จวินเหยียนมองไปยังหยวนอวี่ พูดเสียงเรียบ “เรือนชั้นห้านั้นเป็ที่พำนักของนายแห่งจวนอ๋องนี้ ตัวเ้าเป็เพียงแขกผู้มาเยือน พระชายาจึงได้จัดเตรียมเรือนฉิ่นเยว่นี้ไว้ให้เ้าแล้ว ที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็อย่างยิ่ง ในเมื่อเ้ารับพระบัญชาให้มาพักผ่อนก็จงพักอยู่ที่เรือนฉิ่นเยว่นี้ให้ดีๆ เถอะ อย่าได้ไปไหนมาไหนไปเรื่อย เพราะหากเกิดเื่ใดขึ้นจะไม่ถือว่าเกี่ยวข้องอันใดกับเปิ่นหวางและพระชายาทั้งสิ้น ด้วยเื่นี้ เปิ่นหวางจะเขียนราชสารต่อพระบิดาเพื่อชี้แจงให้ชัดเจน เพราะเปิ่นหวางรับผิดชอบเพียงชีวิตของชาวบ้านในหานโจว มิใช่จะมีเวลามาคอยดูแลแขกสูงศักดิ์เช่นเ้าได้ทุกวัน ดังนั้น หากเกิดเื่ใดขึ้นในระหว่างนี้ก็ถือว่าเป็ปัญหาของเสี้ยนจู่เอง”
เมื่ออวิ๋นซีฟังจวินเหยียนพูดจบก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า เขาช่างเป็คนที่ปากร้ายเสียจริง เขาย้ำชัดว่า หยวนอวี่เป็แค่แขก และยังสั่งเป็นัยอีกว่า คนถูกกักบริเวณแล้ว หากออกไปเตร็ดเตร่นอกเรือนฉิ่นเยว่เมื่อใด แล้วบังเอิญพบเจอเข้ากับเื่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ช่างเป็บุรุษที่ไร้ใจ แล้งน้ำใจเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ด้วยเหตุใดเมื่อนางได้ฟังแล้วกลับรู้สึกมีความสุขเพียงนี้ เอาเถอะ ยามนี้ตัวนางเองก็คงคุ้นชินจนกลายเป็คนชั่วไปด้วยแล้วกระมัง
“ท่านอ๋อง ท่านทำเสี้ยนจู่ใใหญ่แล้ว” เมื่อพูดจบ อวิ๋นซีก็รุดเข้าหาแม่นางน้อยบนตั่งเตียง ก่อนจะยิ้มพูดกับหยวนอวี่ “เดิมทีบุตรสาวของข้าก็เป็คนที่มีนิสัยซุกซนอยู่บ้าง หวังว่าเสี้ยนจู่ที่เป็ผู้ใหญ่จะไม่ถือสาเด็กตัวเล็กๆ ทว่า ข้าเห็นสีหน้าของเสี้ยนจู่ดูไม่ดียิ่ง อีกทั้ง ตัวข้าพอจะรู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นให้ข้าตรวจดูเ้าหน่อยก็แล้วกัน”
หยวนอวี่คิดอยากจะพูดว่าไม่ แต่จวินเหยียนกลับพูดขัดขึ้น “วิชาแพทย์ของชายาสูงส่งยิ่ง หากได้เ้าช่วยตรวจดูนางเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้วางใจ”
เมื่อหานอ๋องพูดเช่นนี้แล้ว หยวนอวี่จึงได้แต่ต้องยอมให้อวิ๋นซีจับชีพจร และตอนที่นางเห็นนิ้วเรียวยาวของอวิ๋นซีนั้นเอง ในใจก็อัดแน่นไปด้วยความอิจฉาริษยาและเคียดแค้น คนเป็แค่หมอหญิงชั้นต่ำ เหตุใดมือทั้งสองข้างจึงได้ดูงดงามเช่นนี้ อีกทั้ง ดวงหน้านั่นก็ยังงดงามเย้ายวนอีก ยิ่งพิศแล้ว นางก็แทบอยากจะทำลายดวงหน้านั้นเสียเดี๋ยวนี้
ตอนที่อวิ๋นซีจับชีพจรก็อดมองหยวนอวี่ไปทีหนึ่งไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “หยวนอวี่เสี้ยนจู่ เ้าเคยได้รับาเ็มาก่อนหรือ? ”
