กู้ชิงฮั่นไม่ได้เกรงใจอู่เซียงโหวมากนัก อู่เซียงโหวเหมือนจะโกรธไม่น้อย แต่ก็เหมือนจะกลัวกู้ชิงฮั่นอยู่หน่อยๆ แล้วพูดว่า “ข้ามาเพื่อพบกับไท่ฟูเหริน เพื่อหารือเื่ยกเลิกการแต่งงาน แต่ในเมื่อไท่ฟูเหรินไม่รับแขก ก็คงต้องให้พวกเ้าไปบอกแทน”
“คำพูดของท่านโหว ข้าได้ยินแล้ว แต่ว่าไม่รู้ว่าข้าเข้าใจความหมายของท่านผิดไปหรือเปล่า” กู้ชิงฮั่นพูด “การแต่งงานของสองตระกูล ถูกกำหนดั้แ่ท่านเหล่าโหวทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้งสองตระกูลก็จะจัดเตรียมพิธีแต่งงานที่มีมานานกว่าสิบปีนี้ขึ้นใน่ฤดูใบไม้ผลิ”
“จัดการหรือ?” อู่เซียงโหวยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉีหุ้ยจิ่งก็... ก็ตายแล้ว ฉีหนิงต้องไว้ทุกข์สามปี จะแต่งงาน ก็ต้องรอหลังจากสามปีไปแล้ว”
“เรารอได้” กู้ชิงฮั่นกล่าวว่า “ในเมื่อเป็การแต่งงานที่กำหนดโดยท่านเหล่าโหว เราก็เห็นจื่อเซวียนเป็ฮูหยินซื่อจื่อของจวนองครักษ์เสื้อแพร หลังจากสามปีไปแล้ว เมื่อครบกำหนดไว้ทุกข์ ก็จะใช้เกี้ยวแปดคนหามไปรับเ้าสาวที่จวน”
อู่เซียงโหวยกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “ช้าก่อน เ้าบอกสามปีก็ต้องสามปีหรือ? พวกเ้ารอได้ คิดว่าเราก็จะรองั้นหรือ?”
“เอ๋?” กู้ชิงฮั่นยังคงยิ้มอยู่ “ความหมายของท่านโหวคือ สามปีมันนานไป พวกท่านรอไม่ได้งั้นหรือ?”
อู่เซียงโหวลุกขึ้น ไขว้มือไปด้านหลัง แล้วพูดว่า “พูดกันมาขนาดนี้แล้ว งั้นก็พูดกันตรงๆ เลยแล้วกัน การแต่งงานครั้งนี้ ท่านเหล่าโหวเป็คนกำหนด ข้าไม่ได้เห็นดีด้วย แต่ว่าท่านทั้งสองมีมิตรภาพต่อกันมาก ข้าไม่อาจคัดค้านได้”
“ที่แท้ท่านโหวไม่เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานหรอกหรือ” กู้ชิงฮั่นยิ้มแล้วพูดว่า “สองปีก่อนท่านโหวมาเร่งรัดให้ท่านแม่ทัพจัดงานแต่งงานให้เร็ว เรายังคิดอยู่เลยว่าท่านไม่ได้คัดค้านเื่การแต่งงานเสียอีก”
อู่เซียงโหวสีหน้าท่าทางเก้อเขินทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “นั่นก็ไม่ได้เป็เพราะอยากจะให้มันจบเร็วๆ หรือ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล” เขาหยุดพูดไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าเป็คนชัดเจน ข้ากลัวความวุ่นวายที่สุด ในเมื่อวันนี้ความวุ่นวายของข้า มันอยู่ตรงหน้า ข้าก็ต้องรีบจัดการมันทิ้ง”
“วิธีจัดการของท่านโหวคือ?”
“ข้าก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้นี่เอง ยกเลิกการแต่งงาน” อู่เซียงโหวกล่าวว่า “ในเมื่อหยางหนิงต้องไว้ทุกข์ ทางเราก็ไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะรอ สู้ยกเลิกงานแต่งไป น่าจะดีต่อทั้งสองฝ่าย” แล้วเหลือบไปมองหยางหนิง แล้วพูดว่า “พูดตามตรง ซื่อจื่อของเ้า ไม่เหมาะสมกับจื่อเซวียนของเรา”
“ความหมายของท่านโหวข้าเข้าใจแล้ว” สีหน้าของกู้ชิงฮั่นจริงจังขึ้นมา “การแต่งงานในครั้งนี้ ท่านเหล่าโหวทั้งสองเป็คนกำหนดตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทางจวนองครักษ์เสื้อแพรของเราไม่มีใจคิดเป็อื่นั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ ไม่กล้าที่จะไม่ทำตามคำสั่งของท่านเหล่าโหวด้วยไม่ว่าจะเป็ท่านเหล่าโหวของเราหรือว่าอู่เซียงเหล่าโหว คำสั่งของพวกท่านก็คือคำสั่งสูงสุด ข้าไม่เข้าใจจริงๆ งานแต่งงานที่กำหนดไว้อย่างดี ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้?”
“กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ต่อให้เป็การแต่งงานที่ท่านเหล่าโหวทั้งสองกำหนดไว้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้” อู่เซียงโหวมองไปที่หยางหนิง ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ตอนที่ท่านเหล่าโหวทั้งสองกำหนดงานแต่งงานนี้ขึ้น ข้าไม่คิดว่าจวนองครักษ์เสื้อแพรจะเลี้ยงเ้านี่มาเป็แบบนี้ หากท่านเหล่าโหวรู้ ก็ไม่น่าจะให้เกิดการแต่งงานนี้ขึ้น”
กู้ชิงฮั่นพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็า “ฐานะของท่านโหวสูงส่งนัก คำพูดแบบนี้ มันเหมาะสมกับฐานะของท่านแล้วหรือ? หนิงเอ๋อร์เป็คนซื่อ ไม่รู้ว่ามีตรงไหนไม่ถูกใจท่านโหว?”
อู่เซียงโหวยิ้มแปลกๆ แล้วพูดว่า “ซื่อหรือ? เ้าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลยงั้นหรือ?” ชี้นิ้วไปที่หยางหนิง แล้วถามว่า “มีคนบอกว่าเ้าชอบไปอยู่กับกลุ่มคุณชายแล้วลืมกลับขึ้นมาจากแม่น้ำฉินไหว จริงไหม? ในเมืองหลวงมีใครบ้างไม่รู้ว่าตระกูลฉีมีคนบ้าอย่างเ้า เื่นี้ไม่จริงหรือไง?”
กู้ชิงฮั่นพูดด้วยความโกรธว่า “ท่านโหวระวังคำพูดด้วย หนิงเอ๋อร์แค่เชื่อคนง่าย เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ท่าน...!”
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว” อู่เซียงโหวพูดแทรก “ในเมืองหลวงใครๆ ก็รู้เื่การแต่งงานของสองตระกูล ก็เพราะเหตุนี้ จวนอู่เซียงโหวของเราถึงได้ถูกคนหัวเราะเยาะลับหลัง ก็เพราะ...!” เขาเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว ชี้ไปที่หน้าของหยางหนิงนิ้วแทบจะจิ้มไปที่จมูกของหยางหนิงแล้ว “เพราะเ้านี่ ทำให้ชื่อเสียงของอู่เซียงโหวต้องมัวหมอง ตอนนี้ยังไม่ได้แต่ง ยังทำให้จวนของเราต้องลำบากขนาดนี้แล้ว หากให้จื่อเซวียนแต่งกับเขาจริงๆ จวนอู่เซียงโหวจะมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงอย่างไรกัน?”
