ในอุทยานหลวง
เหล่าสนมชายาต่างมีโทสะราวกับไฟที่ลุกท่วมฟ้า
“ได้ยินหรือไม่ คืนนี้ฮองเฮาจะปรนนิบัติฝ่าา!”
“ฮองเฮาชราภาพแล้ว ซ้ำยังเคยให้กำเนิดบุตร อาศัยอะไรให้นางเป็คนปรนนิบัติ”
“ข้าเข้าวังมาสองปีแล้ว กระทั่งชายอาภรณ์ของฮ่องเต้ก็ยังไม่เคยัั!”
“ข้าอนาถกว่าเ้า! เข้าวังมาสี่ปี ฝ่าายังไม่เคยตรัสกับข้าแม้แต่ประโยคเดียว”
“พวกเ้าล้วนไม่มีใครอเนจอนาถเช่นข้า! จนกระทั่งบัดนี้ข้ายังไม่เคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้เลย!”
“...”
หน้าประตูตำหนัก
เหล่าองครักษ์ส่ายหน้าเงี่ยหูฟัง
“ได้ยินแล้วหรือไม่ คืนนี้ฮองเฮาจะปรนนิบัติฝ่าา!”
“ฝ่าามิใช่ไม่ชอบเข้าใกล้สตรีหรอกหรือ”
“ฝ่าาก็เป็บุรุษเหมือนกัน อย่างไรก็ต้องมีความ้าบ้าง!”
“...”
วังบูรพา
มีองครักษ์วิ่งเข้ามารายงานข่าวดีอย่างเร่งรีบ
“ทูลไท่จื่อ มีข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ! คืนนี้ฮองเฮาจะเข้าปรนนิบัติฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!”
“มีอะไรน่าประหลาดใจนักหรือ คืนก่อนเสด็จแม่ก็ปรนนิบัติแล้วนี่นา!”
“...”
ตำหนักหงเหวิน
เหล่าขุนนางในราชสำนักนักต่างพากันแสดงความยินดีกับเฟิ่งชัง
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ยินดีด้วย ยินดีด้วย! ในที่สุดฮองเฮาก็รอจนเมฆาเคลื่อนคล้อยนภาเปิดแล้ว!”
“พวกท่านกำลังพูดเื่อันใดกัน”
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ท่านยังไม่รู้หรือ คืนนี้ฮองเฮาจะเข้าปรนนิบัติ!”
“ปรนนิบัติ? ฮ่าๆๆ...ปรนนิบัติหรือ ฮ่าๆๆๆ...”
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ท่านไม่เป็อะไรกระมัง”
“ข้าบอกแล้ว ขิงแก่อย่างไรก็เผ็ด! ฮ่าๆๆๆ...”
ตำหนักฉางโซ่ว
ไทเฮาไม่อยากจะเชื่อ
“แน่ใจหรือว่าเช่อเอ๋อร์พลิกป้ายของฮองเฮา”
“แน่ใจอย่างที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เช่อเอ๋อร์ถูกคุณไสยใช่หรือไม่ รีบตามหมอหลวงมาตรวจอาการเดี๋ยวนี้! ไม่สิ เชิญหมอผี ต้องเชิญหมอผี!”
“...”
ตำหนักยีหลัน
องค์หญิงหลานซินและฉีเหม่ยเหรินต่างแค้นใจเมื่อต้องพ่ายแพ้
“ฝ่าามิใช่ไม่เคยพลิกป้ายหรือ ไฉนวันนี้จึงพลิกป้ายเลือกคนปรนนิบัติเสียแล้ว อีกทั้งยังอนุญาตให้ฮองเฮาไปถวายงานที่ตำหนักไท่จี๋เป็กรณีพิเศษ...”
“น้องสาวได้ยินมาว่าฮองเฮาหาแมวเทพพบแล้ว ฝ่าาจึงพระราชทานรางวัลแก่นาง ดังนั้นจึงพลิกป้าย”
“นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว! เมื่อครั้งที่เสด็จแม่ของเปิ่นกงมอบแมวเทพมาให้ ไฉนฝ่าาจึงไม่พระราชทานรางวัลเปิ่นกง”
“จะต้องเป็แผนการชั่วร้ายของฮองเฮาแน่ๆ ที่ทำคุณไสยใส่ฝ่าา!”
