หากจะพูดถึงยามนี้ เยวี่ยเจาหรานที่ถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน หรือจะเป็เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่นอนหลับอยู่ในห้อง หากใครคนใดคนหนึ่งสามารถได้ยินคำสนทนาของสาวใช้ทั้งสองของตนได้ อาจจะโมโหจนหน้ามืดไปตรงนั้นเลยก็ได้ วิธีการตายของเยวี่ยเจาหรานมันสำคัญหรืออย่างไร? เื่สำคัญไม่ใช่ว่าเยวี่ยเจาหรานใกล้จะตายอยู่แล้วหรอกหรือ?
ทว่ามากคนก็มากความ เ้าไม่สามารถเอาหลักการทั่วไปมาตัดสินได้เลยจริงๆ อย่างเช่นชุ่ยเชี่ยวและหลิงหลงสาวใช้สองคนนี้ พวกนางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักว่าเยวี่ยเจาหรานใกล้จะตายแล้วหรือไม่ สิ่งที่พวกนางสนใจมากกว่าก็คือถ้าหากเยวี่ยเจาหรานตายไปแล้วเงินค่าจ้างของตนจะได้รับหรือไม่...
ชุ่ยเชี่ยวอาจจะยังค่อนข้างสนใจว่าตนจะได้แต่งงานมีลูกกับโอวหยางเถี่ยจู้ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงหรือไม่ และบ้านของพวกเขานั้นควรจะเลือกอยู่ที่ใดดี...
เอาเถอะเื่นี้มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ กลับมาๆ
“ไม่ ไม่ใช่นะ!” ชุ่ยเชี่ยวถูกหลิงหลงถามจนงงงวยไปชั่วขณะ พลันเริ่มมีความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่าคุณชายของตนจะยินยอมให้บุรุษผู้หนึ่งมาผายปอดให้ตนหรือไม่...
ส่วนหลิงหลงนั้น แน่นอนว่านางตั้งตารออย่างยิ่งว่าคุณหนูของตนจะผายปอดให้กับสตรีผู้หนึ่งหรือไม่!
“ไอ้หยา! พี่หลิงหลง! นี่มันเวลาไหนกัน ท่านยังจะถามข้าว่าคุณหนูของข้ารอคุณชายของท่านไปผายปอดให้นางหรือไม่อยู่อีกหรือ!” จะดีร้ายอย่างไรชุ่ยเชี่ยวก็ยังเป็สาวใช้ที่ดี ยังห่วงความเป็ตายของเยวี่ยเจาหราน นางดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดโน้มน้าวหลิงหลงต่อไป “คุณช... คุณหนูของข้าจะตายเช่นไรนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือคุณชายของท่านต้องรีบไปช่วยคุณหนูของข้า อย่าให้คุณชายของท่านต้องเป็หม้ายั้แ่ยังหนุ่มเลย!”
เอาเถอะ คงจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่คุณหนูของตนผายปอดให้สตรีแล้วล่ะ บนใบหน้าของหลิงหลงปรากฏความห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเคยกำชับตนเอาไว้ ห้ามเมินเฉยต่อเื่ที่เกี่ยวกับเยวี่ยเยียนหรานทั้งสิ้น ดังนั้นนางจึงเปิดประตูให้กับชุ่ยเชี่ยวอย่างไม่เต็มใจ “เช่นนั้นก็ได้ เ้าเข้าไปเถอะ แต่ว่า่นี้คุณชายของข้าป่วยอาการไม่สู้ดี เ้าก็อย่าเสียงดังเอะอะนักล่ะ”
“ได้ๆ ข้าเข้าใจแล้ว!” ชุ่ยเชี่ยวตอบรับอย่างรวดเร็ว แล้วจึงช่วยหลิงหลงออกแรงผลักประตูเปิดอย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว หลิงหลงปิดประตู ก่อนจะกลับไปยังกิจวัตรการกัดเล็บอันน่าเบื่อหน่ายอีกครั้ง
แน่นอนว่าในสมองของนางก็ยังมโนภาพเหตุการณ์ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผายปอดให้กับสตรีขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ไม่รู้เพราะเหตุใด นางถึงรู้สึกว่ามันควรค่าแก่การตั้งตารอนัก!
“คุณชายเยี่ยนตื่นเถอะเ้าค่ะคุณหนูของข้ากำลังจะตาย รอให้ท่านไปช่วยชีวิตอยู่นะ ท่านตื่นสิ! ท่านตื่นสิเ้าคะ!”
