หลังจากที่หนานกงเสี่ยวและฉินโจ้วเข้าสู่ทางเดินสุสานใต้ดินไม่นานที่วัดไผ่ล้อมก็เต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก เมื่อดูจากอุปกรณ์และท่าทางการเดินก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขานั้นแข็งแรงมาก พวกเขาถูกดึงดูดจากแสงสีรุ้งก่อนหน้านี้แต่หลังจากที่มาถึงก็พบเพียงต้นไผ่ที่อยู่ล้อมรอบวัด ไม่พบสิ่งอื่นแต่อย่างใดผู้เชี่ยวชาญหลายคนพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็จากไป เหลือไว้เพียงผู้เล่นที่ยังไม่รู้พวกเขาคิดว่ามีสมบัติกำลังจะเกิดขึ้นในโลก จึงลงมือค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างตั้งใจแต่โชคไม่ดีไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักแค่ไหนก็ไม่พบประตูทางเข้าสู่สุสานใต้ดินของวัดไผ่ล้อมเวทมนตร์มิตินั้นห่างไกลเกินที่คนทั่วไปจะเข้าถึง
วัดไผ่ล้อมไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรนักเพราะมีแต่มอนสเตอร์ และยังเป็มอนสเตอร์ที่ทรงพลังมากเสียด้วย อย่างเช่น งูทองคำหลังจากผ่านไปชั่วครู่ งูทองคำก็ถูกผู้เล่นปลุกให้ตื่นก่อนจะโจมตีทันทีเมื่องูทองคำหลายร้อยตัวโจมตีพร้อมกัน เป็ภาพที่วิจิตรตระการตามากหลังจากส่งผู้เล่นกลับจุดเซฟไปหลายสิบคน ก็ทำให้ผู้เล่นที่เหลือต่างล้มเลิกความตั้งใจที่จะหาสมบัติในตำนานและพากันหลบหนีไป
มีอะไรเกิดขึ้นข้างบนบ้างนั้นทั้งฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวที่อยู่ในทางเดินสุสานใต้ดินก็ไม่อาจรู้ได้เลยถึงแม้จะอยู่ห่างกันไม่ถึง 20 เมตร แต่ราวกับว่าอยู่กันคนละโลก
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรง"...
ทักษะ ''อ่อนแรง'' ที่ระดับเลเวล 98 ที่ฉินโจ้วเคยภาคภูมิใจนั้น ในเวลานี้เขามีแต้มทักษะอีกสองแต้มจึงทำให้ฉินโจ้วรู้สึกไม่พอใจเลย เขาหวังที่จะเพิ่มระดับให้กับทักษะ ''อ่อนแรง'' และ ''หน่วง'' เพื่อให้ถึงระดับเลเวล 100 เต็ม และจะดูว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง
อย่างที่เราทุกคนรู้กันดีว่ามันเป็การยากที่จะพัฒนาทักษะให้ถึงระดับเลเวล 98 และหลังจากที่ได้เลื่อนระดับเป็เลเวล99 การที่จะเลื่อนระดับจนถึงขั้นสูงสุดนั้นต้องใช้บางสิ่งเป็จำนวนมากและการที่จะเลื่อนระดับจนถึงขั้นสูงสุดนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถึงแม้ว่าในอดีตจะเคยเกิดขึ้นมามากมาย เพียงแต่ว่าคนที่เคยประสบความสำเร็จเ่าั้ล้วนแล้วแต่ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากจนคาดไม่ถึงกันทั้งสิ้น
ถึงจะต้องพบกับความยากลำบากมากมาย แต่ฉินโจ้ววิเคราะห์แล้วว่าเขายังพอมีความหวังอยู่มากที่จะทำสำเร็จเพราะเขานั้นมีข้อได้เปรียบหลายอย่างที่คนอื่นไม่มี
ประการแรกทักษะที่เขาเลือกเป็ทักษะเบื้องต้น เมื่อเทียบกับทักษะระดับกลาง หรือแม้แต่ระดับสูงนั้นความยากในการเพิ่มระดับจากเริ่มต้นจนถึงระดับเลเวลสูงสุดจึงน้อยกว่าอย่างมีนัย
ประการที่สองเขาสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาเป็ดั่งโล่เพื่อฝึกฝนทักษะโดยปราศจากความกังวลใดๆทั้งเวลา ทั้งพลังงาน ล้วนแต่มีประสิทธิภาพมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่ายิ่งนัก