“จะให้ฮองเฮามีโอกาสลุกขึ้นมายืนอีกไม่ได้เด็ดขาด!”
“พี่สาว ท่านมีแผนการอันใดหรือ”
“กลยุทธ์ ถอน ฟืน ใต้กระทะ[1]!”
ห้องทรงพระอักษร
จ้าวกงกงก้าวเข้ามารายงาน “ทูลฝ่าา ได้นำป้ายถวายงานไปมอบให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียงได้รับไว้แล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของเซวียนหยวนเช่อที่อ่านฎีกาอยู่พลันหยุดอยู่กับที่ เขาพูดเสียงทุ้ม “ตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่”
จ้าวกงกงตอบ “เหนียงเหนียงกำลังพาเหล่านางกำนัลปลูกดอกไม้ในสวนพ่ะย่ะค่ะ!”
“ปลูกดอกไม้?” เซวียนหยวนเช่อช้อนตาขึ้นอย่างประหลาดใจ
จ้าวกงกง “อาจเป็เพราะฮองเฮากำลังจะถวายงานจึงอารมณ์ดีเป็พิเศษ ดังนั้นจึงปลูกดอกไม้อย่างมีความสุขพ่ะย่ะค่ะ”
“อารมณ์ดี ใช่หรือ” มุมปากของเซวียนหยวนเช่อยกขึ้น สีหน้ายากแก่การคาดเดา
ตำหนักเว่ยยาง
เฟิ่งเฉี่ยนพานางกำนัลพลิกดิน ย้ายต้นไม้ รดน้ำ ทำงานวุ่นทั้งวัน
มีนางกำนัลถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เหนียงเหนียง นี่คือดอกอะไรเพคะ สีสันทั้งแดงทั้งสด งดงามเหลือเกินเ้าค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มบางๆ “ดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อไพเราะอย่างยิ่ง มันชื่อ จุมพิตนางฟ้า! รูปทรงของดอกมีลักษณะคล้ายกลีบปากของมนุษย์ ริมฝีปากสีแดงเพลิง มีเสน่ห์เย้ายวนใจ! ยามกลางวันมันจะส่งกลิ่นหอมชนิดหนึ่งให้คนรู้สึกอารมณ์ดี มีความสุข ก็คล้ายกับจุมพิตของนางฟ้าที่ทำให้คนลุ่มหลงคลั่งไคล้...”
นางกำนัลทั้งหมดพากันสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ละคนมีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“หอมมากจริงๆ ด้วยเพคะ!”
“เหนียงเหนียง พระองค์ทรงมีความรู้มากมายเหลือเกินเพคะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้มบางๆ ในใจกลับพูดเพิ่มอีกประโยคหนึ่งว่า “แต่คืนนี้ กลิ่นหอมที่ทำให้คนเคลิบเคลิ้มจะกลายเป็ยาพิษชนิดพิเศษ...”
นี่เป็พิษที่นางค้นหามาจากตำรายาพิษของศิษย์พี่ฮวาเมิ่งหยิ่ง เพื่อนำมาใช้ปฏิบัติการในค่ำคืนนี้!
การถวายงานเป็เพียงส่วนหนึ่งของแผนการ มิได้หมายความว่าต้องถวายงานจริงๆ แต่เป็การทำเพื่อล่องูออกจากถ้ำ!
แต่ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือ เซวียนหยวนเช่อถึงกับอนุญาตตามคำขอของนาง อีกทั้งยังกระทำการใหญ่โตถึงขั้นให้คนนำป้ายถวายงานมามอบให้กับนาง จินตนาการได้เลยว่าเวลานี้ข่าวที่นางจะเข้าถวายงานในคืนนี้คงจะเป็ที่รู้กันทั่ววังหลวง!
คิดๆ แล้วยังรู้สึกน่าขัน เื่ที่เป็เื่ส่วนตัวระหว่างคนสองคน แต่กลับกลายเป็เื่ที่ถูกสายตาของคนทุกคนจับจ้องราวกับกำลัง้าตรวจสอบ
เคราะห์ดีครั้งนี้มิใช่การถวายงานจริงๆ หากครั้งหน้าต้องถวายงานจริงๆ...
นางสะบัดศีรษะแรงๆ เฟิ่งเฉี่ยนหนอเฟิ่งเฉี่ยน เ้ากำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่
ถวายงานหรือ เื่เช่นนี้จะไม่เกิดกับนางอย่างเด็ดขาด!
