จู้หลงเดินไปหากู่เสี่ยวอวี่ ในตอนนี้นางถูกจางเฟิงใช้มีดกระดูกข่มขู่ น้ำตาคลอเบ้า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
จู้หลงเพิ่งสังเกตเห็นว่ากู่เสี่ยวอวี่นั้นงดงามราวกับหยกแกะสลัก ก็ผิวปากโดยไม่รู้ตัว กู่เสี่ยวอวี่ใจนทำอะไรไม่ถูก ด้วยสัญชาตญาณจึงคิดจะถอยหลัง แต่ก็ถูกจางเฟิงขัดขวางไว้
“เป็อะไรไป กลัวข้าหรือ” จู่ๆ จู้หลงก็เข้ามาใกล้กู่เสี่ยวอวี่ด้วยรอยยิ้มเขี้ยวลากดิน แล้วแลบลิ้นเลียหยดน้ำตาบนใบหน้าของนาง
เห็นกู่เสี่ยวอวี่ที่ทำอะไรไม่ถูกตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว จู้หลงที่ยิ่งได้ใจก็หัวเราะลั่น สายตานั่นเหมือนแมงมุมมองเหยื่อที่ติดกับ
จางเฟิงทนดูต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยปาก “เข้าเื่เลยเถอะ ท่านพี่จู้หลง”
จู้หลงถูกขัดจังหวะก็เอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “เด็กหนุ่มชุดดำคนนั้นอยู่ที่ไหน”
“ชุดดำ...” ชุดของศิษย์สกุลเกาเป็สีแดง ส่วนชุดของพ่อครัวเป็สีน้ำเงินขาว คนใส่ชุดดำที่นางเห็น่นี้... ก็มีแต่ลู่เต้าเท่านั้น
‘คนพวกนี้คิดร้ายต่อลู่เต้า!’ หัวใจของกู่เสี่ยวอวี่บีบรัดแน่น
“ขะ...ข้าไม่รู้ว่าเ้าพูดถึงใคร...” กู่เสี่ยวอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว
จู้หลงยิ้มเย็นยกมีดกระดูกในมือขึ้นใช้ปลายมีดจี้ไปที่ใบหน้าของกู่เสี่ยวอวี่ ปลายมีดที่แหลมคมกรีดใบหน้านางเป็รอยเล็กๆ ทันใด เืพลันไหลลงมาเป็ทาง
“ไม่เป็ไร ถึงเ้าจะปากแข็ง ข้าก็ไม่เสียใจหรอก” จู้หลงกระซิบข้างหูกู่เสี่ยวอวี่ด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายยิ่ง
สวี่ตัวเจียวและเกาฮ่าวที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปล้วนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาต่างเอามือปิดปากไม่กล้าส่งเสียง
“บัดซบ...” เกาฮ่าวจ้องสวี่ตัวเจียวอย่างโกรธเกรี้ยว เดิมทีเขาได้ยินนางบอกว่าพบหลักฐานที่กู่เสี่ยวอวี่แอบนัดพบชายอื่นจึงตามมา ไม่นึกเลยว่ากลับลากเอาผู้ควบคุมิญญาเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย
ทั้งตระกูลเกา มีเพียงเขาที่เป็ผู้ทะลวงจุดชีพจรได้ คนอื่นๆ ล้วนเป็คนธรรมดา แค่นักรบกระดูกที่อยู่ข้างหลังจู้หลง ต่อให้คนทั้งตระกูลเการ่วมมือกันก็ไม่แน่ว่าจะรับมือไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรับมือผู้ควบคุมิญญาพร้อมกันสองคนเลย ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังซ่อนเคล็ดวิชาและศัสตราวุธิญญาอะไรไว้อีกก็ไม่รู้ หากประมาทก็มีแต่จะไปตาย!
เกาฮ่าวตัดสินใจทิ้งกู่เสี่ยวอวี่ โดยแสร้งทำเป็ไม่เห็นอะไรแล้วหนีไปอย่างเงียบๆ
สวี่ตัวเจียวอ้าปากค้าง จ้องไปที่ร่างไร้ิญญาของเกาหร่วนอย่างตกตะลึง
“รีบไป!” เกาฮ่าวเตะสวี่ตัวเจียวไปหนึ่งทีจนนางรู้สึกตัว
สวี่ตัวเจียวชี้นิ้วไปที่ร่างของเกาหร่วนด้วยความหวาดกลัว “นะ...นายน้อย...”
