นั่นเป็นามที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเยี่ยนเจาเจา ขณะที่นางกำลังตรึกตรอง องค์หญิงก็ถอนปัสสาสะ “...เขาเป็บิดาขององค์ชายห้า ป้าของเ้ายังมีบุตรคนเล็กอีกคน องค์ชายห้าเติบโตที่พระราชวังพักร้อนจึงไม่ค่อยได้พบใครนัก”
องค์ชายห้า...?
เหลียงอิน
บิดาของเหลียงอิน?!
ชาติที่แล้วเยี่ยนเจาเจาไม่เคยได้ยินเหลียงอินกล่าวถึงหลินไหวอินมาก่อน ทว่านางััได้อย่างรวดเร็วว่าการกลับมาเมืองหลวงของเหลียงอินคราวนี้ คงมีความเกี่ยวข้องกับหลินไหวอิน
มองจากสิทธิ์ที่องค์ชายคนอื่นๆ ได้รับแม้จะไร้ชื่อเสียงเรียงนามของบิดาเช่นกัน เห็นเหลียงอินไม่ได้รับความโปรดปรานแบบนี้ก็ดูแปลกจริงๆ
เพียงพริบตาเดียวเยี่ยนเจาเจาก็คิดออกว่าเื่นี้คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับบิดาของเขา กระทั่งตัวอักษร “อิน” ในนามเหลียงอิน ยังอ่านเหมือนตัวอักษร “อิน” ของบิดาเขา
สีหน้าของเยี่ยนเจาเจาว่างเปล่าครู่หนึ่ง เมื่อนางเห็นสีพระพักตร์ปลงตกขององค์หญิงยามเอ่ยถึงหลินไหวอิน ก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาฉับพลันว่าทำไมฮองเฮาจึงไม่ชอบเหลียงอิน
และคำตรัสขององค์หญิงก็ยืนยันสิ่งนี้ดังคาด
หลินไหวอินคือบุตรชายคนเดียวของราชครูหลิน ซึ่งรักกับฮองเฮาเหลียงฮุ่ยมาั้แ่เล็ก หากอดีตฮ่องเต้มีพระโอรส หลินไหวอินย่อมเป็ราชบุตรเขยของเหลียงฮุ่ยอย่างแน่นอน ทว่าโลกนี้ไม่มีคำว่าหาก
สุดท้ายเหลียงฮุ่ยก็ไม่ใช่เด็กสาวบอบบางนุ่มนวลเหมือนตอนเด็กอีกต่อไป พระองค์กลายเป็หญิงสาวที่ทุกคนต่างเอื้อมไม่ถึง
ส่วนหลินไหวอินก็ละทิ้งความรักเยาว์วัยของตนเอง ครอบครัวของเขาเริ่มมองหาคู่ให้เขาอย่างอึกทึกครึกโครม ถึงขั้นขอสมรสพระราชทานจากฮองเฮา
เยี่ยนเจาเจาทราบดีว่านิสัยของเหลียงฮุ่ยเป็อย่างไร พระองค์สง่างามอ่อนโยน แต่จะไม่ยอมทนกับการทรยศหลอกลวงเด็ดขาด
ดังนั้นพอท่านแม่กล่าวว่าเหลียงฮุ่ยชิงตัวเขากลับมาที่วังหลัง ทั้งยังให้อยู่ตำหนักเย็น เยี่ยนเจาเจาเลยไม่ใเท่าไหร่นัก
องค์หญิงไม่ได้เล่าอย่างละเอียดว่าในเื่ราวเ่าั้มีความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งแค้นยุ่งเหยิงเพียงไร และเยี่ยนเจาเจาก็ไม่สนใจเช่นกัน...บนโลกใบนี้ หากความรักต้องแปดเปื้อนด้วยมลทินและคำลวง แม้เพียงเล็กน้อยก็คงต้องจบลงในท้ายที่สุด
สรุปแล้วความสัมพันธ์วัยเด็กหลายปีก่อนของเหลียงฮุ่ยและหลินไหวอิน สุดท้ายกลายเป็เื่ตลกและมองหน้ากันไม่ติดแทน
แต่ฮองเฮายังให้กำเนิดบุตรแก่หลินไหวอินคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเหลียงอิน
ยามเหลียงอินเพิ่งเกิดยังได้รับความโปรดปรานอยู่มาก แต่ไม่นานก็ไม่ได้รับอีก และโดนฮองเฮาส่งไปอยู่ที่พระราชวังฤดูร้อน