นางมิใช่สตรีที่จะแบ่งปันบุรุษของตนกับหญิงอื่นได้!
หลังอาหารเย็น จ้าวกงกงนำนางกำนัลและขันทีกลุ่มหนึ่งมา เขายังให้คนหามเกี้ยวหงส์มาด้วย
“เหนียงเหนียง เชิญขึ้นประทับเกี้ยวหงส์พ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองเกี้ยวหงส์ปราดหนึ่งแล้วพูดทั้งที่คิ้วขมวดมุ่น “เกี้ยวหงส์คงไม่จำเป็กระมัง ดูเหมือนกับกำลังไปเดินขบวนกลางตลาด ทำให้จิตใจคนสับสน!”
จ้าวกงกงหน้ามืด “ทูลเหนียงเหนียง หากว่ากันตามกฎมณเฑียรบ้านของบรรพกษัตริย์ ฮองเฮาจะประทับนั่งเกี้ยวหงส์ได้ก็ต่อเมื่อเข้าร่วมพระราชพิธีบวงสรวงใหญ่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่กระจ่างแจ้ง “เช่นนั้นเหตุใดพวกเ้าจึงยกเกี้ยวมาด้วยเล่า”
จ้าวกงกง “เป็พระประสงค์ของฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าาตรัสว่า นี่เป็ครั้งแรกที่เหนียงเหนียงถวายงาน จำเป็จะต้องทำให้ยิ่งใหญ่พ่ะย่ะค่ะ!”
แก้มทั้งสองข้างของเฟิ่งเฉี่ยนร้อนซู่ เซวียนหยวนเช่อคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็การถวายงานจริงๆ เหตุใดต้องทำเป็เื่ใหญ่โตเพียงนี้
ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของนางเต้นโครมคราม
“เหนียงเหนียง เชิญขึ้นประทับเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวกงกงพูดอีกครั้ง
ครั้งนี้เฟิ่งเฉี่ยนไม่ลังเลใจอีก นางขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวโดยการประคับประคองของเขา
“ส่งเสด็จฮองเฮา!” นางกำนัลในตำหนักเว่ยยางคุกเข่าลงบนพื้นในลานเรือนราวกับส่งนางออกเรือนก็ไม่ปาน แต่ละคนมีสีหน้ายินดี ขาดแต่ก็เพียงจุดประทัดเฉลิมฉลอง
เกี้ยวหงส์ออกจากตำหนักเว่ยยาง ขบวนอันยิ่งใหญ่มุ่งหน้าสู่ตำหนักไท่จี๋
ตลอดทางที่เฟิ่งเฉี่ยนผ่านมา ขันที นางกำนัลต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้นและถวายพระพรทรงพระเจริญพันปี
เฟิ่งเฉี่ยนนั่งไขว้เท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง มือเท้าคาง มองผู้คนเบื้องล่างจากมุมสูง รู้สึกดีเหลือเกิน!
มิน่าเล่าแต่ละคนจึงพยายามที่จะปีนขึ้นสู่ที่สูง ที่แท้อำนาจมันเย้ายวนเช่นนี้เอง!
หากมีเมล็ดแตงสักกำมือก็คงดี ทุกอย่างคงสมบูรณ์กว่านี้!
นั่งบนเกี้ยวหงส์แทะเมล็ดแตง สายลมยามเย็นพัดโชยมา ให้คนแบกหามเดินในวังหลวงสักรอบหนึ่ง สบายเพียงใด!
ถวายงานอันใด แผนการอันใด ทิ้งไว้ข้างหลังให้หมด!
จ้าวกงกงเหลือบตามองนางหลายครั้ง หัวคิ้วขมวดแน่น
[1] กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ หรือ ฝูตี่โชวซิน เป็กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการพิเคราะห์เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกา ถ้ากองทัพมีน้อยกว่า ควรพึงหาทางบั่นทอนขวัญและกำลังใจ ความฮึกเหิมของศัตรูให้ลดน้อยถอยลง คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า “ดุจฟ้าอยู่เหนือน้ำ” น้ำ หมายถึงความแข็งแกร่ง ฟ้า หมายถึงความอ่อนแอ เมื่อรวมกันแล้วก็คือ ใช้ความอ่อนชนะความแข็ง