เสียงส้นรองเท้าของหญิงสาวร่างบางระหงนางหนึ่ง...ดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก กระทบพื้นหินอ่อนของสำนักงานสูงระฟ้า เธอสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด พร้อมอย่างเต็มที่ทำใจให้สงบ แต่หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวลือเกี่ยวกับ CEO คนใหม่ หนุ่มทายาทของบริษัทใหญ่แห่งนี้ เพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศ และจะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนคนเดิมที่เพิ่งเกษียณออกไป
บอสสุดเนี้ยบ ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็ ‘บอสเหล็ก’ ทั้งเนี้ยบ เฮี้ยบ จู้จี้สารพัดทุกระเบียบนิ้ว ลือกันไปทั่วทั้งตึกไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้าน ยามเฝ้าหน้าประตู คนขับรถ ทำให้สาวน้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ยังไม่ครบเดือน รู้สึกใจหวาดเสียวเหมือนต้องลงสนามรบ
เช้าวันนี้เพิ่งกลางเดือน พนักงานทุกคนเพิ่งผ่านพ้นวาระการเลี้ยงฉลองให้ผู้ที่ได้พักยาวไปตลอดหลังจากนี้ เธอคิดเหมือนกันว่าถ้าทำงานไปสัก่หนึ่งของชีวิต สามารถมีเงินเกษียณได้รวดเร็วกว่าคนอื่นจะดีมาก ไม่ต้องเครียดเก็บกดยาวนานจนป่วยทั้งทางกายและจิตใจ
เธอก้าวเข้ามาที่ชั้นของแผนก… ก็พบกับภาพอลหม่าน พนักงานทุกคนวิ่งวุ่นเหมือนมีเื่อะไรต้องทำอย่างเร่งด่วน แต่ละคนก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสาร เช็ดโต๊ะ จัดเก้าอี้ให้ตรงมุมทุกมุม เสียงกระซิบกระซาบดังราวกับมีเื่ลับลมคมใน
“ปากกาห้ามเอียง… แก้วน้ำห้ามมีคราบ…!” เสียงะโข้ามมาถึงตัวของสาวน้อยที่เพิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนชั้นแทบไม่ทันเวลา
“นี่...ดอกแก้ว รีบจัดโต๊ะ เอาของที่ไม่เกี่ยวกับเื่งานใส่ลิ้นชักให้หมด” ดอกแก้วได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานนั่งข้างถัดไป บอกข้ามแผ่นอะคริลิกขุ่นที่กั้นเป็คอกสำหรับพื้นที่ทำงานส่วนตัวของใครของมัน
ดอกแก้วตาค้าง มองทุกคนที่กำลังขะมักเขม้นตั้งอกตั้งใจจัดการกับของรกๆ บนโต๊ะ
“โห...นี่บริษัทหรือค่ายทหารวะ!!!” เธอพึมพำเบาๆ
“ระวังตัวด้วย… บอสถามเราซ้ำถึงสามรอบ” เสียงพนักงานข้าง ๆ กระซิบ
“โธ่ โถ...” ดอกแก้วยืนตัวแข็ง ใจเต้นแรง มองไปที่ประตูห้อง CEO … และทันใดนั้น ประตูถูกผลักออกมา สายตาเรียวคมกวาดไปทั่ว แล้วมาหยุดที่เธอซึ่งกำลังยืนตัวชา มองหันรีหันขวาง
“เรานั่นแหละ... ไปตามแม่บ้านมาที่ห้อง” เสียงคำสั่งชัดเจน สั้นกระชับ
“คุณคะ... ดิฉันเหรอคะ” ดอกแก้วชี้นิ้วที่หน้าตนเอง ใจนเผลอไผลลืมเรียกขานเขาว่า... บอส ไปชั่วขณะ
“เออ...จะใครล่ะ!!! ผม... กุญชร” น้ำเสียงห้วนดังจนหัวใจเธอแทบหล่นลงตาตุ่ม เธอโดนจัดเต็มแน่ๆ หลังจากไปตามแม่บ้านมาพบเขาที่ห้องทำงาน