หยวนอวี่ รวมถึงพวกเตี๋ยอีที่จวินเหยียนเพิ่งเรียกให้ลุกขึ้นต่างก็หันไปมองทางอวิ๋นซี ฉับพลันนั้นอิ๋งอิ๋งก็หลุดปากพูดออกไป “เ้ารู้ได้อย่างไร” นางที่เพิ่งจะพูดจบก็ถูกเตี๋ยอีดึงตัวกลับไป
อวิ๋นซีเพียงปรายตามองอิ๋งอิ๋งไปทีหนึ่ง สตรีผู้นี้คือสาวใช้ประจำตัวหยวนอวี่ นางยังจำได้ดีว่าอีกฝ่ายมีนามว่าอิ๋งอิ๋ง ทั้งยังจำได้อีกด้วยว่า ตนเคยให้หมัวหมัวตบปากคนไปสองสามที เพราะพูดจาไม่ดี ถึงกระนั้นนางก็คิดไม่ถึงว่า ครั้งก่อนที่โดนหมัวหมัวตบจนหน้าบวมไปแล้ว มาถึงตอนนี้คนก็ยังไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตัว
จวินเหยียนที่กรุ่นโกรธถูกสายตาของอวิ๋นซีขวางไว้ “เพราะข้าเป็หมอ” นางตอบเพียงสั้นๆ
เมื่อเขาได้ยินแล้วก็อดโค้งริมฝีปากยิ้มให้มิได้ อาซีกำลังจะบอกสตรีทั้งสามว่า วิชาแพทย์ของนางสูงส่งเพียงไร อย่าได้คิดทำเป็ฉลาด เล่นลูกไม้ใดต่อหน้านาง
เมื่ออิ๋งอิ๋งได้ยินก็รีบกล่าวตอบ “เมื่อครึ่งปีก่อนในงานเฉลิมฉลองมีนักฆ่าหมายเอาชีวิตของฮองเฮา ทว่า เป็เสี้ยนจู่ของข้าที่ไม่คำนึงถึงชีวิตตนพุ่งกายเข้ากันคมกระบี่ให้ฮองเฮาจนได้รับาเ็ หลังจากนั้นโชคยังดีที่เสี้ยนจู่ถูกช่วยชีวิตให้รอดกลับมาได้อย่างหวุดหวิด เพียงแต่ผลข้างเคียงนั้นทำให้ร่างกายนางอ่อนแอมาโดยตลอด ตอนหลังหมอหลวงในวังบอกว่า นครหานโจวเหมาะแก่การมาพักผ่อน รักษาตัว ฝ่าาจึงมีดำริให้เสี้ยนจู่มาที่นี่”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ทำเพียงยิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านอ๋อง หากมีโอกาสได้ไปยังเมืองหลวงสักครั้ง หม่อมฉันก็อยากจะขอคำชี้แนะจากหมอหลวงที่ทำการรักษาให้เสี้ยนจู่เสียสักหน่อย เพราะหานโจวนี้แห้งแล้ง ทั้งยังมีพายุทรายที่รุนแรงนัก เพราะฉะนั้นอากาศของที่นี่จึงไม่ได้ดีอะไร ทว่าถ้อยคำที่ออกมาจากปากหมอหลวงกลับกลายเป็สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การพักรักษาตัวไปเสียได้ นี่เป็ครั้งแรกที่หม่อมฉันเคยได้ยินคนกล่าวเช่นนี้”
คำพูดตรงไปตรงมาของนางทำให้สีหน้าของหยวนอวี่เปลี่ยนไปไม่น่ามองยิ่ง เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็รีบพูดต่อ “หยวนอวี่เสี้ยนจู่ เหตุใดสีหน้าของเ้าถึงได้ดูย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเมื่อครู่อีกเล่า ดูสิ เมื่อตอนที่เ้ามาถึงที่นี่ สีหน้ายังไม่ได้แย่ถึงเพียงนี้เลย นี่ย่อมชัดเจนแล้วว่า อาการของเ้าไม่เหมาะกับดินฟ้าอากาศที่นี่”
