“มานอนกับพวกข้าก่อนดีหรือไม่?” เจียงหงหนิงถามอย่างลังเล
เจียงหงหย่วนหน้าดำ “ไสหัวไปนอน!” กาไหนน้ำไม่เดือดหยิบกานั้น[1]
ผู้ช่วยตัวน้อยเจียงหงหนิงใกลัวหัวหด กลับเข้าห้องไปนอนอย่างเชื่อฟัง
เจียงหงหย่วนจ้องประตูไม้ตรงหน้า ความจริงประตูบานนี้ผุพังซอมซ่อ แม้จะมีกลอนประตูแต่นั่นเป็เพียงของประดับเท่านั้นสำหรับเขา แค่ยกเท้าถีบประตูก็สามารถเปิดได้แล้ว แต่เจียงหงหย่วนกลับไม่กล้า
ถูกต้อง เขาไม่กล้า
ตอนนี้บุรุษที่กล้าล่าแม้แต่เสือกลายเป็คนไม่กล้าถีบประตู เขาทำให้ภรรยาตัวน้อยโมโหเสียแล้ว กลัวว่าทำแล้วจะยิ่งเพิ่มประเด็นให้นางโกรธเขามากขึ้นไปอีก
ท้ายที่สุด เจียงหงหย่วนไม่กล้าพอ ยืนอยู่นอกประตูสักพักก่อนจะเดินหน้าม่อยคอตกไปที่ห้องครัว
เขาตัดสินใจว่าคืนนี้จะนอนในห้องครัว
เฮ้อ…ตอนกลับมาก็จิตนาการไว้เสียดิบดีว่าจะทำเช่นนั้นเช่นนี้กับภรรยาตัวน้อยตอนนางหลับ
ไหนเ้าว่ามาซิ…จะทำเช่นนั้นเพื่อเหตุใด?!
หลินหวั่นชิวกำลังนอนโมโหบนเตียง นางใมากจริงๆ แต่ด้วยเหตุนี้ นางถึงเข้าใจหัวใจตัวเอง
ความรักมาแบบกะทันหันเกินไป
ไม่ทันตั้งตัวจนนางรับมือไม่ถูก
นี่คือความรักหรือ?
นางไม่แน่ใจ
บางทีอาจเป็เพียงความรู้สึกดีหรือแค่…ชอบ?
ในใจหลินหวั่นชิวสับสน พลิกตัวไปมาบนเตียงเหมือนเล่าปิ่ง[2]
ในใจและสมองมีแต่ภาพของเจียงหงหย่วน ข้างหูมีคำพูดทุกประโยคที่เจียงหงหย่วนพูดกับนางวนเวียนไปมา
เขาเก่งเื่ทำให้นางโมโหเสมอ แต่เมื่อตอนนี้มานึกย้อนถึงคำพูดเ่าั้อย่างละเอียด…หลินหวั่นชิวกลับหัวเราะเยาะไม่ได้
บุรุษผู้นั้นก็คงชอบนางเช่นกันสินะ?
นางคิดกับตัวเอง
ราวกับบุรุษในโรงเรียนประถมที่ชอบแกล้งสตรีที่ตัวเองชอบ ใช้วิธีนี้มาทำให้ตัวเองมีตัวตน ที่เจียงหงหย่วนพูดจาไม่ดีต่อหน้านางเพราะ…คิดเช่นนี้เช่นกันใช่หรือไม่?
หลินหวั่นชิวคิดถึงตรงนี้ก็นึกสงสารขึ้นมา บุรุษผู้นี้อายุเพียงสิบเก้าแต่กลับต้องแบกรับภาระทั้งครอบครัว ภายนอกดูเป็ผู้ใหญ่ แต่ในใจยังคงเป็เด็กหนุ่ม…
(เจียงหงหย่วน “อายุข้านับรวมกับสองชาติก็เกินห้าสิบแล้วเถิด”)
แต่เหตุใดเ้าหมอนี่ยังไม่เข้าห้องอีก?
คิดจะแง่งอนกับนางหรือ?
ใจแคบจริงๆ นางพูดเช่นนั้นเพราะร้อนใจไม่ใช่หรือไง?
อีกอย่าง หากนางไม่พูดเช่นนั้น เจียงหงหย่วนจะยอมออกมาหรือ เหอะ ยังจะกล้ามางอนนางอีก!
ไม่สนเขาแล้ว!
