“ข้าหลินเฟิงร้องขอความตาย!”
เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวกลายเป็คลื่นเสียงรุนแรง ที่ทำให้หัวใจของผู้คนต่างสั่นระรัว ‘ร้องขอความตาย’ ช่างเป็คำพูดที่บ้าบิ่นยิ่งนัก แต่เศษขยะที่ถูกพวกเขาขับไล่ออกจากตระกูลหลิน ในตอนนี้กลับร้องขอความตายและดูแคลนทุกคนในตระกูล
ผู้ที่เคยเป็เศษขยะ หลินเฟิงที่ทุกคนเคยเรียกว่าเป็เศษขยะ ในตอนนี้กำลังดูแคลนตระกูลหลิน
“เศษขยะหลินเฟิง ผู้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน!?”
ช่างน่าขันยิ่งนัก... ก็เหมือนกับตอนที่หลินเฟิงได้พูดจาบ้าบิ่นในงานประลองเมื่อก่อน พร์ของเขาแข็งแกร่งกว่าหลินเชียน เดิมทีหลินเชียนไม่อาจเทียบเคียงหลินเฟิงได้เลย และตอนนี้แม้หลินเชียนจะอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 หรือมีพร์ที่น่าทึ่ง แต่หลินเฟิงก็สามารถสังหารผู้าุโเก้าที่อยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ได้ หลินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน? ถึงอย่างไรหลินเชียนก็มิอาจเทียบเขาได้
หลินเฟิงเป็อัจฉริยะผู้โดดเด่นที่สุดของตระกูลหลิน แต่อัจฉริยะอย่างเขากลับถูกขับไล่ออกจากตระกูล
“ทำไมถึงไม่มีใครพูดอะไรเลย?” หลินเฟิงกวาดสายตามองฝูงชนที่กำลังมองมาทางเขา จึงอดพูดเยาะเย้ยออกมาไม่ได้ “ก่อนที่ข้าจะมาถึงที่นี่ ไม่ใช่ว่าพวกเ้าต่างประจบประแจงหลินเชียนและหลินป้าต้าวกันอยู่หรอกหรือ? ตอนนี้ข้าก็ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเ้าแล้ว แต่ทุกคนกลับกลายเป็หูหนวกและเป็ใบ้ไปเสียอย่างนั้น”
“หากข้าเป็เศษขยะ งั้นพวกเ้าก็คงเป็พวกไร้ยางอาย และเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้ค่าสินะ?”
เสียงของหลินเฟิงดังกังวานไปทั่วบริเวณ ทำให้หลายคนต่างมีใบหน้าแดงก่ำขณะจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“เ้าและพ่อของเ้าก็เหมือนกัน พวกเ้าทั้งคู่ต่างเป็คนทรยศ พวกเ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!”
ขณะนั้นได้มีเสียงอันโกรธเกรี้ยวดังขัดจังหวะ คำพูดนั้นเป็ของอาสามหลินเฮ่าหลัน เมื่อเห็นหลินเฟิงในตอนนี้ เขาจึงนึกถึงบุตรชายของตนขึ้นมา ในใจเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความริษยา และความอิจฉานี้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็ความเกลียดชัง
หลินเฟิงประหลาดใจกับคำพูดร้ายกาจนั้น ดวงตาของเขากลายแหลมคมราวกับดาบขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฮ่าหลัน พ่อของเขาและเขาเป็สัตว์เดรัจฉาน?
“ไม่น่าเชื่อว่าพวกเ้าจะกลายเป็คนไร้ยางอายขนาดนี้” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า “ในอดีตท่านพ่อและข้าต่างก็ไม่เคยขัดใจพวกเ้า แต่เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล พวกเ้าจึงดูแคลนข้าครั้งแล้วครั้งเล่า และ้าให้ท่านพ่อของข้าลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลด้วยวิธีสกปรก พวกเ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของพี่น้องหรือไม่?”
“เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ต่อมาผู้าุโสูงสุดถึงโจมตีพ่อข้าและทำให้เขาได้รับาเ็ แล้วเ้าก็ขับไล่พวกข้าออกจากตระกูล เ้ามันเป็คนไร้ยางอายอย่างแท้จริง นอกจากนี้ข้าก็ได้เปิดเผยพร์ของข้าในงานประลองของเมืองหยางโจว แต่เ้ากลับหวาดกลัวพร์ของข้า นั่นจึงเป็เหตุผลที่เ้าพยายามสังหารข้า เ้าเคยนึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเืของพวกเราในเวลานั้นหรือไม่?