ในตอนนั้นเอง หลิงหลงจึงนึกเสียใจขึ้นมาว่าเหตุใดตนต้องปล่อยยัยสาวใช้ที่ไม่รู้จักรักษาคำพูดนี่เข้าไปด้วย? ก็รับปากแล้วว่าตนจะไม่ส่งเสียงดังนี่ ตอนนี้อย่าว่าแต่ตนและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ยินเลย คาดว่าแม้แต่เหล่าคนเฒ่าคนแก่ห่างไปสิบบ้านแปดบ้านก็เกือบจะรู้กันหมดแล้วว่าเยวี่ยเยียนหรานกำลังจะลาโลก เ้าบ้าเอ๊ย!
“ชุ่ยเชี่ยว!!!” หลิงหลงที่ถูกเสียงแปดหลอดของชุ่ยเชี่ยวยั่วโทสะเข้าอย่างจังผลักประตูเปิดออก ขณะกำลังคิดจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุ่ยเชี่ยวสักหน่อย ก็กลับพบว่าชุ่ยเชี่ยวนั้นกลับมามีเหตุผลอย่างรวดเร็ว นางตบลงบนเตียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบาๆ และพยายามปลุกนางด้วยเสียงแ่เบานุ่มนวล...
ไม่สิๆ ประเด็นสำคัญในตอนนี้น่าจะอยู่ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ภายใต้เสียงดังรบกวนเช่นนี้ก็ยังกรนดังสนั่นหวั่นไหวโดยไม่ขยับเขยื้อนผู้นั้นไม่ใช่หรอกหรือ? เดาไม่ออกจริงๆ ว่านางเป็ผู้หญิงประหลาดเช่นไรกันแน่
ไม่มีทางเลือก เพื่อไม่ให้ชุ่ยเชี่ยวบริการปลุกที่ทั้งแปลกทั้งประหลาดเช่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง หลิงหลงจึงฝืนใจเดินเข้าไป แล้วพยายามช่วยชุ่ยเชี่ยวปลุกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วด้วยกัน
ทั้งสองพยายามอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ปลุกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่หลับใหลงัวเงียขึ้นมาได้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลืมตาขึ้นมา พลางมองไปยังสาวใช้ตัวน้อยทั้งสองที่ทรุดอยู่ที่พื้นด้วยความเหนื่อย เอ่ยถามอย่างสะลึมสะลือ “อืม… ตั้งโต๊ะข้าวแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่เ้าค่ะ ไฟไหม้แล้ว ท่านได้ถูกเผาตายทั้งเป็แล้วเ้าค่ะ”
...
หลิงหลงที่เกือบจะสิ้นหวังไปแล้วนั่งอยู่บนพื้น นางเอ่ยเช่นนั้น โดยหวังว่าจะสามารถเป็การปลุกเ้านายของตนรู้สึกตัวได้สักนิด และพยายามบอกนางว่านางหลับเป็ตายเกินไปแล้วจริงๆ เหมือนกับว่าตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าอีกฝ่ายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นางยังพลิกตัวเป็ทองไม่รู้ร้อน แล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็รอข้าตกนรกก่อนค่อยเรียกก็แล้วกันนะ”
เมื่อนั้น ชุ่ยเชี่ยวที่เหนื่อยล้าจนแทบไม่มีแรงก็เพิ่งจะค้นพบความดีของเยวี่ยเจาหรานขึ้นมาในที่สุด ทั้งที่เป็ผู้ชาย เหตุใดเยวี่ยเจาหรานถึงเป็ชายหนุ่มแสนดีที่ทั้งไม่พูดมากนอนกรน ทั้งตื่นนอนรวดเร็วยิ่งกันนะ? จิ๊ๆ คิดไปคิดมา ชุ่ยเชี่ยวก็ส่งสายตาสงสารเห็นใจไปทางหลิงหลงโดยไม่รู้ตัว
เอ๊ะ! ไม่สิๆ เหตุใดแค่พริบตาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ปลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากถึงจะหลับไปอีกครั้งเสียแล้ว? ชุ่ยเชี่ยวตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น ะโร่ำไห้ไปยังเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังจะหลับไปอีกครั้ง “คุณชายเยี่ยน! ช่วยคุณหนูของข้าด้วย ช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถอะเ้าค่ะ!!!”