กู้ชิงฮั่นยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “อู่เซียงโหว ตอนนี้ที่ท่านเหล่าโหวของพวกเ้าลำบาก จิ่นอีเหล่าโหวของเราไม่แม้แต่จะคิดว่าจะลำบาก ยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะตอนลำบากไม่เคยทิ้งกัน ทั้งสองตระกูลถึงได้พูดถึงการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้เป็ข่าวลือเหลวไหล อู่เซียงโหวก็ถึงกับตัดขาดยกเลิกการแต่งงาน หากท่านเหล่าโหวทั้งสองรู้ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะคิดอย่างไร”
“ที่ข้าทำก็เพื่ออนาคตของตระกูลซู” อู่เซียงโหวพูดขึ้น “หลายปีมานี้ ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าซื่อจื่อคนไหนถูกจับตัวไปแบบนี้เลย คนไร้ความสามารถแบบนี้ หากให้จื่อเซวียนแต่งงานกับเขาไป ข้ากังวลจริงๆ ว่าวันดีคืนดีนางจะกลายเป็ม่ายเอา...!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำเสียงของกู้ชิงฮั่นดุ “อู่เซียงโหว เ้าเกินไปแล้วนะ”
อู่เซียงโหวรู้สึกทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ เขาเองก็รู้สึกว่าพูดเกินไป เขากระแอมไอสองครั้ง แล้วพูดว่า “อย่างไรซะตอนนี้ข้าก็เป็นายใหญ่ของจวนอู่เซียงโหว จื่อเซวียนเป็เหมือนไข่มุกล้ำค่าของข้า การแต่งงานของนาง ข้าเป็คนตัดสินใจ ข้าไม่ตกลง การแต่งงานครั้งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
หยางหนิงยืนฟังมาั้แ่ต้นจนจบ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาเห็นว่าถึงแม้อู่เซียงโหวจะมีฐานะสูงศักดิ์ แต่นอกจากเสื้อผ้าที่ดูมีราคาแล้ว คำพูดท่าทางไม่มีความเป็ชนชั้นสูงเลย หากเปลี่ยนชุดให้เขาใส่ ก็แค่คนเร่ร่อนไร้บ้านคนหนึ่งเท่านั้น
พ่อบ้านชิวยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่พูดอะไร กู้ชิงฮั่นถึงแม้จะควบคุมอารมณ์อยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโกรธมาก หายใจหายคอติดขัด แล้วพูดด้วยความเ็าว่า “อู่เซียงโหว ในเมื่อเ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว ข้าก็มีอะไรจะพูดกับเ้าตรงๆ เหมือนกัน”
อู่เซียงโหวพยักหน้าแล้วพูดว่า “วันนี้ที่มา ก็เพื่อพูดจากันให้ชัดเจน พวกเ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมาได้เลย”
“ได้” กู้ชิงฮั่นรับคำแล้วพูดว่า “อู่เซียงโหว เ้าน่าจะรู้ดีนะ ที่ท่านเหล่าโหวกำหนดการแต่งงานนี้ขึ้นมา ไม่ใช่แค่เพราะมิตรภาพที่พวกท่านมีให้กันเท่านั้น พวกเขาผ่านการทบทวนอย่างดีแล้วถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ข้าแค่อยากจะรู้ว่า อู่เซียงโหว เตรียมจะยกเลิกการแต่งงาน ได้ใช้ความคิดบ้างหรือยัง?”
“แน่นอนต้องคิดอยู่แล้ว” อู่เซียงโหวตอบอย่างไม่ลังเล
กู้ชิงฮั่นสีหน้าสงบลง แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก แต่ว่าเื่การยกเลิกงานแต่งงาน ต้องให้ไท่ฟูเหรินเป็คนตัดสินใจ หากท่านตกลง เราก็จะไม่ยื้ออีก”
อู่เซียงโหวพูดขึ้นมาว่า “ข้าให้เวลาพวกเ้าทบทวนดูก็ได้ แต่จริงๆ ข้าว่าก็ไม่ได้มีควาจำเป็จะต้องทบทวนอะไรอีก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกงานแต่ง พวกเ้าก็ไม่จำเป็ต้องฝืนต่อไปอีก ไม่งั้นเราสองตระกูลจะมองหน้ากันไม่ติดเอา”
“อู่เซียงโหววางใจ ตระกูลฉีของเราไม่เคยต้องขอร้องใคร” กู้ชิงฮั่นพูด “พ่อบ้านชิว ส่งแขก!”
อู่เซียงโหวตะลึงไป แต่เห็นกู้ชิงฮั่นสีหน้าเ็าไม่สนใจ ก็สะบัดชายเสื้อ แล้วเดินออกไป
พ่อบ้านชิวเดินตามหลังเขาไป ส่งเขาออกไปจากประตู เมื่ออู่เซียงโหวออกไปแล้ว กู้ชิงฮั่นก็มองไปที่เงาของอู่เซียงโหวแล้วพูดว่า “โง่จริงๆ!”
หยางหนิงเดินมาข้างๆ กู้ชิงฮั่น แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซานเหนียง เรากับพวกเขามีสัญญาแต่งงานกันหรือ?”