“และตอนนี้เ้ากำลังหาว่าข้าเป็คนทรยศ? เ้าทำร้ายพี่ชายของตัวเองแท้ๆ ยังกล้าเรียกเขาว่าคนทรยศอีก เ้าเลือกที่จะแทนที่พ่อของข้า? ข้าหลินเฟิงไม่อยากทำอะไรคนไร้ค่าอย่างเ้า เพราะหากคลุกคลีกับเ้าก็มีแต่จะทำให้ข้าได้รับความอัปยศ หลินเฮ่าหลันถ้าเ้ากล้าดูแคลนพ่อของข้าอีกครั้ง ข้าจะสังหารเ้าซะ!”
เมื่อกล่าวจบ คลื่นดาบมหาศาลได้แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ หลินเฟิงในตอนนี้ราวกับดาบที่แหลมคมและเจิดจรัส
คาดไม่ถึงว่า... หลินเฟิงจะกล้าข่มขวัญอาสามของเขาอย่างหลินเฮ่าหลัน ขู่ว่าจะสังหารเขา
เมื่อถูกดูแคลนต่อหน้าคนรุ่นเยาว์เช่นนี้ หลินเฮ่าหลันจึงขายหน้าอย่างมาก จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเ็าว่า “ทั้งเ้าและพ่อของเ้าก็ต่างเป็สัตว์เดรัจฉาน”
หลินเฮ่าหลันจะยอมถูกรุ่นเยาว์ข่มขู่ได้อย่างไร แล้วทำไมเขาจะไม่กล้าพูดเช่นนั้นได้
“ตูม!!!”
เมื่อสิ้นสุดเสียงของหลินเฮ่าหลัน คลื่นดาบไร้รูปร่างก็พุ่งไปในอากาศ รอบกายหลินเฟิงตอนนี้ราวกับมีคมดาบล้อมรอบอยู่ หรือพูดได้ว่าตอนนี้ตัวเขาได้แปรเปลี่ยนเป็ดาบ
เจตจำนงแห่งดาบที่ทรงพลังได้แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้หัวใจของผู้คนเริ่มเต้นไม่เป็จังหวะ
แข็งแกร่ง! ดูเหมือนว่าพวกเขาจะประเมินหลินเฟิงต่ำเกินไป หลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทุกคน
คลื่นดาบที่มองไม่เห็นกำลังรอบล้อมฝูงชน พวกเขาต่างจ้องมองหลินเฟิงไม่ละสายตา เขากลายเป็คนที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว
หัวใจของหลินเฮ่าหลันเองก็สั่นอย่างรุนแรง ไม่มีใครรู้ว่าเจตจำนงดาบที่กำลังทิ่มแทงนั้นทำให้เขาเ็ป แม้เขาจะพยายามควบคุมตัวเองมากแค่ไหน แต่สีหน้าของเขาก็ยังเปลี่ยนไปและหัวใจก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง เขาจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“แข็งแกร่ง! คลื่นดาบนั่น ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
หลินเฮ่าหลันกำลังสั่นอย่างรุนแรง หลินเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
ความหวาดกลัวได้กัดกินหัวใจของหลินเฮ่าหลัน เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป
“ตาย!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว เจตจำนงดาบที่ไร้รูปร่างกลายเป็ดาบอันแหลมคม หลินเฟิงทะยานสู่ท้องฟ้า ตัวเขาในตอนนี้ราวกับกลายเป็ดาบ... ดาบที่ไม่สามารถทำลายได้
ฝูงชนต่างตกตะลึง แม้กระทั่งลืมที่จะหยุดหลินเฟิง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือไม่อยากเข้าไปเสี่ยงเพื่อหยุดหลินเฟิง
เกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ มันเป็แสงที่ทั้งสวยงามและแปลกตา
มันไม่ใช่ดาบ มีเพียงแค่แสงของดาบ
หลินเฮ่าหลันรู้สึกสิ้นหวังจนแววตาของเขาค่อยๆ มืดมน ตอนนี้เองที่หว่างคิ้วได้เกิดร่องรอยของดาบทิ้งเอาไว้
เพียงดาบเดียว คือความตาย!
