หลินฟู่อินปรบมือให้หลินเฟินอยู่ในใจ แต่ปู่หลินก็ตั้งท่าจะลุยต่อ
เขาจ้องหลินต้าเหอเขม็งจนหลินต้าเหอหวาดกลัวขึ้นมา ทั้งยังกล่าวว่าทำอะไรไม่เข้าท่า ริมฝีปากของหลินต้าเหอสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด ก่อนส่งเสียงร้องะโ “ท่านพ่อ... พ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจ... แค่...”
“แค่อะไร!” ปู่หลินพ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรงพร้อมเสียงตะคอก “อายุตั้งเท่าไรแล้ว พูดให้มันชัดเจนหน่อย!”
หลินต้าเหอสะดุ้งไปกับเสียงตะคอกจนสมองหยุดทำงาน
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว ปู่หลินทำเกินไปแล้ว นางจึงไม่พอใจมาก
เมื่อหลินเฟิน หลินฟางและหลินซานหลางเห็นว่าหลินต้าเหอจิตหลุดไปแล้ว จึงพากันะโเรียกปู่หลิน “ท่านปู่!”
ปู่หลินนิ่วหน้าแล้วหันไปมองทั้งสาม “ข้าเลี้ยงพ่อพวกเ้ามากับมือ มันเป็ลูกข้า แล้วพวกเ้ามีอะไรไม่พอใจ?”
คำพูดนี้มีน้ำเสียงจริงจังยิ่ง จนพี่น้องหลินเฟิน หลินฟางและหลินซานหลางมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“อะแฮ่ม” หลินฟู่อินยกกำปั้นขึ้นมาป้องปากแล้วกระแอมสองสามคราเพื่อดึงความสนใจของปู่หลินมาที่ตน ปู่หลินจึงมองนาง หลินฟู่อินจึงกล่าวต่อว่า “ท่านปู่ อย่างไรเสียนี่ก็เป็เื่ที่ข้าตัดสินใจเอง แล้วท่านจะไปกล่าวว่าบ้านสองเช่นนี้ทำไมกัน?”
แล้วจึงถามหลินซานหลางต่อทันทีโดยไม่รอให้ปู่หลินหันมาตะคอก “พี่สาม ธุระของข้าวันนี้ไม่มีอะไรอื่น วังฮูหยินแจ้งข้ามาว่าท่านได้รับอนุญาตให้ไปเรียนที่โรงเรียนในเมืองแล้ว ท่านอยากไปหรือไม่?”
กล่าวจบ ปู่หลิน หลินต้าซานและหลินต้าหลางก็พากันส่งสัญญาณให้เขาตอบปฏิเสธทันที
เหล่าคนบ้านสองก็พากันมองหลินซานหลางอย่างกังวล เนื่องจากกลัวว่าเขาจะทำตัวงี่เง่าแล้วปฏิเสธไป
หลินฟู่อินมองสภาพน่าสังเวชของคนบ้านใหญ่แล้วก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายเป็อย่างยิ่ง
โชคดีที่หลินซานหลางไม่ได้มองผู้ใดเลย เขาตอบออกมาด้วยเสียงอันดัง “ฟู่อิน ไปสิ ข้าอยากไปเรียนในเมือง!” เขากำหมัดแน่นจนมือสั่น “หากมีโอกาสให้ข้าได้เรียน ข้าก็จะทำเต็มที่!”
ฟังจบ เหล่าคนบ้านใหญ่ก็พากันจ้องเขาเขม็ง ในขณะที่คนบ้านสองมองเขาอย่างโล่งอก
“น่าขัน ซานหลาง เ้าอายุเท่าไรแล้ว ทั้งเ้ายังเกียจคร้านและไร้หัวด้านการเรียน ยอมรับความจริงแล้วอย่าฝืนเรียนเสียจะดีกว่า ให้พี่ของเ้าไปเรียนแทนเถิด! และหากมีเขาไปเรียนแล้ว เ้าไปเรียนอีกมันก็เสียเปล่ามิใช่หรือ?” จ้าวซื่อตอบสนองก่อนใครเพื่อน พ่นเสียงน่ารำคาญออกมาไม่หยุด
เมื่อเห็นมารดาของตนทำตัวน่าขายหน้าเช่นนี้ ใบหน้าของหลินซานหลางก็ยิ่งแดงก่ำ เขาไม่อยากเถียงกับผู้เป็มารดา จึงทำเพียงก้มหน้ารับฟัง
หลินฟู่อินเห็นเช่นนี้ นางจึงยิ้มออกมาแล้วกล่าวกับหลินซานหลาง “พี่ซานหลาง การอยากเรียนนั้นเป็เื่ที่สมเหตุสมผลและชาญฉลาด ทั้งท่านยังไม่ต้องอาย เพราะท่านนั้นอ่านและเขียนเก่งมากอยู่แล้ว แม้แต่ลุงสองเองก็ต้องเห็นด้วยเป็แน่”
เฟิงซื่อสบโอกาสเสริม จึงพยักหน้าด้วยความรุนแรง “ใช่ ใช่ พวกข้าเห็นด้วย ไม่ว่าจะยังไง ซานหลาง การที่เ้าจะได้เรียนก็ย่อมเป็ความคิดที่ดี เ้าสบายใจได้!”
