หลีซีเอ๋อร์เห็นว่าค้างคาวต่างพากันบินล้อมรอบยอดเขาสูงเธอจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่เมื่อจะเรียกให้เสี่ยวจินไปดูให้ตายอย่างไรอินทรีตัวนี้ก็ไม่ยอมเข้าใกล้ยอดเขาสูงนั่นเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเ้าไม่ไปแล้วหากรุ่นพี่หลินเจอกับอันตรายจะทำยังไง?” หลีซีเอ๋อร์โมโหเสียจนต้องกระทืบเท้าไปมาเธอไม่สนใจเสี่ยวจินอีกต่อไป พร้อมกับวิ่งตรงไปยังยอดเขาสูงด้วยตัวเองเมื่อวิ่งออกมาสักพักก็รู้สึกได้ว่ามีเงาตามมา เมื่อเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าเป็เสี่ยวจินที่ยอมตามมาจนได้นั่นเอง
“ต้องแบบนี้สิ!” หลีซีเอ๋อร์ตบลงบนหัวของเสี่ยวจินเบาๆ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นบนหลังแล้วสั่งให้เสี่ยวจินบินไปยังยอดเขาสูง เธอหาอยู่สักพักกว่าจะพบโพรงถ้ำที่เนินเขาเมื่อหลีซีเอ๋อร์จะเข้าไป เสี่ยวจินก็ใช้จะงอยปากงับเสื้อของเธอเอาไว้ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเด็ดขาด
“ในถ้ำนี้มีอะไรเหรอ?” ยิ่งเสี่ยวจินเป็แบบนี้ หลีซีเอ๋อร์ก็ยิ่งเป็ห่วงหลินลั่วหรานแต่ว่าไม่ว่าเสี่ยวจินจะฉลาดแค่ไหน มันก็ไม่อาจจะพูดภาษามนุษย์ได้อยู่ดีเสี่ยวจินบินวนไปรอบๆ ด้วยความร้อนใจเพราะมันไม่อาจจะทำให้หลีซีเอ๋อร์เข้าใจได้ว่าข้างในถ้ำมีอะไรอยู่
ที่ปากทางเข้ายังมีค้างคาวอยู่กระจายอยู่ทั่วเสี่ยวจินนั้นมีพลังพอที่จะขัดขวางได้ ทำให้พวกมันกลัวจนไม่กล้าเข้ามา
ในตอนนี้ที่กำลังลำบากใจกันอยู่นั้นหลินลั่วหรานก็พุ่งออกมาจากปากถ้ำ หลีซีเอ๋อร์เห็นว่าสภาพของเธอไม่สู้ดีนักเมื่อกำลังจะเปิดปากถาม หลินลั่วหรานก็ะโขึ้นมา “รีบไป!”
เสี่ยวจินย่อตัวลงหลินลั่วหรานพลิกตัวขึ้นหลังของมันหลีซีเอ๋อร์ก็รีบตามขึ้นมาแล้วจับขนบนหลังของเสี่ยวจินเอาไว้
คริสตัลและดาน่าที่ออกมาพร้อมกันกับหลินลั่วหรานอดที่จะใกับพาหนะของหลินลั่วหรานไม่ได้ พวกเขาเองก็ขยับปีกขึ้น แล้วออกตัวบินมาพร้อมกับเสี่ยวจินแต่ว่าทั้งสองกลับบินแยกกันออกไปคนละทาง!
ค้างคาวหน้าปากถ้ำพากันบินมั่วไปทั่วเสียงร้องคำรามถูกส่งออกมาจากในถ้ำ ทั่วทั้งยอดเขาสั่นไหว ราวกับคนทำลายจากด้านใน
โครงกระดูกสีดำร่างหนึ่งบินออกมาจากทางปากถ้ำตามมายังทิศทางของเสี่ยวจิน เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็สามารถตามมาทันจนได้ หลีซีเอ๋อร์หันกลับไปดูก่อนจะโดนสิ่งบ้าๆ นั่นทำเอาใไปหมด เธอส่ง “เวทมีดทอง” ออกไป แต่ว่าราวกับโยนหินลงมหาสมุทรที่แม้แต่คลื่นเล็กๆ ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
“รุ่นพี่ นี่มันอะไรกันคะ?!”
