พอได้ยินว่า หลันเยว่คิดจะสร้างเสื้อผ้าของตัวเอง พวกเด็กหนุ่มทั้งสามก็พร้อมใจกันยกมือปิดปากอุทานเสียงหลง เฉียนหย่งจิ้นถึงกับยื่นหน้าออกนอกหน้าต่าง มองซ้ายขวาว่ามีใครได้ยินเื่นี้บ้างไหม
"หลันเยว่ นี่มัน...ความคิดของเธอกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้วมั้ง!"
ในสายตาของพวกหนุ่มๆ การมีร้านเป็ของตัวเอง นั่นมันคือการมี ‘ธุรกิจ’ เลยนะ! หลันเยว่อายุแค่สิบขวบแต่กล้าคิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ มันน่าใจนแทบสิ้นสติ หลันหยางรีบคว้าแขนเสื้อน้องสาวอย่างร้อนใจ
"น้องรัก นี่เธอจะเปิดร้านเสื้อผ้าจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ใช่แค่คิดสนุกๆ แค่แป๊บๆ หรอกนะ?"
หมี่หลันเยว่กลับสงบนิ่ง ในยุคสมัยนี้แหละ คือ่เวลาทองของการเริ่มต้นธุรกิจ การสร้างธุรกิจสักธุรกิจ มันง่ายกว่ายุคสมัยต่อๆ ไปเยอะมาก ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป คงน่าเสียดายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หมี่หลันเยว่เสียเวลาไปทั้งชาติ ชาตินี้เธอตั้งใจจะคว้าทุกโอกาสไว้ให้มั่น
"ฉันอยากเปิดร้านเสื้อผ้าจริงๆ ค่ะ พวกพี่ช่วยฉันหาตึกแถวให้ได้ก่อนได้ไหมคะ? ถ้าได้แล้ว ค่อยดูว่าจะหาช่างเย็บผ้าฝีมือดีๆ ได้หรือเปล่า เื่อื่นค่อยว่ากันทีหลัง"
หมี่หลันเยว่ตอบอย่างหนักแน่น นี่คือความเชื่อมั่นของเธอ คือความกล้าที่จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
"ดี! ถ้าเธอไม่ได้คิดแค่ชั่ววูบ พี่ชายคนนี้จะช่วยเธอเอง! พรุ่งนี้พี่จะออกไปหาร้านให้เธอ เื่เดินตามถนนมันไม่เหมาะกับเธอหรอก เธออยู่บ้านเฝ้าร้านไป ส่วนเื่หาทำเลร้านให้เป็หน้าที่พวกพี่สามคนเอง"
เมื่อหลันหยางเห็นถึงความตั้งใจของน้องสาวแล้ว เขาก็ตัดสินใจจะช่วยน้องให้ถึงที่สุด
น้องสาวของเขาั้แ่เล็กจนโต ไม่เคยทำเื่เหลวไหลสักครั้ง ขอแค่เธอตั้งใจจะทำอะไร ก็มักจะทำสำเร็จ แถมผลลัพธ์ก็ออกมาดีเสมอ ดังนั้นหลันหยางจึงมั่นใจในตัวน้องสาวอย่างเต็มเปี่ยม อีกอย่างเขาก็เป็พี่ชาย น้องสาวมีปัญหา ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่แล้ว
"ขอบคุณพี่มากค่ะ เื่นี้ฉันต้องทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะงั้นพวกพี่ต้องรีบหน่อยนะคะ ฉันยังต้องไปหาผ้าเนื้อดีๆ หาคนเก่งๆ อีกตั้งเยอะแยะ มันต้องใช้เวลาทั้งนั้น แล้วฉันก็ไม่มีเวลามากด้วย มีแค่่ปิดเทอมนี้เท่านั้น ฉันต้องเปิดร้านให้ได้ก่อนจะขึ้นม.ต้น"
"พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ฉันถึงจะไปเรียนได้อย่างสบายใจ ไม่อย่างนั้นพอขึ้นม.ต้นแล้ว ตารางเรียนมันแน่นทั้งวัน ฉันจะเอาเวลาที่ไหนมาจัดการเื่พวกนี้ได้อีกล่ะ แต่ถ้าเปิดร้านได้แล้ว มันก็ไม่เหมือนกัน เราแค่ต้องหาคนมาทำงานในแต่ละส่วนให้ดี ให้เขาทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย ที่เหลือก็แค่หลังเลิกเรียนค่อยแวะไปดูสักหน่อยก็พอ"
ฟังน้องสาวพูดแล้วเหมือนเื่ง่าย แต่พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า การจะทำให้ร้านนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
"หลันเยว่ พวกเราสามคนออกไปหาร้านกันเลยดีไหม?"