จวินเหยียนรีบกล่าวเสริม “หมอหลวงหรือ ช่างเป็หมอที่ไร้ฝีมือจริงๆ หานโจวที่แสนกันดารจะเป็สถานที่ที่เหมาะแก่การพักรักษาตัวไปได้เช่นไร”
“ท่านอ๋อง ท่านมีงานรัดตัว หม่อมฉันเองก็ต้องดูแลหวานหว่าน และยังต้องคอยปรนนิบัติท่าน หากเสี้ยนจู่ต้องพักอยู่ที่นี่ ในใจพวกเราย่อมเป็กังวลยิ่งแล้ว ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอเสนอว่า เราเขียนพระราชสารไปถึงฝ่าา ให้พระองค์ช่วยส่งหมอหลวงที่ทำการรักษาให้เสี้ยนจู่อยู่มาคอยดูแลนางตลอดระยะเวลาที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่หานโจวนี้เถิดเพคะ เพราะเมื่อเป็เช่นนั้น ไม่ว่าท่านจะไปเยี่ยมเยียนราษฎร์ที่ใดก็จะได้วางพระทัยลงได้สักหน่อย”
จวินเหยียนอืมออกมาเสียงหนึ่ง “อาซีพูดถูกเป็อย่างยิ่ง”
สามีภรรยาคู่นี้คนหนึ่งร้อง คนหนึ่งรับ ทำเอาสีหน้าของหยวนอวี่ยิ่งไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อยๆ กว่านางจะมายังหานโจวนี้ได้มิใช่เื่ง่ายดังที่คิด ยิ่งกว่านั้น ครั้งแรกที่ได้พบพี่จวินเหยียนกลับถูกอวิ๋นซีจัดการเสียจนนางหาทางลงไม่เจอ มิหนำซ้ำคนยังตั้งใจจะให้วังหลวงส่งหมอหลวงมาที่นี่อีก น่าตายนัก อวิ๋นซีผู้นี้เหมาะจะเป็คู่ปรับของนางจริงๆ
อวิ๋นซี เฉียวอวิ๋นซี เหตุใดคนที่ชื่อนี้ถึงได้น่ารังเกียจทุกคนเลยนะ
“พี่จวินเหยียน หากท่านมีธุระให้ต้องไปทำ ก็มิใช่ว่าพี่หญิงเองก็ยังอยู่ในจวนหรอกหรือ หากมีนางอยู่ หยวนอวี่ก็ย่อมไม่เป็อันใดเพคะ” หยวนอวี่คิด คิดอยากจะพาตัวหมอหลวงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ เ้าอย่าได้ฝันไปหน่อยเลย ต่อให้ต้องตาย ข้าจักต้องลากเ้าไปด้วย
จวินเหยียนไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบปฏิเสธทันที “หลังจากที่เปิ่นหวางมาถึงหานโจวนี้ก็มีสุขภาพที่ไม่ดีมาโดยตลอด แต่โชคดีที่ได้พระชายามาเป็หมอประจำตัวให้ ดังนั้น ไม่ว่าเปิ่นหวางจะไปยังแห่งหนใด พระชายาเองก็ต้องตามไปด้วย”
อวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่แล้ว พระพลานามัยของท่านอ๋องไม่แข็งแรง หลายปีก่อนตอนที่จากเมืองหลวงมายังหานโจวนั้น ไม่รู้ว่าใครกันที่สมควรตายยิ่งถึงกับกล้าลอบทำร้ายท่านอ๋องจนทำให้ทุกวันนี้ยังคงหลงเหลือพิษอยู่ในร่าง หากกำเริบขึ้นมาเมื่อใดก็น่ากลัวยิ่ง ทว่า หมอเพียงคนเดียวที่สามารถควบคุมพิษในร่างของท่านอ๋องได้ก็มีเพียงข้า ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงต้องตามติดท่านอ๋องไม่ให้ห่างแม้เพียงก้าวเดียว”
คิดอยากจะลากข้าลงน้ำ [1] ด้วย เ้าคิดว่าจะเป็ไปได้หรือ?