โอ้ แม่เ้าโว้ย! เมื่อเห็นชุ่ยเชี่ยวทำเช่นนั้น หลิงหลงที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นถึงกับตะลึงงัน! นางไม่รู้ว่าในอนาคตอีกไม่กี่พันปีให้หลังจะมีคำที่เรียกว่านักแสดงหญิงยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 21 เช่นนี้อยู่ด้วย หากนางรู้คงต้องอุทานขึ้นมาในใจแน่ว่า ยามปกติดูไม่ออก ว่าชุ่ยเชี่ยวสาวใช้ผู้นี้จะแสดงได้ดีขนาดนี้? หากมีแมวมองหรือว่านักเขียนบทละครอยู่ตรงหน้าทั้งสองตอนนี้ น่ากลัวว่าเขาคงจะเอาชุ่ยเชี่ยวไปเป็นักแสดงนำหญิงในผลงานต่อไปของตัวเองแน่
อะไรนะ? เกิดเื่กับเยวี่ยเจาหรานหรือ? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลิกตัวกลับอย่างตื่นตระหนก แล้วเอ่ยถาม “เยวี่ย... เยวี่ยเยียนหรานมาแล้วหรือ?!”
ชุ่ยเชี่ยวน้ำตานองหน้า พยักหน้าให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว “วันนี้มีเด็กหนุ่มที่เป็ลูกมือของเหล่าเ้าในห้องครัวจวนเยี่ยนโร่มาที่จวนของเรา แล้วบอกกับคุณหนูของข้าว่าท่านป่วยหนักเกินรักษาใกล้จะ... ใกล้จะขี่กระเรียนสู่์แล้ว คุณหนูของข้าก็เลยว่าข้าเป็คนทรยศไม่รักดี ทั้งยังตบหน้าข้า จากนั้นก็วิ่งมาที่จวนเยี่ยนเลยเ้าค่ะ”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นยังนอนไม่พอจริงๆ เมื่อได้ฟังคำพูดยุ่งเหยิงวุ่นวาย นางก็ค่อนข้างสับสนงุนงง
“คุณหนูของข้าเพียงแค่อยากจะมาที่จวนดูอาการของท่าน ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันมาถึงเรือนเล็ก ก็ถูกฮูหยินเยี่ยนกับบ่าวรับใช้สองสามคนที่นางพามาขวางเอาไว้ ไม่รู้ว่าฮูหยินเยี่ยนไปโมโหโกรธาขนาดนั้นมาจากไหน พูดไม่กี่คำก็พาตัวคุณหนูของข้าไปเสียแล้ว...”
ชุ่ยเชี่ยวเอ่ยเสียงสะอึกสะอื้นจบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงพอจะนับว่าปะติดปะต่อประเด็นสำคัญได้บ้าง จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “เยวี่ยเยียนหรานถูกพาไปที่ใดเ้ารู้หรือไม่?”
“บ่าวไม่รู้เ้าค่ะ ตอนนั้นบ่าวรีบตามคุณหนูมาแต่ช้ากว่าก้าวหนึ่ง จึงไม่ได้รับใช้อยู่ข้างกายเ้านาย เมื่อเห็นฮูหยินเยี่ยนและบ่าวรับใช้ไม่กี่คนนั้นประจันหน้ากับคุณหนูข้าก็ไม่กล้าเข้าไป ส่วนระหว่างทั้งสองพูดคุยอะไรกันบ้างนั้น บ่าวเองก็ไม่แจ่มแจ้ง รู้เพียงแต่ว่าคุณหนูถูกคนที่ฮูหยินเยี่ยนส่งมาพาตัวไปแล้วจริงแท้แน่นอนเ้าค่ะ...”
“ศาลบรรพชน! ต้องเป็ศาลบรรพชนแน่!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือขึ้นตีลงบนผ้าห่ม หัวคิ้วพลันขมวดเข้ามาโดยไม่รู้ตัว “เมื่อเร็วๆ นี้ท่านแม่โมโหโกรธเกรี้ยวนัก อยู่เฉยๆ ก็ให้คนเขาไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน นางจะต้องรวบตัวเยวี่ยเยียนหรานเอาไว้ แล้วส่งนางไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชนอย่างแน่นอน!”
ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังคงมีปมอีกมากมายที่ยังไม่ได้แก้ อย่างเช่นฮูหยินเยี่ยนพาบ่าวรับใช้ไปปะทะกับเยวี่ยเจาหรานอย่างประจวบเหมาะขนาดนั้นได้อย่างไร คิดดูแล้วน่าจะมีการเตรียมการมาก่อน... ส่วนเหตุใดจึง ‘เตรียม’ ได้เหมาะเจาะเช่นนี้นั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาที่สมควรจะไตร่ตรองในยามนี้
“พวกเ้าออกไปก่อน ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะออกไปหานางที่ศาลบรรพชน อย่ากระโตกกระตากเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะยิ่งวุ่นวาย!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วดึงผ้าห่มเอาไว้ พลางออกคำสั่งเช่นนั้น หลิงหลงและชุ่ยเชี่ยวพากันพยักหน้าเอ่ยรับ แล้วจึงถอยออกไป ไม่ได้เอ่ยอะไรมากความอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้