เหล่ากองโจรเมื่อเหยียบย่างเข้าเขตยอดเขาล้วนต้องค้อมศีรษะทำความเคารพกองกระดูกเ่าั้ก่อน กระทั่งชายร่างก้างปลาที่เมื่อครู่คิดจะสังหารอาลู่ก็กำลังเหยียดมือซ้ายขึ้นกำหมัด ทาบกำปั้นตรงตำแหน่งหัวใจ จากนั้นจึงโค้งกายและศีรษะลงทำความเคารพ แล้วออกเดินหน้าต่อไป
อาลู่ที่รั้งอยู่ท้ายขบวนก็อดใกับกองกระดูกนี้ไม่ได้ กองกระดูกนี้ยามมองจากไกลๆ ก็เห็นเป็เพียงกระดูกกองหนึ่ง ทว่ายิ่งเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งพบว่ากองกระดูกนี้แท้จริงแล้วเรียกว่าูเากระดูกคงจะเหมาะสมกว่า
อาลู่เลียนแบบเหล่าคนด้านหน้า เหยียดมือซ้ายออก กำปั้นทาบกับหัวใจ ค้อมหัวทำความเคารพ จากนั้นจึงเหยียดกายขึ้นแล้วออกเดินต่อ ทว่าทันใดนั้นแผ่นหลังของเขาก็ราวกับถูกของหนักนับพันจินกดไว้จนไม่อาจลุกขึ้น ได้แต่หน้าคะมำลงไปกองกับพื้น
เหล่าคนด้านหน้าที่ทำความเคารพไปแล้วเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น กระทั่งห่อผ้าอ้อมที่แบกไว้ก็กระเด็นพุ่งไปทางกองกระดูก ก็พากันหัวเราะครืน
การเดินทางที่ผ่านมานั้น อาลู่นั้นทำให้เหล่าโจรรู้สึกทึ่งไม่น้อย เพราะพวกเขาต่างก็รู้ว่าเ้าก้างปลานั้นจงใจรังแกเ้าเด็กน้อยอยู่ กระนั้นเ้าก้างปลานั้นเดิมทีก็มีนิสัยเช่นนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่มีความจำเป็ที่จะต้องช่วยเหลือเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
ทว่าเ้าลูกหมานี่กลับแบกเ้าลูกหมาที่ตัวเล็กเสียยิ่งกว่าตนวิ่งตามม้าไม่หยุดพัก ทำให้ทุกคนตื่นตาไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความไวเหนือผู้อื่นนั่นอีก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นายท่านสามผู้ลึกลับจะเอ่ยปากอนุญาตให้เ้าเด็กนี่ขึ้นเขามาด้วย
ต่อจากนั้นตอนเข้าเขตูเาแล้วต้องเดินบนเส้นถนนกระดูกนั้น เมื่อเห็นท่าทางระมัดระวังนั้น พวกเขายิ่งต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเ้าเด็กนี่ใหม่ ยามพวกเขาเดินบนถนนเส้นนี้ครั้งแรกนั้น พวกเขาต่างหอบเหนื่อย ขาสั่นงันงกแทบจะตลอดทางราวกับสามจิตเจ็ดิญญาของตนนั้นจะหลุดออกจากร่างก็ไม่ปาน ร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับดินเหนียว จวบจนมาถึงจุดคารวะูเากระดูกจึงจะดีขึ้นเล็กน้อย ทว่าเ้าเด็กเหลือขอนี้กลับแบกทารกไว้บนหลังแล้วยังเดินตามมาจนถึงที่นี่ได้ ทำเอาพวกเขาอดใไม่ได้จริงๆ
เมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มหน้าคะมำ จึงค่อยพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแทน
นายท่านสามเองก็ดูผ่อนคลายลงเช่นกัน
ท่าทางของเด็กหนุ่มเป็เช่นนี้จึงจะดูเป็คนปกติเสียที
เมื่อเจอกับถนนกระดูกนี่เป็ครั้งแรก หากไม่มีอาการอะไรเสียหน่อย ก็ย่อมมิใช่คนแล้ว
อาลู่เมื่อเห็นท่าทางพวกเขาหัวเราะกันอย่างครื้นเครงก็พอจะเข้าใจ ก่อนจะกุลีกุจอรีบปีนไปดูน้องสาว