“ซานหลาง ไม่เห็นแก่พี่ของเ้าเลยหรือ?” หลินต้าหลางกล่าวกับหลินซานหลางโดยพยายามให้เขาล้มเลิกความคิด วิ่งไปหาหลินซานหลางด้วยท่าทีร้อนรน แต่หลินซานหลางไม่อยากปล่อยโอกาสนี้
หลินซานหลางมองหลินต้าหลาง ความสงบนิ่งในสีหน้านั้นทำให้หลินต้าหลางนิ่งไป และเมื่อหลินต้าหลางพยายามจะอ้าปากพูด หลินฟางก็ขัดเขาขึ้นมา “พี่ต้าหลางกล่าวว่าอะไรนะ? พี่ซานหลางไม่คิดถึงท่านอย่างนั้นหรือ? เขาอยากเรียนนี่ต้องคิดถึงท่านด้วยหรือ!”
หลินต้าหลางเริ่มเดือดดาล “พูดอะไรของพวกเ้า มันจงใจทำร้ายข้าด้วยการบอกว่าจะไปเรียนต่างหาก!”
“พี่ต้าหลางอย่าได้ลืมสิ ตอนนี้ท่านน่ะไม่ใช่ลูกของบ้านนี้แล้ว! ในตอนที่ท่านถูกรับไปยังถึงกับมีงานเลี้ยงส่งให้ด้วยซ้ำ และยังลงนามเข้าบ้านของซิ่วไฉชราหลินโดยมีหลี่เจิ้งและท่านปู่หลายคนในหมู่บ้านเป็พยาน! หรือก็คือ ไม่ว่าท่านจะรวยหรือจนในอนาคต ท่านก็ไม่ต้องสนพวกบ้านเก่าแล้วเสียด้วยซ้ำ!” หลินฟางส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางเอามือเท้าเอวคล้ายเฟิงซื่อ
เมื่อเห็นว่าหลินต้าหลางยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น นางจึงซ้ำต่อ “แต่พี่ซานหลางน่ะต่างออกไป แม้เขาจะถูกรับเลี้ยงไปแล้ว แต่ก็ยังมีศักดิ์เป็หลานของลุงใหญ่ และเป็ลูกแท้ๆ ของลุง หากเขาเติบใหญ่ได้ในอนาคต พวกลุงก็ยังเกาะเขากินได้อยู่บ้างไม่ใช่หรือ?”
หลินฟู่อินอดปรบมือให้กับการให้เหตุผลอันฟังขึ้นและน่าฟังของหลินฟางไม่ได้ นางหรี่ตามองปู่หลินแล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ นี่แหละคือเหตุผลที่คนเราไม่ควรไข่เก็บไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะต่อให้ตะกร้าคว่ำไป มันจะได้ยังมีไข่เหลืออย่างไรล่ะ หากบ้านหลินอยากมีชื่อเสียงมากขนาดนั้นก็อย่าไปแทงม้าตัวเดียว เพราะอย่างนั้นข้าจึงอยากให้พี่ซานหลางได้ไปเรียน”
ปู่หลินฟังคำพูดของหลานสาวทั้งสองแล้วจึงครุ่นคิด เขาเองฟังแล้วก็อยากใช้โอกาสนี้ส่งซานหลางไปเรียน แต่เมื่อคิดถึงแผนอนาคตที่วางไว้ให้ต้าหลางแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ
ตระกูลหลินได้ให้การสนับสนุนหลินต้าหลางมานับทศวรรษแล้ว ทั้งปีนี้หลินต้าหลางยังมั่นใจมากว่าเขาจะสอบผ่านหากเขาได้ไปเรียนในเมือง ทั้งยังจะได้เส้นสายมากมายจากเหล่าคนที่จะเข้าสอบปีเดียวกันอีกด้วย...
