ยามกลับมาถึงจวนสกุลฉิน ถังชิงหรูลอบเข้าไปยังสถานที่เรียนหนังสือของหลินหลันเซิง นางชะโงกดูอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง เห็นเด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งฟังอาจารย์สอนด้วยความตั้งใจ อาจารย์พูดหลายสิ่งที่ลึกซึ้ง นางฟังไม่รู้เื่แม้แต่ประโยคเดียว นางเปิดโหมดทักษะความรู้ คำศัพท์มากมายไหลเข้าสู่สมอง ครั้นแล้วก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
ใช่ว่านางไม่รักการศึกษา ตรงข้ามนางเป็เด็กเรียนเสียด้วย ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด นางไม่ต้องใช้เสี่ยวอีก็สามารถสอบได้อันดับหนึ่ง แต่ที่ฟังจากอาจารย์สอนในชั้นเรียนเมื่อครู่ นางเหมือนถูกโจมตีด้วยภาษาโบราณจำนวนมหาศาล ยามนี้มีแต่จือฮูเจ่อเหยี่ย[1]เต็มสมองไปหมด จนหัวแทบจะะเิอยู่แล้ว
ยามเฟิ่งหยางเดินออกมาจากห้อง เห็นถังชิงหรูกำลังจะชนต้นไม้ ชั่วขณะนั้นแววตาของเขาพลันจมดิ่ง พลิ้วกายเข้าไปอยู่ด้านหลังแล้วดึงนางออกมา
"เ้าอยากตายรึไง" รังสีเยียบเย็นกำจายจากทั่วร่างของเฟิ่งหยาง ราวกับน้ำแข็งเคลื่อนที่
ถังชิงหรูััถูกเ้าน้ำแข็งก้อนนี้ สติถึงแจ่มชัดขึ้นมาบ้าง นางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษตรงหน้า ถูกเขาดักคอเสียจนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
นางคลึงจุดไท่หยาง[2] พลางเอ่ยด้วยความละเหี่ยใจ "ข้าแค่ปวดศีรษะ ใครจะอยากตายกันเล่า มีชีวิตอยู่ดีๆ ข้าจะอยากตายทำไม"
"ข้านึกว่าเ้าได้ยินข่าวเฉินิถูกประกาศจับ เลยคิดจะตายตามเขาไป" เฟิ่งหยางปล่อยแขนของนาง พลางเอ่ยเสียงเบา
"ประสาทหรือเปล่า เขาแค่ถูกตามจับ ไม่ได้ถูกปะาชีวิต อีกอย่าง ต่อให้เขาถูกตัดศีรษะ ข้าคงไม่ต้องตายตามไปหรอกกระมัง เขาเป็แค่สหายคนสนิท ไม่ใช่บุรุษของข้าสักหน่อย" ถังชิงหรูพูดไปตามตรง "ข้าว่า คุณชายคงจะว่างมากเกินไป หากไม่มีงานทำ พรุ่งนี้ท่านก็ไปดูร้านสักหน่อยเถิด อย่างไรเสียคุณหนูเ่าั้ก็อยากพบท่านอยู่แล้ว"
เฟิ่งหยางแค่นึกถึงสตรีที่ตามตอแยเ่าั้ก็รู้สึกชาหนังศีรษะแล้ว ไม่ว่าจะเป็สตรีจากที่ไหนก็น่ารำคาญเหมือนกันหมด
รวมถึง... คนที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย
เฟิ่งหยางมองถังชิงหรูพลางคิดในใจ
"ข้าเพิ่งเข้าไปดูหลินหลันเซิงเรียนหนังสือ เขาอายุแค่ห้าขวบ เรียนเนื้อหาลึกซึ้งขนาดนั้นจะดีแน่หรือ ยามที่ข้าไปแอบดู อาจารย์กำลังสอนคัมภีร์ทางสายกลาง[3] ข้าไม่เคยเห็นใครสอนเนื้อหาลึกซึ้งขนาดนี้กับเด็กห้าขวบมาก่อน อายุของเขาเพิ่งห้าขวบเองนะ ยังไม่รู้จักอักษรสักตัว มิใช่ว่าควรศึกษาคัมภีร์สามอักษร[4] ซึ่งง่ายที่สุดก่อนหรือ"