ทารกน้อยหลังจากพุ่งออกไป ห่อผ้าอ้อมน้อยก็ตกลงบนูเากระดูกจนกระดูกซ่านกระจายเป็วง ก่อนจะเห็นทารกน้อยในผ้าอ้อมจะกลิ้งไถลออกมา เคราะห์ดีที่มีกระดูกท่อนใหญ่คอยขวางไว้จนเกิดเป็โพรงเล็กๆ ให้ทารกน้อยตกลงไปพอดี อาลู่ใจนแทบจะบินไปดูน้องสาวตน เมื่อเห็นว่านางยังสบายดี ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่ออาลู่ยื่นมือไปอุ้มทารกน้อย นางพลันหัวเราะใส่ตนด้วยความเบิกบาน มิได้รับรู้แม้สักน้อยว่าตนเองเพิ่งผ่านประสบการณ์ขวัญผวาอะไรมา
อาลู่ยามเห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ก็พลอยรู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย
“ไอ้ลูกหมาน้อยนี่มันตัวดำจริงเชียว นี่ไอ้ลูกหมา แม่แกคงสวมหมวกเขียวให้พ่อแกสิท่า ถึงได้มีลูกกับปีศาจตัวดำเป็ปีศาจน้อยนี่นะสิ ฮ่าๆๆๆ” ชายร่างก้างปลาพูดจบก็หัวเราะร่า
คนอื่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสงสัย รีบหันไปมองทางห่อผ้าอ้อมน้อย ก็พบว่าเ้าลูกหมาน้อยนั่นช่างตัวดำจริงๆ ทว่าก็ไม่ได้ถากถางอย่างใจร้ายเช่นชายร่างก้างปลา
ใบหน้าของอาลู่เปลี่ยนเป็เหยเก ท่านพ่อจากไปแล้ว ท่านแม่ก็ไม่้าเขาและน้องสาว เมื่อคิดถึงเื่นี้ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็พลันแสบร้อน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อคำพูดของชายร่างผอม เพียงแต่รีบห่อทารกน้อยกลับเข้าผ้าอ้อม แล้วแบกขึ้นหลังดังเดิม
เหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนมองความเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มต่างไม่รู้ว่าเหตุใดภาพเด็กหนุ่มบนเขากระดูกที่กำลังบรรจงห่อผ้าอ้อมให้น้องสาวนั้น แผ่นหลังน้อยๆ นั้นทำให้พวกเขามิอาจหัวเราะต่อได้
บนูเาแห่งนี้ไม่มีเด็กอายุน้อยขนาดนี้
ูเากระดูกแห่งนี้ง่ายต่อการป้องกันและโจมตียาก เป็์ของกองโจร ทว่าบนเขาลูกนี้กลับมีปัญหาใหญ่อยู่เื่หนึ่งคือ ไม่เคยมีเด็กถือกำเนิดขึ้นบนูเาแห่งนี้ แม้นายท่านใหญ่จะฉุดคร่าผู้หญิงมานับสิบคน ท้องขึ้นมาก็มีอีกนับสิบคน ทว่ากลับไม่เคยมีสักนางที่ให้กำเนิดบุตรได้
ขนาดนายท่านใหญ่ยังเป็เสียเช่นนี้ คนอื่นบนูเายิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม้ทุกคนจะไม่พูดอะไร แต่ก็ล้วนกระจ่างกันว่านี่คือชะตากรรมของูเากระดูก ที่นี่มีความแค้นรุนแรงเกินไป เด็กที่เกิดมาจึงอ่อนแอจนทนไม่ไหว ไม่ทันได้เจอโลกก็ล้วนกลายเป็หยาดเืกันเสียแล้ว
เมื่อเดือนก่อน นายท่านใหญ่ก็เพิ่งฉุดบุตรสาวของคณะคาราวานที่ตนชมชอบมา ทว่าเด็กที่นางตั้งท้อง ตอนนี้ก็ไม่อยู่เสียแล้ว ว่ากันว่าตอนเด็กหลุดออกมา เด็กน้อยก็เริ่มก่อเป็รูปเป็ร่าง เห็นเป็หัวของทารกแล้ว
ตอนนี้เห็นนายท่านสามแบกเ้าเด็กเหลือขอมาสองคน ก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์คืออะไร
“เหล่าปา ท่านพาพวกเด็กนี่ไปหาที่พักเสีย แล้วค่อยพาไปดูแลม้ากับท่าน” นายท่านสามออกคำสั่งกับชายชราหลังค่อม
ชายก้างปลาเมื่อได้ยินนายท่านสามออกคำสั่งก็ใ
บนเขาแห่งนี้โดยปกติไม่กินเนื้อคน ทว่าครั้งหนึ่งในปีที่อาหารขาดแคลน เพื่อความอยู่รอด การกินเนื้อคนสักสองคนนั้นก็ไม่ใช่เื่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนเื่ใครกินใครไม่กินนั้นก็เป็เื่ที่มีเพียงเ้าตัวที่รู้ดีกว่าใคร กระนั้นเื่คนอื่นจะเคยกินหรือไม่นั้น เขาไม่กล้าพูด แต่เื่เหล่าปาชายชราหลังค่อมคนนี้ เขากลับกล้าพูดว่าเคยกินแน่นอน