หากเสียโอกาสทองนี้ไป หลินต้าหลางคงไม่มีวันยอมเป็แน่
แต่ถ้าลองถอยมาสักก้าว... หากหลินต้าหลางสอบไม่ผ่านขึ้นมาเล่า?
หากเขามิอาจสอบผ่านได้เลยตลอดชีวิตเล่า? ปู่หลินเริ่มติดหล่ม
ในบรรดาหลานๆ ของเขา มีเพียงซานหลางที่พอจะอ่านหนังสือได้ เอ้อร์หลางนั้นเข้าเมืองไปทำบัญชีแล้ว จะให้มาเรียนตอนนี้ก็คงไม่ไหว
ส่วนหลานคนเล็กก็ยังไม่รู้ความ จะคาดหวังให้โตขึ้นมาเป็บัณฑิตก็เกินไป
“บ้าบอ บ้าบอทั้งนั้น!” หลินต้าหลางเริ่มกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของปู่หลิน และด้วยความชิงชังที่มีต่อฟู่อิน เขาจึงโบกไม้โบกมือพลางะโใส่หลินฟู่อินไม่หยุด “เ้าเป็สตรี เ้าจะไปรู้อะไร? เ้าแค่อยากขัดขวางไม่ให้ข้าได้เติบโต หากข้าเป็ใหญ่เป็โตได้เมื่อไร ข้าไม่เอาเ้าไว้แน่!”
คำพูดคำจาของหลินต้าหลางทำให้ปู่หลินถึงกับสะดุ้ง จนต้องรีบกล่าว “ต้าหลาง หุบปาก!”
หลินฟู่อินรู้อยู่แล้วว่าหลินต้าหลางมิใช่คนจิตใจงดงามอะไร แต่นางชิงชังการถูกข่มขู่เป็ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนขู่เป็คนขี้ขลาดเช่นหลินต้าหลางด้วยแล้ว เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางจึงมองสวนไปด้วยสายตาเ็าทันที “ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอดู”
“ต้าหลาง ฟู่อิน! เป็ครอบครัวเดียวกันแล้วใช้คำพูดเช่นนั้นใส่กันได้อย่างไร!” ปู่หลินขึ้นเสียงทันทีเมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินเริ่มโกรธแล้ว แม้เขาจะดุหลินต้าหลางด้วย แต่ตาเขามองแต่หลินฟู่อิน
หลินฟู่อินรู้สึกเหนื่อยหน่ายมาก นางคงต้องย้ำเื่เรียนนี่อีกครั้งหากพวกบ้านใหญ่ยังไม่เข้าใจ แล้วอย่าได้มาว่านางหากเสียหน้ากันขึ้นมาเล่า
“ข้าบอกไปแล้วว่าเื่เรียนมันขึ้นอยู่กับข้า และเพราะพี่ซานหลางอยากเรียน ไม่ว่าเขาจะเรียนได้ดีหรือแย่แค่ไหนในอนาคตมันก็เป็เื่ของพวกข้า ไม่มีใครมีสิทธิ์มายุ่งทั้งนั้น และข้าเองก็ไม่ได้อยากให้เื่นี้หลุดไปถึงหูคนนอกมากนักหรอก” น้ำเสียงของหลินฟู่อินสร้างความไม่พอใจให้ปู่หลิน แต่เขาก็ตะลึงไปด้วยเมื่อเข้าใจว่านางกำลังข่มขู่
ตอนนี้แม้แต่หลินต้าหลางก็ยังมิกล้ากล่าวอะไรออกมาอีก หากเื่นี้แพร่งพรายออกไปล่ะก็ จะไม่ใช่เพียงหลินซานหลางไม่เสียหาย แต่หลินฟู่อินจะยิ่งได้ชื่อเสียงด้านดีเข้าไปด้วยว่านางออกตัวปกป้องพี่น้อง แต่กับเขาแล้วมีแต่เสียกับเสีย
“เราคุยเื่นี้กันอีกครั้งได้หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้