"คัมภีร์สามอักษรอันใด?" เฟิ่งหยางเลิกคิ้ว กล่าวเสียงเรียบ "อีกอย่าง อาจารย์ท่านนี้เคยสอนบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงมาไม่น้อย เป็ผู้มีวิชาความรู้อย่างแท้จริง สตรีเช่นเ้าจะรู้อะไร คราวหน้าหากข้าได้ยินว่าเ้าคลางแคลงในวิธีการสอนของอาจารย์อีก ข้าจะจับเ้าโยนเข้าไปในห้องเรียนด้วย แม้ว่าจะเป็สตรี ไม่อาจสอบขุนนาง แต่ให้เ้าเรียนรู้มากหน่อย บุตรในอนาคตจะได้ไม่ถึงกับเป็คนเขลาเบาปัญญา นับว่าข้าคิดเพื่อเ้าโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย"
หากเฟิ่งหยางแค่รังแกนาง นางเป็คนใจกว้าง ฟังแล้วก็พอปล่อยวางได้ แม้ในใจจะโกรธเคืองยิ่งนัก แต่ก็พร่ำบอกตนเองว่า คนผู้นี้ปัญญาอ่อน อย่าได้ไปถือสา แต่นี่ถึงขั้นหยามไปยันบุตรซึ่งยังไม่ถือกำเนิดของนาง บิดาเขาอยู่ที่ไหนก็ยังไม่อาจรู้ ส่วนบุตรคนนั้นยังเป็แค่อสุจิแหวกว่ายอยู่ในถังสเปิร์มของบิดาเขาอยู่เลยนะ ทว่า... นางก็ยังโกรธมากอยู่ดี
"คุณชาย บุตรที่ข้าคลอดจะเป็คนเขลาหรือไม่สำคัญสำหรับท่านขนาดนี้เลยหรือ ท่านคงไม่อยากมีบุตรกับข้าหรอกกระมัง" เฟิ่งหยางมักหยอกเย้านางอยู่บ่อยๆ คงนึกว่านางเป็สตรียุคสมัยนี้ที่มักหลบเลี่ยงเื่พรรค์นี้ ไม่กล้าตอบโต้ด้วยความเขินอาย ใช่ นางเองก็ไม่อยากตอบโต้นักหรอก แต่หากคิดจะตอบโต้แล้ว เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
เฟิ่งหยางนึกสะอึกในใจ ใช้สองมือขยำขยี้ดวงหน้าน้อยๆ ของนางจนบิดเบี้ยวอย่างมันเขี้ยว พลางกล่าวเสียงเยาะ "ข้าหรือสนใจเ้า? ไม่ถ่ายเบาออกมาส่องเงาตนมานานแค่ไหนแล้ว"
"ไม่ล่ะ อย่างไรเสียสตรีเช่นข้าถึงถ่ายเบาก็คงไม่ได้สักเท่าไร มิสู้คุณชายถ่ายเบาแล้วเอามาให้ข้าส่องดูดีกว่า" ถังชิงหรูยักคิ้วยิ้มเริงร่าอย่างท้าทาย
เฟิ่งหยางถูกนางยั่วโมโหจนอยากทุบคนให้น่วม นึกไม่ถึงว่าสตรีคนนี้จะปากคอเราะรายนัก นึกว่าเขาต้องกลัวหรือไร นางเป็สตรี เขาเป็บุรุษ คนเสียเปรียบจะเป็ตนเองได้อย่างไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิ่งหยางก็คลายโทสะ ก่อนดึงมือนางเข้าหาตนเอง พลางยิ้มร้ายเอ่ยว่า "จะให้ข้าปล่อยเบามิใช่หรือ เช่นนั้นก็ต้องใช้มือช่วยกันหน่อย"
ถังชิงหรูตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ศีรษะที่ยังปวดหนึบอยู่เมื่อครู่บัดนี้ขาวโพลนว่างเปล่า แม้ว่าจะไม่ปวดศีรษะแล้ว แต่การที่ไม่มีสิ่งใดอยู่ในสมองเลยก็หาใช่เื่ที่ดีนัก
มือของนางอยู่ในท่าประคองบางสิ่ง ปลายนิ้วมือแตะถูกของบางอย่างที่ร้อนลวก
์!