ประการที่สามขั้นตอนที่ยากที่สุดในการเพิ่มระดับให้เต็มคือ การเพิ่มระดับจากเลเวล 99 ไปยังเลเวล 100 ฉินโจ้วเองยังมีแต้มทักษะอยู่เขาสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาสามารถข้ามขั้นตอนความยากลำบากจากการเพิ่มระดับเลเวล98 ไป 99 ได้ อาจสรุปได้ว่าความน่าจะเป็ในความสำเร็จของเขานั้นมีสูงมาก
หยิบหินดูดเืสองก้อนกับเหรียญเงินสิบกว่าเหรียญขึ้นมาฉินโจ้วส่งอัศวินปฐีทั้งสองตัวที่ใกล้วงล้อมออก ก่อนจะเรียกอัศวินปฐีตัวใหม่ออกมาแทน
ไม่มีทักษะใดที่สมบูรณ์แบบอาชีพผู้อัญเชิญิญญาธาตุนั้นค่อนข้างทรงพลังมากแต่ก็ยังมีข้อด้อยที่เห็นได้ชัดอยู่เช่นกัน ข้อแรกการที่ต้องใช้พลังชีวิตหรือพลังจิตอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้เป็เวลานานไม่มีใครที่จะมีพลังชีวิตหรือพลังจิตที่ใช้ได้ไม่มีวันหมดฉินโจ้วโชคดีที่สามารถต่อต้านฟ้าถ้าเป็คนธรรมดาทั่วไปคงจะเรียกใช้อัศวินปฐีได้เพียงแค่สามหรือห้าวินาทีเท่านั้นผู้อัญเชิญก็คงกลายเป็เพียงซี่โครงไก่ ข้อสอง การติดโทษตายนั้นน่ากลัวยิ่งนักหากไม่ระวังแล้วก็จะถูกลากไปสู่ความตายโดยการอัญเชิญมอนสเตอร์เหล่านี้
ผีดิบระดับเลเวล50 นั้นแข็งแกร่งค่อนข้างมาก ถ้าเขาไม่ระมัดระวังพวกมันจะทะลายแนวป้องกันของอัศวินปฐีและพุ่งเข้าใส่พวกเขาทันทีด้วยพลังโจมตีของพวกมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาทั้งคู่ได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งโชคยังดีที่พวกเขาทั้งสองนั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้ค่อนข้างมากด้วยการตัดสินใจที่เฉียบคม และการร่วมมือประสานเป็หนึ่งเดียวใน่เวลาคับขันถึงแม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังสามารถรอดมาได้อย่างปลอดภัยเสมอ
ผีดิบนั้นมีจำนวนมากมายนักพวกเขาทั้งสองคนรวมกับอัศวินปฐีทั้งสี่ตัวก็ยังยากที่จะจัดการพวกมันได้หมด พวกเขาสามารถจัดการผีดิบได้เจ็ดถึงแปดตัวในการรุกคืบเข้าไปแต่ละก้าวเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หนานกงเสี่ยวก็เริ่มต้องใช้ยาแล้ว แต่ฉินโจ้วนั้นยังดีกว่าแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งขั้น เลเวล 49
เมื่อฉินโจ้วได้รับหินดูดเืที่มีมากกว่า600 ก้อน ระบบก็แจ้งเตือนข่าวดีเื่การเพิ่มระดับหลังจากที่ฉินโจ้วเพิ่มแต้มสถานะฟรี เขาก็มองไปยังเลเวลของทักษะเวท ''อ่อนแรง'' ที่ยังคงอยู่ที่เลเวล 98 ดูเหมือนว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ดูแล้วยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงระดับถัดไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหนานกงเสี่ยวก็เพิ่มระดับเลเวล
ทางเดินในสุสานนั้นยาวมากฉินโจ้วประมาณไว้ว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 200 เมตร ซึ่งในเวลานี้ยังไม่เห็นทางที่จะสิ้นสุดเขาไม่รู้ว่าสุสานแห่งนี้เป็ของผู้ใด จึงได้มีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้พวกเขาเหล่านี้คงมีเกียรติและยศถาบรรดาศักดิ์ไม่น้อย แม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ยังคงยิ่งใหญ่และไม่ยอมให้ผู้อื่นผ่านไปได้โดยง่าย จำนวนของผีดิบไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ดูราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แสงสว่างวาบสีทองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและจางหายไปในความมืด
อุปกรณ์ทองคำอีกชิ้นหรือนี่ฉินโจ้วถึงกับยิ้มร่า ก่อนจะรีบวิ่งไปเก็บมาด้วยความกระตือรือร้นไม่คาดคิดว่าจะเป็อุปกรณ์ทองคำระดับสูง ความรู้สึกไม่ต่างจากการถูกรางวัลใหญ่ เนื่องจากเป็แผนที่ใหม่อัตราการดรอปของอุปกรณ์ทองคำจึงยังสูงอยู่ฉินโจ้วจึงสรุปได้ว่าจากการจัดการมอนสเตอร์ไปสามสิบตัว ถึงน่าจะดรอปอุปกรณ์ทองคำมีั้แ่ระดับต่ำจนถึงระดับสุดยอด แต่นี่ได้อุปกรณ์ระดับสูงั้แ่ในครั้งแรกก็ถือว่าเป็สิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก
ไม้เท้าสวดภาวนา: ไม้เท้าเวทระดับทองคำ เพิ่มความเร็วของเวทขึ้น 15% เพิ่มพลังโจมตีเวทอีก15% และเพิ่มความเร็วพลังจิตอีก 15%, ทักษะเพิ่มเติม1 ฟื้นฟูแขนขา : สามารถงอกส่วนอื่นๆ ของร่างกายขึ้นใหม่ยกเว้นศีรษะระยะเวลาในการใช้ทักษะ 4 ชั่วโมง, ทักษะเพิ่มเติม2 ฟื้นคืนชีพ :หลังจากเสียชีวิตไม่เกินสามวินาทีสามารถคืนชีพได้หนึ่งครั้ง (หมายเหตุ :ทักษะนี้สามารถใช้กับผู้อื่นได้ด้วย) ระยะเวลาในการใช้ทักษะนี้ 8 ชั่วโมง อาชีพที่สามารถใช้ได้ : เมจ, นักบวชเวทธาตุแสง
นี่มันสุดยอดมากเลย
ฉินโจ้วถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่ออยู่ต่อหน้าไม้เท้าสวดภาวนาไม่ใช่เพราะคุณสมบัติที่ทรงพลังของมันแต่เพราะว่ามอนสเตอร์ธาตุความมืดเช่นผีดิบเหล่านี้สามารถดรอปอุปกรณ์ของธาตุแสงที่ทรงพลังได้อีกด้วยซึ่งสองสิ่งนี้ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้และเขาเองก็ไม่รู้ว่าผีดิบตัวใดที่ดรอปไม้เท้าสวดภาวนาชิ้นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โลกนี้ทำไมถึงได้กว้างใหญ่ยิ่งนัก
คงจะน่าเสียดายมากถ้าหากต้องขายอุปกรณ์ชั้นดีชิ้นนี้ออกไปฉินโจ้วนึกถึงคนที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะใช้ไม้เท้านี้เอาไว้ในใจแล้ว นั่นก็คือ หวังเสี่ยวหยาน ที่เป็กุมารแพทย์ แต่ตอนนี้เขากังวลว่าจะหาข้ออ้างเพื่อใกล้ชิดได้อย่างไรกันเมื่อนึกถึงเวลานั้นก็อดที่จะคิดถึงผิวขาวที่เรียบเนียนละเอียดอ่อนราวกับน้ำนมไม่ได้ยิ่งทำให้จิตใจของฉินโจ้วถึงกับรุ่มร้อนขึ้นมา
"พี่ฉินถึงเวลาต้องสับเปลี่ยนอัศวินปฐีแล้ว" หนานกงเสี่ยวมองฉินโจ้วที่ยืนนิ่งค้างอยู่และรีบเตือนเขาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของฉินโจ้วถึงกับร้อนผ่าวเขารีบรวบรวมสมาธิกลับมา และรีบสับเปลี่ยนอัศวินปฐีที่พลังชีวิตจวนเจียนจะหมดก่อนจะเก็บไม้เท้าสวดภาวนาเข้าไปในแหวนมิติ
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่?คิดถึงสาวอื่นอยู่หรือเปล่า? จู่ๆ หนานกงเสี่ยวก็ถามขึ้น
ฉินโจ้วถึงกับหัวใจเต้นแรงััที่หกของผู้หญิงนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง แต่อย่างไรก็ตามคงไม่อาจยอมรับได้ในเวลานี้ท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า"ผมกำลังคิดว่า พวกผีดิบเหล่านี้ให้กำเนิดลูกหลานกันอย่างไร?"