และยังเป็การโจมตีด้วยดาบเดียว!
หลินเฟิงกลับไปยังตำแหน่งเดิม ในมือของเขาตอนนี้ไม่มีสิ่งใด แสงดาบนั่นราวกับเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า
ผู้คนต่างมองไปที่ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งด้วยแววตาซับซ้อน นี่เป็อีกหนึ่งอัจฉริยะที่ถูกพวกเขาขับไล่ออกจากตระกูล ตอนนี้เขากลับมาเพื่อทวงศักดิ์ศรีของตนคืน
“เ้าสังหารอาสามของเ้า?”
หลินป้าต้าวกล่าวขณะมองซากศพบนพื้น จากนั้นก็จ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงอย่างเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“อาสาม?” หลินเฟิงหัวเราะ “หลินป้าต้าว เ้าและหลินเฮ่าหลันเคยคิดว่าข้าเป็หลานชายบ้างไหม?”
หลินป้าต้าวประหลาดใจกับคำพูดดังกล่าว จริงๆ แล้วเขาและหลินเฮ่าหลัน้ากำจัดหลินเฟิงและหลินไห่มาโดยตลอด จนพวกเขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิงเป็หลายชายของเขามาก่อน
“เ้าไม่เคยมองข้าว่าเป็หลานชาย เ้ามักตราหน้าข้าว่าเป็เศษขยะ ทำให้ข้าขายหน้าและขับไล่ออกจากตระกูล แม้กระทั่ง้าสังหารข้า ในตอนนั้นพวกเ้าต่างคิดแต่เื่พวกนี้ ทั้งที่ข้าก็เป็หลานของพวกเ้าแท้ๆ? ตอนนี้ข้าได้สังหารเขาไปแล้ว เ้าถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาเป็อาสามของข้า? หลินป้าต้าว เ้าไม่คิดว่ามันไร้สาระเกินไปหน่อยเหรอ” หลินเฟิงกล่าวถากถาง “และอีกอย่าง ข้าในตอนนี้ก็ไม่ใช่คนของตระกูลหลินอีกแล้ว หากใครกล้าพูดเื่ไม่ดีเกี่ยวกับบิดาของข้า มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
ยังคงเป็คำพูดที่แหลมคม หลินเฟิงในตอนนี้เปรียบเสมือนดาบ... ดาบที่แหลมคมอย่างแท้จริง
ในตระกูลหลินขณะนี้ มีคนไม่น้อยที่กำลังเสียใจ อัจฉริยะที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ ทำไมถึงถูกขับไล่ออกจากตระกูลได้ เดิมทีเขาควรยืนอยู่ในจุดสูงสุดของตระกูลหลินและมีคนศรัทธาในตัวเขายิ่งกว่าหลินเชียนในตอนนี้
ผู้คนต่างไร้ซึ่งวาจาใดๆ ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาจนน่าสะพรึงกลัว
จากนั้นหลินเฟิงก็กล่าวเยาะเย้ยว่า “ตระกูลหลินในตอนนี้กลายเป็สังคมที่ป่าเถื่อน รู้จักแต่การจะประจบสอพลอ แม้แต่ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดก็ไร้ซึ่งความกล้าหาญ และเก่งแต่ปากจนน่าขัน ทั้งหมดล้วนเป็ฝีมือของเ้าทั้งนั้น หลินป้าต้าว!”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวจบ หลายๆ คนก็ตกตะลึง ในตอนนี้พวกเขาพบว่าคำพูดของหลินเฟิง ดูเหมือนจะมีเหตุผล ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดต่างไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา
หากเป็หลินไห่ล่ะก็ แม้เขาจะไม่ได้แสดงตัวออกมาให้คนในตระกูลได้เห็นนัก แต่อย่างน้อยเขาก็มีศักดิ์ศรีและเป็แรงบันดาลใจที่ดีกว่าหลินป้าต้าวหลายเท่านัก
ตอนนี้คนของตระกูลหลินต่างรู้สึกอับอายเป็ที่สุด
“หลินป้าต้าว เมื่อก่อนเ้าได้ขับไล่ท่านพ่อและข้าออกไป เ้าจึงเป็ผู้สมรู้ร่วมคิด ตอนนี้หลินเฟิงผู้นี้ได้กลับมาเพื่อทวงศักดิ์ศรีของข้าคืน หากเ้าเป็ลูกผู้ชายจริงๆ ล่ะก็ จงต่อสู้กับข้าซะ!”
