หนิงโม่สองมือกอดอกและตอบด้วยเสียงราบเรียบ “ก็ไม่แน่เสมอไป”
เสิ่นม่านมองย้อนกลับไป เห็นใบหน้ากระจ่างแจ้งของเขา
“เช่นเดียวกับเื่ในวันนี้ มีบางคนเล่นเป็ตัวร้าย บางคนเล่นเป็คนดี หากมองเพียงภายนอกไม่มีทางดูออกถึงสันดานของคนเหล่านี้ ต้องให้กาลเวลาพิสูจน์ใจคน”
เหมือนจะเป็เช่นนั้นจริงๆ เสิ่นม่านใคร่ครวญอีกสักพัก ในที่สุดก็คร้านจะเอามาใส่ใจ
วันนี้โรงงานเปิดกิจการวันแรกก็เจอกับเื่เช่นนี้ บัญชีแค้นนี้นางหมายหัวไว้ที่ครอบครัวคังเป็การชั่วคราว มีอีกประเด็นหนึ่งที่เสิ่นม่านคิดไม่ออก เหตุใดทั้งที่สกุลคังรู้ว่าเื้ัของสกุลเสิ่นคือจางหงเหวิน แต่พวกเขายังกล้ามาก่อเื่วุ่นวาย
ไม่กลัวตายเลยจริงๆ หรือ? แต่เพราะเหตุใดจึงไม่กล้าทำให้เื่มันใหญ่โตเกินเลย?
......
ณ บ้านสกุลคัง
ตาเฒ่าคังนั่งอยู่ตรงขอบเตียงคั่ง ใบหน้าบึ้งตึงมองไปทางคังต้าลี่ด้วยแววตาดุร้าย
“พวกเ้าสองคนแอบเก็บเสบียงอาหารลับหลังข้ากับพี่ชายใหญ่ของเ้าไว้เท่าไรกันแน่? ครอบครัวตนเองยังไม่พอกิน แต่กลับเอาไปมอบให้เสิ่นม่าน?!”
คังต้าลี่ตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ท่านพ่อ เสบียงเ่าั้คือส่วนของข้าที่เก็บออมจากยามปกติ...”
ยังไม่ทันพูดจบ นางหยางก็หลุดขำและเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เก็บออมหรือ! ทุกคนคือคนในครอบครัว เ้าหลอกผู้ใดกัน? เงินค่าแรงที่เ้าทำงานในตำบลก็ต้องผ่านมือพวกเ้าผัวเมียก่อนไม่ใช่หรือ? ใครจะรู้ว่าพวกเ้าแอบซุกซ่อนเงินลับหลังพวกเราหรือไม่?”
“นั่นสิ วันก่อนข้าแอบเห็นอารองซื้อน้ำตาลให้อาสะใภ้กินด้วย!”
คังฟู่กุ้ยเบ้ปากและยืนคอตั้งอยู่ด้านหลังนางหยาง ใบหน้าเปี่ยมสุข
มีกฎที่ไม่ได้เขียนเป็ลายลักษณ์อักษรของครอบครัวนี้ว่า ไม่ว่าลูกชายทั้งสองจะหาเงินได้เท่าไร ล้วนต้องมอบให้ตาเฒ่าคัง จากนั้นตาเฒ่าคังค่อยแบ่งสันปันส่วนให้ทุกคน แต่ตาเฒ่าคังลำเอียงไปทางลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็ก ทุกครั้งที่คังต้าลี่หาเงินได้มา อย่างน้อยต้องมีหกส่วนที่เข้าไปอยู่ในถุงเงินของคังต้าจ้วง
แม้แต่เงินที่ซื้อบ้านนี้ก็คือเงินที่เขาเก็บสะสมมาอย่างยากลำบากถึงสองปีเศษ เมื่อครอบครัวคังเห็นว่าไม่สามารถรีดเงินจากเขาออกมาได้อีก จึงได้ยอมควักมาสมทบเพิ่มห้าร้อยอีแปะ และจัดการซื้อบ้านนี้ได้เรียบร้อย
เขาอดกลั้นความทุกข์ทนนี้มานานเหลือเกิน คังต้าลี่มองดูหลานชายและอธิบายกับตาเฒ่าคังอย่างอดทน
“ท่านพ่อ ชุ่ยฮัวกําลังตั้งครรภ์ หมอบอกว่าร่างกายนางไม่แข็งแรง ต้องกินน้ำตาลสักหน่อย...”