“!” เกาฮ่าวสบถด่าในใจทันที พร้อมกับเอานิ้วชี้แนบไว้ที่ริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้สวี่ตัวเจียวหุบปากแล้วกระซิบว่า “รีบไป”
เกาฮ่าวเดินย่องออกไปสองก้าว แต่กลับรู้สึกว่าสวี่ตัวเจียวไม่ได้ตามมา จึงหันกลับไปมองด้วยความไม่สบอารมณ์
“มีอะไรอีก!” ความอดทนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเกาฮ่าวกำลังจะหมดลง
สวี่ตัวเจียวทรุดตัวลงกับพื้นอ้อนวอน “นายน้อย...ข้า...ข้าเดินไม่ไหวแล้ว...”
เกาฮ่าวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ผู้หญิงไร้ประโยชน์นี่ช่างถ่วงแข้งถ่วงขานัก! แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโห จึงได้แต่กล้ำกลืนความโกรธลงท้อง
“หากเราไปพร้อมกันจะเสียงดังเกินไป! เ้าอยู่ที่นี่ ห้ามขยับ!”
สวี่ตัวเจียวได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา “นายน้อย อย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่นะ!”
เกาฮ่าวกลัวว่าเสียงของนางจะดังเกินไปแล้วผู้ควบคุมิญญาจะได้ยิน จึงรีบปลอบประโลม “ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับไปพาคนของตระกูลเกามารับเ้า ใจเย็นๆ”
ตอนนี้สวี่ตัวเจียวไม่มีทางเชื่อเขาอย่างแน่นอน เกาฮ่าวมีนิสัยอย่างไรนางจะไม่รู้หรือ
นางมองเกาฮ่าวที่ฉีกยิ้มน่ากลัว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นะ...นายน้อย หากท่านไม่พาข้าไปด้วย ก็อย่าหวังว่าจะได้ไปไหนเลย!”
“เหอะ!” หากเกาฮ่าวมีมีดอยู่ในมือ คนแรกที่เขาอยากจะสังหารคงไม่ใช่ผู้ควบคุมิญญา แต่เป็นังนี่ต่างหาก
“บอกแล้วไงว่า ถ้าไปพร้อมกันจะเสียงดังเกินไป ต้องถูกพบตัวแน่!” เกาฮ่าวอธิบายอย่างใจร้อน
“ข้าไม่สน! หากเ้ากล้าไป ข้าจะะโออกมา ให้ทุกคนตายตกตามกันไป!” สวี่ตัวเจียวข่มขู่โดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคิดว่าไม่มีใครพบเห็น จู้หลงกลับสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองมาั้แ่แรกแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดไปทางที่ทั้งสองอยู่ด้วยความไม่พอใจ “เสียงดังหนวกหูจริงๆ...”
เพียงเสี้ยววิ ลมกระโชกแรงพลันพัดเข้ามาจนเกาฮ่าวและสวี่ตัวเจียวลืมตาไม่ขึ้น แต่เมื่อทั้งสองลืมตาอีกครั้ง สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือนักรบกระดูกสูงสองเมตรซึ่งสวมชุดเกราะที่เต็มไปด้วยสนิม ทั่วร่างมีควันสีเขียวจางๆ ลอยอยู่
เกาฮ่าวและสวี่ตัวเจียวจ้องนักรบกระดูกที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาอย่างตกตะลึง จนกระทั่งอีกฝ่ายจับสวี่ตัวเจียวขึ้นไปอย่างง่ายดาย
ส่วนเกาฮ่าวนั้นวิ่งหนีโดยไม่สนใจสวี่ตัวเจียวเลยแม้แต่น้อย แต่น่าเสียดายเกาฮ่าววิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกนักรบกระดูกจับตัวพามาหาจู้หลง
“เสี่ยวฮ่าว!” กู่เสี่ยวอวี่เอ่ยด้วยความกังวล “ทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่! เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่”
“อ้อ...” เมื่อจู้หลงเห็นว่ากู่เสี่ยวอวี่รู้จักกับคนทั้งสองที่เพิ่งจับมาได้ ก็คิดแผนร้ายกาจขึ้นมา
จู้หลงแสยะยิ้มชั่วร้าย แล้วยกมือซ้ายขึ้นเบาๆ นักรบกระดูกก็อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมทำท่าจะกัดเกาฮ่าวกับสวี่ตัวเจียว
“เป็อย่างไร ตอนนี้ยอมบอกข้าแล้วหรือยังว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน” จู้หลงถาม
