เขาเข้าวังมา่นี้เช่นนั้นนางคงต้องเตรียมรับมือหาทางป้องกันล่วงหน้าเสียแล้ว
สตรีผู้นั้นไม่เคยเรียบง่ายอย่างที่ผู้คนภายนอกเห็น และสองแม่ลูกนั่นคงมิพ้นฉกฉวยโอกาสจากหายนะที่เกิดกับค่ายเสินเช่อทว่าพวกเขาคิดลงมือเคลื่อนไหวอะไรกันแน่?
สิ่งที่นางคิดได้ แน่นอนว่าผู้อื่นเองก็สามารถคิดได้
ทว่ายามนี้ตัวนางจะทำอะไรได้บ้าง?
“ค่ายเสินเช่อทางนั้นเล่าสถานการณ์ดีขึ้นบ้างหรือไม่?” จิตใจของฮองเฮาอวี่เหวินราวกับถูกบางสิ่งเจาะจนเป็รูที่ว่างเปล่านางรู้อย่างชัดเจนว่าภายใต้โรคระบาดที่รุนแรง ผลลัพธ์ของค่ายเสินเช่อมีเพียงข้อเดียวเท่านั้นทว่านางในเวลานี้ยังคงต้องฝากความหวังไว้กับมัน
ตอนนี้ปรารถนาแค่เพียงให้ฉู่ชิงมีชีวิตรอดกลับมาจึงจะสามารถป้องกันตัวแปรมากมายที่นางควบคุมไม่ได้
“ค่ายเสินเช่อ...” เจินกูกูเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ยังไม่มีข่าวใดๆ หลุดออกมาจากค่ายเสินเช่อฝั่งนั้นเพคะทว่าเนื่องจากฝ่าาทรงมีรับสั่งให้ท่านแม่ทัพฉู่ไปจัดการ ท่านแม่ทัพหลวงเองก็ยังคงอยู่ในค่ายเสินเช่อเช่นนั้นท่านแม่ทัพไม่มีทางลงมือสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอนเพคะ”
ฉู่ชิงเป็บุตรชายของแม่ทัพฉู่นี่!
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองเจินกูกู ทว่านางกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก
นางยกมือพาดหน้าผากนึกถึงจ้าวอี้ นึกคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ ่ระยะเวลาที่นึกคิดเื่ราวนางไร้ซึ่งสติโดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฮองเฮาอวี่เหวินพลันเปล่งแสงแห่งความหวัง นางผุดลุกขึ้นทันที เจินกูกูรีบก้าวเข้าไปประคองฮองเฮาเดินไปที่โต๊ะหนังสือ นางไม่ลังเลที่จะเขียนข้อความ ครั้นเขียนจดหมายเสร็จฮองเฮาอวี่เหวินพับจดหมายใส่ซองด้วยตนเองและยื่นส่งให้เจินกูกู
“นำจดหมายนี้ไปส่งที่จวนจิ้นอ๋องต้องส่งมันให้จิ้นอ๋องด้วยตนเอง” ใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินดูจริงจัง เจินกูกูรับคำสั่งและออกจากห้องไป นางมองเงาร่างของเจินกูกูที่ก้าวเดินออกไปจนลับสายตา สองคิ้วขมวดมุ่นทำอย่างไรก็ยังมิอาจผ่อนคลายปมคิ้วคู่นี้ได้
ณตำหนักฉางเล่อ ยามนี้
ในห้องพระเสียงของไม้มู่อวี๋ดังกระทบกันจนเกิดเสียงดังก้องกังวานแว่วทั่วห้องอันกว้างขวางเสียงนี้ดังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบอย่างอธิบายไม่ถูก
สตรีนุ่งห่มอาภรณ์ธรรมดานั่งคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธรูปหลับตาพลางสวดมนต์พึมพำในลำคอ ด้านหลังมีบุรุษชุดขาวยืนนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ราวกับรับรู้เข้าใจกันคนทั้งสองจึงยังคงนิ่งเงียบ
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปเสียงกระทบของไม้มู่อวี๋หยุดลง สตรีผู้นั้นลืมตาจ้าวเยี่ยนจึงก้าวเข้าไปช่วยประคองฉางไทเฮาให้ลุกขึ้นทันที
"จ้าวอี้ออกไปนอกเมืองจริงหรือ?" ฉางไทเฮาเอ่ยถาม แสงสว่างในดวงตาของนางพร่างพราวอย่างมากใน่เวลานี้