บุรุษผู้นี้ทำอันใด
เ้าคนลามกผู้นี้ทำอันใด
นางคือหมอเทวดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง เป็หมออัจฉริยะอันดับหนึ่งในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด คุณหนูถังซึ่งได้ฉายาว่าโฉมงามน้ำแข็ง... ถึงกับต้องมาจับต้องของโสมมของผู้ชายเฮงซวยคนนี้
อย่านึกว่านางไม่เคยเห็นเ้าสิ่งนั้น นางเป็หมอเทวดา ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เคยเห็นของเฉินิมาแล้ว ของสิ่งนั้นเรียกได้ว่าอัปลักษณ์เป็อันดับหนึ่งของใต้หล้า
ครั้งแรกที่แตะต้องของเฉินิก็เพราะอยากรักษาโรคให้เขา แล้วก็ถูกเสี่ยวอีหลอกให้จับ แต่ที่ครานี้ต้องมาแตะต้องมันอีกก็เพราะถูกเ้าลามกนี่ลอบโจมตีกะทันหัน
เฟิ่งหยางเห็นถังชิงหรูกลายเป็มนุษย์ท่อนไม้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความไม่พอใจก่อนหน้านี้ก็สลายไปสิ้น เขาตบศีรษะของนางราวกับสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่งก่อนเดินจากไป
"เฟิ่งหยาง!" ถังชิงหรูเห็นเฟิ่งหยางเดินไปไกลแล้ว ก็ะโลั่นอย่างโมโหสุดขีด "ฝากไว้ก่อนเหอะ ข้าไม่ยอมจบแค่นี้แน่"
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก๊ากของเสี่ยวอีก็ดังขึ้นในสมอง
เสี่ยวอีสามารถเห็นทุกเื่ที่ถังชิงหรูประสบพบเจอ ดังนั้นยามนี้จึงหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง มีความสุขจนฉุดรั้งไม่อยู่
"นายหญิง นั่นน่ะชายงามต้นตำรับของแท้เชียวนะครับ ผู้อื่นเต็มใจให้ท่านจับต้อง เนื้อของท่านก็ไม่พร่องไปเสียหน่อย จะเล่นตัวไปทำไมเล่า" เสี่ยวอีกล่าวพลางหัวเราะจนย่ำแย่
ถังชิงหรูขบกรามกรอด เอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด "เสี่ยวอี นายนี่ชักนิสัยแย่มากขึ้นทุกวัน หรือว่าการตามฉันข้ามภพมาถึงที่นี่ ทำให้นายกลายพันธุ์ไปแล้ว"
เสี่ยวอีนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนตอบเสียงอ่อย "นายหญิง... ผมมีเื่หนึ่งอยากสารภาพ แต่นายหญิงอย่าโกรธนะครับ"
"ที่จริงแล้วั้แ่มาถึงสถานที่แห่งนี้ ผมก็พบว่าตัวเองสามารถแยกร่างออกจากนายหญิงได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ผมสามารถมีร่างเป็ของตนเองได้" เสี่ยวอีกล่าว
"หืม? จริงเหรอ" ถังชิงหรูตกตะลึง หมัดหนักที่เสี่ยวอีปล่อยมายามนี้ทำให้ถังชิงหรูลืมเื่เมื่อครู่ไปเสียสนิท นึกแต่อยากรู้ว่าเื่ที่เขาว่ามันเป็อย่างไรกันแน่
"จริงครับ" เสี่ยวอีตอบ
"งั้น... นายอยากเปลี่ยนร่างไปเป็แบบไหนล่ะ เป็มนุษย์ได้ไหม" ถังชิงหรูหาต้นไม้ต้นหนึ่งสำหรับยืนพิง ระหว่างที่คุยกับเสี่ยวอีอยู่ในใจ