หนานกงเสี่ยวนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะกระแอมเบาๆ แต่ไม่ตอบอะไรออกไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กระซิบถามด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า "แล้วคุณคิดจะหาคำตอบไหม?"
ฉินโจ้วตอบอย่างมั่นใจว่า"ไม่เลย ผมคิดว่าผู้หญิงควรจะเป็ฝ่ายพูดถึงเื่นี้นะ"
"คนนิสัยไม่ดี" หนานกงเสี่ยวเม้มริมฝีปากก่อนจะจ้องมองคนรัก
ฉินโจ้วหัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น การพูดเกี่ยวกับเื่ชายหญิงในสถานที่นี้ช่างเป็การทำให้เสียบรรยากาศโดยแท้ เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับมอนสเตอร์การเลื่อนระดับเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
"อัศวินปฐีออกมา"
ยิ่งพยายามค้นหามากเท่าไรฉินโจ้วก็พบว่าทางเดินของสุสานนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่เขาคาดไว้มากนักและยังมีความลึกลับมากอีกด้วย เขา้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแผนที่ใหม่ให้ได้มากที่สุดภายในเวลาสองเดือนจึงเป็ไปไม่ได้เลยที่จะไม่เกิดความเสี่ยงขึ้นดังนั้นเขาจึงอัญเชิญอัศวินปฐีออกมาสองตัว ด้วยวิธีนี้ทำให้ความเร็วในการจัดการมอนสเตอร์นั้นเพิ่มขึ้นเป็อย่างมากแต่สำหรับฉินโจ้วแล้ว ความกดดันที่จะต้องจัดการก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แปดชั่วโมงต่อมาหนานกงเสี่ยวเริ่มรู้สึกเหนื่อย จึงหยุดพักเป็เวลาราวครึ่งชั่วโมง ภายในครึ่งชั่วโมงนั้นแรงกดดันที่ฉินโจ้วได้รับก็เพิ่มขึ้นเป็อย่างมากทำให้เขารุกคืบไปได้ไม่ไกลนักเขาถูกผีดิบบีบให้ถอยร่นกลับมาหลังจากเดินไปได้ไกลเพียง 30 เมตร แต่ก็ยังดีที่เขาอัญเชิญทหารโครงกระดูกนับสิบออกมาคอยช่วยเหลือไม่อย่างนั้นแล้วเขาอาจจะต้องถอยร่นไปมากกว่านี้
จากจุดนี้เขาจึงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของผีดิบและในขณะเดียวกันก็ทำให้ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งจากเสียงพิณของหนานกงเสี่ยวอีกด้วยฉินโจ้วแอบยินดีกับตัวเองในใจที่ได้รู้จักกับหนานกงเสี่ยว ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าลำพังเขาเพียงแค่คนเดียวคงไม่สามารถจะผ่านทางเดินสุสานนี้ไปได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหนานกงเสี่ยวก็กลับมาร่วมต่อสู้อีกครั้งทำให้ฉินโจ้วรู้สึกว่าแรงกดดันนั้นลดลงเมื่อเสียงพิณดังขึ้นรู้สึกราวกับได้ขึ้นจากน้ำมาสูดอากาศหายใจ รู้สึกว่าผ่อนคลายและเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้นเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเรียกทหารโครงกระดูกนับสิบที่อยู่ในอันตรายกลับมา