หลินหวั่นชิวตัดสินใจเสร็จก็ห่มผ้าหลับตานอน
แต่ลมนอกหน้าต่างพัดดัง ‘ฟู่ฟู่’ นี่ก็ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว กลางคืนหนาวจนแข็งตายได้เลย
หากเขาหนาวจะทำอย่างไร?
ไม่สบายขึ้นมายังต้องเสียเงินค่ายาอีก…
สุดท้ายหลินหวั่นชิวตัดสินใจลุกลงจากเตียง ใส่เสื้อผ้าเปิดประตู ลมเย็นพัดเข้ามา หนาวจนนางตัวสั่น
ด้านนอกไม่มีผู้ใด แต่ในห้องครัวมีแสงตะเกียงสลัวๆ
หลินหวั่นชิวกระชับเสื้อให้แน่น วิ่งเหยาะๆ ไปทางห้องครัว
เห็นเจียงหงหย่วนนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างเตาไฟ ในกระทะมีน้ำต้มอยู่ ใต้เตาจุดไฟ อบอุ่นมาก!
เหอะ นางอุตส่าห์เป็ห่วงว่าเขาจะหนาว ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมานั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจ!
หลินหวั่นชิวไม่พูดสิ่งใดสักคำ หันตัวเดินจากไป
ความจริงเจียงหงหย่วนรู้สึกเบื่อหน่าย นึกถึงภรรยาตัวน้อยก็ไม่กล้าเข้าห้องเพราะกลัวนางจะโมโหอีก ตัดสินใจค้นเหล้าออกมาดื่มสักสองถ้วยเพื่อคลายทุกข์เพียงเท่านั้น
ตอนนี้เห็นภรรยาตัวน้อยเดินเข้ามาก็ดีใจ จะมีเหตุผลใดให้เขายอมปล่อยไป
เจียงหงหย่วนดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ทันที สาวเท้ายาวๆ เข้าไปรวบหลินหวั่นชิวเข้าอ้อมอก ลากนางกลับเข้าห้องครัวอีกครั้ง
เขาใช้เท้าเกี่ยวประตูห้องครัวให้ปิด โน้มตัวฝังหน้าเข้ากับซอกคอนาง สูดดมกลิ่นกายนางอย่างตะกละตะกลาม
หอมเหลือเกิน
หอมหวาน
อยากจับกินให้หมดในคำเดียว
“ปล่อยข้านะ!” หลินหวั่นชิวอยากดิ้น แต่น่าเสียดายที่ต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังอย่างเจียงหงหย่วน ดิ้นอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ มิหนำซ้ำยังกลายเป็ว่าปลุกไฟในร่างใครบางคน
ด้านหลังมีอาวุธร้ายจ่ออยู่ นางไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกทันที
ได้แต่ยกมือยอมแพ้
“ไม่ปล่อย! ปล่อยแล้วเ้าได้เอาเงินข้าไปเลี้ยงบุรุษอื่นน่ะสิ? ฝันไปเถิด!” เจียงหงหย่วนพูดอู้อี้ ไอร้อนรดลงที่คอหลินหวั่นชิว จี๊กจี้จนนางอึดอัด
“ข้าไม่เคยทำธุรกิจที่ขาดทุน! เ้าอย่าแม้แต่จะคิด!” เขาอดใจกัดคอหลินหวั่นชิวไม่ได้ ไอ๊หยา เนื้อนุ่มเหลือเกิน…
จะไม่ไหวแล้ว
หลินหวั่นชิวตัวสั่น ััอุ่นชื้นส่งมาทางคอ ตามมาด้วยความเจ็บ
“เ้าเกิดปีหมาหรือไร!” นางพูดด้วยความหงุดหงิด “จะกัดข้าให้ตายหรือ? ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ตัวเองเป็คนซ่อนให้ข้าใเองแท้ๆ...ข้าจะบอกกระไรให้ หากเ้าจะลองดูก็ย่อมได้ ดูว่าถ้าเ้าไม่อยู่แล้วข้าจะใช้เงินเ้า อยู่บ้านเ้าและเลี้ยงบุรุษอื่นหรือไม่!”