“ข้า...ข้าไม่รู้จริงๆ!” กู่เสี่ยวอวี่กล่าวอย่างกระวนกระวายใจ “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”
“น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่คำตอบที่ข้า้า” จู้หลงโบกมือ ทันใดนั้นนักรบกระดูกก็อ้าปากกว้างกัดหัวสวี่ตัวเจียวลงท้องไปโดยมิทันได้กรีดร้อง เืพลันสาดกระเซ็นเต็มพื้น นักรบกระดูกเปื้อนเืไปทั้งตัว
ส่วนเกาฮ่าวที่นักรบกระดูกจับไว้อีกข้าง แม้ปกติเขาจะหยิ่งผยองเพียงใด แต่เมื่อเห็นสวี่ตัวเจียวถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
หลังจากที่นักรบกระดูกดูดกินเืมนุษย์ ร่างกายก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่เพียงแต่ตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น พลังก็แข็งแกร่งขึ้นมากอีกด้วย
จู้หลงมองนักรบกระดูกด้วยความพอใจ “โอ้ ใกล้จะเลื่อนขั้นแล้วหรือ”
กู่เสี่ยวอวี่ที่อยู่ด้านหลังอ้อนวอน “ขอร้องปล่อยเขาไปเถอะ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ไม่เป็ไร ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” จู้หลงยิ้มอย่างมีเลศนัย
***
บนเขายลดาบ ลู่เต้าใช้พลังิญญาเสริมความแข็งแกร่งไปที่ขา แม้จะอยู่บนทางขึ้นเขาที่ขรุขระก็เหมือนเดินอยู่บนพื้นราบ เขาค้นหาทั่วทั้งบริเวณยอดเขา แต่ก็ไม่พบสุนัขที่ไป๋เสียทิ้งไว้เลย
หรือจะพูดว่าบนเขายลดาบนี้ไม่เคยพบเห็นสุนัขมาก่อน
“ไป๋เสีย ไม่เจอเลย ทำอย่างไรดีเล่า” ลู่เต้าเกาหัวถาม
“เหอะ! เ้าบ้านั่นวิ่งไปที่ไหนกัน” ไป๋เสียไม่สบอารมณ์ “"บอกให้มันอยู่ในห้องลับดีๆ แล้วแท้ๆ แต่กลับวิ่งซนไปทั่วอีกแล้ว!”
ตอนนี้ลู่เต้ามองไปที่ยอดเขายลดาบที่มีลักษณะแหลมคม “ไม่งั้นเราปีนขึ้นไปดูหรือไม่ ข้างบนมองได้ไกล คงมองเห็นสภาพแวดล้อมของทั้งเขายลดาบได้”
ไป๋เสียกล่าว “ก็มีแต่ต้องทำเช่นนั้น”
“ตกลง!” ลู่เต้ารวบรวมพลังิญญาไว้ที่เท้า ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายเบาเหมือนขนนก เขาออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วดุจวายะมุ่งหน้าสู่ยอดเขา
สำหรับการใช้พลังิญญาเสริมความแข็งแกร่งให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกายนี้ ไป๋เสียเพิ่งสอนลู่เต้าเพียงครั้งเดียว ไม่นึกเลยว่าเขาจะเชี่ยวชาญและนำไปใช้ได้รวดเร็วเช่นนี้
เพียงพริบตาเดียว ลู่เต้าก็ปีนตามกำแพงผาขึ้นไปถึงยอดเขายลดาบแล้ว บนยอดเขาลมหนาวพัดกระหน่ำดังคำกล่าวที่ว่า ‘ยิ่งสูงยิ่งหนาว’ ไป๋เสียปรากฏตัวในร่างชายชรา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เขายลดาบอย่างละเอียด มองหาจุดบอดและมุมอับที่เขาไม่ทันได้สังเกต
ทันใดนั้น หินที่เชิงเขาแห่งหนึ่งก็ถูกตัดจนมีรูปร่างแปลกประหลาด ตอนที่อยู่เชิงเขาเขาไม่ทันได้สังเกต แต่เมื่อมองลงมาจากยอดเขา เขากลับรู้สึกว่าที่นั่นแปลกประหลาดมาก ไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
“เจอแล้ว เ้าบ้านั่น หาเจอง่ายจริงๆ” ไป๋เสียสบถ “เ้าหนู เตรียมตัวลงเขาได้แล้ว”
ลู่เต้าไม่ได้เอ่ยตอบ ไป๋เสียรู้สึกแปลกใจจึงหันกลับไปมอง “เ้าหนู”
ไป๋เสียเห็นเพียงลู่เต้าหันหลังมองไปอีกฟากหนึ่ง ร่างกายเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย
“ไม่ใช่หรอกกระมัง...” ลู่เต้ามองลงไปด้านล่างอย่างเหลือเชื่อพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “นี่มันเื่ตลกอะไรกัน!!!”
เบื้องล่างค่ายพักที่กู่เสี่ยวอวี่อยู่ถูกไฟลุกท่วม