“หึ! หญิงตั้งครรภ์คนไหนจะเลอค่าเท่าเมียเ้า! ตอนแม่เ้าตั้งครรภ์พวกเ้า ก็ยังพยุงท้องแก่ไปทำงานจนวันที่คลอด! ชีวิตของเราสมัยก่อนกินดีอยู่ดี แต่ก็ไม่เห็นแม่เ้ารั้นจะกินน้ำตาลให้ได้! น้ำตาลราคาแพงลิ่ว ต้องใช้เงินมากมายตั้งเท่าใด?!”
ตาเฒ่าคังด่าทอต่างๆ นานาจนสีหน้าของคังต้าลี่เขียวคล้ำ ก่อนจะเก็บความโมโหกลับห้องไป แต่กระนั้นก็ยังทนไม่ไหว
“นังเสิ่นม่านตัวดี กล้าตัดทางทำมาหากินของเรา ช้าเร็วนางจะต้องโดนเอาคืนอย่างสาสม!”
คังต้าจ้วงมองพ่ออย่างโกรธจัดและถาม “หากนายท่านเฉียนรู้ว่าเราไม่สามารถทำลายพิธีเปิดกิจการของสกุลเสิ่นวันนี้ได้ จะพาลมาโกรธเราหรือไม่?”
ภาพความวุ่นวายในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะนายท่านเฉียนรับปากว่าจะมอบเงินให้พวกเขาห้าสิบตำลึง พวกเขามีหรือจะกล้าไปทำลายวันมงคลของสกุลเสิ่น ตอนนี้คังต้าจ้วงแค่เห็นเสิ่นม่านก็หวาดกลัวแทบตาย มีหรือจะกล้าไปล่วงเกิน?
พอลูกชายเอ่ยเตือน ตาเฒ่าคังก็คิดทบทวน หลังใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเสียงต่ำ
“เขาให้เราหาโอกาสแฝงตัวเข้าไปในบ้านสกุลเสิ่น แต่เสิ่นม่านไม่เอาทั้งไม้แข็งไม้อ่อน รั้นจะให้พวกเราขายตัวถึงจะยอมให้ทำงาน… หากไม่ได้จริงๆ ก็ขายเ้ารองกับเมีย ให้พวกเขาสองคนเข้าบ้านสกุลเสิ่นและหาโอกาสรายงานข่าวให้นายท่านเฉียน”
“แล้ว... พวกเขาสองคนจะยอมหรือ?”
นางหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ชัดเจนว่ามีความคิดนี้ในใจแต่แรกแล้ว
“พวกท่านขายพี่รองกับพี่สะใภ้รองเข้าบ้านสกุลเสิ่น แล้วใครจะหาเงินให้บ้านเรา? ยังมีงานบ้านตั้งมากมายทั้งซักผ้าทำอาหารและงานสกปรกอีกเยอะไปหมด หรือจะให้ข้าทำ? ข้าไม่ทำหรอกนะ ต่อไปข้าจะแต่งงานเป็ฮูหยินน้อยของคนรวย พวกท่านเคยเห็นฮูหยินน้อยที่ไหนทำงานพวกนี้กัน?” เฟิ่งหยาที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดส่งเสียงขึ้น
ในบรรดาสามพี่น้องนางเด็กที่สุด ยามปกติต่อหน้าคนนอกนางจะพูดน้อย ส่วนใหญ่มักขลุกอยู่ในห้องอ่านตำราผุพังสองเล่ม สมัยที่ครอบครัวคังยังไม่ประสบกับภัยแล้ง ถือว่าพอมีพอกิน นางจึงเคยได้เล่าเรียนราวครึ่งปี อาจารย์ที่สอนนางตอนนั้นเคยชมนางว่ามีพร์
แม้นางจะมีพร์ที่โดดเด่น แต่น่าเสียดายที่นางเป็เพียงสตรี หากว่าเป็บุรุษคงสามารถเข้าสอบในเมืองหลวงได้ มีหรือต้องมาขังอยู่ในพื้นที่กันดารเช่นนี้!
มีเพียงคุณชายน้อยของตระกูลร่ำรวยเท่านั้นที่คู่ควรกับยอดหญิงอัจฉริยะเช่นนาง!
นางหยางกลอกตามองบน
“ข้าว่าคุณหนูใหญ่ สิบนิ้วของเ้าไม่เปื้อนน้ำ บ้านเรายากจนไม่มีอะไรจะกิน แต่เ้ายังกำตำราเก่าๆ ไม่กี่เล่มไว้ทำไม? อะไรกัน เพียงแค่อ่านตำราไม่กี่เล่มก็สามารถแต่งงานกับคนรวยได้แล้วหรือ? ตอนนี้เ้าไม่เห็นจะมีสง่าราศีอะไรเลยด้วยซ้ำ!”