หลินลั่วหรานมองลงไปจากแผ่นหลังของเสี่ยวจินแขนทั้งสองของเธอบวมเป่ง พลังในร่างของเธอไม่มีเหลือแล้วจะให้เอาแรงที่ไหนไปตอบกลับหลีซีเอ๋อร์
เธอมองไปยังไข่มุกที่ข้อมือของเธอต้องเป็มันแน่ๆ ถึงทำให้หมอกดำนั่นตามมาไม่ลดละ
“สัญญามาว่าหลังจากนี้จะช่วยข้าสามเื่แล้วตัวข้าจะช่วยเ้าเอง!” เสียงของท่านเทพป๋ายดังขึ้นมาในหัวของหลินลั่วหรานเป็ครั้งที่สองของวันทำให้หลินลั่วหรานเกิดความหวังขึ้นมา
“เื่อะไร?” ใครจะไปรู้ว่าท่านเทพป๋ายจะคิดทำอะไร ถึงเป็เื่ที่เร่งด่วนแต่หลินลั่วหรานก็ไม่อยากตกหลุมพราง
ท่านเทพป๋ายยิ้มขึ้น “ข้ายังไม่ได้คิด...แต่ว่าจะไม่เป็เื่ที่ทำให้เ้าลำบากและไม่เกินกว่าความสามารถของเ้าแน่นอนเป็ไง? ถ้าเ้าตกลงก็กล่าวคำสาบานเถอะ!”
มันเหมือนกับการกู้ยืมเงินจากธนาคารถ้าอยากซื้อห้องในตอนนี้ก็ต้องคอยผ่อนค่าห้องไปทั้งชีวิตเมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปก็กลายเป็ความลำบากใจตลอดชีวิต แต่ตอนนี้หลินลั่วหรานไร้ซึ่งทางเลือกไม่ซื้อที่อยู่ คนอื่นก็ไม่ตาย แต่ถ้าเธอไม่ตอบตกลงข้อเสนอของท่านเทพป๋าย ยิ่งโครงกระดูกนั้นเข้ามาใกล้ เธอและเสี่ยวจินรวมทั้งหลีซีเอ๋อร์ก็คงจะต้องตายตอนนี้แน่ๆ!
“ข้าตกลง!” หลินลั่วหรานกัดฟันและกล่าว “คำสาบาน” ออกไปตามที่ท่านเทพป๋ายบอก
ท่านเทพป๋ายยิ้มออกมาบางๆก่อนจะปรากฏร่างออกมาจากหินิญญาหลินลั่วหรานพยายามตบลงที่ตัวเสี่ยวจินเพื่อเร่งให้มันเพิ่มความเร็วขึ้น
ร่างของท่านเทพป๋ายในชุดโบราณ เธอยิ้มออกมาอย่างงดงามโครงกระดูกสีดำรีบเปิดปากออกมาทันที “เ้าเด็กน้อย ยังไม่หลบไปอีกอยากถูกทำลายจิติญญาจริงๆ ใช่ไหม!”
ท่านเทพป๋ายยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ท่านที่เคารพทุกคนต่างก็เหมือนกัน ทำไมจึงต้องทำแบบนี้?”
โครงกระดูกสีดำส่งเสียงขึ้นในลำคอ “แม้ว่าเ้าจะเกิดก่อนแต่ก็เป็เพียงนักฝึกลมปราณน้อยๆอย่าบังอาจมาเทียบเคียงกับท่านผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้า ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”
ท่านเทพป๋ายเหยียดยิ้มออกมา ยืดมือของเธอออกไปทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนไปฉับพลัน กาลเวลาไหลย้อนกลับ ทิวเขาสูงขึ้นจากผืนดินแม่น้ำในปัจจุบันต่างกลับไปเป็หาดทรายอย่างเคยและพื้นทรายในปัจจุบันก็กลายเป็ธารน้ำแข็งอย่างวันวาน
โครงกระดูกดำนิ่งไป ทิวทัศน์แบบนี้ช่างคุ้นตาดูราวกับเมื่อหมื่นปีก่อน อาณาเขตของเขาหรือ?
ความคิดของเขาเพิ่งจะมาถึงตรงนี้ก็มีกลุ่มค้างคาวบินข้ามมาจากทิวเขาหนึ่งในนั้นเป็ค้างคาวขนาดหนึ่งเมตรที่มีขนสีขาวอยู่บนหัว เมื่อมันลงมาที่พื้นแล้วก็แปลงกายเป็สาวน้อยแสนงดงามเธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ท่านที่เคารพทำไมท่านเพิ่งจะกลับมาล่ะ?”