ถ้าหากว่าเื่ราวหยุดเพียงเท่านี้คงไม่มีอะไรต่อ แต่มันกลับเป็เื่ขึ้นมาอีกครั้งตรงที่วันนี้เยี่ยนเจาเจาได้เปิดโปงฉากรักๆ ใคร่ๆ ในวัง
คำพูดไม่กี่ประโยคของเยี่ยนเจาเจา นามของซ่งฝูจิน และของกลางที่ถวายให้ฮองเฮา ซึ่งเป็หยกพกของหลินไหวอิน ทุกอย่างมันชัดเจนจริงๆ
ยามนี้ตัวเอกทั้งสองของเื่ได้ออกมาให้เยี่ยนเจาเจาประจักษ์แจ้งแล้ว
กระต่ายรูปงามไม่สงบเสงี่ยมกับแมวตะกละมาคลุกคลีกันเช่นนี้
ขอเพียงฮองเฮาอยากตรวจสอบ ไม่มีสิ่งใดในวังหลังสามารถหลบซ่อนจากพระองค์ได้
เมื่อองค์หญิงเล่าจบก็หยุดสังเกตสีหน้าของเยี่ยนเจาเจา
สีหน้าของนางทั้งตกตะลึง กระจ่างแจ้ง และเจือแววถากถางเล็กน้อย หลากหลายอารมณ์ปนเปกัน จากนั้นดวงตาเมล็ดซิ่งของนางก็สว่างวาบขึ้น แล้วความรังเกียจเล็กน้อยจึงปรากฏแจ่มชัดอยู่บริเวณหางตา
“แล้วเื่นี้เกี่ยวอันใดกับท่านพ่อหรือเ้าคะ?”
เยี่ยนเจาเจารีบปลีกตัวจากเื่ของหลินไหวอินทันที ความลับในวังพวกนี้ก็เป็เพียงแค่ความรักระหว่างชายหญิงและการคบชู้เท่านั้น นางกลับสนใจว่าเหตุใดท่านพ่อโดนรั้งอยู่ในวังมากกว่า เื่ยากจะเอ่ยเช่นนี้มาเกี่ยวอะไรกับท่านพ่อผู้โปร่งใสของตนกัน
“...หลินไหวอินกับบิดาเ้าเป็สหายสนิทที่เรียนร่วมกันมา ตอนที่หลินไหวอินโดนจับเข้ามาในวังก็มีคนนอกบอกว่าเสียชีวิตแล้ว แต่พ่อเ้าอยู่ในห้องทรงพระอักษรผิดเวลา...”
องค์หญิงตรัสถึงตรงนี้ สีพระพักตร์เผยความไม่สบายใจออกมารางๆ
เยี่ยนเจาเจาพอเดาได้คร่าวๆ แล้ว
บางทีเยี่ยนเหิงคงเห็นหลินไหวอินในห้องทรงพระอักษรโดยบังเอิญเข้าสัก่ และมีโอกาสมากว่าจะเห็นอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหลินไหวอินและซ่งฝูจินผู้ใจกล้าบ้าบิ่น
มิน่าใช่เื่คอขาดบาดตาย แต่ก็พอให้คนมองความรู้สึกของทั้งสองออก
ในใจของเยี่ยนเหิงทั้งตระหนกทั้งอับอาย อารมณ์ต่างๆ นานาไหลทะลักออกมาพร้อมกัน จนเขาลงไม้ลงมือ
เยี่ยนเหิงเป็คนฉลาด เขาย่อมรู้ว่าเพราะอะไรหลินไหวอินถึงอยู่ในวัง ทว่าความเป็ไปได้ทั้งหมดที่เขาคิดคงไม่รวมถึงการกินตะกละตะกลามระหว่างหลินไหวอินกับนางข้าหลวงรูปโฉมงดงาม
แต่เยี่ยนเหิงไม่กล้าบอกเื่นี้กับฮองเฮาตามตรง ดังนั้นต่อยไปแล้ว พระองค์ก็ไม่คิดในแง่อื่น
เยี่ยนเหิงต่อยหลินไหวอินในวังนับว่าเป็เื่ที่ค่อนข้างยุ่งยาก บนร่างหรือใบหน้าของหลินไหวอินอาจจะยังมีรอยแผลอยู่ ฮองเฮาจึงรั้งเยี่ยนเหิงไว้ในวังสักสองสามวัน
หากมิใช่เยี่ยนเจาเจาเผชิญเื่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแถวตำหนักเย็น ต่อให้ภายหลังจะนึกถึงคนผู้นี้จึงเปรยออกมา บางทีคงถูกมองข้ามไปแล้ว
แต่ชาติก่อนเื่ราวเหล่านี้ไม่ได้ถูกเปิดเผย แล้วเหตุใดเยี่ยนเหิงที่ทราบอยู่แล้วว่าซ่งฝูจินก้ำกึ่งมั่วโลกีย์กับคนอื่นในวังอย่างนั้น ยังยอมให้ฮองเฮาส่งนางเข้าเรือนตนเอง?