เมื่อหยวนอวี่ได้ยินว่าเขาเคยถูกพิษก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็ห่วง “พี่จวินเหยียน ท่านไม่เป็อะไรมากใช่หรือไม่เพคะ? แล้วเหตุใดจึงถูกพิษได้? อีกทั้ง ทำไมเื่นี้หยวนอวี่จึงไม่เคยได้ยินเสด็จพ่อและฝ่าาเอ่ยถึงมาก่อนเลย”
“ท่านอ๋องปกปิดไว้น่ะ คนที่รู้เื่นี้มีไม่มากนัก ส่วนเหตุที่ข้ายอมบอกเสี้ยนจู่ นั่นก็เพราะไว้วางใจในตัวเสี้ยนจู่” อวิ๋นซีตบมือหยวนอวี่เบาๆ ด้วยท่าทีเป็มิตร ขณะที่ในดวงตายังแฝงไว้ด้วยแววปวดใจ “ตอนที่อาการของท่านอ๋องกำเริบ ดวงตาทั้งคู่จะแดงก่ำ สั่นกระตุกไปทั้งร่าง ก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็ที่น่าหวาดกลัวยิ่ง”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินคำของอวิ๋นซี มุมปากก็อดกระตุกไม่ได้ นี่นาง้าทำอันใดกันแน่? ทำลายชื่อเสียงของสามีตน? ถึงแม้เขาจะเคยถูกคนตามล่าสังหารมาก่อนก็จริง แต่ไม่เคยถูกพิษนี่
หยวนอวี่รู้สึกได้ว่าหลังมือของตนเจ็บน้อยๆ แต่แค่เพียงครู่เดียวก็ไม่เจ็บแล้ว เพราะนางหาได้ใส่ใจเื่เล็กน้อย ยามนี้ในใจมีแต่กังวลในคำพูดของอวิ๋นซีที่ว่าพี่จวินเหยียนถูกพิษ
“พี่หญิง เป็ผู้ใดกันที่ทำเื่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? ” หยวนอวี่ดึงมืออวิ๋นซีไว้แล้วเอ่ยถาม
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็อดพูดเสียงเบาไม่ได้ว่า “เสี้ยนจู่ แท้จริงแล้วท่านแก่กว่าข้าถึงสองปีเชียวนะ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินแล้ว ก็อดหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาไม่ได้ “ใช่ ใช่ ภรรยาของเปิ่นหวางเพิ่งจะสิบห้า นางเพิ่งจะปักปิ่นไปเมื่อต้นปีนี้เอง หากนับตามอายุแล้ว หยวนอวี่ก็ถือว่าแก่กว่าอาซีของข้าจริงๆ ”
เมื่อหยวนอวี่ได้ยินแล้วก็ขอบตาแดงน้อยๆ “พี่จวินเหยียน” เขาพูดว่านางแก่ได้อย่างไร? นางเพิ่งจะสิบเจ็ด...
ตอนนี้จวินเหยียนได้แสดงความสามารถด้านปากคอเราะร้ายของตนอย่างเต็มที่ จึงไม่คิดหยุดอยู่เพียงเท่านั้น “หยวนอวี่เสี้ยนจู่อย่าเรียกเปิ่นหวางว่าพี่จวินเหยียนเลยจะดีกว่า เพราะนี่เป็คำเรียกที่มีไว้แค่พระชายาเท่านั้น ส่วนเ้าก็เรียกข้าว่าหานอ๋องเหมือนผู้อื่นเถิด จริงสิ หยวนอวี่ เหตุใดเ้าที่อายุสิบเจ็ดปีแล้วจึงยังไม่ออกเรือนอีก? หรือว่าเหตุที่เ้าเดินทางไกลมาถึงหานโจวนี้ เป็เพราะหากอยู่แต่ในเมืองหลวง เ้าจะแต่งไม่ออกแล้ว จึงได้หวังจะมาหาชายในดวงใจที่หานโจว? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ลากลงน้ำ(拉下水)หมายถึง พาให้ล่มจมไปด้วยกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้