ท่านที่เคารพ...โครงกระดูกดำก้มหน้าลงดูตัวเองก็เป็เพียงค้างคาวตัวหนึ่งเท่านั้น? เมื่อเขาคิดขึ้นร่างของเขาก็กลายเป็ชายร่างสูงสง่า ประดับไปด้วยหนวดเครา
“เหยียนเอ๋อร์ทำไมเ้าถึงออกมาได้” หมอกดำเปิดปากพูดขึ้นเรียกชื่อของค้างคาวสาวออกมาได้ถูกต้อง แต่คำเรียกนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกใจขึ้นมาดูเหมือนว่าจะไม่ได้เรียกเธอแบบนี้มานานแล้ว
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยข้างกายนั้นงดงามราวกับดอกไม้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคงจะคิดมากไป
ทั้งสองถูกกลุ่มค้างคาวพากลับมายังที่พักมันคือูเาเขียวขจีและมีแม่น้ำสีใส ดอกไม้เบ่งบานทั้งสี่ฤดู นับว่าเป็ที่ที่ดีแห่งหนึ่ง
กลุ่มหมอกปกคลุมไปทั่ว้าของเขามีพื้นที่ว่างราบเรียบอยู่บัลลังก์ที่ถูกแกะสลักขึ้นจากหินอ่อนปรากฏเลือนรางอยู่กลางกลุ่มหมอกก็มีเสียงที่ฟังดูสนุกสนานส่งผ่านออกมาเหยียนเอ๋อร์ดูราวกับจิติญญาที่พุ่งออกมาจากป่าเขา เพียงแค่ยิ้มออกมาก็สามารถทำให้ใจของเขาละเอียดเป็ผุยผงได้
“ท่านที่เคารพข้าได้เตรียมการแสดงไว้ให้ท่านแล้ว”
หมอกดำส่ายหน้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้อยากจะดูการแสดงใดๆ เพียงแค่อยากพูดคุยกับเธอเท่านั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองนั้นไม่ได้คุยกับเหยียนเอ๋อร์มานานแสนนานแต่เหยียนเอ๋อร์กลับไหลลื่นราวกับสายลมที่พัดผ่านป่าเขาออกมาเธอระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหนีจากเงื้อมมือของเขาไป
ท่าทางปฏิเสธแต่ก็ยังเชื้อเชิญแบบนี้เป็สิ่งที่เหยียนเอ๋อร์มักจะชอบทำ เขาหลุดยิ้มออกมา แต่ไม่ได้ตามติดอะไรและได้แต่นั่งลงบนบัลลังก์เพื่อรับชมการแสดง
สาวๆ ที่กำลังเต้นรำนั้นดูงดงามบนเรือนร่างของพวกเธอสวมใส่ผ้าผืนบางที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม เรือนผมถูกปล่อยสยายแต่กลับไม่อาจปกปิดใบหน้าอันงดงามไปได้เขาจำได้ว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่ใช่คนในตระกูลของเขา เขาคอยปกป้องเฝ้ามองอยู่ตลอดทั้งยังไม่อนุญาตให้พวกสาวน้อยทั้งหลายได้เรียนการเต้นรำที่ยั่วยวนแบบนี้แน่นอน
เมื่อมองอย่างละเอียดสาวคนนั้นมาจากตระกูลของกวางเขาเดียว บนหัวของเธอมีเขากวางเล็กๆ ประดับอยู่ในตอนที่กะพริบตาอย่างไร้เดียงสาก็ทำให้คนอดที่จะคล้อยตามไปไม่ได้
สาวน้อยทุกคนต่างก็สวยงามกว่าค้างคาวสาวอย่างเหยียนเอ๋อร์คนนี้แต่เขากลับไม่มีกะจิตกะใจจะชมการเต้นรำเท่าไรนัก
เหยียนเอ๋อร์ล่ะ?
เมื่อคิดขึ้นมา ทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปค้างคาวขนขาวก็โบยบินมาจากบนฟ้า ดูเหมือนว่าปีกข้างหนึ่งจะได้รับาเ็ ทำให้การบินของมันไม่สะดวกนัก
“เหยียนเอ๋อร์!” ผู้ติดตามข้างกายของเขากลายร่างเป็ค้างคาวในทันทีแล้วเข้าไปช่วยประคองให้ค้างคาวขนขาวเข้ามาเมื่อลงสู่พื้นก็กลายร่างเป็สาวน้อยที่มีชื่อว่าเหยียนเอ๋อร์แขนข้างหนึ่งของเธอได้รับาเ็ รอยเืสีแดงสดทำให้เขาโมโหขึ้นมา!