ในสภาวะแวดล้อมที่มืดมิดการต่อสู้ในระยะประชิดเต็มไปด้วยความน่ากลัวและดุเดือด
หนึ่งวันผ่านไปหนานกงเสี่ยวก็เพิ่มระดับเป็เลเวล 47 ในเวลานี้ยาน้ำขวดเล็กของหนานกงเสี่ยวถูกใช้ไปจนหมดแล้ว และยาของฉินโจ้วเองก็หมดเช่นกันแต่โชคยังดีที่แหวนมิติของฉินโจ้วนั้นเหมือนกับโกดังเคลื่อนที่ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะยาเท่านั้นแต่ยังมีเกือบทุกสิ่ง ทำให้เราไม่จำเป็ต้องกลับไปที่บ้าน ซึ่งยาทั้งหมดที่มีอยู่ในแหวนมิตินั้นเพียงพอที่จะให้ทั้งสองใช้ไปได้อีกราวครึ่งปีเลยทีเดียว
ผ่านไปสามวัน หนานกงเสี่ยวก็เพิ่มระดับอีกครั้งตอนนี้เลเวลอยู่ที่ 48 ในระหว่างนี้หนานกงเสี่ยวนั้นต้องออกจากเกมไปเพื่อนอนพักผ่อนส่วนความเปลี่ยนแปลงของฉินโจ้วเพิ่งสะท้อนออกมาให้เห็น เขาไม่จำเป็ต้องนอนพักยังคงยืนหยัดต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง พลังงานเต็มเปี่ยมกว่าแต่ก่อนมาก คงเป็เพราะหลังจากที่ได้ฝึก ''คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น''เขาจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก ในเวลานี้เขาไม่ต้องนอนหรือกินดื่มติดต่อกันได้เป็เวลาหลายวันโดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
เวลาเป็สิ่งมีค่าฉินโจ้วจึงไม่อยากจะปล่อยให้เสียเปล่าไปแม้แต่นาทีหรือแค่วินาทีเดียวหลังจากเขาออกไป เขาก็เริ่มจากจุดเริ่มต้นใหม่ ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาอีกสองสามวันจึงจะกลับมายังตำแหน่งนี้ได้ฉินโจ้วไม่อาจจะล่าช้าได้อีกต่อไป
ผ่านไปอีกสามวันหนานกงเสี่ยวก็ได้มาถึงระดับ 49 ส่วนฉินโจ้วนั้นยังคงอยู่ที่ระดับ49 ดูเหมือนว่าระดับ 50 นั้นจะมีบางสิ่งขวางกั้นอยู่ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะผ่านมันไปให้ได้
วันที่สิบของการเข้ามาอยู่ในทางเดินสุสานในที่สุดฉินโจ้วก็ได้ยินเสียงการเลื่อนระดับที่เป็หมือนกับของขวัญจากระบบ
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งขั้น
ติ๊ง!ประกาศจากระบบ ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงาม เป็ผู้เล่นคนแรกที่เลเวลถึง 50 ได้รับรางวัลเป็ค่าชื่อเสียง +3,000 แต้ม, เหรียญทอง 3,000 เหรียญ, แต้มสถานะฟรี300 แต้ม และมีคัมภีร์ลับ ''คัมภีร์พระโพธิสัตว์''้าเปิดเผยชื่อหรือไม่?