เสียเวลา่ปิดเทอมไปเกือบสิบกว่าวันแล้ว เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว เวลามันกระชั้นชิดเหลือเกิน หลันหยางเริ่มร้อนใจ เขาคว้าตัวเฉียนหย่งจิ้นกับหลินต้าเผิงแล้วเดินออกจากบ้านไป พร้อมกำชับหมี่หลันเยว่
"น้องอยู่บ้านสรุปเื่ที่ต้องทำออกมาให้หมดนะ พอพี่กลับมาแล้วจะช่วยเธอดูอีกที"
พี่ชายแบบนี้ ทำเอาหมี่หลันเยว่ซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่หมี่หลันเยว่กลับรั้งเขาเอาไว้
"พี่คะ อย่าเพิ่งรีบร้อนขนาดนั้นเลยค่ะ ถึงจะรีบยังไง เื่ทุกอย่างมันก็ต้องค่อยเป็ค่อยไปอยู่ดี เราต้องใจเย็นๆ คิดให้รอบคอบก่อนว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี อย่างเื่เช่าตึกแถวเนี่ย เราต้องเขียนใบปลิวเล็กๆ ไปแจกตามบ้านในซอยหลินเจิ้ง ให้เขาช่วยสอดส่องดูให้เรา หรือไม่ก็ฝากบอกคนที่เราสนิทกัน ให้เขาช่วยถามๆ ให้เราหน่อย คนเยอะก็ช่วยกันได้เยอะนี่คะ"
การแจกใบปลิวเป็กลเม็ดที่ร้านค้าในยุคหลังๆ ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ในยุค 80 ที่เพิ่งเริ่มต้น นอกจากนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังไม่มีใครนำวิธีนี้มาใช้เลย หมี่หลันเยว่จึงอยากลองดูว่ามันจะได้ผลแค่ไหน แถมยังเป็การดูท่าทีของพี่ชายไปด้วยว่า เขาจะยอมรับได้ไหม
หลันหยางขมวดคิ้วครุ่นคิด
"หลันเยว่ พี่ว่าเขียนใบปลิวเล็กๆ เนี่ยใช้ได้ผลนะ ให้คนในซอยหลินเจิ้งช่วยเป็หูเป็ตาให้เราด้วย แต่เื่คนที่เราสนิทกัน พี่ว่าไม่ต้องหรอก เธอลองคิดดูสิ เื่มันยังไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า ถ้ารู้กันเยอะเกินไปมันก็ไม่ดี"
สิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกไปก็คือ มักจะมีญาติและเพื่อนที่ชอบฉวยโอกาสอยู่เสมอ ถ้าร้านยังไม่ทันเปิด ก็พากันมาขอโน่นขอนี่กันเสียก่อน คงจะปวดหัวน่าดู เพียงแต่เื่พวกนี้ยังไม่เหมาะที่จะบอกน้องสาว น้องยังเด็กเกินไป การให้น้องรู้เื่น่ารังเกียจพวกนี้เร็วเกินไป ไม่ใช่เื่ดี
แต่หลันหยางไม่รู้ว่า เื่พวกนี้ หมี่หลันเยว่เคยเจอมาเยอะเกินพอแล้ว
"พี่ชายพูดถูกค่ะ งั้นพวกเราก็เขียนใบปลิวเล็กๆ กัน แล้วค่อยไปแจกตามบ้านในซอยหลินเจิ้ง น่าจะได้ผล ส่วนคนรู้จัก เราก็ปิดไว้ก่อน"
ที่หมี่หลันเยว่พูดถึง ‘คนรู้จัก’ จริงๆ แล้วก็คือการหลีกเลี่ยงญาติและเพื่อนฝูง เธอ้าขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่และเด็กๆ ที่มักจะมาเช่าหนังสือที่ร้านไปอ่าน แต่สิ่งที่หลันหยางคิดถึงกลับเป็ญาติๆ และเพื่อนฝูง ต้องบอกว่าความคิดของคนทั้งสองคลาดเคลื่อนกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจในที่สุด
"งั้นก็ได้ พวกเราสามคนเขียนใบปลิว น้องคอยเฝ้าร้านนะ"
การเขียนหนังสือเยอะๆ แบบนี้มันเมื่อยมือมาก หลันหยางไม่อยากให้น้องสาวต้องลำบาก
"ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากค่ะ ถ้าพวกพี่เขียนจนเมื่อยแล้ว ก็เปลี่ยนฉันทำบ้างนะคะ"
"ขอฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม?"
พี่น้องกำลังถกเถียงกันอยู่ จู่ๆ หลินต้าเผิงที่เงียบมานานก็เอ่ยปากขึ้น หลันเยว่พยักหน้า
"ที่บ้านฉันมีบ้านแถวริมถนนอยู่หลังหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม?"
