เมืองหลวง…แม้จะอึกทึกครึกโครมด้วยเสียงผู้คนจอแจแต่ในสายตาของหลานเยว่ กลับแลดูเงียบงันดุจสุสานนางมิได้มาเพื่อชื่นชมความศิวิไลหรือเสน่ห์แห่งความรุ่งเรืองหากแต่ก้าวเข้ามาเพื่อ มองหาโอกาสฝีเท้าของนางมั่นคงและสงบนิ่งขณะสายตากวาดมองสองข้างทางอย่างรอบคอบและเฉียบคมแผงขายขนม ปิ้งย่างเรียงรายส่งกลิ่นหอมเย้ายวนร้านน้ำชาชั้นดีในตรอกแคบคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
แต่ไม่ว่าจะมองที่ใดสิ่งที่หลานเยว่เห็นกลับไม่ใช่เพียงสีสันแห่งชีวิตแต่คือ วิถีแห่งปากท้อง ที่มีมูลค่าซ่อนอยู่
“งานเพาะปลูกงั้นหรือ?” นางแค่นเสียงเบา ๆ ในลำคออย่างเ็าเ้าของร่างเดิมเคยยืนหยัดอยู่กับมันกัดฟันทนในความยากจนจนลมหายใจสุดท้ายหลุดลอย นางที่เป็ถึงอดีตนักฆ่าไม่ว่าจะคิดอย่างไรอาชีพนี้มันก็ไม่เหมาะสมกับนางทันใดนั้นฝีเท้าของนางก็หยุดลงหน้าร้านค้าโอสถแห่งหนึ่งกลิ่นสมุนไพรตลบอบอวลในอากาศตู้ยาสูงเรียงรายด้วยขวดโอสถหลากสี บ้างระบุชื่อ ยาระงับพิษ ยานอนหลับ ยาถอนพิษแต่สิ่งที่สะดุดสายตานางกลับเป็อีกหมวดหนึ่งพิษร้าย ที่ถูกบรรจุอย่างประณีต พร้อมป้ายราคาอันสูงลิ่ว
ดวงตาของหลานเยว่สว่างวาบริมฝีปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มบางเฉียบดั่งเสือที่พบรอยเหยื่อสำหรับผู้อื่น พิษคือหายนะ แต่สำหรับนางมันคือทองคำในที่สุด…หลังจากเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตของผู้คน เดินลัดเลาะไปทั่วเมืองหลวงด้วยสายตาเยียบเย็นหลานเยว่ก็พบคำตอบเส้นทางในการยืนหยัดด้วยสองมือของตน
ไม่ใช่การเพาะปลูก ไม่ใช่การตักน้ำขุดดินหรือทอผ้าเย็บเสื้อแต่คือ... การเป็ผู้รังสรรค์โอสถพิษ
สำหรับคนทั่วไป นั่นอาจเป็ศาสตร์ต้องห้ามแต่นางคืออดีตนักฆ่าผู้เคยพรากชีวิตนับร้อยโดยไร้เสียงกรีดร้องการปรุงพิษสำหรับนาง…มันคือ ศิลปะกลิ่นสมุนไพรในร้านโอสถเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในปลายจมูกมันปลุกบางอย่างในความทรงจำให้ตื่นขึ้นความรู้… เทคนิค… และความแม่นยำที่ฝังลึกในสัญชาตญาณมันยังอยู่…ครบถ้วน ไม่เลือนหาย
"ถึงเวลาแล้ว..." เสียงพึมพำแ่เบาหลุดจากริมฝีปากนาง ขณะสายตายังทอดมองไปยังผู้คนในตลาดเมืองหลวงที่ยังคงคึกคัก "หากข้าอยู่ต่อแม้เพียงชั่วยาม...หลานจิ่วอวิ๋นอาจจะรอข้าอย่างกระวนกระวาย" รอยยิ้มอ่อนโยนแตะแต้มบนใบหน้า รอยยิ้มที่นางใช้เวลาหลายเดือนฝึกฝน…เพื่อมอบให้เด็กน้อยเพียงผู้เดียวนางพลิกกายหันหลังกลับอย่างไม่ลังเล
แม้เส้นทางจากเมืองหลวงกลับหมู่บ้านม่อหวนจะคดเคี้ยว ผ่านป่ารกและลาดชันแต่สำหรับหลานเยว่มันไม่ต่างจากลานฝึกฝีมือนางยืนสงบนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก...