"ไม่ได้ครับ เสี่ยวอีเป็แค่ปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ แต่ร่างของมนุษย์มีความซับซ้อนต้องใช้พลังงานสูง เสี่ยวอีไม่สามารถรวมร่างกับมนุษย์ได้ แต่หากเป็แมวหรือสุนัขซึ่งัักับผู้คนอยู่เป็ประจำ ทั้งยังเข้ากับมนุษย์ได้ง่ายที่สุด อัตราความสำเร็จในการรวมร่างกับพวกมันย่อมมีสูงกว่า"
"งั้นฉันจะช่วยหาร่างให้นายเอง" ถังชิงหรูขันอาสา "เพียงแต่ถ้าเป็อย่างนี้แล้ว ต่อไปฉันคิดจะเรียกนายคงไม่สะดวกเหมือนเดิม สัตว์เลี้ยงเล็กๆ มีชีวิตเป็อิสระ หากนายมีร่างของตัวเอง ก็คงอยากจะวิ่งไปไกลๆ ไม่ใช่คอยตามฉันทั้งวี่ทั้งวัน"
"นายหญิงไม่ต้องเป็ห่วง ถึงผมจะมีร่างเป็ของตัวเอง แต่ตราบใดที่ท่านเรียก ผมสามารถปรากฏตัวข้างกายนายหญิงได้เสมอ อย่างไรเสียผมก็ไม่ใช่แมวหรือสุนัขธรรมดา แต่เป็สัตว์เลี้ยงอัจฉริยะของท่าน" เสี่ยวอีกล่าว "ข้อเดียวที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ก็คือ เมื่อมีร่างที่มีชีวิตเพิ่มขึ้นมา หลังรวมร่างแล้ว ผมสามารถฝึกตนให้กลายเป็สัตว์วิเศษ ต่อไปยังสามารถปกป้องนายหญิงได้ด้วยครับ"
"ถึงเวลาที่นายมีร่างเป็แมวหรือสุนัข หากมีใครคิดร้ายกับนาย นายยังไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ" ถังชิงหรูยังรู้สึกเป็กังวล
"ไม่หรอกครับ คนธรรมดาจะแตะต้องตัวผมไม่ได้ แค่แตะทีเดียว พวกเขาก็จะมึนงงและตาลาย ดังนั้นเื่ที่นายหญิงกังวลจะไม่มีทางเกิดขึ้น" เสี่ยวอีตอบอย่างมั่นใจเต็มร้อย
"เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ฉันจะตั้งใจหาร่างให้นาย แต่หากนายพบที่ถูกใจก่อน ก็บอกได้" ถังชิงหรูกล่าว
"ขอบคุณมากครับนายหญิง นายหญิงของผมดีที่สุดเลย" เสี่ยวอีพูดฉอเลาะ
การค้ายังต้องดำเนินต่อไป วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นอกจากยังเป็ห่วงเื่ที่อยู่ของเฉินิเป็ครั้งคราว ชีวิตของนางก็นับว่าค่อนข้างสุขสบาย แต่สิ่งที่นางไม่พอใจมากคือทำไมชีวิตนี้ถึงเป็ได้แต่สาวใช้ ใต้หล้าไม่ได้มีแต่ถังชิงหรูคนเดียวเสียหน่อย จะเปลี่ยนร่างให้ตนเองใหม่บ้างไม่ได้เลยหรือ หากเพราะกำหนดเวลาไม่ถูกต้อง นางก็รอได้ และไม่รีบร้อนไปเกิดใหม่ด้วย
"พี่สาว..." โม่เสี่ยวเม่ยเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือถือใบรายการสั่งซื้อมาปึกหนึ่ง "นี่คือสินค้าที่ฮูหยินเ่าั้้า ต่อให้พวกเราทำงานทุกวันก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งปี พี่สาวเห็นว่าควรจะทำอย่างไรดี พวกเราไม่กลัวเหนื่อย แต่กลัวล่วงเกินฮูหยินเ่าั้มากกว่า พวกนาง้าใช้ด่วน ทว่าพวกเราไม่อาจส่งมอบสินค้าได้ และมิอาจปฏิเสธ"
"ข้าจะไปพบคุณชาย" ถังชิงหรูเอ่ย "เื่นี้ต้องให้คุณชายออกความคิด อย่างไรเสียนี่ก็เป็ร้านของเขา จะให้ข้าหัวหมุนอยู่คนเดียวได้อย่างไร"
"โอ้!" เสี่ยวเม่ยอึ้งงัน ก่อนรีบตามถังชิงหรูไป