คำพูดของหลินต้าเผิงทำให้ทุกคนชะงัก หมี่หลันเยว่รีบคว้าแขนเสื้อเขา
"พี่เผิงเฟย พูดจริงเหรอคะ ที่บ้านพี่มีตึกแถวด้วยเหรอคะ? อยู่ที่ไหน? พื้นที่เท่าไหร่? ข้างในมีห้องอีกไหมคะ?"
พอเห็นหลันเยว่ตื่นเต้นขนาดนี้ หลินต้าเผิงก็เริ่มไม่แน่ใจ
"หลันเยว่ อย่าเพิ่งตื่นเต้นสิ ฟังฉันพูดให้จบก่อน"
หมี่หลันเยว่ก็รู้ตัวว่าตัวเองแสดงอาการมากเกินไป รีบปล่อยมือ แถมยังช่วยดึงแขนเสื้อให้เขาเข้าที่
"หลันหยาง หลันเยว่ บ้านหลังนั้น เป็บ้านที่คุณตาที่ทิ้งไว้ให้แม่ฉัน เพราะบ้านตาของฉันมีลูกคนเดียวคือแม่ฉัน แม่บอกว่าบ้านหลังนั้นจะยกให้ฉัน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีสิทธิใช้มัน ถ้าจะใช้มันเปิดร้าน อย่างแรกต้องให้แม่อนุญาตเสียก่อน"
นั่นเป็สิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ต่อให้หลินต้าเผิงตัดสินใจเองได้ หมี่หลันเยว่ก็ต้องคุยกับผู้ปกครองของเขาอยู่ดี เพราะมันคือบ้านทั้งหลัง ไม่ใช่ของเล็กๆ น้อยๆ
"เื่นี้ฉันเข้าใจค่ะ เดี๋ยวฉันไปคุยกับคุณป้าเองค่ะ"
หลินต้าเผิงโบกมือ
"เื่นั้นยังไม่ต้องรีบ ฉันว่าทำเลบ้านหลังนั้นมันก็ดีอยู่นะ แต่ต้องให้พวกเธอไปดูก่อนถึงจะรู้ เพราะงั้นอย่าเพิ่งไปคุยกับแม่เลย ฉันจะพาพวกเธอไปดูบ้านก่อน ถ้าชอบใจแล้วค่อยไปปรึกษาแม่ฉัน"
ไม่นึกเลยว่าเด็กคนนี้จะคิดได้รอบคอบขนาดนี้ หมี่หลันเยว่พิจารณาเขา หลินต้าเผิงปกติพูดน้อยกว่าเฉียนหย่งจิ้น แต่ไม่นึกว่าในใจจะคิดอะไรเป็ระบบเหมือนกัน
"ค่ะ พี่เผิงเฟย เอาตามที่พี่ว่าเลยค่ะ พวกเราไปดูบ้านกันก่อน ถ้ามันดี พวกเราก็ไม่ต้องงมหากันให้วุ่นแล้ว"
"ไปกันเลยไหม? รีบจัดการให้เสร็จไปทีละเื่ เวลามันเหลือน้อยแล้วนะ"
ดูเหมือนว่าเฉียนหย่งจิ้นจะร้อนใจกว่าหมี่หลันเยว่อีก หลันหยางก็ใจร้อนไม่แพ้กัน
"ตกลง งั้นพวกเราไปดูบ้านของเผิงเฟยกันเลย เดี๋ยวฉันไปตามพ่อมาเฝ้าร้านให้ก่อน"
ไม่นานหมี่จิ้งเฉิงก็ถูกหลันหยางพาตัวมา สี่สหายรีบออกเดินทาง ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านที่หลินต้าเผิงบอก ไม่ใช่แค่ติดถนน แต่ติดถนนใหญ่ด้วย นี่มันทำเลทองชัดๆ ถ้าหลินต้าเผิงไม่บอกว่าแม่เขาจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้เขา หมี่หลันเยว่คงถามเขาไปแล้วว่าขายบ้านไหม
"ทำเลดีจริงๆ แถมยังอยู่ใกล้บ้านเราอีก มาดูแลก็สะดวก"
หลันหยางยืนยันทำเลของบ้านหลังนี้ก่อนเป็อันดับแรก หลินต้าเผิงก็หยิบกุญแจมาเปิดประตู
"งั้นพวกเราเข้าไปดูกันข้างในดีกว่า ข้างในมันจะเหมาะหรือเปล่า?"