พลังปราณภายในกายหมุนเวียนราวกับกระแสลมอ่อนจากจุดตันเถียนไหลเวียนลงสู่ปลายเท้าเบา…แต่ทรงพลัง
ฝ่าเท้าของนางแตะพื้นอย่างไร้น้ำหนักในชั่วพริบตาเดียว เงาร่างของนางก็ทะยานไปข้างหน้าใบไม้ที่ลอยร่วงยังไม่ทันตกถึงพื้นแต่หลานเยว่กลับพุ่งผ่านมันไปแล้ว
วิชาขั้นต้นแห่งการหลอมรวมปราณกับสัญชาตญาณการสังหาร... สมบูรณ์กว่าที่คิด นางคิดขณะร่างยังเคลื่อนที่ไม่หยุดการเคลื่อนไหวของนางแม่นยำ เงียบงัน และเหนือความเข้าใจของมนุษย์ธรรมดาเพียงไม่กี่ชั่วยามหรืออาจจะเรียกได้ว่า ไม่กี่ลมหายใจภาพของหมู่บ้านม่อหวนก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
แสงตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำทาบทาเรือนไม้เก่ากลิ่นข้าวต้มลอยโชยจากครัวใกล้ ๆและเสียงใส ๆ ของเด็กชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนที่นางจะก้าวถึงลานบ้าน
"ท่านแม่กลับมาแล้ว!" หลานจิ่วอวิ๋นะโอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งถลาเข้ามากอดนางแน่นหลานเยว่ยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ อย่างแ่เบารอยยิ้มบนใบหน้าของนางในยามนี้หาใช่เพียงการแสดง…แต่มันมีบางสิ่งแทรกซึมอยู่จริง ๆบางสิ่งที่เรียกว่าการกลับบ้าน
หลานเยว่ยืนอยู่ริมหน้าต่างของบ้านไม้หลังเล็กสายตาเหม่อมองไกลออกไปยังขอบฟ้าที่ถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นภายในดวงตาที่ดูสงบนิ่งนั้น… กลับซ่อนแววแน่วแน่ไว้อย่างลึกล้ำนางตัดสินใจแล้ว
ว่าจะพาลูกชาย…ออกไปจากที่นี่ แม้หมู่บ้านม่อหวนจะเต็มไปด้วยผู้คนจิตใจดีแต่ความทุรกันดาร ความยากแค้น และความลำบากในชีวิตประจำวันล้วนเป็พันธนาการที่นางไม่้าให้หลานจิ่วอวิ๋นแบกรับเด็กชายตัวน้อยผู้บริสุทธิ์... สมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้นางจะหาเงินสักก้อนหนึ่งมากพอสำหรับการตั้งหลักในเมืองหลวงมากพอที่จะซื้อบ้านเล็ก ๆ ร้านค้าสักแห่ง และชีวิตใหม่ให้กับเขาชีวิตที่ไม่ต้องเร่ร่อน... ไม่ต้องสู้เพื่ออยู่รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยโอกาส... ไม่ใช่ความลำบากที่กัดกินจิตใจ
สำหรับหลานเยว่ นางไม่เคย้าสิ่งใดเพื่อ ตัวเองแต่ในตอนนี้นางอยากได้ทุกสิ่ง...เพื่อลูกชายเพียงคนเดียวของนาง
ภายในกระท่อมไม้หลังเล็ก แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันสะท้อนประกายวาวในขวดแก้วหลากสีหลานเยว่นั่งนิ่งอยู่กลางห้อง มือเรียวของนางกำลังควบแน่นพลังปราณลงบนปลายนิ้วอย่างมั่นคงแผ่นสมุนไพรที่บดละเอียดแล้วกำลังถูกสกัดอย่างพิถีพิถัน ภายใต้กระบวนการที่ไม่มีใครลอกเลียนได้
พลังปราณ... ที่วันหนึ่งเคยถูกมองว่าพิการในยามนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็หัวใจหลักในการสังเคราะห์พิษร้ายและโอสถวิเศษความบริสุทธิ์ของธาตุและความเข้มข้นของตัวยาล้วนเหนือกว่าผลงานของนักปรุงโอสถคนใด
สมุนไพรทั้งหลาย นางเพียงแค่เก็บมาจากป่าใกล้หุบเขาหลังหมู่บ้านแต่เมื่อผ่านฝ่ามือของนาง... ทุกใบ ทุกราก ล้วนกลายเป็อาวุธที่สามารถคร่าชีวิตหรือชุบชีวิตได้ในพริบตา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ในยามเช้าของวันที่ฟ้าเปิดสตรีลึกลับผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมยาวปกปิดรูปลักษณ์ได้อย่างมิดชิดยืนอยู่หน้าร้านโอสถใหญ่กลางเมืองหลวงเมื่อเ้าของร้านเปิดขวดตัวอย่างเพียงหนึ่งขวดกลิ่นบางเบา... แต่เย็นเยียบ ราวกับมีพยัคฆ์เงาแผ่กลิ่นสังหารพุ่งออกมามือของเ้าของร้านถึงกับสั่นระริก
“เ้า…เ้านี่มัน…” เขาอ้าปากอย่างตกตะลึง ลมหายใจสะดุดไปครู่หนึ่ง
พิษในขวดนั้นไม่ใช่สิ่งที่หาได้ทั่วไป แม้แต่ในตลาดมืดของเมืองหลวงมันบริสุทธิ์ รุนแรง และนิ่งสงบอย่างน่าขนลุก ราวกับสัตว์ร้ายที่พร้อมสังหารในความเงียบหญิงสาวในผ้าคลุมกล่าวเสียงเรียบเย็น
“ข้ามีอีกหลายสิบขวด... เ้าจะซื้อหรือไม่?”
เ้าของร้านแทบไม่ลังเล รีบโค้งศีรษะต่ำด้วยความเร่งร้อน
“ข้า...ข้า้าทั้งหมด!”เขารีบกล่าวอย่างหวาดหวั่น ราวกับเกรงว่าสตรีปริศนาจะเปลี่ยนใจแล้วจากไป
พิษที่หลานเยว่รังสรรค์ขึ้น…มิใช่เพียงตัวยา หากแต่เป็ พลังทำลายล้างราวกับมีิญญาแห่งความตายสิงสู่อยู่ภายใน
แม้พิษเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่อสังหารแม้ใครบางคนจะดับสิ้นลมหายใจเพราะพิษนี้ก็ไม่มีแม้ความสะทกสะท้านในดวงตาของนาง ไม่มีเสียงสะอื้นจากมโนธรรมเพราะนางคือ มือสังหารผู้ไร้หัวใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้