“พ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเยี่ยนจัดแจงที่นั่งให้ฉางไทเฮานั่งลงและเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว ตอนเขาอยู่ที่ประตูเมือง เขาคิดเื่ที่เขา้าทำในใจเขาแน่วแน่อย่างยิ่ง ทว่าระหว่างทางกลับวัง ในหัวกลับนึกถึงแต่ภาพของเหนียนยวี่ไม่ว่าทำอย่างไรก็มิอาจจางหายไปได้
"ฮ่าๆแม้แต่พระท่านยังช่วยพวกเราหรือ?" ฉางไทเฮาหัวเราะแ่เบา ใบหน้าที่ดูบริสุทธิ์ของนางไม่ได้ดูราบเรียบอีกต่อไปความทะเยอทะยานอันแรงกล้าผาดผุดออกมาจากดวงตาที่นิ่งสงบคู่นั้น
จ้าวอี้ออกนอกเมือง
ในใจของฮองเฮาอวี่เหวินกลัวว่าเื่ราวจะเหมือนทุกอย่างที่นางคิดฉู่ชิงยามนี้ติดอยู่ในค่ายเสินเช่อ มิพ้นต้องตายอย่างแน่นอน ตำแหน่งของฉู่ชิงฮองเฮาอวี่เหวินปรารถนาให้จ้าวอี้รับ่ต่อ ทว่ายามนี้จ้าวอี้กลับออกไปนอกเมืองหนทางข้างหน้าของเขาจะเป็ตายอย่างไรยังมิรู้ หากติดโรคระบาดเข้า ชีวิตน้อยๆคงดับสิ้น
ส่วนเยี่ยนเอ๋อร์ของนาง
ฉางไทเฮาเหลือบมองจ้าวเยี่ยนอย่างพึงพอใจมาก“เยี่ยนเอ๋อร์ เ้าฉลาดมาั้แ่เกิด เ้าควรรู้ความคิดในใจของแม่ หลายปีมานี้เ้าทำตัวเงียบสงบมานานเกินไปแล้ว ยามนี้สมควรได้เวลาแล้วแม่อยากให้เ้าเข้าไปรับตำแหน่งนี้ต่อจากฉู่ชิง”
อำนาจทางการทหารเป็สิ่งที่นางโหยหามาเนิ่นนานหากเยี่ยนเอ๋อร์ได้กุมอำนาจยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ ฐานะของพวกนางสองแม่ลูกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพียงแต่...
“เสด็จแม่ ลูกรู้ว่าอำนาจและตำแหน่งแม่ทัพหลวงนั้นยิ่งใหญ่สูงส่งทว่าฝ่าาจะยอมมอบอำนาจนั้นให้ลูกหรือ?” จ้าวเยี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็เวลาหลายปีแล้วที่เขาเป็ท่านอ๋องผู้เกียจคร้านไร้สิทธิ์ไร้อำนาจเขาจงใจเก็บงำความสามารถจากบรรดาท่านอ๋องและองค์ชายคนอื่นทว่านั่นก็หมายถึงฮ่องเต้หยวนเต๋อด้วย
ตัวตนของเขานั้นน่าละอายในขณะเดียวกันฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็มิ้าให้เขาเข้าไปสอดเื่ราชกิจในท้องพระโรง
“เขาแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเราในตอนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่มีทางมอบอำนาจสำคัญให้เ้าแน่ทว่าแล้วอย่างไรเล่า? ในเมื่อเขาไม่้าข้าเองก็มีหนทางบีบบังคับเขาให้ยอมมอบตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้เ้า” ฉางไทเฮาหรี่ตาลงแสงสว่างในดวงตาคู่นั้นอยู่ในสายตาของจ้าวเยี่ยน ในใจเขาพลันเกิดความหวังขึ้นทันใด
ก่อนที่จ้าวเยี่ยนจะได้ถามนางว่ามีหนทางอย่างไร ฉางไทเฮาพลันหยิบแหวนหยกวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อของนางและส่งให้จ้าวเยี่ยน
จ้าวเยี่ยนชอบหยก เพียงแค่ชำเลืองมอง เขาก็มองออกทันทีว่าแหวนหยกวงนี้มีค่าควรเมือง มิใช่ของหยาบแต่อย่างใดเสด็จแม่้าให้เขาทำอะไร?
“นี่คือแหวนัหงส์”เสียงของฉางไทเฮาสงบนิ่งไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์
แหวนัหงส์?
แน่นอนว่าจ้าวเยี่ยนรู้จักที่มาที่ไปของแหวนัหงส์วงนี้แหวนัหงส์และกำไลหยกยวนยาง เดิมทีจะต้องเป็ของคู่กัน เมื่อยามที่อยู่คู่กันก็จะเรียกว่าเป็เงื่อนคล้องใจ
ว่ากันว่าเงื่อนคล้องใจในยามนั้นถูกมอบให้กับตระกูลหนานกงทว่ายามนี้มาอยู่ในมือของเสด็จแม่ได้อย่างไร?