หมี่หลันเยว่รีบชิงเข้าไปในบ้านก่อนใครเพื่อน ที่นี่ไม่ได้อยู่ติดเชิงเขา ดังนั้นลานบ้านจึงเรียบเสมอกัน พอเข้าประตูรั้วมาก็เป็ลานกว้าง ประตูรั้วอยู่ค่อนไปทางขวา พอเข้าประตูรั้วมาทางด้านขวามือก็จะเป็พื้นที่ว่างเล็กๆ ส่วนทางด้านซ้ายมือก็จะเป็บ้านหลังใหญ่
พวกเขาทุกคนเข้าไปในบ้านก่อน ภายในบ้านโล่งโจ่ง ไม่มีอะไรเลย น่าจะเป็บ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ ยังไม่มีเวลามาตกแต่งเพิ่มเติม แต่ทางด้านที่ติดถนนใหญ่มีหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง หน้าต่างก็ใหญ่พอสมควร แสงแดดส่องเข้ามาทำให้ทั้งห้องสว่างไสว
นี่มันหน้าร้านที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับปรุงอะไรมาก แค่ตกแต่งนิดหน่อยก็เปิดร้านได้เลย พอเห็นน้องสาวกะพริบตาปริบๆ มองซ้ายทีขวาที แถมยังพยักหน้าเป็ระยะๆ หลันหยางก็รู้ทันทีว่าน้องสาวพอใจกับบ้านหลังนี้มาก
จริงๆ แล้วเขาก็พอใจมากเช่นกัน บ้านหลังนี้กว้างกว่าบ้านของเขา แถมยังติดถนนใหญ่อีกด้วย แค่ร้านในซอยเล็กๆ ของเขายังเปิดได้ดีขนาดนั้น ร้านที่ติดถนนใหญ่แบบนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองกว่าแน่นอน หลันหยางเปิดหน้าต่าง แสงแดดสาดส่องลงบนแขนของเขา สบายจริงๆ
พอออกมาจากห้องนั้น ตรงข้ามกับลานบ้านก็เป็บ้านแถวสองห้องครึ่ง ซ้ายขวาเป็ห้องใหญ่ ส่วนตรงกลางเป็ห้องครัว โครงสร้างคล้ายกับบ้านของเขา เพียงแต่พื้นที่กว้างกว่านิดหน่อย แค่ดูจากพื้นที่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หมี่หลันเยว่พอใจมากที่สุดก็คือ ห้องใหญ่ของพวกเขาไม่มีเตียงนอน เป็เตียงไม้แบบเก่า แค่เอาเตียงออกไปก็จะเป็ห้องทำงานทั้งห้องแล้ว ไม่ต้องปรับปรุงอะไรอีก แค่ทาสีก็เสร็จแล้ว นี่มันโชคดีเกินไปแล้ว ในยุค 70-80 คนที่ใช้เตียงนอนน้อยมาก นี่ถือเป็เื่ที่น่ายินดีสำหรับหมี่หลันเยว่
"พี่เผิงเฟย ฉันว่าบ้านพี่ดีมากเลยค่ะ ตรงตามที่ฉัน้าเลย แถมยังดีกว่าที่คิดไว้อีก ถ้าไม่รังเกียจ พวกเราไปปรึกษาคุณป้ากันเลยดีไหมคะ?"
ใจของหมี่หลันเยว่ลอยไปอยู่ที่บ้านของหลินต้าเผิงแล้ว
"ให้ฉันกลับไปคุยกับแม่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวพวกเธอไปกันเยอะๆ แล้วแม่จะใ ปฏิเสธมาคำเดียวก็จบเห่เลย หลันเยว่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะพยายามทำทุกวิถีทางให้แม่ยอมตกลง"
หลันหยางก็เห็นด้วยกับความคิดของหลินต้าเผิง ให้เขาไปคุยกับคนในบ้านก่อน
"งั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้พวกพี่ค่อยไปบ้านฉัน พวกเราค่อยมาปรึกษากันใหม่ ตอนนี้ฉันจะไปเดินเล่นที่บริษัทการค้า ไปดูว่ามีผ้าอะไรที่ฉัน้าบ้าง จะได้รู้ราคาคร่าวๆ ก่อน แล้วฉันยังต้องไปดูจักรเย็บผ้า เข็ม ด้าย อะไรพวกนั้นด้วย ว่าราคาประมาณเท่าไหร่ นอกจากนี้ก็ยังมีเื่ติดต่อคนงาน เื่อะไรอีกตั้งเยอะแยะ..."
หมี่หลันเยว่พบว่ามีเื่ที่เธอต้องทำเยอะแยะไปหมด เธอแทบจะทำไม่ทันแล้ว
"น้องลองแบ่งงานดูสิ ว่ามีอะไรที่พวกพี่ช่วยทำได้บ้าง แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปทำทีละอย่าง จะได้ทำงานได้ดีขึ้น แถมยังเร็วขึ้นด้วย"
"ดี พวกเราแยกย้ายกันลุย!"