ชายก้างปลาที่ปากเอาแต่พล่ามไปเรื่อย ความจริงแล้วกลับไม่เคยกินสักครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งในกลางดึกที่เขาตื่นมาปลดทุกข์ เขาเห็นเหล่าปานั้นอยู่ลำพังกำลังต้มน้ำแกงกับหม้อหินใบหนึ่ง น้ำแกงนั้นหอมอวลไปในอากาศ
เขาเมื่อปลดทุกข์เสร็จก็คิดจะมาแย่งน้ำแกงไป ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็แค่เพียงชายหลังค่อมไม่มีทางสู้ชนะเขาอย่างแน่นอน ทว่าเขาเดินไปเพียงครึ่งทาง ก็เห็นเหล่าปาตักมือข้างหนึ่งขึ้นจากน้ำแกง มือนั้นถูกต้มจนเปื่อยแล้ว ใบหน้ามึนเมานั้นยังค่อยๆ ยกมันขึ้นมากัดอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาในตอนนั้นใเสียจนฉี่ราดไปทั้งขา ขายังไม่ทันสั่น เขาก็รีบใส่กางเกงแล้วหนีไปทันที
ก่อนหน้านั้นชายก้างปลายังชอบไประรานชายชราอยู่บ่อยๆ ทว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น เขาแค่เห็นเหล่าปาก็รู้สึกกลัวเสียแล้ว ราวกับเพียงมองไปยังชายชราเขาก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
เมื่อชายก้างปลารู้ว่านายท่านสามมอบเด็กสองคนนี้ให้เหล่าปาดูแล สำหรับเขามิสู้บอกว่าเอาเด็กพวกนี้ไปลงหม้อยังจะเหมาะกว่า ทว่าก็ไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของนายท่านสามนั้นคืออะไรกันแน่
อาลู่แบกทารกน้อยเดินตามชายชราที่เขาเรียกว่าเหล่าปาด้วยแววตาครุ่นคิด ฝั่งตรงข้ามคือชายหลังค่อม ชายชราไม่ได้พูดพร่ำอะไร เพียงแต่เดินจ้ำนำทางไป
ขณะที่เด็กหนุ่มแบกทารกน้อยเดินตามหลังชายชรา หลังที่โปนแหลมขึ้นมาของชรานั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับอูฐในทะเลทรายที่เขาเคยเจอ ถึงพวกมันจะเดินไม่เร็ว แต่ก็เปี่ยมไปด้วยกำลัง
ทว่าชายหลังค่อมตรงหน้านี้กลับเดินเร็วนัก
อาลู่ที่เมื่อครู่แม้แต่วิ่งตามขบวนม้าก็ไม่มีตกขบวน ทว่าเพียงแค่เดินตามชายหลังค่อมแค่ครู่เดียว ก็เริ่มหอบเหนื่อยจนแทบเดินตามไม่ทัน
ยอดเขาช่างกว้างใหญ่
อาลู่เดินตามชายหลังค่อมมานานมาก ผ่านทั้งหน้าผาที่มีเขาขนาบทั้งสองข้าง จนไปถึงข้ามสะพานเชื่อมโย้เย้ แล้วลงบันไดลาดอีกพักหนึ่ง ถึงค่อยเข้าใกล้เส้นทางถ้ำคดเคี้ยวอีกสาย
อาลู่มีนิสัยชอบทำเครื่องหมายเส้นทางที่ตนผ่านมา
ในถ้ำทุกเส้นทางสั้นๆ ล้วนมีเส้นทางแยกย่อยซอกแซกมากมาย ชายหลังค่อมนั้นก็เดินไวเหลือเกิน เขาทำเพียงเดินตามหลังก็หอบเหนื่อยจนบางครั้งต้องใช้มือยันผนังหินในถ้ำเพื่อพักเหนื่อย
ในตอนแรกเด็กหนุ่มกะจะใช้โอกาสนี้แอบทำสัญลักษณ์ไว้บนกำแพง ทว่าลองอยู่สามสี่ครั้งก็ล้วนไม่สำเร็จ
“อย่าเปลืองแรงเลย รีบเดินเสีย ขืนยังชักช้า ข้าจะทิ้งพวกเ้าให้นอนในถ้ำนี้เสีย เชื่อข้าเถอะว่าแมลงั์ในถ้ำนี้จะต้องชอบพวกเ้าเป็แน่” ทันใดเสียงของชายชราก็พลันดังขึ้น
อาลู่ได้ยินดังนั้นก็ใ กุลีกุจอรีบเดินตามชายชราทันที
ทารกน้อยในห่อผ้าอ้อมบนหลังของเด็กหนุ่ม ศีรษะน้อย ๆ ที่โผล่ออกมานั้นเดิมที่เอาแต่หลับมาตลอดเส้นทาง จวบจนถึงถ้ำแห่งนี้ ทารกน้อยพลันลืมตามองไปรอบๆ ด้วยความใคร่รู้