กุญชร CEO หนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียน สูทสีเทาเข้มกับเนคไทสีเทาหม่นเรียบไร้รอยยับ รีดเรียบจนแทบสะท้อนเห็นแสงเงาสุดเลิศหรู ทรงผมหวีขึ้นสูงใส่เจลบางๆ ยกลุคของใบหน้าเห็นเงาคมสันของจมูกและดวงตาดุเอาเื่ รองเท้าหนังเงาวับ มือขวาถือแฟ้มเอกสารเรียงตามสี มือซ้ายถือทิชชูเปียก กำลังเช็ดลูกบิดประตูแล้วสะบัดให้แม่บ้านตรวจดู คราบสกปรกบนทิชชูเปียกเผยให้เห็นทันทีว่า เขาไม่ยอมให้พื้นที่ทำงานบนฟลอร์นี้สกปรกมีฝุ่นละอองจับให้เห็นอย่างเด็ดขาด
‘บอสบ้าอะไรเนี่ย!!! จะเนี้ยบไปถึงไหน!!!” ดอกแก้วคิดในใจ
สายตาคมกริบของเขาดูน่าหวาดหวั่น ขณะเธอเปิดประตูนำแฟ้มเอกสารเข้ามาให้เขาเซ็นชื่อ เธอรู้สึกเหมือนโดนสปอตไลต์ส่องหน้าเมื่อเรียวตาคมยังจับจ้องมาที่เธอโดยไม่ละวาง
“คุณมาสาย… สามสิบวินาที” เสียงทุ้มเรียบนิ่ง แต่เย็นะเืไปถึงขั้วหัวใจของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา
ดอกแก้วแทบอยากร้องกรี๊ด แต่ทำได้แค่ยิ้มแหย ๆ ทำตาปริบๆ
‘นี่นาฬิกาตรงโถงทางเดินมันเร็วไปสองนาทีครึ่งนะยะ!!!’ เธอเถียงฉอดๆ แค่นึกอยู่ในใจ
เขาไม่พูดอะไรอีก แค่ยื่นแฟ้มเอกสารกลับมาหลังจากกวาดสายตามองทุกแผ่นอย่างรวดเร็ว และสั่งเสียงเข้ม...
“หัดตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนถึงส่งมาให้เซ็นชื่อก่อนทุกครั้ง แบบนี้เรียกว่า ทำงานชุ่ย” น้ำตารื้นอยู่ขอบตาของดอกแก้ว
“คอ...คะ…ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น ก่อนจะหันหลังเปิดประตูแล้วก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าถ้าหายตัวได้จะหายไปเลยไม่ต้องกลับมาเห็นหน้านายคนนี้อีก
เธอเห็นพนักงานนั่งเรียงเป็แถวก้มหน้าทำงานอย่างเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงกระแอมกระไอ เธอมาหยุดตรงเก้าอี้ตรงคอกที่เธอนั่งทำงาน ซึ่งถูกจัดแยกจากเพื่อนพนักงานที่นั่งเรียงรายกันเป็แถวเหมือนโต๊ะนักเรียน ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่ปริปากบ่นว่าหรือกระซิบให้ได้ยินเสียงอีกต่อไป
‘โอ๊ยตาย ตาย! ฉันจะรอดวันนี้ไปได้ยังไง...ล่ะเนี่ย!!!’ เธอพึมพำเบาๆ คนเดียว
ระหว่างนั้น พนักงานคนหนึ่งกระซิบเตือนอีกคนแทบไม่ได้ยินเสียง...
“บอสคนนี้…ถ้าเอกสารยังมีรอยนิ้วต้องทำใหม่หมด”
ดอกแก้วกลืนน้ำลายดังเอื้อก พยายามหาทางทำใจให้สงบ
บทสนทนาแรก…เริ่มขึ้นโดยเธอไม่ทันตั้งตัว เมื่อนำแฟ้มเอกสารจากฝ่ายบัญชี มาให้เขาตรวจสอบรายงานการเงินประจำเดือน
“คุณ…ชื่อดอกแก้วใช่ไหม” กุญชรถาม เธอได้แต่พยักหน้า ทำเอาชายหนุ่มเงยหน้าขมวดคิ้วใส่เธอ
“คุณเป็ผู้ช่วยเพิ่งเข้ามาใหม่” เขายังกวาดสายตาอ่านเอกสาร ขณะเอ่ยถาม
“ค่ะ…ค่ะ” เธอตอบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“เวลาตอบผม ควรเสียงดังฟังชัด อีกอย่าง...งานนี้ต้องอาศัยความละเอียดและช่างสังเกต คุณต้องช่วยผมตรวจสอบตัวเลขให้ละเอียด ไม่ให้มีข้อผิดพลาด”
“เข้าใจค่ะ” เธอพยายามเก็บความหงุดหงิด แต่ในใจขอสวดมนต์ให้ตัวเองผ่านการทดลองงาน...