''ไม่''ฉินโจ้วยังคงทำตัวไม่ให้เป็จุดสนใจ
คัมภีร์พระโพธิสัตว์ :ตำราระดับสมบัติหายาก เขียนโดยพระโพธิสัตว์ ซึ่งภายในบรรจุประสบการณ์ชีวิตความเข้าใจในเต๋าและพระพุทธศาสนา
ฉินโจ้วถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเขาไม่ได้อยากจะบวชเป็พระ เพราะอะไรถึงให้รางวัลเขาเป็คัมภีร์ลับเช่นนี้ระบบนี่มันช่างขี้เหนียวเสียจริง ชอบให้รางวัลในสิ่งที่เขาไม่้า
ติ๊ง!ประกาศจากเขตเหยียนหวง : ผู้เล่น xx ได้เพิ่มระดับถึงเลเวล 50ทำให้ปลดล็อกระบบที่ซ่อนอยู่ ''ากลางเมือง''(หมายเหตุ : ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความล่มสลายและกองกำลังในโลกจะถูกแบ่งแยกอีกครั้ง ภายในหนึ่งปี 12 กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับรางวัลพิเศษ กลุ่มที่อยู่ต่ำกว่า 12 อันดับแรก จะไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด) หวังว่าผู้เล่นทั้งหลายจะพยายามต่อไปไม่ท้อถอยมุ่งสู่ความรุ่งโรจน์
‘ากลางเมือง!’ นี่สิถึงจะเรียกว่าาอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าคำคำนี้จะทำให้นึกถึงเื่ที่ไม่ค่อยดีนักแต่ก็เป็คำที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่มีความทะเยอทะยาน เืในกายเริ่มเดือดพล่านสำหรับคนดีทั่วไปก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกันเพราะวีรบุรุษก็มักจะถือกำเนิดใน่กลียุคราวกับการล่ากวางในกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ คงมีเพียงาเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถแสดงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ออกมาให้เป็ที่ประจักษ์ได้
การสังหารหมู่เป็เื่ที่ยากจะเข้าใจและไม่สามารถหยุดยั้งได้คล้ายกับพายุเฮอริเคนที่กวาดล้างทั่วทุกที่ในเขต เหยียนหวง มีการต่อสู้ทุกที่มีาเกิดขึ้นทุกหนแห่ง ประกายดาบฟาดฟัน เืนองไหลรินราวกับสายน้ำไม่ว่าจะเป็ากลุ่มเล็กของคนไม่กี่คน หรือจะใหญ่ระดับากิลด์ที่มีหลายร้อยหลายพันคนทุกแห่งหนจะเต็มไปด้วยความโกลาหล ควันไฟแห่งาจะคุกรุ่นไปทั่ว
สถานการณ์นี้คล้ายกับจุดจบของราชวงศ์ซุยและเป็การเริ่มต้นของราชวงศ์ถังเมื่อเจ็ดสิบสองเส้นทางต่อต้านกษัตริย์มารวมตัวกัน เพื่อมุ่งเป้าทำอนาคตให้สำเร็จถ้ากำปั้นของใครแข็งกว่า ดินแดนของคนผู้นั้นก็จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วยซึ่งถ้าเขาเป็คนพูด คนอื่นก็จะต้องเชื่อฟัง แต่ถ้าเป็ตรงกันข้ามคุณจะต้องฟังคนอื่นด้วย
เมื่อเปรียบกับเมืองัที่ค่อนข้างเงียบสงบครึ่งหนึ่งของกองกำลังหลักต้องรวมกลุ่มในการต่อสู้แย่งชิงดินแดนการต่อสู้และการสังหารนั้นกลายเป็เื่หลักของเกมไปแล้วซึ่งระดับเลเวลโดยเฉลี่ยในเขตเหยียนหวงนั้นค่อนข้างต่ำ
ผ่านไปสิบวันกองกำลังต่างๆ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ราวกับมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เมืองใหญ่ทุกเมืองในเขต เหยียนหวงต่างก็มีประสบการณ์ในการทำภารกิจาป้องกันเมืองมาแล้วยกเว้นกิลด์ปราสาทแห่งความมืดที่ล้มเหลว เพราะถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายโจมตีส่วนกิลด์สมาคมโลก กิลด์์ กิลด์ต้นไม้ทงเทียน กิลด์ราชวงศ์มดกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ และตระกูลหยก ต่างก็ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งฐานที่มั่นของตนเองขึ้นจนถึงบัดนี้ได้มี 9 เมือง เกิดขึ้นในเกมแล้ว นั่นก็คือเมืองั เสือ วัว กระต่าย ลิง ม้า หนู งู และเมืองแกะ ทำให้ความหนาแน่นของประชากรที่มากเกินไปเริ่มผ่อนคลายลงไปมากในเวลาเดียวกันนั้นก็เป็การประกาศว่า ต่อจากนี้ไปเป็เวลาของกองกำลังเหล่านี้ที่จะมาแทนที่ส่วนกลางซึ่งจะขยายวงออกไปอย่างกว้างขวาง แต่ละเขตก็มีกลุ่มของตนเองแตกต่างกันไปตามพื้นที่