ทันทีที่คำถามนี้ผุดขึ้นในใจเขาฉางไทเฮาพลันเอ่ยปากออกมาก่อนว่า “ในงานเลี้ยงวันนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงได้มอบแหวนัหงส์วงนี้ให้เ้า นาง้าจะสื่อความหมายว่านางอยากให้เ้าแต่งงานกับเหนียนอีหลาน”
ครั้นฉางไทเฮาเอ่ยคำนั้นออกมาสีหน้าของจ้าวเยี่ยนพลันมืดมนลงทันใด
ฉางไทเฮาเห็นทุกอย่างในสายตาดวงตานางพลันฉายแววไม่พอใจ “ในใจของเ้ามิใช่ว่ายังคงคิดถึงแต่เหนียนยวี่ใช่หรือไม่? ข้าเคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเ้าไม่ควรนึกคิดเื่ของเหนียนยวี่คนนั้น”
"เสด็จแม่ ลูก...เปล่า"
จ้าวเยี่ยนเอ่ยตอบยามนี้เขารู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวของฉางไทเฮา
"ในเมื่อไม่ได้คิดเช่นนั้นเ้าก็เอาแหวนวงนี้ไปยังจวนหนานกงเสีย" ฉางไทเฮากล่าวอย่างเ็านางเอ่ยพลางส่งแหวนัหงส์ให้จ้าวเยี่ยน
ััเย็นเยียบจากหยกงามวงนี้ทำให้หัวใจของจ้าวเยี่ยนสั่นสะท้าน ราวกับมือของเขาถูกน้ำร้อนลวกก็มิปาน
คนฉลาดเช่นเขาย่อมรู้แน่นอนว่าการนำแหวนหยกวงนี้ไปยังจวนหนานกงหมายความว่าอย่างไร
เมื่อเข้าไปแล้วนั่นแปลว่าตัวเขาเห็นด้วยเื่การแต่งงานกับเหนียนอีหลาน
เหนียนอีหลาน...
ภาพของเหนียนอีหลานผุดขึ้นในหัวของจ้าวเยี่ยน ทั้งสองเคยพบกันหลายคราแล้วใบหน้านางงดงามแต่เขาจดจำไม่ได้ แม้ในขณะนี้ ความประทับใจในจิตใจของเขาก็ยังคลุมเครือ ตรงกันข้ามแล้ว มันคือเหนียนยวี่ที่อยู่ในความทรงจำของเขา ชัดเจนราวกับมีด
"เสด็จแม่ อาจมีวิธีอื่นในการจัดการเื่นี้" จ้าวเยี่ยนกล่าว แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก
ฉางไทเฮามีสีหน้ามืดมนลงเล็กน้อย "เ้าทำอะไรได้บ้าง บอกข้าทีว่านอกจากพึ่งพาตระกูลหนานกงแล้วจะทำอะไรได้อีก"
นางเป็สตรีในวังหลังและไม่สามารถพูดจาเย่อหยิ่งเกี่ยวกับเื่การเมืองได้ ตอนนี้นางเพียงหวังว่าหนานกงเลี่ยจะเสนอจ้าวเยี่ยนให้ผู้คนภายนอกรับรู้ และมีเพียงตระกูลหนานกงเท่านั้นที่มีกำลังมากพอ
จ้าวเยี่ยนเข้าใจเขากำแหวนหยกไว้แน่น
"เยี่ยนเอ๋อร์ ผู้ที่ทำสิ่งที่ใหญ่ต้องไม่ลังเล ข้ารู้ว่าเ้าสนใจเหนียนยวี่ แต่เหนียนยวี่ไม่สามารถช่วยเ้าได้ในยามนี้มีเพียงตระกูลหนานกงที่อยู่เื้ั เหนียนอีหลานสามารถทำได้เช่นกัน ตราบใดที่เ้าควบคุมเป่ยฉี แม่และเ้าจะมีเริ่มมีอำนาจทางทหารและราชกิจ วันหนึ่งเ้าจะได้บัลลังก์ที่ควรจะเป็ของเ้ากลับคืนมา ยามนั้นเ้า้าสตรีเช่นไรและหากเ้า้าเหนียนยวี่ นางย่อมต้องยอมจำนนต่อเ้าเท่านั้น ในเวลานั้น เ้าสามารถแต่งตั้งนางเป็สนมผู้สูงศักดิ์ หรือแม้แต่เลี้ยงดูนางโดยเฉพาะ นั่นแล้วแต่ตามความตั้งใจของเ้า"
ฉางไทเฮามองไปที่จ้าวเยี่ยน เห็นการต่อสู้กับตัวเองอยู่ในท่าทีของจ้าวเยี่ยน เมื่อนางนึกถึงเหนียนยวี่หัวใจของนางก็รู้สึกเ็าขึ้นมา
สตรีนางนั้นทำให้เยี่ยนเอ๋อร์เสียแผนการได้จริงหรือ?
หึ นางประเมินคุณหนูรองต่ำไปจริงๆ