณวีร์บอกแล้วก้มมองกำไลมือที่ศิลาใส่ไปด้วยเป็กำไลคู่ของพวกเขา เรียกว่าเป็ครั้งแรกก็ว่าได้ที่ต้องห่างกันไกลขนาดนี้แต่เป็การห่างกันที่ปัณณวีร์รู้สึกยินดีด้วยจริงๆ ไม่คิดว่าศิลาจะไปได้ถึงตรงนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงฮอลลีวูด
"ผมรอ" ศิลาดึงคนพี่เข้าไปกอด แค่กอดก็คนตัวเล็กกว่าก็จมเข้าไปกับอกแล้ว ปัณณวีร์กอดตอบก่อนจะเงยหน้าไปหอมแก้ม เล่นเอาแฟนคลับที่ยืนอยู่รอบนอกกรี๊ดกันในใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นดาราที่ชอบมีแฟน แถมยังหวานกันไม่เกรงใจใครเลย
"สองคนนี้ก็ไม่เคยแ่ กอดกันให้พอค่ะ" ดารินพูดขึ้นจึงได้ผละออกจากกัน
"อิจฉาแหละรู้" ปัณณวีร์แซว
"เดินทางปลอดภัยนะลูก" อาธิปเดินเข้ามา ศิลาจึงหันไปกอดผู้เป็พ่อ ผละออกแล้วก็มากอดกนกอีกคน
"สู้ๆ นะลูก เดินทางปลอดภัย"
"ไว้เจอกันครับ" ศิลายิ้มบางๆ เขาตัดสินใจแล้วว่างานนี้จะเป็งานสุดท้าย งานส่งท้ายของเขา จากนี้จะไม่รับงานอีกแล้ว ซึ่งได้บอกกับดารินเอาไว้เพียงแต่ยังไม่ได้บอกกับคนอื่นๆ ซึ่งดารินก็เคารพในการตัดสินใจของศิลา
"Good Luck" ปัณณวีร์พูดพร้อมโบกมือลาด้วยรอยยิ้มสดใส สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรไกลเกินไปหรอก ฝรั่งเศสก็แค่ปากซอยเข้าคอนโดเท่านั้น...
“อย่าเพิ่งบอกวีร์นะอ้น ลุงขอ เดี๋ยวลุงจะเป็คนบอกวีร์เอง”
“ก็ได้ครับ งั้นลุงต้องรีบบอกวีร์นะครับ” อ้นบอกหน้าเครียด หากว่าวันนี้ไม่เห็นยาที่เชวงกินก็คงไม่รู้เช่นเดียวกัน พลางนึกในใจว่าพ่อลูกช่างเหมือนกันเสียจริง มีอะไรก็ไม่บอกกัน กลัวแต่อีกฝ่ายจะเป็ห่วงเป็กังวล
“ได้ๆ” เชวงรับคำ
TBC.