‘บอสเนี้ยบจนฉันอยากหยุมหัว...!!!’
“และอีกอย่าง…” เขาหยุดคำพูด และลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงาน ก้าวเข้ามาหาเธอช้า ๆ
“ห้ามวางแก้วน้ำ ขนม อาหารว่างต่างๆ บนโต๊ะเด็ดขาด ควรกินให้เรียบร้อย หรือหิวก็ตรงไปที่มุมแพนทรี มีเครื่องดื่มของว่างอยู่ตรงนั้น ผมไม่ชอบให้ที่ทำงานเลอะเทอะเหมือนตลาด”
ดอกแก้วตาโต แอบกลอกตา คิดในใจ...
‘นี่ฉันมาทำงานหรืออยู่ในโรงเรียนประจำ...!!!’
ระหว่างที่ดอกแก้วกำลังเริ่มตรวจเอกสารที่โต๊ะทำงานของเธอ เสียงปิ๊ง! เตือนว่ามีข้อความเข้า เธอเปิดอ่านจึงรู้ว่ามาจากบอส เธอรีบก้าวไปยังห้องทำงานที่เป็กระจกใส มีแค่เพียงมู่ลี่เท่านั้นที่ดึงลงไว้เพียงบางส่วน นอกนั้นเขาสามารถมองออกมาเห็นการทำงานของพนักงานทุกคนบนฟลอร์นี้
“กาแฟขมเกินไป…” กุญชรพูดเสียงเรียบ ขณะเธอโผล่หน้าเข้าไปโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงรับฟังเฉยๆ
‘บอสคะ…นี่มัน…ขนาดกาแฟยังต้องสั่งละเอียดขนาดนี้เลยเหรอคะ’ ดอกแก้วแอบคิดในใจถึงกับถอนหายใจเบา แล้วตอบเขาเบาๆ ว่าจะกำชับแม่บ้านดูแลเื่นี้เป็พิเศษ
“หน้าที่นี้เป็ของคุณ ั้แ่วันนี้ไปคุณต้องเรียนรู้ว่าผมชอบรสแบบไหน” กุญชรตอบเสียงเรียบ ยังคงก้มหน้าตรวจแฟ้มเอกสาร
ดอกแก้วนึกภาพอยากสำลักกาแฟถ้วยนั้น เธอจุกกับคำสั่งที่อึดอัดจนแน่นหน้าอกไปหมด เธอนอยด์จนแทบพ่นประโยคนี้ออกมา ...
‘งานนี้ไม่ใช่แค่ทำงานให้บอส…ฉันกำลังเข้าสนามรบ!’
หลังจากเขาตรวจงานเสร็จ ดอกแก้วแอบสังเกตสีหน้าของบอสที่กำลังเงยหน้าขึ้นจ้องแววตาของเธอ นิ่งเงียบเฉยเมยแล้วยื่นแฟ้มส่งให้เธอ
‘ทำไมบอสถึงดูเพอร์เฟกต์เกินเบอร์แบบนี้…’ เธอแอบคิดในใจ
เพียงแค่ความสงสัยเล็กๆ ก็ทำเอาหัวใจเต้นแรง เธอเคยได้ยินเสียงลือในทำนอง…
บอสคนนี้น่าจะเป็ Metrosexual หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ... น่าจะแปลงโฉมใบหน้าเพื่อสร้างภาพลักษณ์ดูสมบูรณ์แบบ คนแบบนี้ดอกแก้วเรียกว่า คนมีปม... คงเป็ ปมด้อย... สินะ
ดอกแก้วกุมขมับ พยายามคิดบวกกับตัวเอง…
“เอาเถอะ อย่างน้อยขอรอดวันนี้ไปก่อน… ส่วนพรุ่งนี้จะเป็ยังไง ดูไป!!!”
แต่ในใจลึกๆ เธอรู้ซึ้งเลยว่า… บอสคนนี้ เป็คนยากที่จะทำงานด้วย อยากจับมาตบหัวปรับทัศนคติจริงๆ ... เธอนึกขำกับคำพูดนี้