“ซ่งฝูจินตั้งครรภ์แล้ว เป็...”
แม้ว่าเยี่ยนเจาเจาจะออกมาจากเรือนนภาครามแล้ว แต่ทั้งร่างก็ยังตกอยู่ในภวังค์
“คุณหนู เป็อะไรเ้าคะ เหตุใดสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
เสี่ยวชุ่ยตามปี้สี่มารับเยี่ยนเจาเจากลับเรือนหิมะมรกต หลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองสามวันก็สังเกตได้ว่ากิริยาท่าทางของนางดูสุภาพมากขึ้น แต่เมื่อพบเยี่ยนเจาเจาแล้วก็ยังคงยิ้มและหลอกล้อนิดหน่อยตามนิสัย
ทว่าเยี่ยนเจาเจายังไม่มีสตินัก
นางไม่เคยคิดเลยว่าสาเหตุที่ซ่งฝูจินโดนส่งมาที่สวนมวลบุปผาหอมเพราะซ่งฝูจินบอกว่ากำลังตั้งครรภ์...
ลูกของเยี่ยนนั่ว
ลูกท่านปู่ในนามของนาง
ที่แท้ในท้องของซ่งฝูจินก็มีท่านอาหญิงหรือท่านอาชายของเยี่ยนเจาเจาอยู่
คู่ควรหรือ?
เยี่ยนเจาเจารู้สึกขบขัน นางไม่เคยรู้ว่ายังมีคนขวัญกล้าไร้ยางอายเช่นนี้อยู่บนโลก มิน่าภายหลังนายหญิงสามถึงได้ด่าซ่งฝูจินอย่างสาดเสียเทเสียถึงเพียงนั้น
ซ่งฝูจินปรับตัวเก่งและปรนนิบัติฮองเฮามานานทำให้นางกำเริบเสิบสาน กอปรกับที่ฮองเฮาโปรดปราน นางจึงยิ่งบังอาจขึ้น คาดว่านางคงมีชายคนรักอยู่ส่วนตัวข้างนอกวังอีก เื่นี้ตรวจสอบง่ายมาก แค่สืบคงรู้
เยี่ยนเจาเจาครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางกลัวเพียงอย่างเดียวว่าเื่ระหว่างซ่งฝูจินกับหลินไหวอินจะลึกลับจนฮองเฮาไม่ทันสังเกต อนึ่งท่านพ่อคงไม่เห็นตรงๆ ว่าสองคนนั้นทำอะไรกัน จึงไม่ได้บอกพระองค์
แม้ในชาติก่อนไม่มีการเปิดเผยเื่แอบนัดพบกัน แต่ซ่งฝูจินปิดเื่ตั้งครรภ์ไม่อยู่ ทั้งยังโดนเยี่ยนเหิงระแคะระคาย ซ่งฝูจินคงกลัวความลับจะหลุดจากทางเยี่ยนเหิง เลยฉุกคิดดึงเยี่ยนนั่วเข้ามาเป็โล่ป้องกัน
เยี่ยนเหิงจิตใจบริสุทธิ์ เมื่อได้ยินว่าสตรีผู้นี้สำส่อนก็คิดเพียงว่าสหายเก่าของตนถูกล่อลวง แล้วการมีลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานก็เป็หลักฐานชั้นดี จึงไม่สนใจเื่ของนางกับหลินไหวอินอีก
กลอุบายนี้สามารถพาตัวเองออกจากวังวนวังหลังได้พอดี อีกทั้งฮองเฮายังยินดีอย่างยิ่งที่จะส่งตัวนางข้าหลวงมากวัยที่ปรนนิบัติข้างกายตนมานานให้ออกไป ขอเพียงหาข้ออ้างถูกย่อมมิใช่เื่ใหญ่โตอะไร
ซ่งฝูจินเลยเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ นางเพียงยืนยันว่าใครคือพ่อเด็ก แล้วพูดจาอ้อนวอนท่านป้าอย่างนุ่มนวล ด้วยนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่นให้สมปรารถนาของท่านป้า วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการส่งคนมาในนามของนางข้าหลวงพระราชทานจริงๆ
เมื่อนางได้ออกจากวัง ก็เกรงว่าฮองเฮาคงจะไม่สนพระทัยเื่ระหว่างนางกับหลินไหวอินแล้ว