นางกัดฟันพูด น้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
ความรู้สึกน้อยใจทะลักออกเหมือนน้ำและแผ่กระจายออกไป
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าข้าเป็คนที่เ้าซื้อตัวมา ใช้หมูป่าแลกมา ไม่มีค่าใด จะเหยียบย่ำที่แกล้งอย่างไรย่อมได้ ตอนนี้เ้ามีเงินแล้ว หลอกให้ข้าใตายจะได้เอาเงินไปซื้อแม่นางหน้าตาสวยน่ารัก รู้จักเอาใจ! อย่างไรเสียข้าก็โดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่งบนโลกนี้อยู่แล้ว ตายไปก็ดีเช่นกัน! ไม่มีผู้ใดเสียใจแทนข้าหรือออกหน้าแทนข้าอยู่แล้ว…”
ขณะที่พูด หลินหวั่นชิวก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย นางใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันของนางดีๆ แต่ดันมือบอนไปกดซื้อแพ็คเกจทะลุมิติบนเสียนอวี๋จนมาโผล่ที่บ้าๆ นี่…ที่ที่สตรีไม่มีฐานะทางสังคมแม้แต่น้อย ขายได้ตามใจชอบราวกับสินค้า
เพื่อขายนางออกไป ตอนนั้นสวี่ซื่อทั้งบีบหน้าอกบีบก้นนาง ขาดก็แต่จับนางอ้าปากให้คนอื่นดูฟันแล้ว
การขายนางไม่ได้มีกระไรต่างจากการขายสัตว์
นางยิ่งคิด ความเศร้าเสียใจก็ยิ่งกลืนกินหลินหวั่นชิวเหมือนกระแสน้ำ ร้องไห้หนักกว่าเดิม
การร้องไห้ของนางทำเอาเจียงหงหย่วนใ เขาปล่อยหลินหวั่นชิว เดินอ้อมไปช่วยนางเช็ดน้ำตาอย่างทำสิ่งใดไม่ถูกด้านหน้า แต่น้ำตากลับไหลออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ แขนเสื้อสองข้างของเขาเปียกไปหมด
ที่ห้องข้างๆ เจียงหงหนิงได้ยินเสียงหลินหวั่นชิวร้องไห้ก็ลงจากเตียงมาดูแต่ถูกเจียงหงป๋อห้ามไว้
เขาร้อนใจ
“เอ้อร์เกอทำกระไรน่ะ รีบปล่อยข้าเร็วเข้า พี่สะใภ้ถูกต้าเกอรังแกแล้ว!”
เจียงหงป๋อพูดว่า “ต้าเกอไม่ได้รังแกพี่สะใภ้ พี่สะใภ้กำลังน้อยใจ ต้าเกอช่วยปลอบอยู่ หากเ้าหวังดีกับพี่สะใภ้และต้าเกอก็อย่าเข้าไป”
“แต่ว่า…” เจียงหงหนิงยังคงกังวล พี่สะใภ้ร้องไห้เสียงดังขนาดนั้น…
“ไม่มีแต่ รีบกลับไปนอนเถิด อย่าทำต้าเกอเสียเื่!” เจียงหงป๋อพูด
เห็นเจียงหงหนิงยังคงจ้องไปทางประตูอย่างลังเลก็พูดต่อว่า “เ้ายังเด็กนัก ไม่เข้าใจเื่ระหว่างบุรุษและสตรี…เชื่อข้าเถิดว่าต้าเกอไม่ได้รังแกพี่สะใภ้ อีกอย่าง เ้าลองคิดดูเถิด ั้แ่เด็กพวกเราโดนต้าเกอด่าก็บ่อย แต่เขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับเราไม่ใช่หรือ? ไม่เคยเลยสักครั้ง! ต้าเกอเห็นค่าพี่สะใภ้ถึงปานนั้น ไม่มีทางรังแกนางเป็แน่ อย่างมากแค่ปากหนัก พูดไม่เป็เท่านั้น”
เจียงหงป๋อเกือบหลุดพูดว่าทั้งคู่ทะเลาะกันที่หัวเตียง คืนดีกันที่ปลายเตียงเสียแล้ว…
แต่เจียงหงหนิงไม่วางใจอยู่ดี จะไปดูให้ได้
เจียงหงป๋อ “ต้าเกอ ข้าพยายามแล้ว!”
เชิงอรรถ
[1] กาไหนน้ำไม่เดือดหยิบกานั้น(哪壶不开提哪壶) หมายถึง ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
[2] เล่าปิ่ง(烙饼) เป็ขนมพื้นเมืองของจีนที่ทำจากแป้ง ลักษณะคล้ายแพนเค้ก ในบางท้องถิ่นอาจเพิ่มไข่ ต้นหอมและงาเข้าไปด้วย อาจมีไส้หรือไม่มีก็ได้ วิธีการทำคือปิ้งให้สุกบนเตาโดยพลิกกลับไปมา