“ใครทำร้ายเ้า!”
เหยียนเอ๋อร์นั้นไม่ได้สวยงามอะไรมากแต่กลับให้ความรู้สึกบอบบางน่าสงสารเมื่อเธอเบ้ปากออกมาก็สามารถทำให้ใจของผู้คนละลายกลายเป็น้ำได้ไม่ยาก
“เ้าผู้ฝึกลมปราณคนนั้นช่างน่าเกลียดนักข้าเพียงแค่จับคนธรรมดาสองคนมากินแก้กระหาย เขาไม่พูดอะไร แต่กลับตวัดดาบลงยังโชคดีที่เหยียนเอ๋อร์วิ่งเร็ว ไม่อย่างนั้นจะกลับมาพบกับท่านได้อย่างไร?” ใบหน้าขาวซีดของเหยียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความเ็ป
เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเขาสั่งให้คนทำแผลให้กับเหยียนเอ๋อร์ก่อน และตัวเองก็บินขึ้นไปยังบนยอดเขาเขามองลงไปยังควันไฟจากหมู่บ้านของมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลแววตาของเขาประกายความ้าฆ่าขึ้นมา
เ้าพวกนักฝึกลมปราณอีกแล้ว!
ในตอนที่ความสามารถของเขายังไม่ตื่นขึ้นเขาก็เป็เพียงตัวประหลาดในกลุ่มของค้างคาว เป็ผู้ที่เกิดมายิ่งใหญ่ทั้งตระกูลต่างรวมใจกันเลี้ยงดูเขาเพียงคนเดียวขึ้นมา เืเนื้อสดไม่ว่าจะเป็พวกมนุษย์ที่เมื่อก่อนเคยไร้กำลัง หรือว่าสัตว์ประหลาดในยุคแรกๆเมื่อได้พบกับค้างคาวดูดเือย่างพวกเขา ภายใต้การโจมตีแบบกลุ่มก้อนนั้นจะมีใครที่สามารถต่อกรได้?
จนเมื่อพลังของเขาเริ่มตื่นขึ้นั้แ่ที่ได้ฝึกฝนพลังพร์ที่หลับใหลมานานเขานำพาตระกูลค้างคาวดูดเืบินไปยังบริเวณที่ไร้ศัตรู
เืเนื้อของสัตว์ประหลาดนั้นชุ่มชื้นกว่าสิ่งใดแต่กลับไม่อาจจะเทียบเคียงความสดและงดงามของเนืุ้์ได้ อีกทั้งพวกมนุษย์นั้นจับได้ง่ายสัตว์ทุกชนิดที่มีสัญชาตญาณในยุคก่อน ไม่มีใครที่ไม่ชอบ “อาหาร” ชนิดนี้
“กินคน” ในความคิดของเขาแล้ว มันก็เป็เื่ปกติไม่มีอะไรแปลกมาตั้งนานแล้วจนกระทั่งวันหนึ่ง อยู่ๆ ก็มี...สิ่งที่เหมือนว่าจิตใต้สำนึกของเขาจะรู้อยู่
เมื่อเวลาผ่านไปพวกมนุษย์ก็เริ่มมีการปรากฏตัวของคนที่เรียกว่านักฝึกลมปราณขึ้นมา
พวกคนที่สามารถกลั่นพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายได้นั้นดูเหมือนว่าจะเหมาะแก่การฝึกศาสตร์มากกว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ แต่ว่าเพียงเวลาสั้นๆพันปี ก็สามารถโจมตีออกมาได้แล้ว และยังเรียนรู้การใช้สิ่งภายนอกสามารถโบยบินและดำดิน เคลื่อนเมฆสั่งฝน...หรือแม้แต่สามารถกดขี่สัตว์ประหลาดชนิดอื่นได้
เขาเค้นเสียงหัวเราะออกมา เ้าพวกตัวตลกพวกนี้อย่างไรก็เพียงเท่านี้ พวกสัตว์ประหลาดในยุคก่อนต่างก็ได้รับโชคมาั้แ่เกิดจึงได้ไม่อาจจะดิ้นรนอะไรได้!
เดิมทีทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขก็แค่กินคนธรรมดาๆ สองคนเท่านั้นแต่เ้านักฝึกลมปราณนั่นกลับมาทำร้ายเหยียนเอ๋อร์ของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นหัวเขาเลยแม้แต่น้อย
นักฝึกลมปราณที่อยู่ใกล้ๆนี่มีเพียงแค่บนเขาที่ชื่อ “เขาชิงหลวน” อะไรสักอย่างเท่านั้น เมื่อเป็เช่นนั้นแล้วก็ควรจะจับไปให้เหยียนเอ๋อร์ได้ระบายอารมณ์เสียหน่อย
ในคืนนั้นแสงดาวสว่างไสว เขาได้รวบรวมคนเก่งๆเอาไว้ ก่อนจะเดินทางไปยังเขาชิงหลวนด้วยความรวดเร็วนักฝึกลมปราณที่ทำร้ายค้างคาวขาวเพื่อช่วยคนในหมู่บ้านไปเมื่อกลางวันนั้นหรือผู้สืบทอดรุ่นนี้ของเขาชิงหลวนเขากำลังคุยเื่เมื่อตอนกลางวันกับอาจารย์อยู่ใต้แสงจันทร์ท่านอาจารย์นักปราชญ์ชราภูมิใจในตัวของลูกศิษย์มาก
“ธรรมชาตินั้นไม่เด็ดเดี่ยวเ้าทำได้ดีมาก”
นักปราชญ์ชราเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกศิษย์ที่พักอยู่บนยอดเขาดังขึ้นหมอกดำปกคลุมไปทั่วเขาชิงหลวน ไม่รู้ว่าเริ่มบดบังดวงดาวไปั้แ่เมื่อไร
เขาบุกเข้ามาในคืนไร้จันทร์นักปราชญ์ชราถูกฆ่าในตอนนั้น คนอื่นที่เหลือ ทั้งเด็ก คนแก่และคนหนุ่มคนสาวกว่าสามร้อยห้าสิบเอ็ดคน รวมทั้งนักฝึกลมปราณที่โจมตีค้างคาวขนขาวแล้วต่างก็ถูกพวกค้างคาวพากลับมายังอาณาเขตของพวกเขา
ดวงดาวในค่ำคืนนี้เปล่งประกายขึ้นนักฝึกลมปราณคนนั้นยังไม่ได้สติกลับมาจากตอนที่อาจารย์ถูกฆ่าร่างหมอกดำโยนรุ่นน้องของเขาลงต่อหน้า
“เ้าว่ามา พวกข้ากินคนมันผิดหรือว่าถูก?” เขาก้มหน้าลงมาถามนักฝึกลมปราณหนุ่ม
นักฝึกลมปราณหนุ่มตอบกลับไปอย่างเ็าราวกับน้ำแข็งโดยไม่ต้องคิด “ผิด!”
นิ้วทั้งห้าของท่านที่เคารพราวกับใบมีดเพียงแค่โบกเบาๆ รุ่นน้องที่อยู่ต่อหน้าของก็ถูกตัดร่างขาดเป็ท่อนๆ!
ใต้สายตาที่แตกสลายของนักฝึกลมปราณเขาเม้มปากแน่น
และทุกๆ วันก็เป็แบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆท่านที่เคารพจะมาที่นี่เพื่อฆ่าคนในสำนักต่อหน้านักฝึกลมปราณที่ทำร้ายเหยียนเอ๋อร์ด้วยตัวเองและถามเขาอีกครั้งว่าการกินคนนั้น ผิดหรือถูก
ทั้งสามร้อยห้าสิบเอ็ดคน และเวลาหนึ่งปีที่ผ่านไปอย่างว่องไวเหยียนเอ๋อร์ลืมความาเ็ครั้งนั้นไปนานแล้ว บ้างก็ลงไปย่อยอาหารที่หมู่บ้านดูผ่อนคลายและงดงาม
จนสุดท้ายคนที่ถูกจับมาโยนต่อหน้านักฝึกลมปราณหนุ่มคือรุ่นน้องสาวที่เพิ่งจะมีอายุเพียงเจ็ดปีเท่านั้นเธอเพิ่งจะก้าวเข้ามายังเขาชิงหลวนความจริงเธอเพิ่งจะเข้ามาก่อนจะเกิดเื่เพียงสามวันเท่านั้นจึงเป็เพียงเด็กสาวธรรมดาๆเด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง
บนเขาชิงหลวนนั้น ไม่ว่าจะเป็คนทำอาหารหรือป้าที่ทำความสะอาด ต่างก็เป็นักฝึกลมปราณที่ก็มีพื้นฐานกันทั้งนั้นมีเพียงรุ่นน้องคนนี้เท่านั้นที่เป็เพียงคนธรรมดาจริงๆ...เธอก้าวเข้ามาในสำนักตอนอายุหกขวบ เพราะว่ากำลังอยู่ใน่ฟันน้ำนมหลุดน้ำเสียงก็แหบแห้ง ต่างตามหลังแล้วเรียกพวกเขาว่า “รุ่นพี่รุ่นพี่” ไม่มีใครที่ไม่ชอบเธอเลยสักคน
“โหมวเอ๋อร์...” เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องสาวถูกโยนลงต่อหน้านี่เป็ครั้งแรกที่แววตาของนักฝึกลมปราณหนุ่มสั่นไหว!