“หนิงเอ๋อร์ เ้าไม่ต้องกังวลนะ ผู้หญิงดีๆ มีอีกเยอะ ไม่มีแม่นางซู ซานเหนียงจะหาให้ดีกว่าให้นะ” กู้ชิงฮั่นยังโกรธอยู่ “ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลซูนิสัยเอาแต่ใจ เข้าหายาก แต่เพราะท่านเหล่าโหวเป็คนกำหนดงานแต่งนี้ขึ้นมา เราก็ขัดท่านไม่ได้ วันนี้อู่เซียงโหวมายกเลิกงานแต่งด้วยตัวเอง ก็ใช่ว่าจะเป็เื่ไม่ดีเสมอไป”
“อู่เซียงโหวคนนี้มายกเลิกงานแต่งทั้งๆ ที่ท่านพ่อยังไม่ได้เคลื่อนศพ เกินไปจริงๆ” หยางหนิงขมวดคิ้วแล้พูดต่อว่า “เขาไม่เห็นจวนองครักษ์เสื้อแพรของเราอยู่ในสายตาเลย”
กู้ชิงฮั่นหันไปมองหยางหนิง แล้วพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “หนิงเอ๋อร์ เกียรติหรือหน้าตาของคนเรา มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ใครเขาจะคิดอะไรกัน ขอแค่เราใจสู้ เกียรติของเรามันก็จะมาเอง ตอนที่ท่านเหล่าโหวกับท่านแม่ทัพยังมีชีวิตอยู่ ต่างก็เป็เสาหลักของต้าฉู่ของเรา ไม่มีใครดูถูกจวนองครักษ์เสื้อแพรเลย ขอแค่ต่อไปพวกเ้าทำได้เหมือนที่พวกเขาเป็ ก็จะไม่มีใครกล้าดูถูกจวนองครักษ์เสื้อแพรอีก”
หยางหนิงพยักหน้า ในใจแอบคิดว่า เกียรติของจวนองครักษ์เสื้อแพรจะมีไหม ไม่ได้อยู่ที่ข้า ข้าแค่สวมรอยมาเป็ซื่อจื่อเท่านั้น ใครจะรู้วันดีคืนดีอาจจะแอบหนีไปก็ได้
แต่ในใจก็รู้ดีว่า ตอนนี้จวนองครักษ์เสื้อแพรเอง ก็ถือว่าภายในวุ่นวาย ภายนอกก็มีภัย
พอฉีหุ้ยจิ่งตายไป สายสัมพันธ์ต่างๆ ที่จวนองครักษ์เสื้อแพรเคยมีก็ขาดเกือบหมด ท่านใหญ่สามก็ลำเอียงเข้าข้างไปทางลูกอนุอย่างฉีอวี้ ภายในจวนก็ศึกด้านหนึ่ง
ตอนนี้อู่เซียงโหวมายกเลิกงานแต่งด้วยตัวเองอีก เื่นี้ไม่น่าจะเป็เื่แรกที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ
กู้ชิงฮั่นเหมือนจะคิดอะไรอยู่ ขณะที่กำลังคิด ก็เห็นคนสองคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน คนแรกคือต้วนชางไห่ สีหน้าดูเคร่งเครียด ส่วนอีกคนก็คือฉีเฟิง
“ฮูหยินสาม ในเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลง” ต้วนชางไห่ยังไม่ทันเดินเข้ามา ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กู้ชิงฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ฉีเฟิงเดินขึ้นหน้ามา คำนับ สีหน้าดูจริงจัง “ฮูหยินสาม ซื่อจื่อ ในเมืองหลวงมีการเปลี่ยนทหารคุ้มกัน ทหารของค่ายดาบดำที่ประจำการอยู่ที่เมืองสือโทวถูกสั่งย้ายเข้าเมืองหลวงมาเมื่อคืนนี้ ส่วนทหารที่เฝ้าประจำการอยู่ที่รอบรั้วประตูวัง แต่เดิมเป็ของหน่วยองครักษ์อวี่หลินก็ถูกสั่งย้ายออกไปนอกเมืองหลวง ตอนนี้ปักหลักอยู่นอกเมืองทางเหนือสิบห้าลี้”
“อะไรนะ?” กู้ชิงฮั่นหน้าเสียไป “ค่ายดายดำเข้าเมือง?”
ต้วนชางไห่สีหน้าจริงจังมาก “ตอนนี้วังหลวงถูกปิดตาย ห้ามให้ใครเข้าออกเด็ดขาด เมื่อกี้ฉีเฟิงเห็นว่า ทหารลาดตระเวนก็เริ่มเดินสำรวจเมืองกันแล้ว ถนนตรอกซอกซอยเดินไปไหนก็จะเห็นทหารของเมืองเดินไปเดินมาเต็มไปหมด ฮูหยินสาม ดูท่า... ดูท่าในวังจะเกิดเื่”