เฟิ่งหยาวางตำราไว้ข้างสะโพกและด่ากลับ “สาวบ้านนอกอย่างเ้าจะไปรู้อะไร!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะทะเลาะกันอีก ตาเฒ่าคังก็รีบะโห้าม “หยุดเถียงกันได้แล้ว!”
เสียงคำรามหยุดทั้งสองไว้ ตาเฒ่าคังจงใจกดเสียงต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้คังต้าลี่ที่อยู่ข้างกันได้ยิน
“ข้าตัดสินใจแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นข้าจะไปบ้านสกุลเสิ่นตอนที่พวกเขายังไม่เปลี่ยนใจและขายครอบครัวเ้ารองออกไป ถึงอย่างไรชุ่ยฮัวอยู่ที่บ้านก็แค่มีปากท้องเพิ่มขึ้นมา ขายพวกเขาสองคนไปเราจะได้เงินแปดตำลึง ถึงเวลาค่อยไปขอเงินที่เหลือจากนายท่านเฉียน เช่นนั้นเราก็จะได้เงินอีกห้าสิบตำลึง ถึงเวลานั้น ยังต้องกลัวไม่มีข้าวกินหรือ?”
การวางแผนเช่นนี้ช่างสมกับเป็ครอบครัวคัง ยกเว้นคังต้าลี่ที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่มีสิ่งใดจะพูด ตาเฒ่าคังจึงนำปล้องยาสูบออกมาสูบสองทีและพ่นควันออกมาอย่างพึงพอใจ
“ตราบใดที่เรามีเงิน เราสามารถซื้อที่นาในหมู่บ้านได้หลายไร่ จากนั้นค่อยให้ต้าจ้วงหางานดีๆ แล้วก็ช่วยเฟิ่งหยาสอดส่องคุณชายน้อยตระกูลร่ำรวย ขอเพียงเฟิ่งหยาแต่งเข้าบ้านคนรวย ชีวิตของครอบครัวเรามีหรือจะไม่สุขสำราญ? นางหยาง เ้าทำดีกับเฟิ่งหยาหน่อย อย่าเอะอะก็เอาแต่ทะเลาะกับนาง!”
นางหยางที่ถูกต่อว่า แม้ว่าจะไม่พอใจนัก แต่การตัดสินใจของพ่อสามี นางเป็สะใภ้มีเพียงต้องทำตาม
ค่ำคืนนี้ สมาชิกตระกูลคังไม่ได้นอนหลับอย่างสงบสุข
......
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คนของโรงเตี๊ยมเฮ่อเซียนจวีมาเอาเต้าหู้
เสิ่นม่านทยอยทำเต้าหู้ไว้หลายสิบชั่งั้แ่ก่อนเปิดกิจการโรงทำเต้าหู้ เพื่อส่งให้โรงเตี๊ยมเฮ่อเซียนจวีในระยะสั้น
คิดไม่ถึงว่าผลตอบรับดีเกินคาด เต้าหู้หลายสิบชั่งไม่พอกินแม้แต่น้อย ประกอบกับวิธีการปรุงด้วยสูตรอาหารที่ได้จากเสิ่นม่าน ปริมาณต่อวันจึงถูกแย่งกันสั่งซื้อจนว่างเปล่า นี่สร้างแรงกระตุ้นอย่างมากให้แก่จางหงเหวิน จากนั้นจึงมีรายการสั่งซื้อให้เสิ่นม่านถึงสามร้อยชั่ง เช้าตรู่วันนี้จึงให้คนมารับสินค้า
คนงานของเสิ่นม่านได้ทำเต้าหู้สามร้อยชั่งออกมาแต่เช้า เมื่อคนจากตระกูลจางมาถึงที่ก็หั่นเต้าหู้เพื่อทำการชิมก่อนหนึ่งชิ้น รอจนผ่านไปราวสองเค่อ [1] หลังจากแน่ใจว่าไม่เป็อะไรก็ทำสัญญาอีกหนึ่งฉบับ ถึงค่อยนำเต้าหู้ไป
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำสัญญากัน ทั้งสองฝ่ายจึงลงลายลักษณ์อักษรอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็ต้องเอ่ยอะไรมากความ
ขณะที่ทั้งหมดกำลังทำสัญญากัน แขกไม่ได้รับเชิญก็มาเยือนถึงที่อีกครั้ง
-----
เชิงอรรถ
[1] เค่อ 刻 การระบุเวลาในยุคโบราณ หนึ่งเค่อ เท่ากับ 15 นาที