“รุ่นพี่ การกินคนเป็เื่ผิด!” สาวน้อยที่ชื่อว่าโหมวโหมวกำมือของตัวเองแน่น
นักฝึกลมปราณหนุ่มพูดกับตัวเอง “สัตว์ร้ายไม่ได้ทำให้คนใกลัวแล้วทำไมคนถึงต้องฆ่าสัตว์ร้าย ธรรมชาตินั้นช่างคลุมเครือท้ายสุดแล้วอย่างไรถึงจะเรียกว่าถูกต้อง?”
ร่างหมอกดำหัวเราะออกมา “อ่อนแอก็กลายเป็อาหารแข็งแกร่งก็เป็ฝ่ายกิน ข้าแข็งแกร่งกว่าเ้า ดังนั้นการกินเ้าก็เป็เื่ถูกหากเ้าแข็งแกร่งกว่าข้า ก็สามารถกินข้าได้!”
ใบหน้าของโหมวโหมวเหลือเพียงเท่าฝ่ามือเธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างดื้อรั้น “การกินคนเป็เื่ผิด!”
นิ้วมือของร่างหมอกดำกางออกก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าจะถามเ้าอีกครั้งการกินคนเป็เื่ผิดหรือถูก!”
แววตาของนักฝึกลมปราณหนุ่มเต็มไปด้วยความเ็ปภาพของเพื่อนร่วมสำนักทั้งสามร้อยห้าสิบคนที่แหลกสลายไปต่อหน้าต่อตามันตามมาหลอกหลอนอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา หากไม่ได้เจอด้วยตัวเองใครก็ไม่อาจจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้!
แต่ว่าโหมวโหมว เธออายุน้อยแค่นี้อีกทั้งยังไม่เคยฝึกศาสตร์เลยแม้แต่วันเดียว ความโชคร้ายครั้งใหญ่ของเขาชิงหลวนนั้นใครจะให้เธอมารับได้?
แต่ว่า ถ้าหากตอบกลับไปว่า “การกินคนไม่ผิด” เพื่อนร่วมสำนักทั้งสามร้อยห้าสิบคนที่ต้องอุทิศตนไปก่อนหน้าจะหลับตารอความตายได้อย่างไร?!
นักฝึกลมปราณหนุ่มหลับตาลงอย่างเ็ป
เขาเหยียดยิ้มออกมา กรงเล็บทั้งห้าราวกับลมโบกพุ่งเข้ามายังตัวของโหมวโหมว เธอที่ไร้ซึ่งการป้องกันตัว ทำได้เพียงแต่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาก่อนจะแหลกสลายไปเช่นเดียวกับนักฝึกลมปราณคนอื่นๆ ของเขาชิงหลวน!
“อ่อนแอก็กลายเป็อาหารเข้มแข็งกว่าก็เป็ผู้ล่า นี่ถือว่าเป็ตามธรรมชาติแล้วหรือยัง?”
เสียงดังขึ้น เงียบสงบ ราวกับลมพัดผ่านเหมือนกับบนท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆเลื่อนลอย ทำให้คนฟังดูเป็กันเองแต่กลับไม่รู้ว่าดังขึ้นจากที่ใด
“แสร้งเป็เทพเล่นเป็ผี!” ร่างเงาดำไม่สนใจจะหาที่มาของเสียง มันจับลงที่ตัวของเธอทันที!
“โหมวโหมว!” นักฝึกลมปราณหนุ่มร้องไห้เ็ปออกมา แววตาทั้งสองของเขาแตกสลาย...