โม่เสี่ยวเม่ยสติปัญญาเฉลียวฉลาด ไม่เพียงแต่ฝีมือดี ยังมีความคิดอ่านเฉียบแหลม นางมักจะเสนอความเห็นดีๆ มากมาย ความคิดที่เป็ระบบระเบียบเ่าั้ ถังชิงหรูเองยังเทียบไม่ได้ ดังนั้นโม่เสี่ยวเม่ยจึงกลายมาเป็ทั้งมือซ้ายและมือขวาของนาง
ก๊อกๆ ๆ ถังชิงหรูเคาะประตู
แอ๊ด... ประตูใหญ่เปิดออก เฟิ่งหยางยืนอยู่ตรงนั้น ยามนี้เขาสวมอาภรณ์สีม่วง ใบหน้าหล่อเหลาผ่านการแต่งแต้มประทินผิวมาเป็พิเศษ สามารถยืนยันถ้อยคำชื่นชมที่ว่าบุรุษเสมือนดั่งหยกได้อย่างแท้จริง เพียงแต่ถังชิงหรูซึ่งคุ้นเคยกับเขาเป็อย่างดีย่อมรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาก็คือจิตใจโสมมเลวร้ายเป็ที่สุด นางถึงไม่ถูกรูปโฉมบังตา
ถ้านางเป็คนหลงเสน่ห์คนง่าย ก็คงไม่ปฏิเสธเฉินิ ถึงอย่างไรหน้าตาเขาก็นับว่าหล่อเหลาเป็เลิศ เขามีรูปแบบความงามที่แตกต่างไปจากเฟิ่งหยาง
"ข้าจะออกไปข้างนอก เ้าตามข้าไปด้วยกัน" เฟิ่งหยางมองนางพลางเอ่ยวาจาเรียบๆ
ถังชิงหรูย่นหัวคิ้ว โบกกระดาษในมือ "ข้าอยากจะคุยเื่การค้ากับท่านหน่อย"
"เ้าคงไม่คิดว่าตนเองเป็คนทำการค้าไปจริงๆ แล้วหรอกนะ" เฟิ่งหยางเลิกคิ้ว "่นี้เห็นเ้ากำลังสนุก ข้าก็เลยไม่เข้าไปยุ่ง แต่ต้องรู้จักแยกแยะให้ชัดเจนว่าอะไรสมควรจริงจัง อะไรแค่ทำไปเพลินๆ ก็พอ ข้าให้เวลาเ้าหนึ่งถ้วยชา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างน้ำยาแปลงโฉมออก แล้วตามข้าไปข้างนอก"
ถังชิงหรูส่งใบรายการในมือให้โม่เสี่ยวเม่ย เอ่ยว่า "เ้ารอข้ากลับมาอยู่ที่นี่"
โม่เสี่ยวเม่ยได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ก็ใหวาดกลัวจนตัวสั่น นางถอยหลังไปสองสามก้าว พยายามสะกดกลั้นอารมณ์
จนกระทั่งเฟิ่งหยางเดินผ่านข้างกายของนางไป ถึงค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ทำให้นางตระหนักว่า วันนี้ตนเองได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน หากกล้าพูดออกไป มีแต่ต้องตาย
--------------------------------------------------------------------------------
[1] จือฮูเจ่อเหยี่ย เป็คำช่วยโครงสร้างสี่คำในภาษาโบราณ
[2] จุดไท่หยาง คือตำแหน่งบริเวณกึ่งกลางขมับ
[3] คัมภีร์ทางสายกลาง หรือจงยง เป็คำสอนของลัทธิขงจื่อ
[4] คัมภีร์สามอักษร หรือ ซันจื้อจิง เป็แบบเรียนอักษรที่ถือกำเนิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยต่างๆ ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับเด็กๆ ด้วยข้อความเรียบง่าย ข้อความละสามตัวอักษร เมื่อนำมาท่องเป็อาขยาน เด็กๆ ก็จะจำได้ง่าย นอกจากเรียนรู้อักษร ยังได้เรียนรู้คุณธรรมของขงจื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเื่ความกตัญญู และการเคารพผู้าุโ