นอกจากคำสั่งสร้างเมืองของปราสาทแห่งความมืดแล้วยังมีคำสั่งสร้างเมืองเร่งด่วนจำนวน 9 รายการในเกม และยังมีอีกสองชิ้นที่ยังหาไม่พบ เพื่อการจบภารกิจระดับ Sคงต้องขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
กองกำลังหลักที่มีตราคำสั่งสร้างเมืองนั้นถูกเรียกว่าเป็กองกำลังระดับสุดยอดจากผู้เล่นในเกม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของกองกำลังชั้นนำที่นำโดยตระกูลยี่เป่ยเย่กลุ่มผู้นำการบิน กลุ่มดวงดาว ตระกูลบาคาร่า กลุ่มหวงฮวาหลี กลุ่มรถไฟด่วน กลุ่มเดินแปดทิศกลุ่มโล่ และอื่นๆ
เมื่อผู้คนที่แข็งแกร่งในโลกเริ่มต่อสู้กันเพื่อดินแดนกลุ่มสายฟ้า 1 ใน 9 กลุ่มผู้นำกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆนอกจากจัดการกับมอนสเตอร์เพิ่มระดับแล้วก็เพิ่มระดับ ดูราวกับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยยกเว้นดินแดนที่มีอยู่เดิม โดยไม่ได้คิดจะขยายอาณาเขตเพิ่มแต่อย่างใดเมืองงูนั้นเป็เมืองที่เงียบสงบไร้ซึ่งการต่อสู้ ทำให้ผู้เล่นอาศัยอยู่อย่างสงบสุขและได้ทำงานที่ตนเองชอบบรรยากาศเต็มไปด้วยความเฟื่องฟู เมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอกนั้นที่นี่สงบสุขราวกับสรวง์
ที่ห้องลับชั้นใต้ดินของห้องโถงสำนักงานใหญ่แสงสลัวสาดส่องผ่านหลังของคนผู้หนึ่ง เกิดเงาทอดยาวราวกับขุนเขาเผยให้เห็นหลังที่งองุ้มจนร่างกายแทบจะ ยืนอยู่ไม่ไหว และไม่สามารถที่จะยืดตัวให้ตรงได้มือของเขาปล่อยตกข้างลำตัวตามปกติ ทำมุมขนานกับร่างกาย นิ้วดูหนาและแข็งแรงิับริเวณข้อนิ้วนั้นด้านและแข็ง ดูก็รู้ว่าต้องเคยทำงานเป็ทหารมาก่อนซึ่งน่าจะต้องถือสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายหอกเป็เวลานานๆ เขายืนหันหลังอยู่อย่างเงียบสงบถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไปสักเพียงใด ก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยก่อนจะปลดปล่อยรังสีแห่งความอำมหิตออกมา ทำให้ผู้คนนั้นสั่นสะท้าน
ในความมืดหลังจากที่ไตร่ตรองอยู่นาน เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าแต่ยังคงเสียงดังฟังชัดและทรงพลังว่า "มันเป็แค่ากลางเมืองคนของพวกเราไม่จำเป็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมหรอก ใน่นี้เราควรจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความแข็งแกร่งของเราไม่ต้องไปหลับหูหลับตาทำตามหรอก ปล่อยให้พวกเขาทำเื่ที่ต้องเสียแรงกันไปส่วนเราค่อยลงมือทำเมื่อถึง่เวลาสำคัญก็พอ"
"ได้ครับท่านปู่รอง"ข้าจะรีบไปจัดการ ชายวัยกลางคนก็ยืนตัวตรงคล้ายกับหอก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอันดังด้วยท่าทางจริงจังและนอบน้อม
"นายคงต้องเหนื่อยหน่อยนะไปเถอะ..." ชายหลังค่อมคนดังกล่าวพูดขึ้นโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
"ครับ ท่านปู่รอง"ชายวัยกลางคนหันกลับก่อนจะถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
"ศิลปะการต่อสู้นั้นทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้จริงหรือ?สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงร่างกายของมนุษย์ได้มากกว่าวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีปัจจุบันได้จริงอย่างนั้นหรือ?ผู้ก่อตั้งเผิงอายุ 800 ปีแล้ว หรือตำนานจะมีอยู่จริง?ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจเบาๆ ขึ้นในห้องลับ เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งชายหลังค่อมก็หายไปเสียแล้ว