อาลู่ไม่รู้ว่าตนเดินมานานเท่าใด แต่ในที่สุดก็ได้พบกับแสงธรรมชาติเสียที
เมื่อมาถึงปากถ้ำ เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจครั้งหนึ่ง
เขาเห็นเหล่าปายืนรออยู่หน้าปากถ้ำ ปรากฏเงาแผ่นหลังค่อมยืนอยู่หน้าปากถ้ำ เหล่าปานั้นแท้จริงมีรูปร่างเตี้ยเล็ก ทว่าเงาของเขากลับทอดยาวไปกับแสงราวกับว่าแสงด้านนอกและตัวเขานั้นมีความสูงไม่ต่างกัน สาดส่องให้เงาของเขาลากยาวไม่รู้จบ
อาลู่เร่งฝีเท้ารีบเดินต่อ เมื่อถึงปากถ้ำก็หอบแฮกแทบจะสิ้นแรง แต่เมื่อได้เห็นทิวทัศน์เบื้องหน้า เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเฉกเช่นชายชราข้างตน
แท้จริงล้าเหล่าปานั้นไม่ได้หยุดรออาลู่ ชายชราแค่หยุดเพื่อชมทิวทัศน์เท่านั้น
ขณะที่อาลู่กำลังครุ่นคิด ชายชราก็ยังคงมองทิวทัศน์ต่อไป
อาลู่คิดว่าชีวิตตนนั้นช่างทุกข์ยาก ทำแต่งานไม่รู้จบ น้องสาวก็ดันมาป่วย ท่านพ่อก็จากไปเสียแล้ว ท่านแม่ก็ไม่แยแส บางครั้งทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าก็ช่างงดงาม ท้องฟ้าประดับไปด้วยดวงดาว กลิ่นหญ้าเขียวก็หอมชื่นใจ ตั๊กแตนตัวน้อยะโไปมา ทว่าเขากลับไม่เคยมีโอกาสหยุดชมมันสักครั้ง
เขาไม่เคยเข้าใจว่านายท่าน และนายหญิงของตระกูลต้าปาซือ ยามขี่ม้าบนทุ่งหญ้าแล้วร้องเพลงชื่นชมความงามของทุ่งหญ้าว่ารู้สึกเช่นไร เขาได้แต่นับแกะอยู่เงียบๆ หากแกะขาดไปสักตัว ป่วยไปสักตัว ก็มีแต่จะโดนเฆี่ยน ยามโดนเฆี่ยนก็ช่างเ็ปนัก
ทว่าบัดนี้...
ทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาตรงกลางมีลำธารไหลเอื่อยอยู่สายหนึ่ง บนลำธารมีสตรีตัวน้อยบ้างก็นอนอยู่ บ้างก็นั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา เปียบนศีรษะของนางเป็มันเงา บนหน้ากลมๆ นั้นกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง แม้เด็กหนุ่มจะไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิง แต่เมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มบนหน้ากลมๆ นั่น เขาก็อดหน้าแดงไม่ได้ มือไม้พลันอยู่ไม่สุข กำชายเสื้อขาดๆ ของตนอย่างห้ามไม่อยู่
เขาไม่กล้ามองสาวน้อยคนนั้นต่อ ได้แต่หันกลับมามองทุ่งหญ้าตรงกลางว่ามีม้า มีวัวและ แกะที่กำลังกินหญ้าช้า ๆ
ไกลออกไป มีูเาหิมะ
มีทะเลทราย
และแสงอาทิตย์อัสดง
อาลู่เคลิบเคลิ้มไปกับทิวทัศน์ตรงหน้า ช่างงดงามนัก
“เฮ้ย!” ทันใดนั้นหูเขาก็พลันถูกดึงไปหนึ่งที หูของเด็กหนุ่มปวดแสบปวดร้อนไปหมด
เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเป็ทารกน้อยกำลังปีนขึ้นมาดึงหูเขา
นางปีนขึ้นมาใช้แรงไปไม่น้อย ซ้ำมือก็หนักเสียจริง
ทว่าเมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมาอีกครั้งก็พลันต้องตกตะลึง ทั้งทุ่งหญ้า สาวน้อย แม่น้ำ ม้า วัว แกะ เพียงพริบตาเดียวภาพทิวทัศน์เ่าั้ก็กลายเป็ทุ่งหญ้าแห้งแล้งผืนหนึ่ง เบื้องบนมีูเากระดูกกองอยู่ ลมโชยผัดผ่านรอบกองกระดูกเ่าั้ ส่วนตัวเขานั้น หากเพียงยังก้าวไปข้างหน้าอีกเพียงก้าว ย่อมตกลงไปในเหวที่มีแต่ความมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นเหวเบื้องล่าง