หลินเฟิงกำลังท้าทายหลินป้าต้าว ซึ่งเป็ผู้นำของตระกูลหลินในปัจจุบัน
หลินป้าต้าวแสดงท่าทางลังเลออกมา เพราะคาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจะกล้าท้าทายเขา หลินเฟิงในตอนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ตอนนี้ฝูงชนต่างจ้องมองหลินป้าต้าวตาไม่กะพริบ
หลินป้าต้าวค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ แต่กลับได้ยินหลินเชียนะโว่า “ท่านพ่อ อย่าไปสู้เลย!”
ผู้คนต่างประหลาดใจขณะมองไปตามเสียงของหลินเชียน จึงเห็นหลินเชียนกำลังส่ายหัวไม่หยุดเพื่อห้ามพ่อของตนไม่ให้ออกไปต่อสู้
ไม่คิดว่าหลินเชียนจะขัดขวางไม่ให้หลินป้าต้าวต่อสู้กับหลินเฟิง
นอกจากนี้หลายคนต่างสังเกตว่า เมื่อหลินเฟิงมาถึงและยั่วยุหลินเชียนเพื่อร้องขอความตาย แต่หลินเชียนกลับไม่คิดจะสู้กับหลินเฟิงแม้แต่น้อย หรือว่านางจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเฟิงมาั้แ่แรก?
หลินเชียนรู้ว่าหลินเฟิงอยู่ที่ไหนมาตลอด แล้วยังรู้อีกว่าหลินเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน?
“คนทรยศ!”
เกิดเสียงะโดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นร่างเงาหนึ่งพลันร่อนลงมาจากท้องฟ้า เมื่อเห็นคนผู้นี้ค่อยๆ ลงมาอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าของทุกคนจึงฉายความยินดีออกมา
ผู้าุโสูงสุดหลินหลุ่ย... ปรากฏกายแล้ว
ในอดีตเขาทำให้หลินไห่ได้รับาเ็ แล้วขับไล่หลินเฟิงและหลินไห่ออกจากตระกูล ในตอนนี้เขาได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ครานี้หลินเฟิงต้องหมดทางรอดอย่างแน่นอน
“ผู้าุโสูงสุด!” คนของตระกูลหลินต่างโค้งคำนับเล็กน้อย หลินหลุ่ยก็พยักหน้าตอบกลับและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เขาเป็แค่ลูกชายของคนทรยศคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกับต้องให้ข้าลงมือเชียวหรือ พวกเ้าจงไปสังหารเขาและเก็บกวาดให้เรียบร้อยซะ”
“สังหารหลินเฟิง?”
ผู้คนต่างตกตะลึง แต่หลินป้าต้าวกลับพยักหน้าและกล่าวว่า “จงฟัง พวกเ้าจงไปสังหารหลินเฟิงเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงคำสั่งของหลินป้าต้าว หลายๆ คนก็เริ่มพุ่งไปยังเวทีประลอง
หลินเฟิงเหลือบมองฝูงชนและเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนใบหน้า ร่วมมือกัน? ทุกคนจะต่อสู้กับเขา?
แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยถูกต้องไหม?
ที่ตระกูลน่าหลัน หลินเฟิงไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เขาแค่ใช้อำนาจของตัวเองและควบคุมทุกอย่างเท่านั้น
อย่างไรก็ตามที่ตระกูลหลิน เขาจะเป็ต้องลงมือด้วยตัวเอง เพื่อกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา โดยไม่ใช้สถานะหรืออำนาจของเขาในการข่มขู่คนพวกนี้
แต่ในตอนนี้ตระกูลหลินกลับ้าสังหารเขา โดยใช้คนทั้งตระกูล?
หลินเฟิงส่งเสียงหัวเราะอย่างอ่อนใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าและคำรามออกมา “จงฟัง!”
ผู้คนในตระกูลหลินต่างประหลาดใจ และไม่เข้าใจการกระทำกะทันหันเช่นนี้ของหลินเฟิง แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ ก็มีเสียงดังคึกโครมตามมาด้วยแรงสั่นะเืจากพื้นดิน!